รีวิวALL THE BIGHT PLACES (มีสปอยนิดนึง)
ต้องออกตัวก่อนเลยว่าตนเองไม่ได้มีความรู้ทางด้านภาพยนตร์มากเท่าไหร่ พอมีวิชาวิเคราะห์บทละครที่เรียนมานิดหน่อย ทำให้รู้สึกว่ากล้าเขียนสิ่งที่ดูรู้สึก ซึมซับและอยากจะแบ่งปันเท่านั้น
ALL THE BIGHT PLACES ภาพยนต์ที่ถูกเข้าฉายในNETFLIX ความยาวเรื่องทั้งหมดหนึ่งชั่วโมงสี่สิบแปดนาที ว่าด้วยเรื่องของวัยรุ่นมีปัญหาสองคนที่ร่วมการเดินทางผจญภัยออกไปเจอโลกข้างนอกจดจำช่วงเวลา สถานที่ ความรู้สึกดี ๆ ที่มีต่อสิ่งรอบข้างในรัฐอินดีแอนาทั้งหมด เพื่อปลดเปลื้องอารมณ์มืดมนที่ทั้งสองโดนครอบงำเปลี่ยนชีวิตและวิธีความคิดใหม่ให้กลายมาเป็นอีกคน
หนังโทนทึมๆ เรียบๆเปิดมาด้วยมุมมองของเด็กหนุ่มธีโอดอร์ ฟินซ์ พบเจอกับเด็กสาวที่ขอบสะพาน ใบหน้าที่ว่างเปล่าจดจ้องมองไปยังด้านล่าง เป็นมุมมองแรกที่เขามีต่อเธอและสิ่งแรกที่เขาอยากทำคือปลดปล่อยเธอออกจากพันธนาการของความทุกข์ที่กำลังเผชิญ ฟินซ์ใช้เวลาเข้าหาไวโอเล็ต มาร์กีย์เป็นระยะ จนในที่สุดเธอเปิดใจและร่วมทำรายงานเกี่ยวกับการค้นหาสถานที่ต่างๆในอินดีแอนาเมืองเล็กๆที่ทั้งสองอาศัยอยู่ มิติที่น่าสนใจของไวโอเล็ต มาร์กีย์ในมุมมองของฟินซ์คือเธอสดใส แน่นอนว่ามันต่างจากตอนนี้ที่เขาได้พบเธอ ซึ่งตัวเด็กหนุ่มมองมันจากข้างในและเชื่อว่าเธอมีมากกว่าหนึ่งสีสันจากเดิมเด็กสาวเป็นนักเขียน ชอบจดบันทึกแต่เพราะเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นกับตัวไวโอเล็ตและพี่สาว ทำให้ต้องห่างหายไป ฟินซ์ทำให้เธอกลับมาจับมันได้อีกครั้งนั่นหมายถึงว่าเธอกลับมาเป็นคนเดิมที่เคยทิ้งไป เริ่มเข้าสังคม ฟังเพลงกล้านั่งรถยนต์ไปไหนกับฟินซ์ได้อย่างอิสระเสรี ภาพของไวโอเล็ตจบที่ตรงนั้นและตัดเข้าสู่โลกของฟินซ์แทน โลกที่ดำดิ่งลึกลงไปมันดูกว้างจนน่ากลัวและทุกครั้งที่สงสัยก็มักจะไม่ได้คำตอบใดๆกลับมา มุมมองของไวโอเล็ตที่มีต่อฟินซ์ทำให้คนดูอย่างเราเริ่มเคลือบแคลงในตัวเด็กหนุ่มคนนี้อีกครั้งว่าทำไมคนที่เราดูมาตั้งแต่ต้นเรื่อง ความธรรมดา ความบ้าบิ่น พิลึกพิลั่นของเขาถึงมีอีกสิ่งที่ครอบงำเขาไว้ตลอดเวลา น่าแปลกนะคนที่พยายามจะเยียวยาใครหลายๆคน คนที่อยากให้ทุกคนมีความสุขแต่ตัวเขาเองนั่นแหละที่อันตรายที่สุด สิ่งที่อันตรายคืออะไรน่ะหรอ คือการที่เขาไม่ยอมรับว่าตนเองเป็นอะไรอยู่เขาอยากจะค้นหามัน อยากจะระงับแต่ยิ่งทำมากเท่าไหร่ก็ยิ่งพบกับความว่างเปล่าและเพื่อนที่ดีที่สุดของเขาคือความตายนั่นเอง กว่าไวโอเล็ตจะค้นหาความทุกข์ของเขาเจอฟินซ์ก็ได้เลือกคำตอบที่ต้องการมานานไปเสียแล้ว
เราโคตรชอบตัวละครธีโอดอร์ ฟินซ์เลยมันคือตัวเราในช่วงเวลาหนึ่ง ที่ไม่อยากบอกว่าตัวเองเป็นอะไรแบบที่คนอื่นมองเห็นจากภายนอก ไม่ยอมรับเพราะลึกๆแล้วรู้สึกว่าเราจัดการมันได้ แต่ที่รู้สึกเศร้าที่สุดเลยคือฟินซ์เลือกคำตอบว่าตัวเองต้องไปไว้ตลอดเวลาอยู่แล้ว เป็นคำตอบที่เด็ดขาดแค่รอเวลาใดเวลาหนึ่งเท่านั้นเอง สัญญาณที่บอกให้เรารู้ว่าเขาจะไปแน่ๆคือตอนที่ฟินซ์บอกกับไวโอเล็ตข้างทะเลสาบว่า"ว่ากันว่ามีแรงอยู่ตรงกลางที่ดูดเราลงไปใต้แม่น้ำและพาเราไปสู่อีกโลกหนึ่ง" เขาคงเลือกวิธีนี้หรือเปล่า ดูเป็นตัวละครที่เศร้าที่สุด อืม...ใจร้ายสำหรับไวโอเล็ตด้วยมากๆ ตรงที่เขาทำให้เธอกลับมาเป็นคนที่สดใสได้ และก็หายไปโดยที่เธอไม่เคยรับรู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลยด้วยซ้ำ เรื่องราวของเธอถูกแบ่งปันไปให้ฟินซ์รับรู้ แต่ทำไมกันนะฟินซ์ถึงไม่ยอมแบ่งมันมาให้เธอเลย
......ถ้าใครสักคนในชีวิตเปลี่ยนแปลงทุกอย่างที่เป็นเราในเวอร์ชั่นที่ดีขึ้นได้ และเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อหัวใจ แต่กลับไม่เคยเปิดใจให้เราเข้าไปไม่เคยได้สัมผัสด้านลึก ด้านที่อ่อนแอให้ได้แชร์กันบ้าง เราจะบอกเลยนะว่าเขาน่ะ...โคตรใจร้าย :( สู้ให้เรากลับไปเป็นคนเดิมโดยที่ไม่มีเธอเข้ามาเป็นอิทธิพลน่ะดีกว่า
ฟินซ์ก็เลยเป็นได้เพียงภาพฝันในช่วงเวลาดีๆของไวโอเล็ต การออกไปทำสิ่งบ้าๆด้วยกัน เต้นรำ ว่ายน้ำ สถานที่เหมือนว่าหนังจะมีแสงสว่างวาบเข้ามาให้อบอุ่นหัวใจดับวูบลงบีบอัดมันให้หงอยอีกครั้ง และครั้งสุดท้ายมันก็หงอยจริงๆนั่นแหละ
ประโยคที่เราชอบในหนังเลยคือ
'เราไม่ได้จดจำวันเราจดจำช่วงเวลา" ก็จริงนะเวลาผันผ่านไปเนิ่นนานเราจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเรื่องราวดีๆที่เกิดขึ้นเป็นวันไหน เรารับรู้ได้เพียงแค่มันต้องเป็นช่วงเวลานี้ที่ความทรงจำดีๆหวนคืนมาให้เราคิดถึงเสมอ
รวมๆแล้วชอบนะ ให้ 9/10 แอลล์ แฟนนิ่งเล่นบทนี้ได้ธรรมชาติมากๆ ตัดภาพเจ้าหญิงในหัวออกไปหมด บทเลิฟซีนพอเหมาะพอควร ส่วนจัสติน สมิธ เขาทำได้ดีทีเดียวยิ่งฉากที่ต้องสื่อออกมาว่าเจ็บปวด เราเชื่อว่าตัวละครตัวนี้รู้สึกแบบนั้นผ่านแววตา เพลงประกอบเพราะ ยังไม่ได้อ่านหนังสือแบบออริจิของหนังเรื่องนี้เลย นี่ก็เลยเป็นเพียงการวิเคราะห์แบบสั้นๆตามความรู้สึกของเราที่มีต่อหนัง ต่อตัวละครที่เราทำความรู้จักเท่านั้น ว่าจะไปตามหาหนังสือมาอ่านแล้วน่าจะได้รู้จักตัวละครมากยิ่งขึ้น และมุมมองหนังสืออีกหลายๆด้าน รู้สึกสนุกดีเหมือนกัน :) เปิดใจดูนะ ดูไปด้วยกัน
ถ้าคิดว่าฟินซ์ใจร้าย กลับกันลองมองในมุมของฟินซ์ ไม่มีใครเข้าใจเขาเลย เขาเหมือนอยู่ตัวคนเดียว เขาคิดว่าตัวเองเป็นตัวปัญหา และทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของเขา ทุกคนในชีวิตเขา แม่ พี่สาว เพื่อนสนิท ถอดใจกับเขาหมด (ไม่ได้มีใครผิดในเรื่องนี้นะ)
นี่คือสิ่งที่เราคิดว่าใครที่มีคนรอบตัว หรือคนรู้จักเป็นซึมเศร้า หรืออาการทางจิตอื่นๆ ควรให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่ถูกต้อง และจำเป็นมากๆที่ครอบครัวหรือคนรอบข้างจะต้อง educate ตัวเอง หรือปรึกษาจิตแพทย์ ว่ามีวิธีรับมือ อยู่เคียงข้าง หรือมีวิธีพูดคุยยังไงบ้างให้ผู้ป่วยรู้สึกว่าเขาไม่ได้ตัวคนเดียว และมีคนแคร์เขา รักเขาไม่ว่าเขาจะเป็นยังไงก็ตาม การอยู่เคียงข้างผู้ป่วยมันยากค่ะ แค่คำพูดเดียว ก็สามารถทำร้ายจิตใจกันได้ (ในกรณีของเราคือเราขาดความคิดที่เป็นเหตุผล จะโทษตัวเองว่าไม่ดีในทุกๆอย่าง) แต่อย่าทิ้งกัน อย่า give up on someone you love เพราะเพียงแค่แปปเดียว เขาอาจหายไปจากชีวิตเราเลยก็ได้
เราผ่าน 6ปีแย่ๆมาได้ เพราะพอครอบครัวเรารู้ว่าเราเป็นอะไร พวกเขาก็ค่อยๆเปิดใจ และศึกษาหาความรู้ เพื่อรับมือกับอารมณ์ของเรา ไม่กดดันเราถ้าเราไม่อยากพูด แต่จะรอและให้เวลาเราจนกว่าเราจะสบายใจที่จะพูดออกมาเอง พี่สาวเราเคยบอกกับเราว่า เขาไม่เข้าใจหรอกนะว่าเรารู้สึกยังไง แต่เขาขออยู่ตรงนี้นะ ถ้าพร้อมจะคุยเมื่อไรเขาจะอยู่ตรงนี้เสมอ
เราโชคดีมากๆที่มีพวกเขาอยู่ข้างๆ:)