ปี 2020 กับอายุ 20 ปีของเรา.....
ผ่านมาเกินครึ่งปีแล้วสำหรับปีนี้ แต่มีหลายเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเรา ซึ่งถือว่ามันก็เยอะพอสมควรเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านๆมาของเรา
แล้วตลอดระยะเวลา19ปีที่ผ่านมา เราใช้ชีวิตแบบไหนกัน?
หึ พอมองย้อนกลับไปในปีก่อนๆ เรารู้สึกว่าเราใช้ชีวิตได้ค่อนข้างน่าเบื่อ พูดง่ายๆคืออยู่แต่ในcomfort zoneของตัวเองอ่ะแหละ
ระยะเวลาที่ผ่านมาเรามองตัวเองเป็นแบบไหน?
ต้องยอมรับเลยว่าก่อนหน้านั้นเราเป็นคนที่ค่อนข้างself-esteem ต่ำ เราไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองเท่าไหร่ เราไม่กล้าที่จะก้าวออกมาจากcomfort zoneของตัวเองเลยซักครั้ง เราเป็นประเภทExtra introvert ไม่ค่อยกล้าพูด กล้าแสดงออกเท่าไหร่ นั่นแหละ ก็น่าจะพอดูออกกันแล้วว่าชีวิตเราน่าเบื่อแค่ไหน เราเรียน เรียน แล้วก็เรียน เราไม่ใช่เด็กกิจกรรม เลิกเรียนก็ไปเรียนพิเศษ กลับบ้านมาก็อ่านหนังสือ ชีวิตที่ผ่านมามีแค่นั้นจริงๆ
แล้วชีวิตในปีวัย20ปีนี้มันต่างจากชีวิตที่ผ่านๆมายังไงบ้าง?
โห เรียกได้ว่าพลิกหน้ามือเป็นหลังมือเลยนะ และมันเกิดขึ้นพร้อมๆกันในปีนี้ เราเข้ามหาลัยตอนอายุ 18 ชีวิตตอนนั้นก็ยังดำเนินไปเรื่อยๆแบบเอื่อยๆเหมือนตอนมัธยม คือ เรียน เรียน เรียน กลับหอก็อ่านหนังสือ มีทำกิจกรรมบ้างนิดหน่อย แต่ก็นั่นแหละ เราก็ทำได้แค่นิดเดียวแล้วก็ปลีกตัวออกมา เพราะรู้สึกว่ามันยังไม่ใช่
แล้วอยู่ๆมันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตในปี2020!!!!
คนเราอ่ะเนอะ พอถึงจุดๆนึงก็จะถามตัวเองว่าอยากให้ชีวิตตัวเองเป็นแบบไหน เป้าหมายในชีวิตคืออะไร แล้วปีนี้เราก็อยู่ปี3แล้ว แต่รู้สึกชีวิตมันยังไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ยังไม่ได้ทำอะไรที่มันท้าทายตัวเองดูบ้างเลย เราอยากหยุดการใช้ชีวิตที่มันน่าเบื่อ กิจกรรมอะไรเดิมๆที่ทำซ้ำๆมาหลายปี แต่มันก็มีแวบนึงว่า แล้วจะทำยังไงดีีเราเคยชินกับอะไรเดิมๆมานานมาก แต่ก็ได้คำตอบแหละว่าจะรออะไรอยู่ ชีวิตมันไม่มีอะไรแน่นอน อยากทำอะไรก็ทำซะสิ เราก็เลยลองทำอะไรใหม่ๆ ลองฝึกงานกับบริษัทจำลองจุฬาฯ ทำงานกับคณะ หรือแม้แต่งานนอกคณะ เรียกได้ว่าเราได้ลองทำอะไรใหม่ๆที่หลากหลายเยอะมากในปีนี้ ได้พบเจอกับผู้คนที่หลากหลาย ได้ทำงานร่วมกับคนอื่นๆ ซึ่งมันก็สนุกและท้าทายดี ประกอบกับสิ่งที่เราทำมันถูกจริตเราด้วยแหละ เราเลยสนุกไปกับมันและทำได้อย่างเต็มที่
เรานิยามตัวเองมาตลอดว่าเราเป็น “Introvert” และเราก็เชื่อแบบนั้น จนเรารู้สึกว่ามันคงเปลี่ยนไม่ได้แล้วแหละไอ้นิสัยไม่กล้าแสดงออก ชอบเก็บตัว อยู่แต่ในcomfort zone ของตัวเองเนี่ย พอเรากลับมาคิดทบทวนดูดีๆแล้วมันทำให้เราพลาดโอกาสในชีวิตหลายๆอย่าง พลาดโอกาสที่จะเติบโต พลาดโอกาสที่จะได้พบเจอคนใหม่ พูดแบบนี้เราไม่ได้เกลียดการเป็นintrovertนะ เรารู้สึกว่าความเป็นintrovertมันทำให้ชีวิตเรามีอิสระ ไปไหนมาไหนได้เองโดยไม่ต้องคอยหาเพื่อนไปด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่เราชอบมาก การเป็นIntrovertมันก็มีข้อดีของมันนะ อยู่ที่ว่าจะจัดการกับตัวเองยังไง การเป็นIntrovertไม่ได้หมายความว่าชีวิตเราต้องปิดกั้นสิ่งต่างๆเสมอไป ซึ่งที่ผ่านมาเราก็ปิดกั้นตัวเองมาตลอด คนเรามันก็คงจะไม่ได้มีแค่ด้านเดียวหรอกเนอะ
การที่เราได้ออกจากcomfort zone ดูบ้าง มันก็ทำให้เราได้รู้ว่า เออ นิสัยintrovertของเรามันก็ไม่ได้หนักหนาขนาดนั้นนี่หว่า สิ่งที่เราคิดว่าเราคงไม่มีวันได้ทำ วันนี้เรากล้าที่จะทำ เธอทำได้ มิสซิสสร!!!
เราถือว่าปีนี้เป็นปีแห่งการเริ่มต้นใช้ชีวิตแบบใหม่ สิ่งที่เกิดขึ้นในปีนี้มันจะเป็นก้าวแรกและก้าวที่จะพาให้เราได้เติบโตอย่างมั่นคงมากขึ้น
เราจะยังคงนิยามตัวเองว่า “Introvert” อยู่ดี แต่เราจะไม่กลับไปมองตัวเองในแบบที่เราเคยมอง เพราะการได้ออกมาจากcomfort zone มันทำให้เราได้เห็นตัวเองในอีกมุมหนึ่งที่เราไม่เคยได้เห็น หลังจากนี้เราคงไม่จำกัดตััวเองอยู่ในcomfort zoneอีกแล้วแหละ เราจะไม่ปิดกั้นตัวเอง
เริ่มแรกของการเดินออกมามันยากเสมอ กังวลถึงสิ่งต่างๆ กังวลถึงอนาคต แต่เอาเป็นว่าทิ้งความกังวลไว้แล้วโฟกัสที่ปัจจุบันดีกว่า เรียนรู้และสนุกกับมันให้เต็มที่ บางอย่างถ้ามันยากเกินไปก็ลองเปลี่ยนไปหาสิ่งที่ชอบ หรือสิ่งที่เหมาะกับตัวเรา มันจะทำให้เรากล้าที่จะออกจากcomfort zoneมากขึ้น
“ก้าวแรกมันยากเสมอ แต่ก้าวต่อๆไปมันจะมั่นคงขึ้น”
คงไม่มีคำนิยามไหนที่เหมาะกับเราไปกว่า “Introvertสายลุย” แล้วแหละ
“You try new things or you may as well die”
- A.J.Fikry-
From “The storied life of A.J.Fikry” by Gabrielle Zevin.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in