เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Dear,PS.
For all the reader in this world
  • เราเป็นคนหนึ่งที่ชอบอ่านหน้า Epigraph หรือ Dedication หรือก็คือหน้าที่นักเขียนเขียนเพื่อบอกว่าหนังสือเล่มนี้อุทิศให้ใคร หรือเป็นหน้าที่ใส่ข้อความหรือบทกวีสั้นๆ แต่อาจจะสรุปเรื่องราวของหนังสือทั้งหมดได้อยู่หมัด

    ตอนแรกเราแค่อ่านเฉยๆ ว่านักเขียนเขาอุทิศให้ใคร อย่างไรบ้าง แต่จู่ๆ เมื่อไม่กี่วันก่อนเราก็นึกสนุกขึ้นมา อยากจะลองสรรหาว่าคนที่นักเขียนอุทิศให้ หรือหน้า Epigraph ที่นักเขียนใส่ข้อความเข้ามามันเกี่ยวข้องอย่างไรกับหนังสือเล่มนี้ มันมีนัยยะอะไรหรือเปล่า (หรือจริงๆ มันอาจจะไม่ได้มีอะไรเลยก็ได้) แต่ด้วยปณิธานของตัวเองด้วยที่ปีนี้อยากลองเขียนอะไรขึ้นมาเป็นชิ้นเป็นอันดูบ้าง ก็เลยทำโปรเจคนี้ขึ้นมาค่ะ

    จริงๆ ไม่อยากให้คาดหวังว่าเราจะวิเคราะห์อะไรลึกซึ้งขนาดนั้นนะคะ ต้องเรียกว่าไปค้นข้อมูลมาปะติดปะต่อกันเสียมากกว่า แต่จะพยายามให้มันดูมีอะไรขึ้นมาบ้างก็แล้วกันค่ะ (ฮา) 

    เนื่องจากเป็นบทนำ ก็คิดว่าเราควรรู้จักเจ้า Epigraph หรือ Dedication นี้กันก่อน เพราะฉะนั้นก็เลยค้นๆ ดูว่า ที่มาที่ไปของ Epigraph หรือ Dedication มาจากไหน 

    เมื่อลองค้นๆ ดูจากวิกิพีเดีย เขาเขียนไว้ว่า Dedication คือ หน้าที่นักเขียนจะแสดงความรู้สึกขอบคุณหรือการมีสัมพันธ์อะไรบางอย่างกับใครคนหนึ่ง ซึ่งตำแหน่งของหน้านี้ก็จะอยู่ช่วงต้นๆ ของหนังสือค่ะ 

    ประวัติศาสตร์ของเจ้าหน้า Dedication นี้อาจย้อนกลับไปได้ถึงสมัยคลาสสิค การกล่าวคำอุทิศนี้จะอยู่รวมกับการแสดงความเห็นของนักเขียนนั่นเองค่ะ ต่อมาในช่วงคริสตศตวรรษที่ 18 นักเขียนกับสำนักพิมพ์ต่างมีความสัมพันธ์แบบผู้อุปถัมภ์กับลูกค้า ดังนั้นนักเขียนส่วนใหญ่ก็จะอุทิศให้กับผู้อุปถัมป์ของต้นค่ะ ซึ่งในยุคนั้นเรียกได้ว่าเป็นวิธีหาค่าพิมพ์ต้นฉบับอีกทางด้วย แต่ปัจจุบันการเขียนคำอุทิศนี้ก็มีหลากหลาย และน่าสนใจมากขึ้น

    พอดีไปเจอเว็บที่รวบรวมหน้า Dedication เอาไว้ได้น่าสนใจดี ก็เลยลองเลือกๆ มาให้ดูกัน

    • อันนี้จากเล่ม No Thanks ของ e.e. cummings ซึ่งเป็นหนังสือรวมบทกวีค่ะ



    • จากเล่ม A Storm of Swords โดย George R.R. Martin นักเขียนอันโด่งดังที่เรารู้จักกันดีจาก Games of Throne

    for Phyllis, who made me put the dragons in.


    • จาก Pulp ของ Charles Bukowski นักเขียนอีกคนที่เราชอบ เขียน Dedication ได้ฮามาก

    Dedicated to bad writing.


    • อันนี้จากมหากาพย์ในดินแดนฮอกวอตต์อันโด่งดังอย่าง Harry Potter And The Deathly Hallows โดย J.K. Rowling เอง เขียนได้เจ๋งมากๆ ค่ะ 



    • อีกหนึ่งเล่มโปรดของเรา The Lion, The Witch, and The Wardrobe โดย C.S. Lewis

    TO LUCY BARFIELD

    My dear Lucy,

    I wrote this story for you, but when I began it I had not realized that girls grow quicker than books. As a result you are already too old for fairy tales, and by the time it is printed and bound you will be older still. But some day you will be old enough to start reading fairy tales again. You can then take it down from some upper shelf, dust it, and tell me what you think of it. I shall probably be too deaf to hear, and too old to understand a word you say, but I shall still be

    your affectionate Godfather,

    C. S. LEWIS


    • จากนิยายเรื่อง Austenland โดย Shannon Hale ค่ะ เห็นแล้วแอบตกใจเล็กน้อย (ฮา)

    For Colin Firth–You’re a really great guy, but I’m married, so I think we should just be friends.


    •  จากหนังสือ The Invisible Hook: The Hidden Economics of Pirates โดย Peter Leeson เป็นหนังสือ Non-fiction ที่มีคำอุทิศได้หวานมากๆ (แต่เหมือนจะไม่ได้เกี่ยวอะไรกับหนังสือเท่าไหร่)

    Ania, I love you, will you marry me?


    • และคำอุทิศน่ารักๆ จากหนังสือ The Particle at the End of the Universe โดย Sean Carroll ค่ะ

    To Mom,
    Who took me to the library.


    (ขอบคุณข้อมูลและอ่าน Dedication เพิ่มเติมได้ ที่นี่)

    ก็อย่างที่ลองเอามาให้ดูกัน มีทั้งที่เอาฮา น่ารัก ลึกซึ้ง เรารู้สึกว่าการเขียนอุทิศให้ใครหรือเรื่องใดเป็นเรื่องที่น่าสนใจและน่ารักดีค่ะ ก็เลยอยากลองรวบรวมดูว่าหนังสือที่เราอ่าน เราจะเจออะไรบ้าง นอกจาก Dedication แล้ว เราสนใน Epigraph ด้วยเหมือนกัน จำได้ว่าตอนเรียน The Handmaid's tale แล้วอาจารย์ให้ดูหน้า Epigraph เราว้าวมากๆ ค่ะ จากนั้นมาก็พยายามหาความเชื่อมโยงของ Epigraph กับหนังสือดู จับได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ก็เป็นการเพิ่มความสนุกในการอ่านหนังสือดีนะคะ

    Epigraph นี้บางทีก็เป็นดั่งส่วนที่เชื่อมโยงไปสู่งานอื่นๆ โดยเฉพาะงานคลาสสิคเก่าๆ ได้ดีเลยค่ะ เพราะนักเขียนมักจะอ้างถึงตัวบทเก่าๆ บางทีก็ยกเอาคำจากไบเบิลเข้ามาบ้าง บทกวีดังๆ บ้าง ทำให้เราสนใจและอยากตามไปอ่านงานเหล่านั้นดูเหมือนกัน 

    เอาไว้เราจะพยายามมาอัพเดทให้ได้อ่านกันนะคะ ส่วนใหญ่ก็เป็นหนังสือที่เราได้อ่านในปีนี้หรือปีที่ผ่านมา จะพยายามเขียนบ่อยๆ ค่ะ :)





Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in