เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เมื่อว่างแปล | A Translator is TranslatingMeen Geywalin
[แปลสัมภาษณ์] Ayano Gou - Cinema Cafe 2020.02.14
  • อายาโนะ โก
    ก้นบึ้งของเสนห์อันไร้ที่สิ้นสุด

         อายาโนะ โก เริ่มต้นงานแสดงตอนช่วงอายุ 21 ในปี 2013 เขาได้รับรางวัลนักแสดงดาวรุ่งหน้าใหม่ ของ Japan Academy Prize จากภาพยนตร์เรื่อง Yokomichi Yonosuke (A Story of Yonosuke) และ Natsu no Owari (The End of Summer) ตั้งแต่นั้นมาชื่อของเขาก็ปรากฏให้เห็นไปทั่ว ทั้งในรางวัลภาพยนตร์และรางวัลละคร

    รางวัลเหล่านั้น สำหรับอายาโนะแล้ว ดีใจ? หรือ ไม่สำคัญอะไร?

         "รางวัลเป็นสิ่งที่ตัดสินโดยคนอื่นน่ะครับ มันไม่เหมือนรางวัลชนะเลิศที่นักกีฬาคว้ามาได้ด้วยพลกำลังของตัวเอง ผมได้แต่สงสัยว่าทำไมผู้คนถึงประทับใจอะไรที่คนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเองมอบให้ได้ขนาดนั้น แต่การได้รับการยอมรับเป็นเรื่องควรยินดีด้วยใจจริง จึงไม่ควรยกเรื่องโน้นเรื่องนี้มาพูดประเมินตัวเองให้ต่ำลง เวลานี้นี่ล่ะที่ควรต้องชมตัวเอง ต้องยอมรับมันครับ ว่าสิ่งที่ทำมาจนถึงตอนนี้ส่วนหนึ่งเป็นสิ่งที่ถูกต้อง และสิ่งนั้นได้ก้าวข้ามการทำงานในกองถ่ายและถ่ายทอดไปถึงผู้คนมากมาย เพราะในอีกทางหนึ่งมันคือการส่งเสียงเชียร์ว่า 'จงทำภาพยนตร์ญี่ปุ่นให้ดีขึ้นไปอีก'"

         "นี่เป็นแค่มุมมองของผมคนเดียวนะครับ แต่ผมคิดว่าทำไมการยอมรับตัวเองถึงไม่กลายเป็นสิ่งที่ถูกต้องล่ะ ชมตัวเองให้มากกว่านี้สิและต่อให้ไม่สามารถจะชมตัวเองได้ ก็น้อมรับคำการยอมรับและคำชื่นชมจากคนรอบข้างอย่างจริงใจดูสิ"
         "ผมคิดว่าเราควรชื่นชมตัวเองให้มากกว่านี้ครับ อ่อนโยนใจดีกับตัวเองให้มากขึ้น ถ้าไม่ทำอย่างนั้นการอ่อนโยนกับคนอื่นนอกเหนือจากตัวเองก็คง..."

         การแสดงสำหรับอายาโนะแล้ว เขานิยามมันว่า "ทำการแสดงไม่ใช่เพื่อให้ได้ใช้ชีวิต แต่เป็นการใช้ชีวิต เหมือนกับการหายใจนั่นล่ะครับ" เมื่อมองย้อนกลับไปในอดีต เขาเปิดใจว่าได้พบความหวังการแสดง
         "ผมรู้สึกว่าไว้มีเพียงหนังและการเป็นนักแสดงที่ช่วยชีวิตผมเอาไว้" 
         "แต่ผมไม่ได้ทำอะไรสักอย่างเพียงเพราะแค่ได้รับความช่วยเหลือจากมัน ผมรู้สึกว่ามันเกินความรู้สึกที่อยากตอบแทนไปแล้ว ตอนนี้ผมไม่ได้แสดงหนังเพื่อให้ตัวเองได้รับความช่วยเหลืออีกต่อไปแล้วล่ะครับ"


    เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา อายาโนะอายุ 38 แล้วและกำลังมุ่งหน้าสู่ช่วงวัย 40 มีความเปลี่ยนแปลงแบบไหนบ้าง

         "...ก็อยากอยู่เฉยๆ มากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่เหรอครับ (ยิ้มเจื่อน) รู้สึกว่ามันหนักเหมือนคนทั่วไปล่ะครับ แต่ผมมองเห็นตัวเองนะว่า นั่นมันการแสดงของคนอายุ 40 ชัดๆ ซึ่งถ้าทำอะไรอย่างเกียจคร้านแบบนั้นคนอื่นก็ดูออก ผมไม่ทำเด็ดขาดเลยครับ เพราะตอนที่มีคนมองออกนี่เท่ากับว่าตัวเองสร้างความเสียหายยิ่งใหญ่ให้กับงานชิ้นนั้น และนั่นคือสิ่งที่ผิดไปจากความตั้งใจ"

         "ดังนั้นก่อนอื่นเลยมาคิดว่า กว่าจะถึงอายุ 40 ทำอะไรได้บ้างเพื่อให้ตัวเองสามารถเป็นนักแสดงไปได้ตลอด ผมอยากอยู่ในสภาพสดใหม่ และเพื่อให้มีความสดใหม่มากขึ้นผมจำเป็นต้องฝึกฝนตัวเองย่างหนัก มองสิ่งใหม่ๆ สิ่งสวยงามให้มากขึ้น และต้องมีความกล้าที่จะกระโจนเข้าสู่โลกที่ไม่รู้จักด้วย เมื่อก้าวเข้าสู่อายุ 40 ปี ผมอยากกลับไปเริ่มใหม่ในจุดที่คิดว่า 'เป็นนักแสดงต่อไปเถอะ' เหมือนอย่างที่เคยคิดตอนเริ่มเป็นนักแสดงตอนอายุ 21 เมื่อตอนอายุ 30 ก็ทำไปแล้วครั้งหนึ่ง อาจดูเข้มงวดกับตัวเองไปบ้าง แต่ผมเผชิญหน้ากับตัวเองแบบนี้ครับ"

    ความรับผิดชอบอันสูงส่งและความทุ่มเทต่อการแสดง รวมถึงความตั้งใจถ่ายทอดผลงานที่ดีที่สุดออกไป ทำให้เขาก้าวข้ามอุปสรรคใหญ่ๆ มาได้มากมาย
    และเพราะเป็นคนจริงจังอย่างอายาโนะ เราเลยถามเขาว่า --ตามใจตัวเองบ้างไหม?

         "โอ๊ะ" อายาโนะห่อริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนตอบกลับมาอย่างมีเสน่ห์ด้วยคำตอบที่เหนือความคาดหมาย
         "มีสิครับ! เมื่อวานนี้ผมกินกูลิโกะ ไจแอนท์ คาปุลิโกะ ไป 2 อันครับ ตามใจตัวเองเนอะ~(หัวเราะ) ผมไม่ค่อยได้กินเท่าไหร่ แต่ผมชอบรสสตรอเบอร์รี่มากเลยครับ กินแค่อันเดียวไม่พอเลย คนที่เป็นผู้ใหญ่แล้วเนี่ยเขาคงหยุดเนอะ นี่กินไป 2 อันเลย ตอนจะหมดนี่ค่อยๆ กินช้าๆ ด้วยครับ (หัวเราะ)"

    อายาโนะให้สัมภาษณ์ด้วยน้ำเสียงจริงจังมาตลอด พอถึงคำตอบเรื่องตามใจตัวเองนี่ บรรยากาศในการสัมภาษณ์เปลี่ยนไปทันที ท่าทางไร้เดียงสาเหมือนเด็กๆ แบบนี้ก็เป็นอีกหนึ่งในเสน่ห์ของผู้ชายคนนี้ 
    อายาโนะ โก


    ภาพยนตร์เรื่อง Eiri - Beneath the Shadow
    การได้ร่วมงานกับมัตสึดะ ริวเฮย์
         "ช่วงที่ผมเริ่มงานนักแสดง ริวเฮย์เริ่มมาก่อนนานแล้วและเป็นคนที่ผมเฝ้ามองมาตลอด เขาเป็นคนที่มีบรรยากาศของความสบายใจอย่างไร้เหตุผล การได้ร่วมงานกับเขาตอนนี้นี่ดีจริงๆ ครับ" 

    สำหรับอายาโนะ ตัวตนของมัตสึดะคือ "เป็นคนที่หาได้ยากมาก"
         "การแสดงออกของเขามันไม่บอกอะไรมากเกินไป ไม่หยิบยื่นอะไรให้ด้วย ทำให้ยิ่งอยากรู้มากขึ้นเรื่อยๆ ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ มันมีความคาดเดาไม่ได้อย่างไม่สิ้นสุดอยู่หลังจากนั้น การแสดงของเขามันมากกว่าการเรียกร้องความสนใจด้วยการแสดงออก แต่สิ่งที่พวกผมประทับใจคือบรรยากาศและสิ่งที่เหมือนกับความละเอียดอ่อนบางอย่างที่แสดงออกมา ผมคิดว่าในประเทศญี่ปุ่น เขาเป็นเพียงหนึ่งในนักแสดงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถแสดงออกแบบนี้ได้"

    ในภาพยนตร์ตัวละครฮิอาสะ(มัตสึดะ) เป็นตัวละครที่พาคนโนะ(อายาโนะ) ไปไหนต่อไหนมากมาย ขณะเดียวกันก็เป็นตัวละครที่มีเงามืดอยู่ด้วย อายาโนะเล่าให้ฟังถึงคืนหนึ่งในการแสดง
         "มันมีฉากที่ฮิอาสะก้าวเข้ามาแล้วทำให้ความเป็นรองของคนโนะเผยออกมา คนโนะมีซอกหลืบในหัวใจมากมาย แน่นอนว่ามันมีความเรียกร้องอยากให้ฮิอาสะกระโจนเข้าสู่ซอกหลืบที่ถูกใช้เป็นโล่นั่น แต่ขณะเดียวกันมันก็ดูเป็นความอยากพิสูจน์ตัวตนของตัวเองด้วยเช่นกัน ในระยะห่างท่วมท้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนนั้น กลับมีความรู้สึกถูกช่วงชิงหัวใจได้ไปในฉับพลัน เขามีความภาคภูมิใจในตัวตนของตัวเองอย่างนั้น ผมคิดว่าอารมณ์และพรสวรรค์ของริวเฮย์ทำให้พฤติการณ์อันรวดเร็วนั้นเกิดขึ้่นได้"


         "ผมเผชิญหน้ากับ Eiri โดยคิดว่ามันเป็นภาพยนตร์ในระดับสากล แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่แต่งขึ้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นไม่ใช่เรื่องแต่ง มันมีเรื่องที่เกิดขึ้นในความเป็นจริงอยู่ในนั้นด้วย เพราะอย่างนั้น มันอาจเป็นเพียงชิ้นส่วนเล็กๆ ของคนกี่ล้านคนหรือกี่สิบล้านคน แต่ผมคิดว่าต้องถ่ายทอดความรู้สึกที่เป็นจริงนั้นให้ออกไปยังโลกใบนี้"

    อายาโนะบอกว่า "พวกเราออกวิ่งด้วยเท้าเปล่าอยู่เสมอ" ผลงานที่สำเร็จออกมาโดยการวิ่งด้วยเท้าที่เปลือยเปล่าที่มีทั้งความเจ็บปวด เหน็ดเหนื่อยแตกร้าว ย่อมเปล่งประกายออกมาแน่นอน รู้ตัวอีกทีพวกเราก็ติดตรึงอยู่กับเขา และหลงใหลในเสน่ห์นั้นครั้งแล้วครั้งเล่า.


    -------------------------------------------------------------------
    Original Link: https://www.cinemacafe.net/article/2020/02/14/65816.html
    *มีการตัดบางส่วนออกเล็กน้อย(ส่วนการบรรยายของผู้เขียน)
    แปล&เรียบเรียง(ญี่ปุ่น-ไทย)โดย: @meengeywalin
    *เราแปลสัมภาษณ์คนที่เราชอบจากใจ, เวลา และความสามารถที่เรามีอย่างเต็มที่
    รบกวนไม่นำเนื้อหาที่แปลไปใช้หรือเผยแพร่ต่อโดยไม่ให้เครดิตหรือไม่ได้รับอนุญาตนะคะ
    -------------------------------------------------------------------

    Translator's Note
         บทสัมภาษณ์ของพี่โกแปลค่อนข้างยากค่ะ การใช้คำและใช้ประโยคของเขาค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์และซ้อนไปมา เหมือนเขาเองคิดอะไรอยู่ตลอดทุกประโยคและพร้อมจะเสริมมันเข้ามาในบทสนทนาได้ทุกเมื่อ
         แต่แปลไปก็สนุก เพราะนอกจากจะได้ดูการใช้คำใหม่ๆ ความหมายของคำที่ต้องตีความไปสิ่งที่เขาพูดออกมาทำให้เรายิ่งรู้สึกว่าภาษาเป็นสิ่งที่สนุกเสมอ
         ที่สำคัญเวลาได้แปลอะไรแบบนี้ทำให้เรารู้สึกว่าการแปลมันไม่เคยง่ายและท้าทายจริงๆ
         เราพยายามถ่ายทอดน้ำเสียงของ อายาโนะ โก ให้ได้ใกล้เคียงที่สุดค่ะ 

    (มีรูปอีกหลายรูปใน original link เข้าไปดูกันนะ?)

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in