เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Wanna be cabin crew :'Djusttakenote
สมัครแอร์ฯ Qatar Airways ที่กระบี่ - ไม่พร้อมแต่ยังฝืน
  • สมัครแอร์ครั้งที่ 2: Qatar Airways 9 Mar 2019, โรงแรม Devana Plaza กระบี่

    กะทะแอร์เวย์มาเปิดรับสมัครอีกแล้ว!

         ช่วงนั้นหลังจากที่เราเฟลกับการสมัครแอร์การ์ต้ารอบกรุงเทพฯ เราก็ยุ่งๆกับเรื่องเรียนในมหาลัย ทั้งงานโปรเจ็คที่แสนเครียดต่างๆมากมาย อยู่ๆก็มีเสียงแจ้งเตือนจากมือถือเราว่ากะทะแอร์เวย์จะมาเปิดรับสมัครที่กระบี่!! ความรู้สึกของเราตอนนั้นคือตื่นเต้นมาก แบบใจเต้นแรงเพราะเป้าหมายของเรากำลังจะมาอีกทีเดือนหน้าแล้ว เร็วมาก 

         ที่ตลกร้ายคือเราเพิ่งได้รอยแผลเป็นรอยใหม่มา ได้สดๆร้อนๆวันเดียวกับที่เรารู้ข่าวการรับสมัครแอร์การ์ต้าที่กระบี่เลย เรารีดผ้าละโดนมือฮืออ แต่คิดว่าจะยอมแพ้มั้ย ก็ไม่5555 เรารีบไปหายาทั้งหลายแหล่มาทา ซึ่งมันก็ดีขึ้นมากๆ เราใช้ยา Aloe Gel ทาก่อน พอดีขึ้นก็ทารอยแผลเป็นด้วย Hiruscar Silicone Pro ทาทุกวัน ทุกครั้งที่นึกได้จนรอยจางลงมากๆ เรามีฝึกเอื้อมแตะกับผนังที่บ้านบ้าง แต่ไม่ได้ทำทุกวัน (ชิวมากเลยอ่ะ) และที่ขาดไม่ได้ คืออ กดซื้อตั๋วไปกระบี่พร้อมจองที่พักที่โรงแรม Devana Plaza พร้อมกับสมัครแอร์ในเว็บไซต์เหมือนเดิมม
         เมื่อสมัครแอร์ในเว็บไซต์เสร็จเรียบร้อยแล้ว พอใกล้ถึงวัน Open Day ก็จะมีข้อความส่งมาให้แบบนี้

    9 มีนาคม 2019

         และแล้ววันที่ 9 มีนาคม 2019 ก็มาถึง เราตื่นประมาณตี 3 - ตี 4 เหมือนเคย เพราะกลัวว่าจะแต่งหน้าแต่งตัวไม่ทัน (แม้ว่าตัวเองจะพักอยู่โรงแรมนี้ ซึ่งใช้เวลาเดินลงไปที Lobby แค่ 5 นาทีก็ตาม) ครั้งนี้เรามากับพี่คนนึง พวกเรามีเป้าหมายเดียวกันคือการได้เป็นแอร์ของสายการบินการ์ต้า มันดีมากๆที่มีเพื่อนมาด้วยกัน จะได้คุยนู๊นนี่นั่น ไม่เหงาด้วย พอแต่งตัวเสร็จก็ลงไปที่ Lobby มีคนสมัครแอร์มายืนต่อแถวรออยู่แล้วซึ่งมีประมาณ 20 คนเอง แตกต่างจากรอบกรุงเทพฯมากๆ แต่หลังจากนั้นก็มีคนมาต่อแถวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่เยอะเท่ารอบกรุงเทพฯ คนสมัครทั้งหมดน่าจะไม่เกิน 300 - 400 คน โดยประมาณ

         ครั้งนี้เค้าไม่ได้แจกบัตรคิวให้ แต่ให้เข้าไปนั่งในห้องประชุมเรียงลำดับมาก่อนหลังเองเลย ก็เหมือนเดิม กรรมการจะเข้าห้องมาทักทายพวกเราและอธิบายกติกาในการรับสมัครแอร์และการเตรียมเอกสารต่างๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเราได้ศึกษามาจากหน้าเว็บแล้ว

         ประมาณ 9 โมง เค้าก็เรียกที่ละ 2 แถวที่นั่ง ให้ออกไปนอกห้องเพื่อรอต่อแถวเข้าไปยื่น Resume/CV ครั้งนี้มีกรรมการ 2 คน มีจูดี้มาด้วย! ส่วนอีกคนนึงเราจำชื่อเค้าไม่ได้ พอถึงตาเราที่ต้องออกไปยืนรอ เราก็ตื่นเต้นเหมือนเดิม ก่อนเข้าห้องก็ซ้อมยิ้มค้างไว้เลย พี่ที่มาด้วยกันก็น่ารักมาก ช่วยบิ๊วให้เรายิ้มเยอะๆและยืนตัวตรง ส่วนบรรยากาศระหว่างต่อแถว บางคนก็จับกลุ่มกันคุยคลายเครียด บางคนก็ชูแขนเขย่งเท้า หรือบางคนก็ถอดรองเท้าซ้อมเอื้อมแตะกับผนังแถวนั้นระหว่างรอเลย บางคนพอออกจากห้องหลังจากไปยื่น Resume/CV กับกรรมการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็โชว์ใบกระดาษเล็กๆที่ถืออยู่ในมือให้พวกเราดู ซึ่งเราก็อดยิ้มตามไม่ได้เพราะเป็นโมเม้นที่เราก็อยากมีเหมือนกัน

    เอื้อมแตะไม่ถึงอีกแล้ว

         พอถึงตาเรา เราฉีกยิ้มตั้งแต่หน้าประตูห้อง พอคนก่อนหน้าออกจากห้องมา เราก็เดินเข้าไปในห้อง ไปหากรรมการที่ว่างอยู่ ซึ่งก็คือจูดี้คนเดิม555 เรายื่น Resume/CV ให้ และกล่าวทักทายก่อนเหมือนเดิม แต่จูดี้ไม่ตอบเรา555 กลับบอกให้เราขยับเข้ามาใกล้ๆ 'Step closer' แล้วจ้องหน้าเราอย่างตั้งใจและก้มดู Resume ของเรา

    Recruiter: Tell me your work about piano teacher

    Me: I love to teach them..... because they love to learn with me...

         ใช่! ฉันตอบไปแค่นั้นแหละ!! โอเอ็มจี ว่าจะไม่ตื่นเต้นแล้วเชียวฮือ แต่ปากก็ขยับให้ตอบได้แค่นั้นเอง ตอบไม่เหมือนที่คิดไว้อีกแล้วแง แล้วจูดี้ก็ให้เราไปเอื้อมแตะ ไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติมอีก แค่คำถามเดียวเท่านั้นน ซึ่งให้ทายว่าผลลัพธ์เป็นยังไง... ใช่ เราเอื้อมไม่ถึงอีกแล้ว (ไม่ต้องไปโทษว่าเพราะพื้นเป็นพรม เท้าเลยจมไปในพรมทำให้เอื้อมแตะไม่ถึงหรอกนะ มันเป็นเพราะเธอไม่จริงจังกับการยืดตัวให้เอื้อมแตะได้ยังไงหล่ะ) แล้วจูดี้ก็บอกกับเราเหมือนเดิมเลยว่า you almost get there แล้วก็แนะนำให้เราไปเล่นโยคะหรือพิลาทิสสัก 1 ปี อย่าสมัครติดกันแบบนี้เพราะมันยังเอื้อมแตะไม่ได้ แล้วค่อยกลับมาสมัครอีกรอบ เราก็ขอบคุณจูดี้แล้วเดินออกจากห้องมา...

         เราไปหยิบกระเป๋าในห้องประชุมพร้อมโทรหาพ่อว่า 'หนูเอื้อมแตะไม่ถึงอีกแล้วนะ' และเดินกลับเข้าห้องพักด้วยความรู้สึกที่เซ็งๆ เรารู้สึกเสียดายมากๆ เพราะการที่เราเอื้อมแตะไม่ถึงเส้นที่เค้าขีดไว้ มันตัดโอกาสเราไปเลย เรายังไม่ทันได้โชว์อะไรให้เค้าเห็นเลย เราเสียดายมากๆ แต่ก็นะ ต่อจากนี้ต้องทำยังไงหล่ะ ไปยืดตัวให้มากสิๆ ไปหาคอร์สโยคะเลย ต้องสู้!

    เรื่องซวยๆก่อนกลับกรุงเทพฯ

         ถ้าไม่มีเรื่องวุ่นๆก็คงไม่ใช่ฉัน ใช่! ฉันลืมแฟ้มเอกสาร!! แฟ้มที่ใส่เอกสารทั้งหมดตั้งแต่ Resume ใบสำเนาต่างๆ รวมไปถึงรูปสมัครแอร์ หายไปหมดเลย (ยังดีที่ใบ TOEIC ตัวจริงไม่ได้อยู่ในแฟ้มนั้นฮืออ) พอนึกขึ้นได้ก็ตาลีตาเหลือกไปที่ห้องประชุม ต้องเป็นตอนนั้นแน่ๆ ที่ฉันสติหลุดเดินออกจากห้องสัมภาษณ์แล้วหยิบไปแค่กระเป๋า แต่ลืมหยิบแฟ้มเอกสาร ฮืออ พอไปหาดูอีกทีคือหาไม่เจอแล้ว ไม่มีเลย เหมือนมันไม่เคยอยู่ตรงนี้มาก่อนแง เราติดต่อ Lobby ถามแม่บ้าน ก็ไม่มี ไม่ใช่อะไรหรอก ถ่ายรูปสมัครแอร์มันแพงอ่ะ ฉันต้องเสียเงินอีกแล้วใช่มั้ยเนี่ยยย เลยให้เบอร์ติดต่อกับ Receptionist ไว้ว่าถ้าหาเจอให้ติดต่อกลับมาเลยนะคะ! (แต่คงไม่เจอแล้วแหละ ไม่มีใครโทรมาเลยฮืออ)

    กลับคนเดียว เหงาๆ

          เราจองไฟล์ทกลับกรุงเทพฯวันอาทิตย์ตอนเย็น แต่เรากลับคนเดียวเพราะพี่ที่มาด้วยกันต้องอยู่ Final Interview ต่ออีกวันจันทร์ (Process มี 3 วัน คือวันเสาร์ อาทิตย์ จันทร์) ก่อนกลับเราก็มาทอดน่องเดินริมทะเลอยู่คนเดียว เหงาๆ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เรามากระบี่ ถ้าไม่ได้เหยียบหาดทรายก็คงจะเสียดาย ในใจก็คิดไปเรื่อยว่าถ้าหาแฟ้มเอกสารไม่เจอ ก็ต้องเสียเงินอีกแน่เลย คิดเรื่องโยคะที่ว่าจะกลับไปหาที่เรียนใกล้ๆบ้านแบบจริงจังซะแล้ว และคิดมากไปถึงถ้าเราเอื้อมแตะได้ มันก็ไม่การันตีอีก ว่าเราจะได้ Secret Paper และอยากรู้จังว่าหลังจากเอื้อมแตะได้เราจะเป็นยังไงต่อ สารพัดคำถามอีกมากมายเข้ามาในหัวเรา ซึ่งตอนนี้เราก็ยังไม่มีคำตอบ แต่สิ่งที่เราทำได้ตอนนี้คือเตรียมพร้อมให้มากที่สุด แล้วลุยกับการสมัครครั้งต่อไป

    ด้วยรัก
    Justtakenote

    ป.ล. อย่างไรก็ตาม เราเอนจอยกับอาหารโรงแรมมาก น่ากินไปหมดทุกอย่าง ดีมากจริงๆ

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in