[OS] Memories #ฟิควิ่งผลัด
Keyword : 90’s (Form : @officialmmmmm)
15 พฤษภาคม 2012
สองเท้าก้าวมาหยุดอยู่บ้านหลังเดิมที่คุ้นเคย บ้านเดี่ยวสองชั้นขนาดกะทัดรัดสำหรับครอบครัวสามคน มีสวนเล็ก ๆ หน้าบ้านที่มีดอกคาร์เนชั่นสีขาวบริสุทธิ์เบ่งบานคอยทักทายผู้คนที่เดินผ่านไปมา แม้สภาพบ้านจะดูเก่าไปนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้ทำให้ความน่าอยู่ลดลงเลย
สองเท้าเดินมาจรดประตูไม้สีขาว มือเล็กออกแรงผลักประตูไม้นั่นให้เปิดและเดินเข้าบริเวณบ้านไปอย่างเก้ ๆ กัง ๆ เขาไม่ได้กลับบ้านหลังนี้มานานแล้วตั้งแต่จากที่นี่ไป
กวังจู เมืองเล็ก ๆ ทางตอนใต้ของเกาหลี บ้านเกิดของเขา สถานที่ที่ทำให้เขาได้ใช้ชีวิตวัยเด็กมาพร้อมกับธรรมชาติ ทิวทัศน์ของภูเขาที่คอยถ่ายทอดความสุนทรีย์ และผู้คนมากหน้าหลายตาแต่คอยหยิบยื่นมิตรภาพให้แก่กันและกัน
และที่นี่ ในตอนนั้น เขาเคยได้พบกับใครอีกคน...
-------------------------------------
“ถึงบ้านแล้วใช่มั้ยชางกยุน”
เสียงปลายสายจากเครื่องมือสื่อสารราคาแพงในมือของชางกยุนดังขึ้น
“ถึงแล้วครับแม่ บ้านยังเหมือนเดิมเลยนะครับเนี่ย”
ชางกยุนตอบกลับพลางค่อย ๆ เปิดประตูบ้านเข้าไปนั่งในห้องรับแขก
“แม่บอกให้ป้าชุนซุกมาทำความสะอาดให้แล้วแหละ บ้านอาจจะโทรม ๆ นิดนึงนะลูก ไม่มีคนกลับไปเลย นี่ก็จ้างป้าชุนซุกให้มาทำความสะอาดแค่เดือนละครั้งเอง”
“ไม่เป็นไรครับ ผมก็แค่มาประชุมที่นี่ คงอยู่ไม่นานหรอกครับ เดี๋ยวก็กลับบอสตันไปหาแม่แล้ว”
“เอาเถอะ ว่าแต่ว่าคุณนายอีข้างบ้านเราเขายังอยู่รึเปล่านะ”
“ไม่รู้สิครับ ตอนเข้ามาก็ไม่เห็นใครอยู่ข้างบ้านเลยนะครับ คงย้ายไปแล้วมั้ง เป็นสิบปีแล้วนะแม่”
“แล้วพี่จูฮอนล่ะลูก ได้เจอเขาบ้างมั้ย”
“……..”
ชางกยุนเงียบไปพักนึงเมื่อได้ยินชื่อที่คุ้นเคยออกมาจากปลายสาย
“ไม่เจอครับ ผมไม่เจอเขามานานแล้ว”
“หรอลูก เฮ้อ ถ้างั้นแม่ไม่กวนเราแล้วดีกว่า เพิ่งเดินทางไปเหนื่อย ๆ พักผ่อนซะนะ อีกสองอาทิตย์เจอกันนะครับคนเก่งของแม่”
“ครับ”
มือเล็กกดปุ่มวางสายก่อนจะโยนโทรศัพท์ของตัวเองลงเบา ๆ บนโซฟาที่กำลังนั่งอยู่ ร่างเล็กค่อย ๆ ถอดเสื้อสูทออกพาดที่พนักพิงโซฟาก่อนจะลุกขึ้นไปเดินสำรวจรอบบ้าน
บ้านหลังนี้เป็นบ้านที่เขาเคยอาศัยอยู่ตั้งแต่เกิดจนถึงม.ต้น จากนั้นทั้งครอบครัวก็ต้องย้ายไปอยู่กันที่อเมริกาเพราะพ่อของชางกยุนได้เลื่อนขั้นเป็นผู้จัดการของบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง และต้องไปประจำอยู่ที่บอสตัน ประจวบเหมาะกับเป็นช่วงที่ชางกยุนจบม.ต้นพอดี ทั้งพ่อและแม่ของชางกยุนเองก็คิดว่าเป็นเรื่องที่ดีหากลูกชายจะได้ไปเรียนไฮสคูลที่อเมริกา เข้ามหาวิทยาลัยและก็ทำงานอยู่ที่นั่นเลย
การไปอเมริกาในครั้งนั้นนับว่าเป็นการไปแบบฉุกละหุก ไม่ได้ขนหรือเตรียมอะไรไปมากนัก ดังนั้นข้าวของต่าง ๆ ที่อยู่ในบ้านจึงคงอยู่เกือบเหมือนเดิมทั้งหมดตั้งแต่สมัยชางกยุนยังเป็นเด็ก ๆ
ชางกยุนเดินขึ้นบันไดชั้นสองไปจนเจอกับประตูบานหนึ่ง บนบานประตูมีป้ายรูปแมวน้อยนอนหลับอยู่บนกองไหมพรมและมีตัวหนังสือที่เขียนด้วยลายมือเบี้ยว ๆ เอาไว้ว่า “ห้องของกยุนนี่”
มือเล็กขยับแว่นกรอบกลมบนหน้าของตัวเองก่อนจะยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นป้ายนั่น ภาพในสมัยเด็กที่เขาอ้อนแม่ขอซื้อป้ายมาเขียนชื่อห้องแปะประตูห้องตัวเองผุดขึ้นมาในหัวทันที
ชางกยุนบิดลูกบิดประตูเข้าไปในห้อง เฟอร์นิเจอร์แทบจะทุกอย่างยังคงเป็นเหมือนเดิม เตียงขนาด 3.5 ฟุต บนเตียงมีตุ๊กตาแมวและหมาอยู่เต็มไปหมด
คนตัวเล็กค่อยๆเดินไปที่โต๊ะหนังสือ บนนั้นมีกรอปรูปอันหนึ่งตั้งไว้ข้าง ๆ สมุดสีน้ำตาล มีลายมือน่ารักเขียนอยู่บนสมุดว่า “ไดอารี่ของกยุนนี่”
ชางกยุนเอื้อมมือไปหยิบไดอารี่ขึ้นมา ปลายสมุดดันไปสัมผัสเข้ากับกรอบรูป ทำให้กรอบรูปนั้นตกลงบนพื้น คนตัวเล็กตกใจและรีบก้มลงไปหยิบกรอบรูปนั้นขึ้นมา แต่ก็ต้องชะงักไปเล็กน้อย
ในกรอบรูปนั้นปรากฎรูปของชางกยุนวัยเด็กที่ใส่เสื้อกล้ามสีแดงกับกางเกงขาสั้นสีเหลือง ในมือหนึ่งมีที่ตักทรายของเล่น ส่วนมืออีกข้างกำลังกอดคอเด็กชายตาตี่คนหนึ่งที่ใส่เสื้อกล้ามสีเหลือง ทับด้วยเสื้อเชิ้ตสีดำตัวใหญ่ ที่คาดว่าน่าจะเป็นเสื้อของแม่เขานั่นแหละ กับกางเกงยีนส์ขาสั้นและหมวกปีกบานที่ปีกของมันกำลังทิ่มหน้าชางกยุนอยู่
และนั่นแหละ เด็กตาตี่คนนั้นคือ “อีจูฮอน” ที่แม่เขาพูดถึงล่ะ
ชางกยุนมองรูปใบนั้นพร้อมทั้งยิ้มออกมา ความทรงจำในวัยเด็กของชางกยุนมักจะมีจูฮอนอยู่ในนั้นด้วยเสมอ
มือเล็กค่อย ๆ วางกรอบรูปลงบนโต๊ะเช่นเดิมและหยิบไดอารี่เล่มนั้นขึ้นมาใหม่ก่อนจะเดินไปนั่งยังปลายเตียงที่อยู่ไม่ไกลนักและเปิดมันอ่าน ภาพในความทรงจำสมัยเด็กต่างก็ย้อนกลับเข้ามาในหัวทันที
-------------------------------------
21 มีนาคม 1998
ถึง ไดอารี่ที่รัก
หวัดดีไดอารี่ นี่กยุนเองนะ วันนี้เป็นวันแรกที่กยุนได้เข้าโรงเรียนมัธยมต้นแหละ เป็นวันปฐมนิเทศด้วย ตื่นเต้นมาก ๆ เลย ไม่รู้ว่าเพื่อนใหม่จะเป็นยังไงบ้าง ไม่รู้จะเริ่มเข้าไปทักทายคนอื่นก่อนยังไงดี เฮ้อ เป็นกำลังใจให้กยุนด้วยนะคุณไดอารี่
“ชางกยุนน มากินข้าวเร็วลูก เดี๋ยวไปโรงเรียนสายนะ”
เสียงหญิงสาววัยกลางคนตะโกนขึ้นมาจากห้องนั่งเล่นชั้นล่าง
เด็กชายอิมชางกยุนที่กำลังแต่งตัวอยู่บนห้องรีบกระวีกระวาดหยิบกระเป๋าหนังสือขึ้นมาสะพายและวางดินสอลายเป็ดน้อยที่ตัวเองใช้เขียนไดอารี่อยู่เมื่อกี้ลงบนโต๊ะ ปกติก็จะเขียนไดอารี่ตอนก่อนนอนนั่นแหละนะ แต่วันนี้ตื่นเต้นเป็นพิเศษเพราะเป็นวันแรกของการใช้ชีวิตในรั้วโรงเรียนมัธยมต้น เลยต้องขอทักทายคุณไดอารี่สักหน่อย
“มาแล้วคร้าบบบบ”
เสียงเล็กตะโกนเจื้อยแจ้วพร้อมกับวิ่งลงบันไดมาหาหญิงผู้เป็นแม่
“อย่าวิ่งลงบันไดสิคะ เดี๋ยวล้มนะ”
“คร้าบบบบ”
“ไปกินข้าวเร็วๆค่ะ อีก 10 นาทีรถโรงเรียนจะมารับแล้วนะ”
“โอเคครับผม” เด็กน้อยทำท่าตะเบ๊ะใส่แม่ก่อนจะวิ่งดุ๊กดิ๊ก ๆ ไปกินข้าว
รถโรงเรียนมารับเวลา 7.10 พอดิบพอดี ชางกยุนตัวน้อยรีบวิ่งออกไปใส่รองเท้าผ้าใบบริเวณประตูบ้าน จังหวะนั้นเองที่ทำให้เห็นว่าเพื่อนบ้านข้าง ๆ กำลังเดินออกไปขึ้นรถโรงเรียนคันเดียวกันพอดีเลย
“ข้างบ้านมีคนมาอยู่แล้วหรอครับแม่”
เด็กน้อยหันไปถามแม่
“อืม คงงั้นแหละลูก เหมือนเขาก็เพิ่งย้ายมาเองนะ แม่ก็ยังไม่ได้ไปทำความรู้จักจริงจังสักที แต่แบบนี้ก็ดีเลยสิเนี่ย มีคนเรียนโรงเรียนเดียวกับลูกด้วย”
คนเป็นแม่พูดยิ้ม ๆ แล้วลูบหัวลูกชายตัวเอง
“จริงด้วย กยุนไม่เหงาแล้ว งั้นเดี๋ยวกยุนไปก่อนนะครับแม่ เจอกันตอนเย็นนะ”
ชางกยุนส่งเสียงเจื้อยแจ้วออกไปอย่างอารมณ์ดีก่อนจะรีบวิ่งขึ้นรถโรงเรียนตามหลังเด็กชายข้างบ้านไป
คนตัวเล็กเห็นแวบ ๆ ว่าเด็กชายข้างบ้านที่เดินขึ้นไปเมื่อกี้ใส่เสื้อคลุมกีฬากับหมวกแก๊ปสีดำ พอเดินขึ้นรถไปแล้วเลยพยายามมองหาจนไปเจอเข้ากับเป้าหมายที่นั่งอยู่เกือบท้ายสุด ชางกยุนยิ้มปรี่วิ่งตรงเข้าไปหาทันที
“นี่ ๆ เราขอนั่งด้วยได้มั้ย”
คนตัวเล็กถาม
“…….”
ไม่มีเสียงตอบรับ อ่า ใส่หูฟังอยู่นี่เอง งั้นเอาใหม่
“นี่ ๆ”
นิ้วเล็กเอื้อมไปจิ้ม ๆ ไหล่ของคนตรงหน้า
เด็กชายตาตี่ตัวสูงมีลักยิ้มที่ใส่หูฟังอยู่นั้นหันกลับมามองตามแรงที่มีคนสะกิด ชางกยุนเห็นคู่สนทนาตัวเองหันหน้ามาก็ส่งยิ้มเป็นมิตรให้เสียจนตาจะตี่ตามคนตรงหน้าไปด้วยอยู่แล้ว
เด็กตาตี่ตรงหน้าดึงหูฟังออกข้างหนึ่งก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม
“ขอนั่งตรงนี้นะ”
คนตัวเล็กพูดแล้วชี้นิ้วไปยังเบาะที่ว่างข้าง ๆ เด็กตาตี่
“ก็นั่งสิ”
เด็กตาตี่พูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ
“อื้อ ขอบคุณนะ”
เด็กตัวเล็กพูดด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดีก่อนจะค่อย ๆ นั่งลงข้าง ๆ
“เราบ้านอยู่ข้างกันแหละ เราชื่อชางกยุนนะ เพิ่งเข้า ม.1”
ชางกยุนหันไปยิ้มสดใสให้กับคนข้าง ๆ
“จูฮอน ม.3”
เด็กชายตาตี่หันมาตอบด้วยสีหน้านิ่ง ๆ
“อ้าว เป็นพี่หรอเนี่ย ขอโทษครับ”
ชางกยุนสีหน้าสลดไปเล็กน้อย เขาแก่กว่าตั้ง 2 ปีดันไปทำตัวสนิทสนมเฉยเลย
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันก็เพิ่งย้ายมาที่นี่เหมือนกัน เป็นวันแรกของเราทั้งคู่เหมือนกันนั่นแหละ”
จูฮอนยักไหล่ก่อนจะหันออกไปมองนอกหน้าต่าง
มือเรียวของคนสูงกว่าหยิบซาวด์อเบาท์คู่ใจขึ้นมากดเล่นเพลงต่อ ตากลมจากคนข้าง ๆ มองเครื่องเล่นเพลงในมือนั้นของคนตัวสูงกว่าอย่างไม่วางตา
จูฮอนรู้สึกได้ชัดเจนว่าคนข้าง ๆ กำลังมองเครื่องเล่นเพลงของเขาอยู่อย่างสนอกสนใจ คนตัวสูงกว่าเลยดึงหูฟังข้างหนึ่งยื่นให้กับคนตัวเล็ก ชางกยุนทำตาโตด้วยความตื่นเต้นที่คนตรงหน้าใจดียื่นหูฟังให้เขาฟังด้วย มือเล็กยื่นออกไปรับและเสียบหูฟังเขาที่หูตัวเองทันที
“พี่จูฮอนใจดีจังเลย”
คนตัวเล็กว่าพลางส่งยิ้มให้
จูฮอนไม่พูดอะไรเพียงแต่ยิ้มตอบให้ ก่อนที่ทั้งคู่จะเข้าสู่โลกแห่งเสียงเพลงไปตลอดทางที่ไปโรงเรียน
-------------------------------------
18 เมษายน 1998
ถึง คุณไดอารี่
ทำยังไงดีนะคุณไดอารี่ กยุนว่ากยุนคงชอบพี่เขาไปแล้วแหละ วันนี้ตอนเปลี่ยนห้องเรียนกยุนแอบไปเดินผ่านห้องพี่เขามาด้วยนะ ไม่รู้ว่าพี่เขาจะเห็นหรือเปล่า จริง ๆ แล้วกยุนเดินอ้อมตึกเลยล่ะเพราะห้องที่กยุนต้องไปเรียนไม่ใช่ตึกนั้น เกือบเข้าสายเลย แย่จัง อิอิ
“วันนี้ไปแอบเดินผ่านหน้าห้องพี่มาอีกแล้วใช่มั้ยเนี่ย”
จูฮอนเอ่ยปากถามคนตัวเล็กหลังจากที่ตัวเองพักครึ่งจากการเตะบอล คนตัวเล็กยิ้มให้ก่อนจะยื่นผ้าเช็ดเหงื่อและน้ำเย็น ๆ ให้กับคนเป็นพี่
“ทำไมเห็นอะ กยุนอุตส่าห์แอบแล้วนะเนี่ย”
คนตัวเล็กพูดยิ้ม ๆ
“เนียนมากมั้ง จะไม่เห็นได้ไงตัวเราเบ้อเริ่มขนาดนี้”
พูดจบจูฮอนก็แอบจิ้มพุงคนตัวเล็กไปทีนึง
“เดี๋ยวเถอะ พี่จูฮอน!!!”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ เออ ไม่แกล้งละ ว่าแต่บอกได้ยังว่าชอบใครในห้องพี่อะ เห็นมาเดินผ่านทุกวันเลยเนี่ย”
“ไม่บอกหรอก บอกไปพี่ก็ล้อแย่เลยดิ”
“เอ้า นี่ไงจะได้ช่วยให้สมหวัง เราออกจะขี้อายแบบนี้จะจีบสาวเองไม่ไหวหรอกม้าง”
คนตัวสูงพูดก่อนจะเอื้อมมือไปขยี้หัวกลม ๆ ด้วยความเอ็นดู ชางกยุนมุ่ยหน้าใส่เล็กน้อย
‘กยุนก็ชอบพี่นั่นแหละ แต่จะให้บอกยังไงวะ’
ได้แต่คิดในใจนะ พูดออกไปไม่ได้หรอก
“ฝากของไว้หน่อยแล้วกันครึ่งหลังจะเริ่มแล้ว”
จูฮอนพูดก่อนจะโยนผ้าเช็ดเหงื่อให้ชางกยุนละทำท่าวิ่งอยู่กับที่เพื่ออุ่นเครื่อง แต่ไม่ยอมวิ่งออกไปสักที
“ทำไมไม่ไปอีกอะ”
คนตัวเล็กเอียงคอถามด้วยความสงสัยเพราะพี่มันไม่วิ่งออกไปสักที
“เราลืมไรป้ะ”
ร่างสูงถาม
“หื้ม? ลืมไรอะ”
ชางกยุนนึก
“จะไปแข่งแล้ว ขอกำลังใจหน่อยดิ”
จูฮอนพูด คนตัวเล็กรู้สึกหน้าเห่อร้อนไปหมดแต่ก็ต้องพยายามเก็บความรู้สึกเอาไว้
“อ่า งั้นก็สู้ ๆ นะครับ พี่จูฮอนคนเก่งของกยุน”
ชางกยุนยกมือทำท่าไฟต์ติ้งส่งให้จูฮอนก่อนจะยิ้มให้จนตาปิด
“เออ ต้องงี้สิน้องรักของพี่ ขอบคุณมาก ไปล่ะ”
ร่างสูงยิ้มให้ก่อนจะเอื้อมมือมาขยี้หัวคนตัวเล็กอีกรอบและวิ่งออกไปที่สนาม
ฮือออออ คุณไดอารี่ ทำยังไงดีนะ ถ้าเป็นแบบนี้ไปทุก ๆ วันกยุนว่ากยุนต้องหัวใจวายตายแน่เลย
-------------------------------------
8 กันยายน 1998
ถึง คุณไดอารี่ที่รัก
วันนี้กยุนแอบเขียนจดหมายให้พี่เขาด้วยล่ะ แอบเอาไปใส่ไว้ในล็อคเกอร์ของพี่เขาตอนพักกลางวัน หวังว่าพี่เขาคงจะจำลายมือกยุนไม่ได้หรอกนะ แต่จะอ่านรึเปล่าก็ยังไม่รู้เลย คนฮ็อตของโรงเรียนแบบนั้นคงได้จดหมายเป็นสิบเป็นร้อยฉบับ เขาอาจจะไม่มาอ่านของกยุนก็ได้ คุณไดอารี่คิดแบบนั้นมั้ย
“กยุนดูดิ จดหมายเต็มตู้เลยวันนี้ เราว่าเขาส่งผิดกันมั่งปะ เขาเห็นตู้ล็อคเกอร์พี่เป็นตู้จดหมายให้บุรุษไปรณีย์ไปส่งที่อื่นรึเปล่าเนี่ย”
จูฮอนพูดระหว่างที่นั่งรถโรงเรียนกลับบ้านพร้อมกับชางกยุน ร่างสูงเสียบหูฟังฟังเพลงจากซาวด์อเบาท์คู่ใจและแบ่งหูฟังข้างนึงให้คนตัวเล็กข้าง ๆ แบบที่ทำอยู่ประจำทุกวันตั้งแต่รู้จักกัน
“แหม นักฟุตบอลโรงเรียนก็แบบนี้แหละ ฮ็อตสุดในโรงเรียนละ”
“เราเอาไปเก็บหน่อยดิ พี่ไม่อยากอ่านว่ะ”
“อีกละ พี่เอาจดหมาย เอาขนม เอาดอกไม้ เอาทุกอย่างที่พี่ได้มาให้กยุนหมดเลยได้ไง คนให้เขาเสียใจแย่”
“ก็พี่ขี้เกียจเก็บนี่หว่า เราเอาไปเถอะ จดหมายเอาไปทิ้งก็ได้ หรือจะแอบแกะอ่านก็ได้ไม่ว่าหรอก แต่ห้ามหึงนะ ฮ่า ๆ ๆ”
ร่างสูงพูดหยอกก่อนจะเอานิ้วจิ้มไปที่แก้มของคนตัวเล็ก
“ใครเขาจะไปหึงกันล่ะ”
คนตัวเล็กทำหน้ามุ่ยแบบที่ชอบทำเวลาร่างสูงชอบแกล้ง ก่อนจะเอื้อมมือไปรับถุงพลาสติกที่จูฮอนเก็บจดหมายและของขวัญต่าง ๆ ที่ได้มาจากบรรดาแฟนคลับ
เฮ้อ แล้วจดหมายที่เขาเขียนให้จะไปถึงมือจูฮอนได้ยังไงกันนะในเมื่อเจ้าตัวไม่เคยคิดที่จะอ่านมันเลยสักฉบับเนี่ย
ถึงแม้จูฮอนและชางกยุนจะเข้ามาเรียนที่โรงเรียนนี้พร้อมกัน แต่ด้วยความที่จูฮอนเป็นนักกีฬาที่เข้ามาด้วยโควต้าพิเศษและย้ายมาตอนม.3 ดังนั้นจึงได้รับตำแหน่งนักกีฬาฟุตบอลของโรงเรียนด้วยตั้งแต่แรก จึงไม่แปลกที่คนทั้งโรงเรียนจะรู้จักอีจูฮอน
และเป็นธรรมดาที่คนดังของโรงเรียนก็ย่อมมีแฟนคลับ ไม่ว่าจะเป็นวันพิเศษ เทศกาลต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งวันธรรมดา จูฮอนก็จะได้รับจดหมายสารภาพรัก ขนม ดอกไม้มานับไม่ถ้วน แต่เจ้าตัวเองก็ไม่ได้แสดงความสนใจอะไรมากเป็นพิเศษ มีแต่เอาของพวกนั้นให้ชางกยุนทุกวัน พวกจดหมายกับดอกไม้ชางกยุนก็ต้องเอากลับมาทิ้งที่บ้าน เพราะกลัวทิ้งที่โรงเรียนแล้วเจ้าของจดหมายเขาจะเสียใจ ส่วนขนมนั้น แน่นอนว่าตกถึงพุงชางกยุนทุกอัน
แต่สิ่งที่น่าแปลกคือ ตั้งแต่ขึ้นเทอม 2 มานี้ ชางกยุนเองก็แอบเขียนจดหมายไปหย่อนไว้ตู้ล็อคเกอร์ของจูฮอนเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ แต่ทุกครั้งที่ร่างสูงเอาจดหมายกลับมาให้เขาทิ้ง เขาเช็คจดหมายทุกอันแต่ไม่เคยเจอจดหมายตัวเองเลยสักครั้ง ทั้ง ๆ ที่ก็จำได้ว่าตัวเองเขียนและหย่อนมันลงไปในตู้ล็อคเกอร์ของจูฮอนเองกับมือ
มันคืออะไรหรอคุณไดอารี่ กยุนจำตู้ล็อคเกอร์ของพี่จูฮอนผิด หรือว่าพี่จูฮอนเขาเก็บไว้แต่จดหมายของกยุนกันนะ แต่มันคงไม่ใช่แบบนั้นหรอกเนอะ
-------------------------------------
14 กุมภาพันธ์ 1999
คุณไดอารี่
วันนี้กยุนตัดสินใจแล้วว่ากยุนจะสารภาพรักกับพี่จูฮอน ตลอดระยะเวลาเกือบปีที่ผ่านมา ตลอดระยะเวลาที่กยุนได้ใช้กับพี่จูฮอนมันทำให้รู้ว่ากยุนชอบพี่จูฮอนจริง ๆ ไม่รู้ว่าคำตอบจะออกมาเป็นแบบไหน ไม่รู้ว่าพี่จูฮอนจะคิดเหมือนกับกยุนมั้ย แต่หวังว่าพี่จูฮอนจะไม่ปฏิเสธความรู้สึกของกยุนนะ เอาใจช่วยกยุนด้วยนะคุณไดอารี่
“พี่จูฮอน วันนี้กยุนไม่เก็บดอกไม้ให้พี่นะ วาเลนไทน์แบบนี้พี่ต้องได้กุหลาบมาทั้งสวนแน่เลย กยุนหนัก”
คนตัวเล็กบ่นกระปอดกระแปดขณะที่นั่งอยู่บนรถโรงเรียนที่เพิ่งมารับทั้งเขาและจูฮอนที่หน้าบ้าน ซาวด์อเบาท์คู่ใจของจูฮอนที่ทั้งคู่ต่างก็แบ่งหูฟังกันคนละข้างเป็นประจำทุกวันตกอยู่ในมือชางกยุนที่เป็นคนควบคุมปุ่มกดทั้งหมดบนเครื่องราวกับตัวเองเป็นเจ้าของ
จริง ๆ ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอม จูฮอนกำลังจะขึ้นม.4ที่โรงเรียนเดิม และชางกยุนเองก็กำลังจะขึ้นม.2 เพียงแต่วันนี้มีกิจกรรมพิเศษที่โรงเรียนซึ่งเป็นวันสถาปนาโรงเรียนและตรงกับวันวาเลนไทน์พอดี ทางโรงเรียนเลยถือโอกาสจัดงานพิเศษให้เด็กๆได้มีโอกาสมาร่วมงานเลี้ยงที่โรงเรียน
“พี่ไม่รับดอกไม้จากใครทั้งนั้นแหละ ขี้เกียจถือ ว่าแต่เราเถอะ เห็นนะว่าพกดอกไม้มา จะเอาไปให้ใคร”
ร่างสูงหันกลับมาถามพลางชี้ไปที่ดอกกุหลาบสีแดงสดที่เหน็บอยู่ในกระเป๋าของชางกยุน
“ไม่บอกหรอก”
“อะไรกัน เป็นปีแล้วนะ เมื่อไหร่เราจะบอกพี่สักทีว่าเราชอบใคร”
“อีกไม่นานเดี๋ยวพี่ก็รู้ครับ” คนตัวเล็กยิ้มให้ก่อนจะหลบตาร่างสูงและจ้องมองออกไปยังวิวทิวทัศน์ข้างนอกรถ
-------------------------------------
“กยุน งั้นเดี๋ยวพี่ไปนั่งกับเพื่อนตรงนู้นนะ เลิกงานแล้วเจอกันตรงป้อมยามนะ”
ร่างสูงพูดกับคนตัวเล็กหลังจากที่รถโรงเรียนขับมาส่งถึงที่โรงเรียนแล้ว
“แต่งตัวมาน่ารักเลยนะวันนี้ จะไปสารภาพรักเขาใช่มั้ย? สู้ๆนะกยุนคนเก่งของพี่”
จูฮอนพูดทิ้งท้ายก่อนจะเอื้อมมือไปขยี้หัวคนตัวเล็กกว่าเบาๆ
ร่างสูงเตรียมจะเดินออกไปหาเพื่อนที่ยืนรออยู่ตรงสนามฟุตบอล ชางกยุนสูดหายใจเข้าช้า ๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบดอกกุหลาบที่ตัวเองพกมาจากบ้าน
“พี่จูฮอนครับ คือ......”
“จูฮอนนน!!!!”
เสียงเล็กของชางกยุนถูกกลบไปด้วยเสียงแหลมหวานของเด็กสาวคนหนึ่งที่เดินเข้ามาหาจูฮอน
“อ้าว ซึลกิ มาด้วยหรอวันนี้”
จูฮอนหันไปโบกมือทักทายและยิ้มกว้างให้กับเด็กสาวที่เดินมาหา เป็นยิ้มที่สดใสที่สุดตั้งแต่ที่ชางกยุนเคยเห็นมา
“ต้องมาสิ วันนี้วันวาเลนไทน์นะ”
เด็กสาวพูดขึ้นก่อนจะยกมือขึ้นคล้องแขนของจูฮอน
“เมื่อกี้เราเรียกพี่รึเปล่านะกยุน”
จูฮอนหันมาหาชางกยุน คนตัวเล็กรีบเอาดอกกุหลาบในมือซ่อนข้างหลังทันที
“กยุนแค่จะบอกว่าเดี๋ยวงานเลิกแล้วกยุนจะรออยู่ตรงนี้นะครับ ไปก่อนนะ”
พูดจบคนตัวเล็กก็หันหลังและวิ่งออกไปทันที
ไม่ใช่ว่าไม่ชินหรอกนะกับการที่เห็นจูฮอนอยู่กับผู้หญิงคนอื่น เพียงแต่ว่าปกติจูฮอนไม่ค่อยสนใจคนอื่นสักเท่าไหร่หรอก แต่กับพี่ผู้หญิงคนนี้รู้สึกว่าจูฮอนจะให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ
คำพูดที่เตรียมเอาไว้ ดอกไม้ที่เตรียมเอาไว้ สุดท้ายก็ถูกเก็บเอาไว้อยู่แบบนั้น
และหลังจากวันนั้น ชางกยุนก็ได้รู้ว่า......
พี่จูฮอนกับพี่ซึลกิคบกันแล้ว
คุณไดอารี่ กยุนอกหักซะแล้วสิ
-------------------------------------
28 มิถุนายน 1999
ถึง คุณไดอารี่
ตั้งแต่พี่จูฮอนคบกับพี่ซึลกิ คุณไดอารี่รู้มั้ยว่ากยุนแทบไม่ได้คุยกับพี่จูฮอนเลย พี่จูฮอนไม่นั่งไปกลับรถโรงเรียนแล้วล่ะ พี่เขามีมอเตอร์ไซค์ขี่ไปเรียนเองแล้ว ตลอดเทอมมานี้กยุนเหงามากเลย ไม่มีเพลงให้ฟังระหว่างไปโรงเรียนกับตอนกลับบ้าน ตั้งแต่ย้ายมาที่นี่กยุนก็มีแต่พี่จูฮอน พอพี่เขาหายไปกยุนรู้สึกไม่ดีเลย กยุนควรทำยังไงดีนะคุณไดอารี่
มือเล็กวางปากกาหลังจากเขียนไดอารี่จบพลางมองออกไปนอกหน้าต่าง นี่ก็สี่ทุ่มกว่าแล้วแต่ดูเหมือนว่าพี่ชายข้างบ้านจะยังไม่กลับมาเลย ช่วงนี้ก็ไม่ค่อยได้เจอกันจริง ๆ นั่นแหละ
'แกร๊ก!'
เสียงก้อนหินเล็ก ๆ กระทบเข้ากับหน้าต่างห้องนอนของชางกยุน คนตัวเล็กขมวดคิ้วสงสัยก่อนจะเดินไปเปิดหน้าต่างและมองออกไป
“ชางกยุน”
เสียงเรียกของจูฮอนที่ยืนอยู่ข้างกำแพงฝั่งบ้านของตัวเองตะโกนขึ้นมา คนตัวเล็กจึงก้มลงไปมอง
“มีอะไรพี่จูฮอน แล้วนี่มาเอาก้อนหินปาใส่กระจกบ้านคนอื่นเขาเล่นทำไมครับ”
“เปิดประตูบ้านให้พี่หน่อย มีเรื่องจะคุยด้วย”
“กดกริ่งหน้าบ้านดี ๆ ไม่ได้รึไงครับ”
“คุณน้าอิมหลับแล้ว พี่ไม่อยากกวน”
“เฮ้อ โอเค ไปรอหน้าบ้านนะครับ เดี๋ยวกยุนลงไปเปิดประตูให้”
พูดจบคนตัวเล็กก็ปิดหน้าต่างและคว้ากุญแจประตูหน้าบ้านเดินลงไปข้างล่าง
ทันทีที่เดินมาถึงประตูหน้าบ้านก็เจอกับร่างสูงที่มายืนรออยู่ก่อนแล้ว จูฮอนมีสีหน้าที่ค่อนข้างจะหงุดหงิดเล็กน้อยแถมยังมีกลิ่นแอลกอฮอลล์ลอยออกมานิด ๆ ด้วย
“ดื่มมาหรอครับ?”
ชางกยุนถามพลางทำจมูกฟุดฟิดใกล้ ๆ อกของจูฮอน
“นิดนึงอะ เข้าบ้านเถอะ”
ร่างสูงพูดก่อนจะถือวิสาสะเดินเข้าบ้านของคนตัวเล็กและดึงมือคนตัวเล็กให้เดินตามตัวเองเข้าไปยังห้องนอนของคนตัวเล็กเอง
“เดี๋ยวดิพี่จูฮอน ใจเย็น ๆ เป็นอะไรครับ”
ชางกยุนเดินตามจูฮอนเกือบจะไม่ทัน หลังจากที่ขึ้นมาบนห้องแล้วจูฮอนก็ปล่อยมือชางกยุนและทิ้งตัวนั่งลงไปบนปลายเตียง
คนตัวเล็กเห็นว่าร่างสูงเริ่มอาการไม่ค่อยดีเลยไปนั่งข้าง ๆ พลางเอื้อมมือไปกุมที่มือหนาของคนตัวสูงกว่า
“พี่จูฮอนคนเก่งของกยุน เป็นอะไรไปครับ บอกกยุนนะ”
คนตัวเล็กถามอย่างใจเย็น
“พี่เลิกกับซึลกิแล้ว เขามีคนอื่น”
จูฮอนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“เสียใจใช่ไหมครับ?”
ชางกยุนถามก่อนจะค่อย ๆ เขยิบเข้าไปใกล้จูฮอนมากกว่าเดิม
“ไม่รู้ว่ะ ไม่เสียใจนะ แต่โกรธมากกว่า รู้สึกเหมือนถูกหลอกมาตลอดเวลาเลย เหมือนไม่เคยมีใครรักพี่จริง ๆ เลยด้วยซ้ำ”
จูฮอนพูดตัดพ้อก่อนจะหันมาหาชางกยุน
“กยุนรักพี่มั้ย?”
ร่างสูงถามก่อนจะจ้องไปที่ตากลมของคนตัวเล็กข้าง ๆ
ทั้งคู่สบตากันและกันแน่นิ่งอยู่แบบนั้น ไม่รู้มีอะไรดลใจหรือเปล่าแต่ใบหน้าของทั้งคู่กำลังใกล้กันเรื่อย ๆ
ชางกยุนค่อย ๆ หลับตาลงก่อนจะสัมผัสได้ถึงความนิ่มของริมฝีปากร่างสูงที่ประกบลงมาบนริมฝีปากของตัวเอง ทั้งคู่มอบสัมผัสให้กันอยู่แบบนั้นก่อนที่จูฮอนจะผละออกมาก่อน
“กยุน พี่ขอโทษ........”
จูฮอนพูดหลังจากที่ถอนจูบของตัวเองออกมา คนตัวเล็กหน้าเห่อร้อนด้วยความเขินอายแต่ไม่ได้ตอบอะไรนอกจากก้มหน้างุดพร้อมทั้งส่ายหัว
ร่างสูงอมยิ้มออกมาเพราะความน่ารักของคนตรงหน้า คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมามองร่างสูงอีกครั้ง และครั้งนี้ร่างสูงก็ไม่ลังเลที่จะประทับริมฝีปากของตัวเองลงไปบนปากนุ่มนิ่มนั่นอีกครั้ง
“อื้อ พอก่อนครับ”
ชางกยุนผลักอกของจูฮอนออกก่อนที่ตัวเองจะหมดลมหายใจ คนตัวเล็กนั่งหอบเหนื่อยพร้อมกับแก้มที่ขึ้นริ้วสีแดงชัดเจน
“กยุนว่าพี่เมานะ กลับบ้านเถอะ”
คนตัวเล็กว่าก่อนจะดันไหล่ให้คนตัวสูงลุกขึ้นจากเตียง
“อะ โอเค กลับก็กลับ ไปส่งหน้าบ้านหน่อยสิ”
จูฮอนลุกขึ้นยืนและยื่นมือไปอยู่ตรงหน้าชางกยุนจะให้คนตัวเล็กจับ
“ก็เดินไปสิครับ”
ชางกยุนพูดและลุกขึ้นเดินผ่านหน้าจูฮอนไปโดยไม่สนใจมือที่ร่างสูงยื่นมาให้ จูฮอนยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะเดินตามคนตัวเล็กลงไปข้างล่าง
ชางกยุนเดินมาส่งจูฮอนหน้าบ้าน จูฮอนหันกลับมาหาก่อนจะบอกว่า
“พี่ไม่ได้เมานะกยุน ทุกอย่างที่พี่ทำไป พี่มีสติ รวมถึงคำถามที่พี่ถามเราไป พี่ต้องการคำตอบจริง ๆ นะ”
พูดจบก็ส่งยิ้มให้ก่อนหันหลังเดินกลับเข้าบ้านตัวเองไป
คุณไดอารี่ กยุนควรทำยังไงดี ใจเต้นแรงจนรู้สึกว่ามันจะออกมาอยู่ข้างนอกแล้ว TT
-------------------------------------
21 พฤศจิกายน 1999
ถึง คุณไดอารี่จ๋า
ตั้งแต่วันนั้นที่...เอ่อ...จุ๊บกับพี่จูฮอนไป...ก็ไม่มีอะไรคืบหน้าเลยล่ะคุณไดอารี่ แต่พี่จูฮอนกลับมาเป็นพี่จูฮอนคนเดิมแล้วนะ พี่จูฮอนกลับมานั่งรถโรงเรียนไปกลับพร้อมกยุนเหมือนเดิมแล้ว กยุนมีเพลงฟังระหว่างทางเหมือนเดิมแล้ว เพิ่มเติมคือกยุนเป็นคนเลือกเทปที่จะเอาไปเปิดเองได้ด้วยล่ะ พี่จูฮอนอนุญาตแล้ว จ๊าบเลยเนอะ ไม่ได้ซื้อซาวด์อเบาท์เองแต่เหมือนมีเป็นของส่วนตัวเลยล่ะ คิคิ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องวันนั้นอีกเลย แต่ที่เป็นอยู่ตอนนี้มันดีมากๆเลยล่ะคุณไดอารี่ อยากให้มันเป็นแบบนี้ตลอดไปเลย
-------------------------------------
14 กุมภาพันธ์ 2000
ถึง คุณไดอารี่
คุณไดอารี่ วันนี้เป็นวันที่กยุนมีความสุขที่สุดในชีวิต กยุนกับพี่จูฮอนเราคบกันแล้วนะ กยุนกำลังจะขึ้นม.3 พี่จูฮอนก็กำลังจะขึ้นม.5 เราต่างกำลังเติบโตและกำลังใช้ชีวิตไปด้วยกัน กยุนมีความสุขที่สุดเลย และกยุนก็หวังว่าจะเป็นแบบนี้ตลอดไป
-------------------------------------
6 ตุลาคม 2000
ถึง คุณไดอารี่ที่รัก
ความสุขมันอยู่กับเราไม่นานจริง ๆ เนอะคุณไดอารี่ วันนี้วันเกิดพี่จูฮอนแท้ ๆ
แต่ข่าวดีที่แม่กยุนบอกกับพี่จูฮอนคือ กยุนต้องย้ายไปอเมริกาเพราะคุณพ่อต้องไปทำงานที่นั่น ย้ายไปแบบไม่มีกำหนดกลับ กยุนไม่เข้าใจว่ามันเป็นข่าวดียังไง พี่จูฮอนได้ยินแบบนั้นก็ช็อคไปเลย กยุนเองก็ช็อคแต่ดูเหมือนว่าพี่จูฮอนจะโกรธ เดินออกจากบ้านไปแบบไม่ลาสักคำ กยุนควรทำยังไงดีนะคุณไดอารี่
-------------------------------------
31 ธันวาคม 2000
ถึง คุณไดอารี่
นี่ก็วันสิ้นปีแล้วล่ะคุณไดอารี่ พี่จูฮอนยังไม่ยอมคุยกับกยุนเลย กยุนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว กยุนเองก็ยุ่งเรื่องจัดการเรื่องเรียนต่อของตัวเอง ติดต่อเอาเอกสารกับทางโรงเรียนทั้งวัน พี่จูฮอนเองก็ยุ่งกับการซ็อมบอลเพราะถึงช่วงแข่งบอลระหว่างโรงเรียนแล้ว แถมพี่เขาก็ไม่ไปกลับโรงเรียนด้วยรถโรงเรียนเหมือนเดิมอีกแล้วด้วย เอาใจยากจังเลยเนอะพี่คนนี้ ทั้งๆที่กยุนเหลือเวลาอยู่ที่เกาหลีอีกแค่ไม่กี่เดือนเอง แทนที่จะใช้เวลาตรงนี้ไปด้วยกันแต่ก็กลับหนีหน้ากันไปซะอย่างนั้น กยุนเหนื่อยจังเลยคุณไดอารี่ ไม่รู้ว่าพี่จูฮอนรู้หรือเปล่าว่ากยุนจะไปอเมริกาเดือนหน้าแล้ว
เป็นอีกครั้งที่ชางกยุนเขียนไดอารี่จบแล้วมองออกไปยังบานหน้าต่างที่คุ้นเคย ตั้งแต่วันที่ฉลองวันเกิดของจูฮอนที่บ้านเขาแล้วแม่บอกกับจูฮอนว่าปีหน้าชางกยุนต้องไปอเมริกา
ตั้งแต่วันนั้นก็เหมือนว่าจูฮอนพยายามจะไม่เจอหน้าชางกยุน ผ่านมาเกือบสองเดือนจนปิดเทอมแล้วก็แทบไม่ได้เจอหน้าจูฮอนเลยด้วยซ้ำ
จริงๆก็เหมือนต่างคนต่างก็ยุ่ง ชางกยุนเองก็ต้องจัดการเอกสารกับทางโรงเรียน ส่วนจูฮอนเองช่วงนี้ก็เป็นช่วงแข่งกีฬาระหว่างโรงเรียนทำให้ต้องซ้อมฟุตบอลหนักขึ้น
แต่ถึงอย่างนั้นชางกยุนก็คอยเขียนจดหมายให้กำลังใจจูฮอนอยู่เสมอและแอบหย่อนไว้ในตู้ล็อคเกอร์ของเขา ไม่รู้ว่าอ่านหรือว่าทิ้ง แต่อย่างน้อยเขาก็อยากสร้างช่วงเวลาดีๆก่อนที่จะไม่ได้เจอกัน
เฮ้อ วันสิ้นปีแบบนี้กยุนคงต้องเค้าท์ดาวน์คนเดียวสินะคุณไดอารี่
มือเล็กเอื้อมไปหยิบเสื้อโค้ทที่วางอยู่บนเตียงก่อนจะเดินลงไปข้างล่าง
“กยุนออกไปดูพลุข้างนอกนะครับแม่”
ชางกยุนวิ่งลงบันไดมากอดแม่จากทางด้านหลังพร้อมทั้งเอาหัวถูไถแผ่นหลังของแม่ไปด้วย
“อย่ากลับดึกนักล่ะ นู่น พี่จูฮอนรออยู่หน้าบ้านแล้ว หายโกรธกันแล้วหรอ”
หญิงสาวผู้เป็นแม่พยักเพยิดไปทางหน้าบ้านที่มีร่างสูงที่คุ้นเคยแต่ไม่ค่อยได้เจอช่วงนี้กำลังยืนรออยู่หน้าบ้านพร้อมทั้งมอเตอร์ไซค์คันสวย
“ไม่รู้สิครับ กยุนไม่ได้โกรธเขานะ แต่เขานั่นแหละ”
“เอาน่า ไปเคลียร์กันให้รู้เรื่อง อย่าปล่อยให้ยืดเยื้อแบบนี้เลย อีกไม่กี่วันเราจะย้ายไปกันแล้วนะ“
คนเป็นแม่เอื้อมมือมากุมมือของลูกชายที่กอดเอวตัวเองอยู่พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ครับ งั้นกยุนไปก่อนนะ”
-------------------------------------
ทันทีที่ชางกยุนเดินออกมาหน้าบ้าน จูฮอนก็หยิบหมวกกันน็อคของตัวเองขึ้นมาใส่และขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์ทันที ก่อนจะหยิบหมวกกันน็อคอีกใบนึงและยื่นให้ชางกยุน
“จะพาไปไหนหรอครับ?”
ชางกยุนรับหมวกกันน็อคมาก่อนจะถาม ตากลมมองไปที่หมวกกันน็อคแบบงงๆเพราะหาที่แกะสายหมวกกันน็อคไม่เจอ
“ขึ้นมาเถอะน่า”
จูฮอนพูดก่อนจะดึงหมวกกันน็อคกลับไป ปลดสายออก สวมให้ชางกยุนและล็อคสายให้เรียบร้อย
“ขอบคุณครับ”
ชางกยุนยิ้มให้และขึ้นคร่อมซ้อนมอเตอร์ไซค์จูฮออนทันที
-------------------------------------
ใช้เวลาไม่นานนักจูฮอนก็พาชางกยุนมาถึงริมทะเลสาบแห่งหนึ่ง จูฮอนจอดมอเตอร์ไซค์ข้างต้นไม้ใหญ่ก่อนจะให้ชางกยุนลง ทั้งคู่เดินเข้ามายังสวนริมทะเลสาปที่มีจัดงานเคาท์ดาวน์ ก่อนที่ร่างสูงจะจูงมือคนตัวเล็กไปนั่งใกล้ ๆ กับทะเลสาบซึ่งไม่ค่อยมีผู้คนพลุกพล่านเท่าไหร่นัก
ทั้งคู่นั่งอยู่ในความเงียบแบบนั้น เงียบจนน่าอึดอัด เงียบจนชางกยุนทำท่าจะลุกขึ้นเดินออกไป
“จะไปเมื่อไหร่”
จูฮอนเอื้อมมือไปฉุดแขนของชางกยุนที่กำลังจะลุกเดินหนีไป
“นึกว่าจะไม่คุยกันซะแล้ว”
ชางกยุนหันกลับมานั่งตามเดิมและจ้องมองคนข้าง ๆ
“ไปอเมริกาเมื่อไหร่”
จูฮอนถามซ้ำ
“10 มกราครับ”
“หรอ เดือนหน้าแล้วสิ”
“อื้อ”
จบประโยคบรรยากาศก็เข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง
“ถ้าจะเงียบอยู่แบบนี้กยุนจะกลับจริง ๆ แล้วนะ”
คนตัวเล็กพูดขึ้นอีกครั้งเพราะทนอึดอัดกับบรรยากาศแบบนี้ไม่ไหวแล้ว
“ขอโทษ.......”
จูฮอนหันมาพูดเสียงอ่อน
“พี่ขอโทษนะกยุน พี่มันงี่เง่าเอง แต่พี่กลัว พี่กลัวที่พี่กำลังจะเสียกยุนของพี่ไป”
จูฮอนเอื้อมมือมากุมมือเล็กของชางกยุน
“ทำไมพี่จูฮอนพูดแบบนั้นล่ะครับ กยุนแค่ไปอเมริกาเองนะ กยุนไม่ได้ไปตายสักหน่อย”
“ไม่ไปไม่ได้หรอ”
“ไม่ได้หรอกครับ”
“…………….”
“กยุนรักพี่จูฮอนนะครับ รักมากๆเลย”
“พี่ก็รักกยุนเหมือนกัน”
ทันที่ที่ร่างสูงพูดจบ คนตัวเล็กก็โผเข้ากอดทันที น้ำตาที่กลั้นเอาไว้ไม่อยากให้ไหลมันก็ไหลออกมาเสียอย่างนั้น ถึงปากจะบอกว่าแค่ไปอเมริกาเองนะ แต่ในใจคนตัวเล็กนั้นก็รู้อยู่แล้วว่าถ้าไปก็คงไม่ได้กลับมาอีก แถมยังไม่รู้จะติดต่อกับคนที่นี่ยังไง
นี่มันเหมือนกับต้องเลิกกันชัด ๆ
“ไม่ร้องนะครับคนเก่งของพี่ พี่สัญญาว่าพี่จะรอเราอยู่ที่นี่ ถ้าเราไม่กลับมาพี่จะไปหาเราที่นู่นเอง”
จูฮอนพูดก่อนจะค่อย ๆ ใช้นิ้วมือของตัวเองเช็ดน้ำตาให้กับคนตรงหน้า
“พี่จูฮอนอย่าทำแบบนั้นเลยครับ เราทั้งคู่ต่างก็ยังเด็ก เราต้องเจอใครอีกเยอะ อย่ามาจมปลักกับกยุนเลยครับ”
ชางกยุนพูดทั้งน้ำตา
“ไม่เอาสิ ไม่พูดแบบนั้น พี่รักเรานะชางกยุน พี่พูดจริง ๆ”
“กยุนก็พูดจริง ๆ กยุนก็รักพี่ แต่เราเลิกกันเถอะครับ”
น้ำตาของชางกยุนไหลลงมาอีกแล้ว คนตัวเล็กร้องไห้สะอึกสะอื้น ร่างสูงก็น้ำตาคลอไม่ต่างกันเลย
จูฮอนค่อยๆจูบซับน้ำตาของคนตัวเล็กก่อนจะค่อย ๆ เคลื่อนริมฝีปากของตัวเองไปประกบกับริมฝีปากของชางกยุน
เป็นจูบที่ปวดร้าวที่สุดในชีวิตของคนทั้งคู่จริง ๆ.........
-------------------------------------
จูฮอนพาชางกยุนมาส่งที่บ้าน ตลอดทางทั้งคู่ต่างตกอยู่ในความเงียบ มีเสียงสะอื้นมาจากคนตัวเล็กอยู่เป็นระยะ ความรู้สึกที่ต้องจากกันทั้งที่รักกันมากมันทรมานแบบนี้นี่เอง
รถมอเตอร์ไซค์สีดำเคลื่อนตัวมาจอดหน้าบ้านของชางกยุน ชางกยุนก้าวลงจากมอเตอร์ไซค์ก่อนจะถอดหมวกกันน็อคยื่นคืนให้จูฮอนและหันหลังจะเดินเข้าบ้าน
“ชางกยุน”
ร่างสูงถอดหมวกกันน็อคตัวเองออกก่อนจะเรียกคนตัวเล็กไว้
“พี่ให้ ไว้เปิดฟังบนเครื่องนะ”
จูฮอนยื่นซาวด์อเบาท์คู่ใจของคนให้คนตัวเล็ก ชางกยุนร้องไห้โฮอีกครั้งก่อนจะวิ่งไปกอดจูฮอนเป็นครั้งสุดท้าย
ทั้งคู่กอดกันอยู่นานจนสุดท้ายเป็นชางกยุนที่ผละออกมาก่อน
“พี่รักเรามากนะชางกยุน อย่าลืมนะว่าเรายังมีพี่ที่รักและเป็นห่วงอยู่ตรงนี้เสมอ”
จูฮอนวางมือตัวเองบนหัวกลมของชางกยุนพลางส่ายหัวกลมไปมาและยิ้มให้
“ผมก็รักพี่จูฮอนเหมือนกันครับ”
คนตัวเล็กว่าก่อนจะค่อยๆเดินถอยหลังเข้าบ้านไป จูฮอนมองตามคนตัวเล็กจนคนตัวเล็กปิดประตูบ้าน และเป็นตอนนั้นเองที่ร่างสูงปล่อยให้น้ำตาที่กลั้นเอาไว้ตั้งแต่แรกไหลออกมาอย่างไม่อายใคร......
-------------------------------------
10 มกราคม 2001
ถึง ไดอารี่ที่รัก
หน้านี้จะเป็นหน้าสุดท้ายแล้วนะที่กยุนจะเขียน เป็นหน้าสุดท้ายของสมุดพอดี และกยุนก็กำลังจะไปสนามบินในอีก 3 ชั่วโมงข้างหน้านี้แล้วด้วย ขอบคุณช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกันมาตลอด กยุนจะทิ้งคุณไดอารี่เล่มนี้ไว้ที่นี่นะ เผื่อวันไหนที่กยุนกลับมา กยุนจะได้รื้อฟื้นความหลัง
และถ้าพี่จูฮอนเปิดอ่าน อยากให้พี่รู้นะครับว่ากยุนรักพี่มาก ไดอารี่เล่มนี้มันคือความทรงจำระหว่างเราทั้งคู่ ภาพความทรงจำต่าง ๆ ที่เรามีด้วยกัน ทำด้วยกัน มันจะอยู่ในความทรงจำของกยุนแบบไม่มีทางหายไปไหน
ลาก่อนนะครับ พี่จูฮอน ความทรงจำที่แสนงดงามของผม
-------------------------------------
ชางกยุนนั่งร้องไห้โฮหลังจากที่อ่านไดอารี่ของตัวเองมาถึงหน้าสุดท้าย ราวกับว่าความรู้สึกนั้นเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ไม่ใช่ว่าในระหว่างที่อยู่อเมริกาเขาไม่มีใคร เขาก็มีคนที่เข้ามาในชีวิตบ้าง แต่สุดท้ายก็ไปกันไม่รอดเพราะเขาไม่เคยลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่นี่เลยด้วยซ้ำ
มือเล็กล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของตัวเองพร้อมทั้งหยิบซาวด์อเบาท์เครื่องเดิมที่เป็นของรักของหวงของตัวเองไปแล้วขึ้นมา ซาวด์อเบาท์ของจูฮอนที่เขาได้มาตั้งแต่ตอนนั้น
ชางกยุนยัดหูฟังทั้งสองข้างเข้าหูตัวเองก่อนจะกดปุ่มให้เทปคาสเซ็ตข้างในเล่น เทปหน้าเอมันเป็นเพลงธรรมดาๆที่จูฮอนชอบในตอนนั้น แต่เทปหน้าบีมันเป็นเสียงอัดของจูฮอนที่ตั้งใจอัดไว้ให้เขา
“ ไงชางกยุนคนเก่งของพี่
ถ้าเราได้ฟังเทปนี้ก็แสดงว่าเราสองคนคงไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้วสินะ เราเองคงอยู่บนเครื่องบินแล้วล่ะสิ เทปนี้เป็นเทปที่พี่ชอบมากที่สุด เป็นเพลงที่พี่ชอบมากที่สุด พี่อยากให้เราได้ฟังเพลงที่พี่ชอบ วันไหนที่เราคิดถึงพี่ พี่ก็หวังว่าเราจะหยิบเทปนี้ขึ้นมาฟัง
เสียดายเวลาที่ผ่านไปเนอะ เรายังใช้เวลาด้วยกันไปแค่นิดเดียว ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่พี่ยังไม่ได้ทำกับกยุน พี่อยากดูแลเราให้มากกว่านี้ แต่สุดท้ายพี่เองก็งี่เง่าที่ปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยไร้ความหมาย
พี่อาจจะไม่ค่อยได้พูด ไม่ค่อยได้เล่าอะไรให้กยุนฟังมากนัก แต่กยุนเคยถามใช่มั้ยว่าพี่รักเราตั้งแต่ตอนไหน ซึ่งพี่ไม่เคยบอกเราเลย อืมมมม ก็เขินนั่นแหละ ไม่รู้จะบอกยังไง
ที่จริงพี่ก็ไม่รู้ตัวหรอกว่าชอบกยุนตั้งแต่ตอนไหน มารู้ตัวอีกทีก็เวลาที่พี่หันไปข้างๆพี่ก็จะเจอกยุนอยู่เสมอ กยุนรู้มั้ยว่าจดหมายที่พี่ได้วันละเป็นสิบๆฉบับที่พี่ให้กยุนเอาไปทิ้ง พี่ไม่เคยสนใจ ไม่เคยอ่านเลย จนวันนึงที่พี่เห็นลายมือคุ้นๆ พี่เปิดมันออกมาอ่านและพี่ก็รู้ทันทีว่านั่นเป็นจดหมายที่กยุนส่งให้พี่
พี่เก็บจดหมายเราไว้ทุกฉบับเลยนะ เปิดอ่านมันอยู่ซ้ำๆแบบนั้น ไม่รู้ตัวหรอกว่าชอบกยุนตอนไหน ตอนแรกความรู้สึกพี่มันยังไม่ชัดพอ จนพี่ได้มาคบกับซึลกินั่นแหละ มันถึงทำให้พี่รู้ว่าที่จริงแล้วพี่รักกยุนมากขนาดไหน
ขอโทษนะที่เคยทำร้ายความรู้สึกของกยุน พี่แค่อยากจะบอกว่าพี่ไม่ได้ตั้งใจ
พี่จะรอกยุนอยู่ตรงนี้เสมอนะ จะรักและเป็นห่วงอยู่ตรงนี้ วันไหนที่กยุนท้อหรือเศร้าใจ พี่อยากให้กยุนเปิดเทปของพี่ อย่างน้อยพี่ก็หวังว่าพี่จะทำให้กยุนมีกำลังใจมากขึ้น
รักมาก ๆ นะครับคนเก่งของพี่
จาก อีจูฮอน คนที่รักอิมชางกยุนสุดหัวใจ ”
เสียงจากเทปคาสเซ็ตของจูฮอนที่ให้ไว้ทำเอาชางกยุนร้องไห้ออกมาอีกแล้ว ที่จริงเขาก็ร้องไห้ตั้งแต่เปิดฟังบนเครื่องบินตอนไปอเมริกาแล้ว หลังจากนั้นซาวด์อเบาท์และเทปคาสเซ็ตอันนี้ชางกยุนก็พกติดตัวเอาไว้และฟังเสียงจูฮอนซ้ำ ๆ ตลอดเวลา เหมือนเป็นของดูต่างหน้าที่ทำให้คิดถึงจูฮอนอยู่เสมอ
“หนูชางกยุนมาถึงแล้วหรอคะ อุ้ย”
เสียงคุณป้าใจดีดังขึ้นมาจากตรงประตู ทำให้ชางกยุนรีบเช็ดน้ำตาแบบลวกๆ
“ครับ ผมเพิ่งถึงเมื่อกี้เองครับป้าชุนซุก”
ชางกยุนหันมายิ้มให้กับป้าแม่บ้านที่เพิ่งเดินเข้ามา
“เป็นอะไรรึเปล่าหนูชางกยุน”
ป้าแม่บ้านรีบเดินเข้ามาถามไถ่เพราะคุณหนูของบ้านร้องห่มร้องไห้จนจมูกแดงไปหมด
“เปล่าหรอกครับ แค่คิดถึงช่วงเวลาเก่า ๆ เฉย ๆ”
ชางกยุนตอบยิ้มๆ
“หนูไม่ได้กลับมาจะเป็นสิบปีแล้วนี่เนอะ ป้าเข้าใจ ๆ ลงไปทานข้าวดีกว่า ป้าทำไว้เสร็จแล้วนะ เดี๋ยวป้าเก็บห้องหนูให้ก่อน คืนนี้จะได้นอนสบายเนอะ”
“ครับ ขอบคุณมากครับป้า”
ร่างเล็กปล่อยให้ป้าแม่บ้านจัดการกับห้องของตัวเองก่อนจะค่อย ๆ เดินลงบันไดไปยังห้องรับแขกข้างล่าง
“ป้าชุนซุกคร้าบบบบบบ คุณนายอีทำซุปกิมจิมาฝากล่ะ เห็นว่าเดือนนี้ป้ามาทำความสะอาดสองรอบแล้ว กลัวเหนื่อย มาทาน.........”
เสียงทุ้มคุ้นเคยดังขึ้นก่อนที่จะหยุดกลางอากาศไปดื้อ ๆ เพราะสบตาเข้ากับใครอีกคน
ชางกยุนมีสีหน้าตกใจ แม้ไม่ได้เจอกันมากว่าสิบปี แต่คนตรงหน้าก็ยังเหมือนเดิม ตาตี่ที่เป็นเอกลักษณ์พร้อมกับลักยิ้มและรอยยิ้มอันแสนอบอุ่นที่เขาคิดถึงนั้น ยังอยู่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไป
“พี่จูฮอน”
“ชางกยุน”
ทั้งคู่พูดออกมาพร้อมกันและจ้องหน้ากันอยู่แบบนั้น จูฮอนเดินไปวางถ้วยซุปกิมจิลงบนโต๊ะอาหารก่อนจะค่อย ๆ เดินเข้ามาหาคนตัวเล็กพร้อมกับยกมือหนาวางไว้บนหัวกลมและโยกไปมาแบบที่ตัวเองชอบทำเมื่อตอนเด็ก ๆ
“เจอตัวแล้ว เป็นไงเรา ตัวโตขึ้นเยอะเลยนะเนี่ย”
จูฮอนพูดและยิ้มให้
สิ้นเสียงของคนตรงหน้า ชางกยุนก็ปล่อยโฮและโผเข้ากอดคนตรงหน้าทันที
“กยุนคิดถึงพี่จูฮอนจังเลยครับ”
คนตัวเล็กพูดด้วยเสียงอู้อี้เพราะโดนคนตัวสูงกว่ากอดแน่นจนจมอก
“พี่ก็คิดถึงเราเหมือนกัน”
จูฮอนลูบหัวชางกยุนเบาๆ
“สัญญากับพี่ได้มั้ยว่าจะไม่ไปไหนอีกแล้ว”
“อื้อ สัญญา ๆ กยุนสัญญา กยุนจะไม่ไปไหนอีกแล้ว กยุนจะอยู่กับพี่จูฮอนที่นี่”
“ดีมากครับคนเก่งของพี่”
จูฮอนผละกอดออกจากคนตัวเล็กก่อนจะลูบหัวเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู
คนตัวเล็กเขย่งปลายเท้าตัวเองขึ้นไปจุ๊บปากคนตัวสูงกว่าก่อนจะยิ้มอย่างดีใจและเดินออกไปโทรศัพท์หาแม่
“ฮัลโหล แม่ครับ เรื่องที่จะให้ผมมาทำงานสาขาที่เกาหลี บอกพ่อเลยนะครับว่าผมตกลง ผมไม่กลับบอสตันแล้วนะ”
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in