สรุปความเป็นไปปี 2016 ของเรา..
ปีนี้เป็นปีทัฟๆของเรา เริ่มต้นปีด้วยความที่เราเบื่อ
เบื่อรถติด เบื่อความจน
เบื่ออะไรหลายๆอย่างที่อันเนื่องมาจากทีี่ทำงาน
ว่าแล้วขอเอาของปี 2015 มาเล่าหน่อยละกัน
ต้นปี 2015 เราเรียนจบโท
ด้วยความไฟแรง เราลาออกจากการเป็นเออีบริษัทอีเว้นท์แห่งหนึ่ง มาเป็น Marketing อีกบริษัท
ซึ่งเงินเดือนน้อยลง (เพราะเค้าบอกเป็นรัฐวิสาหกิจ) ออฟฟิศในเมือง ต้องเดินทางไกลขึ้น แต่เราก็ยอม
ร้อนวิชาด้วยแหล่ะ
สุดท้ายทำมาจนย่างเข้าปี 2016
พบว่าไม่ใช่รัฐวิสาหกิจ และไม่มีสวัสดิการอะไรเลย
เผชิญความเบื่อที่เกริ่นไว้ทุกอย่าง ยกเว้นเนื้องานอะนะ
สุดท้ายก็หางานใหม่ ความใกล้บ้านต้องมา
เงินเดือนต้องดีขึ้น เอาเท่าตอนทำอีเว้นท์ก็ยังดี
และแล้วเดือนเมษาเราก็ได้งานใหม่
เราได้ตามที่ต้องการทุกอย่าง เหมือนจะเป็นปีที่ดีนะ
แต่ข่าวร้ายก็มา
พ่อเราเป็นมะเร็ง..
ใช่แล้วพ่อเราเป็นมะเร็งจริงๆ
พ่อเจ็บคอนานสองอาทิตย์เลยไปตรวจ ตรวจไปมาก็อย่างที่บอก พวกเราก็เหวอกันไปทั้งบ้านอะนะ
คงเป็นเรื่องปกติของทุกบ้าน
ตั้งแต่กลางปีจนถึงเดือนตุลา เราไปมาโรงพยาบาลจุฬาบ่อยมาก พ่อต้องเอกซเรย์ เจาะเลือด ผ่าตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ ซีทีสแกน ลุ้นว่าต้องตัดกล่องเสียงมั้ย พ่อจะต้องพูดไม่ได้ตลอดไปรึเปล่า พ่อต้องฉายแสง33ครั้ง ทำคีโม คืออะไรต่อมิอะไรที่เราคิดว่าไกลตัว มันกลายเป็นเรื่องใกล้ตัวไปซะเฉยๆ เราต้องทำเป็นว่าไม่กลัว ทำเป็นว่ามันเป็นเรื่องเล็ก เราต้องกลั้นน้ำตาต่อหน้าพ่อ
มันเหมือนละครน้ำเน่านะ แต่พอถึงเวลานั้นความรู้สึกทำอะไรไม่ถูก หรือการที่เรารับรู้ว่าเราทำได้แค่สร้างกำลังใจให้ครอบครัว มันคือเรื่องโคตรจริงเลยว่ะ
ปีนี้เราต้องเห็นพ่อเจ็บมากสุดในชีวิตเท่าที่เราเคยเห็น
เห็นพ่อกินอะไรไม่ได้ เห็นพ่อต้องใส่สายให้อาหาร
เราต้องหัดป้อนอาหารทางสายยางให้พ่อทุกๆมื้อ เจอความรู้สึกลุ้นทุกครั้งว่าใส่อาหารไปแล้วปลายสายมันอยู่ในกระเพาะหรือมันขยับไปอวัยวะอื่นรึป่าววะ ฮา
หัดบดยา ได้มีประสบการณ์นั่งๆนอนๆรอหน้าห้องฉุกเฉินเพราะโรงพยาบาลไม่มีเตียงตอนพ่อไข้ขึ้น อาการแทรกแซงอะไรที่มันแทรกได้มันมาหมดเลย เราสามพี่น้องก็สลับกันดูแล สลับกันหยุดงาน (ขอบคุณที่ทำงานใหม่จริงๆที่ให้เราลางานเยอะแบบเค้าจะไล่เราออกก็ได้ แต่เค้าเข้าใจ) พวกเราผลัดกันพาพ่อแม่ไปโรงพยาบาล ผลัดกันเป็นพยาบาล ผลัดเป็นคนขับรถ เราก็ได้แต่มองหน้ากันว่าเดี๋ยวมันก็ดีขึ้น เราว่าเราโชคดีที่กำลังใจบ้านเราแม่งโคตรดี โคตรอบอุ่น
พ่อฉายแสงเสร็จปลายกันยา คิดว่าทุกอย่างจะดีขึ้น
แต่เอาเข้าจริงๆการฟื้นฟูร่างกายคนอายุ 64 มันไม่ได้เร็วขนาดนั้นไงแก ร่างกายพ่อเราล้าจากการฉายแสงติดต่อกัน 33 ครั้ง ซึ่งเป็นเวลาเดือนกว่าๆ และไหนจะคีโมตัวดีที่ทำระบบร่างกายพังไม่เป็นท่า กินก็กินไม่ได้ ถ่ายก็ไม่เป็นระบบ เรียกว่าร่างรวนของจริง
พ่อก็เลยยังต้องให้อาหารทางสายยางต่ออีก 2 เดือน เพิ่งมาถอดเดือนที่แล้วนี่แหล่ะ ละทุกๆอย่างก็ค่อยๆดีขึ้น
เอาเข้าจริงตอนนี้พ่อก็ยังทานอะไรได้ไม่สะดวกเหมือนก่อน ต้องกินแต่อะไรน้ำๆ นิ่มๆ เพราะยังเจ็บแผลอยู่
แต่เราก็ได้เห็นภาพเดิมๆ เห็นพ่อได้ปั่นจักรยานออกไปซื้อของในหมู่บ้านได้เอง พ่อลุกมาปลูกต้นไม้ ตัดต้นตีนตุ๊กแกหน้าบ้านที่เลื้อยมั่วไปหมดตลอดเกือบครึ่งปีที่พ่อต้องอยู่แต่ในบ้าน ได้ออกไปกินข้าวนอกบ้านด้วยกัน
ซีทีสแกนล่าสุดผลออกมาว่ามะเร็งตายแล้วนะ
ดีใจทั้งบ้าน ดีใจยิ่งกว่าเข้ามหาลัยได้ ยิ่งกว่าเรียนจบ ยิ่งกว่ามีแฟน ยิ่งกว่าถูกหวย ซึ่งเอาจิงก็ยังไม่เคยถูก แต่สรุปว่าเออ ดีใจที่สุดดีใจเบอร์สิบบบ
กลายเป็นปีนี้มีแต่เรื่องพ่อ 55
มันก็คือตามนั้น พ่อทั้งคนอะเน้อะ
สรุปแล้วปีนี้เราเลยไม่ค่อยได้เจอเพื่อนเท่าไหร่
เพราะไม่ว่าง+ไม่มีกะจิตกะใจจะแฮงเอ้าท์ใดใด
งานก็เริ่มลงตัว สนุกกับงานมากขึ้น
ได้โบนัสในรอบสามปี $$$
ล่าสุดเค้าส่งเรามาเรียนกราฟฟิกเพิ่ม
เอาว่ะ เรียนจบน่าจะแก้ artwork ได้บ้างแล้ว
สงสัยจะใช้คุ้ม ฮ่าาา
แฟนก็ยังคนเดิม ทะเลาะกันบ่อยทุกวันเหมือนเดิม
ว้ากใส่กันบ้าง หวานบ้าง ตามประสา
แต่ขอบใจที่คอยซัพพอร์ตอยู่ข้างๆเสมอ
จบแล้วบทสรุป 2016 ที่มาเขียนในปี 2017 :P
เขียนที่โรงพยาบาลจุฬาที่รัก
(พาพ่อมาเชคอัพตามนัดหมอ..ลางานอีกแล้ว)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in