เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ว่าด้วยpokchanymph
ว่าด้วยเรื่องความหมกมุ่นในการย้อนเวลาจากเรื่องแต่ง Let's Time Travel! :D
  • เห็นเขาชวนไปทราเวลกันมามากแล้ว วันนี้มาเหนือ จะชวนไปไทม์ทราเวล ปะ!

    ทวิภพ, โดเรมอน, Time Traveler's Wife, Life is Strange .etc ทำไมนิยาย หนัง เกม การ์ตูนหลายๆ เรื่องถึงชอบใช้ตีมหรือมีเรื่องราวประกอบเป็นการเดินทางข้ามเวลา? แล้วทำไมเราถึงชอบเรื่องสไตล์นี้ล่ะ?

    ในที่สุดก็ได้เขียนเรื่องนี้ เย่ อันที่จริงมีความคิดอยากเขียนเรื่องเกี่ยวกับไทม์ทราเวลในสื่อหนัง หนังสือ เพลง เกม อะไรแบบกว้างๆ มาสักพักแล้ว แล้วยิ่งโดนจุดประกายตอนได้เล่นเกม Life is Strange เมื่อ 2 เดือนก่อน (จริงๆ obsessed เกมนี้หนักมากก สามารถเขียนเป็นตอนเดียว (หรือหลายตอน) ได้เลย ไว้วันหลังเนอะ) เกมนี้มีอะไรฝากไว้ให้คีสพอสมควรโดยเฉพาะกับเราที่ชอบอะไรเกี่ยวกับไทม์ทราเวลอยู่แล้วมันโดนมาก เลยกลับมานั่งนึก เออ ทำไมเราถึงชอบและหมกมุ่นกับไทม์ทราเวลขนาดนั้นนะ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะชอบประวัติของสิ่งต่างๆ ล่ะมั้ง เลยอยากรู้ว่าหนัง เรื่องราวแต่ละเรื่องจะตีความมันแบบไหน แต่จะมาบอกเหตุผลแค่นี้แล้วจบบทความก็กระไรอยู่ วันนี้เลยจะมาว่าด้วยความหมกมุ่น (ของตัวเอง) กับเรื่องไทม์ทราเวลในเรื่องแต่งหลายๆ เรื่อง 

    เหมือนเดิม เรื่องที่มาพูดวันนี้ส่วนใหญ่เป็นความเห็นและการตีความของเราเอง ส่วนตัวไม่คิดว่าการตีความเรื่องทำนองนี้มีผิดหรือถูก ใครที่คิดไม่เหมือนกันก็ปกติเนอะ

    เหตุผลหลักๆ ที่ทำให้คนเราหมกมุ่นกับเรื่องราวการเดินทางข้ามเวลาโดยเฉพาะการย้อนอดีตที่อธิบายได้ง่ายที่สุดคือ เราอยากเดินทางข้ามเวลาเองนี่แหละ มนุษย์อยากทำอะไรที่ตัวเองทำไม่ได้ ไทม์ทราเวลดูเป็นเรื่องที่มนุษย์หมกมุ่นมานานและคาดหวังว่าจะได้เกิดขึ้นจริงๆ ดูอย่างตอนข่าวค้นพบคลื่นความโน้มถ่วงเมื่อเดือนกุมภาก็กลายเป็นข่าวใหญ่โต ส่วนหนึ่งเพราะการคอนเฟิร์มทฤษฎีสัมพันธภาพของขุ่นพ่อไอน์สไตน์ที่มีอายุกว่าร้อยปี แต่อีกส่วนก็เพราะหลายๆ คนอยากรู้ว่าไอ้เจ้าเวลานี่มีอะไรมากกว่าที่คิดจริงๆ บางทีไทม์ทราเวลอาจจะไม่ไกลเกินเอื้อมก็ได้! แต่ Kip Thorne co-founder ของหอสังเกตการณ์คลื่นความโน้มถ่วง LIGO (และนักฟิสิกส์ที่ให้คำปรึกษาโนแลนในหนังเรื่อง Interstellar) ตอบคำถามนี้ในงานแถลงข่าวว่าการค้นพบเมื่อเดือนกุมภาก็มิได้นำพาให้เราปิ๊งเรื่องไทม์ทราเวลได้เลยแต่อย่างใด ฮือ :( 

    และในฐานะที่เราเป็นมนุษย์ที่ถนัดด้านวิทย์ม๊าก ก็จะขอตัดประเด็นนี้จบอย่างรวดเร็ว 555

    พอการทำให้ไทม์ทราเวลเป็นจริงในโลกของวิทยาศาสตร์ โลกความเป็นจริง (ยัง)เป็นไปไม่ได้ ในโลกที่เปิดโอกาสให้ทุกอย่างอย่างโลก fictional เลยเต็มไปด้วยเรื่องทำนองนี้
    อันที่จริงก็คงพอๆ กับเรื่องสไตล์สยองขวัญแหละเนอะ คนเราต้องการหาคำตอบให้กับเรื่องราวบางอย่าง โลก fictional เลยมาเป็นส่วนเติมเต็มส่วนนั้น

    ดูเผินๆ พอเราใช้เหตุผลว่าการเดินทางข้ามเวลามันช่วยตอบโจทย์ความต้องการคนมันก็ใช่นะ แต่อาจจะกว้างไป ส่วนหนึ่งมันก็เป็นการตอบโจทย์ความต้องการของผู้เขียนกับผู้อ่านในแต่ละบริบทด้วยเพื่อตอบโจทย์ความต้องการมีส่วนร่วมในประวัติศาสตร์ ประมาณว่าฮีโร่ของเรื่องไปช่วยกอบกู้บางอย่างหรือไปมีส่วนร่วมกับเรื่องที่เราเชื่อว่าเกิดขึ้นจริง พออ่านหรือดูก็รู้สึกตื่นเต้น

    เช่นการอ้างเหตุการณ์ที่ชัดเจนเพื่อตอบรับกับเวลาที่เขียน อย่างเรื่องทวิภพ นางเอกก็ไม่ได้ย้อนเวลาไก่กาอาราเล่กลับไปเวลาไหนก็ได้ แต่เธอย้อนไปในช่วงที่ไทยมีปัญหากับฝรั่งเศส (ร.ศ.112) ประจวบเหมาะกับที่นางมีความสามารถด้านภาษาก็เลยได้เข้าไปมีบทบาท คนอ่านก็เกิดอาการอินฟินตามๆ กันไป

    นิยายไทยอีกเรื่องที่ป๊อปพอสมควรอย่างเรื่อง บุพเพสันนิวาส ที่ตัวละครเดินทางข้ามเวลาผ่านจิตวิญญาณและภายใต้ความเชื่อเกี่ยวกับการเวียนว่ายตายเกิด ประมาณว่าชาติก่อนเคยเป็นใครทำนองนี้ก็ย้อนเวลาไปในเหตุการณ์ที่ specific อย่างสมัยกรุงศรีอยุธยาแล้วได้เข้าไปมีบทบาทหรือได้เห็นการตัดสินใจของตัวละครในประวัติศาสตร์บางตัว (เช่นการช่วยท้าวทองกีบม้าตั้งชื่อขนมทองหยิบทองหยอด)

    หรือบางเรื่องที่เราจำไม่ได้ว่าเรื่องอะไร แต่เคยพูดกับใครสักคนมาก่อนว่ามันมีเรื่องทำนองว่า มีคนย้อนเวลาไปฆ่าฮิตเลอร์ ผู้นำเผด็จการนาซีประมาณช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อจะได้ไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้นกับคนหลายล้านคน โดยเฉพาะชาวยิวที่ถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

    การ์ตูนเรื่อง Billy Bat ของ  Naoki Urasawa (คนวาด Pluto, 20th Century Boy, Monster) กับ Takashi Nagasaki ก็เล่นไอเดียเรื่องเวลาเยอะมาก สนุกดี หลักๆ ไม่ได้โฟกัสที่ไทม์ทราเวลแต่ไอเดียเรื่องเวลานางยิ่งใหญ่มาก อ่านแล้วงงและดูมีการสมคบคิดเต็มไปหมด

    ขุ่นพ่อไอน์สไตน์ก็มา (จาก mangapanda)

    พูดเรื่องไทม์ทราเวลแล้วคงไม่พูดถึงเรื่อง Dr.Who ที่เล่นกับคอนเซปต์เวลาตลอด กระโดดไปเวลานั้นเวลานี้ อันนี้อาจจะไม่ได้มีส่วนร่วมในประวัติศาสตร์ แต่นางแหวกมากคือให้ประวัติศาสตร์มีส่วนร่วมกับคนดู ตัวอย่างฉากนี้ที่เราชอบมาก


    เป็นฉากที่ด็อกเตอร์พาแวนโก๊ะมาดูงานตัวเองปี 2010 ที่มีคนชื่นชมผลงานเยอะมาก ในขณะที่ในพีเรียดเวลาของแวนโก๊ะเขาไม่ได้รับการสนใจเท่าไหร่ เราชอบที่ฉากนี้คนที่ดูงานส่วนใหญ่จะเห็นเป็นเด็กๆ เหมือนแสดงให้เห็นว่างานของแวนโก๊ะเป็น legacy ที่จะส่งต่อรุ่นสู่รุ่นไปเรื่อยๆ ดูคลิปเดียวก็จะน้ำตาแตกแล้ว แง
  • นอกจากการใช้เรื่องสไตล์นี้ตอบโจทย์ความต้องการในการมีส่วนร่วมในประวัติศาสตร์แล้ว อีเรื่องสไตล์ย้อนเวลาก็แอบย้อนแย้งในตัวเอง เอ๊ะ จะย้อนจะแย้งอะไรกันนักกันหนา คือว่าาา พอดูแล้วหลายๆ เรื่องก็พยายามนำเสนอกับคนดูคนอ่านว่า แก จริงๆ แล้วการย้อนเวลาก็ไม่ได้ดีแบบที่คิดนะ

    ดูจากเรื่องโดเรมอนที่เราคุ้นเคยกัน เราจะเห็นบ่อยมากว่าตัวละครไม่ได้ใช้ไทม์แมชชีนเพื่อจัดการกับอดีตหรืออนาคตอะไรมากนัก โนบิตะไม่เคยนั่งไทม์แมชชีนกลับไปทำอีกแอคชั่นนึงเพื่อไม่ให้โดนแม่ด่า โดนครูด่า โดนไจแอนท์แกล้งแต่จะใช้ของวิเศษอย่างอื่นแทน เอาจริงๆ ถ้ามีแค่ไทม์แมชชีนสำหรับเราของวิเศษอย่างอื่นก็ไม่จำเป็นเท่าไหร่แล้ว 555

    อย่างแฮร์รี่ พอตเตอร์เองไอ้เจ้าตัว Time Turner เองก็แอบทำให้เราคิดว่าจริงๆ ความสามารถในการเปลี่ยนแปลงเรื่องราวในเวลานี่จำเป็นแค่ไหน (โดยเฉพาะในกรณี Cursed Child ที่พออ่านแล้วทำให้คนอ่านรู้สึกเลยว่าการย้อนเวลาหรือมีอำนาจเหนือเวลาไม่ได้ดีขนาดนั้น) มันคงเป็นวัตถุอันตรายพอสมควรแหละ ดีที่มันอยู่ในมือของเฮอร์ไมโอนี่นางเลยแค่หมุนกลับไปเรียนคลาสที่ซ้อนกันแค่นั้น /กราบ

    เรื่อง Time Traveler's Wife ที่การไทม์ทราเวลทำให้ตัวละครได้มาเจอกัน มารักกัน แต่แอบลึกๆ แล้วพออ่านเราก็แอบคิดนะว่า หรือจริงๆ แล้วถ้าตัวละครสองตัวนี้ไม่เจอกันเรื่องจะดำเนินต่างไป การจบอีกแบบก็น่าสนใจ 

    หนังเรื่อง About Time ที่ฉายหลายปีก่อนก็เล่นประเด็นประมาณว่าสุดท้ายแล้วการเดินทางข้ามเวลามันสำคัญแค่ไหน แล้วการใช้พลังอันนี้มันคุ้มรึเปล่า



    หรือเกม Life is Strange (ที่ดีมากกกก) เป็นเรื่องเกี่ยวกับตัวละครที่มาค้นพบว่าตัวเองสามารถย้อนเวลาได้ เป็นเกมที่เล่าดราม่าชีวิตวัยรุ่นสนุกดี มันสนุกตรงที่อย่างกับหนังเลย ทำให้เรารู้สึกมีส่วนร่วมกับตัวละครนั้นจริงๆ ทำให้เราต้องตัดสินใจว่าจะเลือกช่วยหรือไม่ช่วยตัวละครตัวใดตัวหนึ่ง จนพอจบเกมแล้วทำให้คิดว่าไม่มีพลังนี่เรื่องทั้งหมดก็จะไม่เกิด อ๊ะ แต่ถ้าไม่มีพลัง ก็จะไม่ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงบางอย่างนะ เราอาจไม่สามารถช่วยคนนั้นหรือใครหลายๆ คนได้ (เป็นเกมที่ทำให้เกิดไดเลมม่าได้ทั้งๆ ที่นั่งอยู่เฉยๆ)

    เกมนี้ Episode 1 โหลดฟรีนะ ลองไปเล่นเร้ว #notsponsored


    เรื่องสไตล์ไทม์ทราเวลส่วนใหญ่ทำให้เรากลับมาคิดว่าจริงๆ แล้วการไม่มีพลังอาจจะดีกว่า หรือเรื่องอาจจะไม่สับสนเท่านี้ก็ได้ หรือทำให้เราเห็นว่าจริงๆ แล้วการมีพลังพิเศษก็ไม่ได้ช่วยให้คนใช้ชีวิตได้ดีขึ้นเท่าไหร่ ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับตัวเราเองด้วยเป็นปัจจัยสำคัญ

    อีกเหตุผลหนึ่งที่ช่วยซัพพอร์ตข้อที่ว่าบางทีการไม่มีไทม์ทราเวลอาจจะดีกว่าคือ Butterfly Effect อย่างเช่นสมมติว่าเราย้อนเวลากลับไปแล้วเผลอทำอะไรที่ไม่เหมือนเดิมให้ แม้จะเป็นสิ่งที่เล็กแค่ไหนแต่มันจะกลายเป็นปัญหาที่ยิ่งใหญ่ขึ้น เช่นซีรีย์เรื่อง The Flash ที่มีตอนที่พระเอกนางคอนฟลิกต์ว่าควรช่วยชีวิตแม่ตัวเองมั้ย ถ้าช่วยแม่แม่รอด แล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อ

    หรือกรณี Grandfather paradox ประมาณว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นกับปู่เรา แล้วพ่อไม่ได้เกิดแล้วเราจะยังมีตัวตนอยู่มั้ยทำนองนี้ ถ้าต้องคิดหนักขนาดนี้ก็ไม่ย้อนเวลาแล้วก็ได้เด้อ บายเมื่อวาน สวัสดีวันนี้ เจอกันวันพรุ่งนี้

    สรุปแล้วจริงๆ มนุษย์เราก็ไทม์ทราเวลได้นะ ผ่านเรื่องราวเหล่านี้ไง เย่ ถึงเราจะมีส่วนร่วมในเหตุการณ์จริงไม่ได้ แต่การได้ย้อนกลับไปคิดอะไร หรือคิดว่าได้มีเรื่องที่สร้างส่วนร่วมในเหตุการณ์ในอดีต ปัจจุบัน อนาคตไว้เนี่ยก็เป็นสิ่งที่น่าประทับใจดี 

    สุดท้ายแล้วการมีพลังพิเศษ หรือมีอำนาจในการย้อนเวลาได้ในงานหลายๆ ชิ้นก็ยังอยู่ในกรอบประมาณว่าบางทีการย้อนเวลาหรือพลังพิเศษก็อาจไม่ได้ช่วยอะไรเรามากถ้าเราหวังพึ่งแต่พลังนั้น หรือการหวังพึ่งที่จะเปลี่ยนแปลงอาจก่อให้เกิดเรื่องอะไรที่ผีกว่าปัญหาเดิมก็ได้ เป็นเหมือนการตบบ่าปลอบมนุษย์ตัวน้อยๆ ที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากเดินตามเส้นตรงไปข้างหน้าให้แฮปปี้กับปัจจุบันและสิ่งที่จะเกิดขึ้นมากกว่าอดีตและ alternative realities แหละ

    เขียนจบแล้วเพิ่งรู้สึกว่าเหมือนมาบ่นๆๆ ลงคลิป พูดชื่อหนังสือแล้วก็จากไป 555 ในบรรดาที่พูดไปมีหลายอย่างที่เราชอบมาก เยิฟๆ #ติ่งข้ามเวลา #ติ่งทะลุมิติ 
    (มีเรื่องอีกหลายๆ เรื่องเลยที่ไม่ได้พูดถึง อย่างเรื่อง The Girl Who Leapt Through Time เพราะลืมไปแล้วว่าพล็อตเป็นไง ต้องกลับไปดู 555) 

    ช่วงนี้เขียนถี่แต่ใกล้มิดเทอมแล้ว คงไม่ถี่แล้ว นอกจากโพสต์งานเขียนเก่าๆ ตัวเองใน รวมมิตร *ขายของ*

    ขอบคุณที่อ่านจ้ะ :)
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in