เสียงคลื่นทะเลซัดเข้าฝั่ง พร้อมกับลมทะเลที่หอบเอากลิ่นไอเค็มของเกลือและความเหนียวเหนอะหนะมาสัมผัสที่ผิวเนื้อ มองไกลออกไปสุดลูกหูลูกตาคือพระอาทิตย์ดวงกลมโตที่ทอแสงสีส้มล้อประกายกับเกลียวคลื่น ก่อนจะลาลับเส้นขอบฟ้าไปอีกวัน
“คิดว่าพรุ่งนี้กระแสจะเป็นยังไง”
“ไม่รู้ แต่ตื่นเต้นมากเลย” กันตอบพร้อมกับกอดเข้ามาที่ผมทั้งตัว
“หวังว่าจะออกมาดี”
พวกเรากับทีมงานเองก็ตื่นเต้นกันมาก ๆ กับฟีดแบคของซีรีส์เรื่องนี้ สิ่งที่เราพยายามกันมาทั้งหมดตลอดหลายเดือน หรือจะพูดว่าตลอดสองปีก็ได้ เราหวังว่ามันจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง
ผมเองก็ไม่ได้คาดคิดหรอกว่าตัวเองจะมาถึงจุดนี้
จุดที่มีอาชีพนักแสดงเป็นอาชีพหลัก
อาชีพที่หาความมั่นคงได้ยากที่สุด
แต่กว่าจะรู้ตัวอีกทีมันก็ผ่านมาหลายปีจนอายุจะเข้าเลขสามอยู่แล้ว
เขาว่ากันว่า อายุ
เพื่อนในรุ่นเดียวกันอาจแต่งงานหรือมีลูก ซื้อบ้าน สร้างครอบครัว บางคนเปลี่ยนงานเพื่อหาความมั่นคงที่มากขึ้น บางคนเลือกที่จะไปเรียนต่อ ทุกสิ่งก็เพื่อที่จะทำให้ตัวเรารู้สึกว่าได้ขับเคลื่อนไปข้างหน้าแล้วก็เท่านั้น
ใคร ๆ ก็คงต้องแอบคิดถึงอนาคตกันบ้างทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่ผม
“พอจบเรื่องนี้ จะได้เล่นคู่กันอีกมั๊ยนะป่าปี๊” อยู่ ๆ ก็เปิดประเด็นมาเชียว
“ทฤษฎีจีบเธอยังเกิดได้เลยนิหน่า” ถึงแม้จะต้องตื้อแทบตายก็เถอะ
“แต่กันไม่เคยเห็นคู่จิ้นชายชายที่ไหนรับบทเรื่องที่สองเลยนะ หมายถึงกับคู่เดิม ถ้าอย่างณเดชน์ญาญ่าก็อีกเรื่อง”
“อืม ก็จริง” คู่ชายหญิงนั้นปั้นง่าย จะเล่นซ้ำ ๆ คนก็ยังตามดู แต่กับคู่ชายชายนี่ต้องรอให้คนไม่ติดภาพ ก็แปลกดี
กันปล่อยตัวออกจากผมแล้วนั่งย่อง ๆ ลงไปหยิบเปลือกหอยขึ้นมาขูดลงบนผืนทรายเป็นเส้นหยึกหยักที่ผมไม่รู้ความหมาย
“ระวังขากางเกงเปียก” ผมว่า
“ป่าปี๊” กันเงยหน้าขึ้นมามองผม และส่งเปลือกหอยสีขาวขึ้นมา ผมเลยรับไว้
“อะไร”
จับพลิกดูก็เป็นแค่เปลือกหอยธรรมดาสีขาวขุ่น
“แต่กันจะไม่ไปไหนนะ”
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็ยังอดเป็นห่วงอยู่ลึก ๆ ไม่ได้
“มึงเพิ่งจะยี่สิบห้าเอง ยังอยู่ในวงการได้อีกนาน” ส่วนผมน่ะ จะเหมาะกับซีรีส์วัยรุ่นใส่ชุดนักศึกษาได้อีกนานแค่ไหน
“กันห่างกับป่าปี๊แค่สองปีกว่าเองเถอะ อย่ามาทำตัวแก่หน่อยเลย อีกอย่างนอกจากซีรีส์แล้วก็มีอย่างอื่นให้ทำเยอะแยะไป”
“เป็นพิธีกรแบบพี่เลโอก็ดีนะ” นึก ๆ แล้วนั่นก็เป็นตัวผมที่สุดแล้ว
“นั่นงานถนัดป่าปี๊อยู่แล้วนี่”
“เห็นพี่เอ็กซ์ตอนกำกับก็น่าสนใจ น่าจะสนุก”
“งั้นกันเป็นแบบพี่นม เดี๋ยวกันสอนแอ็กติ้งให้ในเรื่องที่ป่าปี๊กำกับ”
นึกถึงกันตอนสอนแอ็กติ้งแล้วก็ต้องพยักหน้ารับ ตอนที่ถ่าย Beauty and The Babes Season 2 ก็สนุกมาก ๆ เป็นเนื้องานที่เราสองคนสนใจและอยากลองทำดูถ้ามีโอกาส
"อ้อ เป็นสไตลิสต์ก็ได้ เดี๋ยวไปฝึกแต่งหน้าด้วย" กันเสริม
ถึงแม้จะดูไม่น่ารอดเท่าไรแต่อะไรก็เกิดขึ้นได้นี่หน่า
“อืม งั้นต้องหาทุนสร้าง หาทีมเขียนบทด้วย”
“อันนั้นขอจากพี่ถาก็ได้”
“เออจริง แต่ต้องมีรายได้ทางอื่นด้วย ต้องเก็บเงินเยอะๆ”
“มาเรื่องเงินเก็บอีกแล้ว” กันบ่นและผมขำ
“ทำไม เบื่อจะฟัง?”
“รู้ว่าเป็นห่วง ก็ตั้งใจแล้วว่าจะเก็บนี่ไง”
“ดี” ผมโยนเปลือกหอยไปกลางอากาศและรับมันไว้
“ป่าปี๊”
“อื้อ”
“ตื่นเต้นกับพรุ่งนี้”
“เหมือนกัน”
“พรุ่งนี้ดูด้วยกันนะ” ผมหันไปมองคนที่ลุกขึ้นยืนและปัดทรายที่เลอะขอบขากางเกงออก
“พรุ่งนี้กว่าจะกลับถึงกรุงเทพก็ดึกแล้วนะ"
"ไม่เห็นเป็นไรเลย คอนโดป่าปี๊ใกล้ตึกนิดเดียว"
โอ้โห ขอขึ้นคอนโดคนอื่นง่าย ๆ งี้เลยนะ ได้แต่ส่ายหัว
"ไม่ได้หรอ" นั่นไง หน้าเริ่มงอแงแล้ว
"ไม่ใช่ไม่ได้ ก็ไปสิ”
“งั้นแวะที่บ้านเอาดิ๊กกี้ไปด้วยนะ”
“ตลก” ใครจะขับรถอ้อมไปอ้อมมา
“เอายีราฟไปด้วย” ยังไม่หยุดอีก
“เพ้อเจ้อละ” ผมส่ายหัว แต่ก็อดยิ้มตอบไม่ได้ เด็กสามขวบชัด ๆ เลย
“ก็ต้องทน” หน้างอแงแบบนั้นคืออะไร
ผมหันไปจ้องคนตัวเล็กจนเจ้าตัวหันมาสบตา
“ต้องทนงี้ไปจนเกษียณเลยหรอวะ”
“เกษียณนี่อายุเท่าไหร่”
“หกสิบไง อีกประมาณสามสิบปี”
“แก่งั่กแน่ พุงก็โย้ด้วย ตอนนั้นปีนขึ้นยีราฟไม่ไหวแล้ว” เสียงหัวเราะของกันพลอยทำให้ผมยิ้มตามไปด้วย
บทสนทนาอะไรวะเนี่ย
พอคิดดี ๆ แล้ว ก็ไม่ได้มองเห็นตัวเองในแบบอื่นเลย ชีวิตที่ไม่ได้เดินเข้าตึก ไม่ได้มองหน้ากล้อง ไม่ได้พูด ไม่ได้พบปะกับแฟนคลับ และไม่เจอคนข้าง ๆ
อืม จินตนาการไม่ออกเลยแฮะ
ตั้งใจจะอยู่ตรงนี้ ในวงการนี้แล้ว จะเป็นเบื้องหน้าก็ได้ จะเป็นเบื้องหลังก็ดี อนาคตสำหรับผมในตอนนี้คิดแค่ว่าอยากจะอยู่ในที่ที่สบายใจอย่างนี้ไปตลอดนี่แหละ จะมีอะไรดีไปกว่านี้
“อืม ยังไงก็ อยู่ด้วยกันนะ” ผมยื่นมือไปโยกหัวเล็ก ๆ นั่นไปมา
เห็นรอยยิ้มสดใสที่ส่งมา แต่กลับซ่อนความลังเลสงสัยไว้ไม่มิด "ป่าปี๊นั่นแหละ จะอยู่จริง ๆ หรอ"
"...รอดูละกัน"
ดวงตากลมโตสบตาผมนิ่งและผมก็มองตอบ เหมือนแค่อึดใจสั้น ๆ ที่คลื่นทะเลซัดมาถึงขาของเราสองคน
“พระอาทิตย์จะดับแล้ว” กันถอนสายตาและหันไปมองทะเลอีกครั้ง
“เขาเรียกพระอาทิตย์ตก”
“ตกก็ดับไง”
“จ้ะ” ยังไงก็ได้ “งั้นเข้าข้างในกันเหอะ เดี๋ยวโดนยุงกัด”
ผมจับแขนเล็ก ๆ เพื่อจะดึงตัวกลับเข้าข้างใน แต่กันฝืนแขนไว้ แล้ว
“ขอให้พรุ่งนี้ซีรีส์ปัง ๆ คลอดเบบี๋มากอีกเยอะ ๆ เลยนะ”
มุมปากหยักขึ้นเป็นรอยยิ้ม ผมขยับเข้าไปหาและสวมกอดเขาไว้จากด้านหลัง คนในอ้อมกอดสะดุ้งแต่ไม่ได้ขืนตัวออก ผมเลยกระชับกอดตัวนิ่ม ๆ ของกันไว้กับอก สูดกลิ่นหอมจากผิวกายอีกฝ่ายที่ซอกคอ เสียงหัวใจเต้นดังจนไม่รู้ว่าจะซ่อนคนในอ้อมกอดได้ยังไง
ผมอาจจะไม่ได้พูดถึงความสัมพันธ์ของเรามากนัก ราวกับปล่อยให้มันเป็นไปเหมือนเดิมในทุกวัน แต่ผมก็หวังว่าการกระทำของผมจะบอกทุกอย่างกับกันได้
"ป่าปี๊" เสียงกันสั่น
เป็นความสัมพันธ์ไร้ชื่อเรียกของคนสองคนที่ตัดสินใจจะอยู่ด้วยกันไปอีกสามสิบปี
อนาคตที่ไม่มีคน ๆ นี้ ผมนึกไม่ออกเลย
พรุ่งนี้ก็แค่จุดเริ่มต้นเท่านั้นแหละ
"พรุ่งนี้ เราจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง"
.
.
.
[HAPPY ENDING]
ช่วงนี้เสพติดโทนหม่น อยากจะซึ้งบ้างแต่ได้เท่านี้จริง ๆ สุดความสามารถแล้วค่ะ 5555
เรื่องนี้จบสำหรับเราแล้ว ค้างคากับตัวเองมานานเหมือนกัน ขอโทษนะคะ และขอบคุณสำหรับฟีดแบคมาก ๆ เลยค่ะ ไม่ค่อยได้กลับไปอ่านคอมเมนต์ เพราะเขิน 5555 ไม่ค่อยได้ตอบด้วย แต่ดีใจที่ได้มาชิปด้วยกัน ?
ถ้ามีโอกาสก็ไว้เจอกันอีกค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ
Cover Photo credit: GMMTV ทฤษฎีจีบเธอ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in