"ลงรูปอะไร"
เสียงแข็งของคนที่ผมแชร์ห้องด้วยคืนนี้พูดขึ้นตั้งแต่ผมยังปิดประตูไม่สนิท
"ถ่ายเล่น"
"ใส่เสื้อคลุมอาบน้ำของใคร" คนตัวสูงลุกขึ้นมาจากเตียงแล้วเดินเข้ามาใกล้ผมเหมือนสำรวจ
"ของห้องพี่นม มันเหลืออีกตัว"
"อาบน้ำแล้ว?"
"ยังไม่ได้อาบ ใส่ทับถ่ายรูปเล่นเฉย ๆ" ผมเดินเบี่ยงตัวหลบจากคนตรงหน้าไปนั่งที่เตียง
"แล้วไป"
"แล้วไปอะไรวะปี๊"
"โรงแรมเขามี bath bomb ให้ด้วยแน่ะ"
"เห็นในห้องพี่นมแล้ว"
"ก็ไปอาบสิ"
ผมเหลือบตามองคนตัวสูงที่ดูกระตือรือร้นเกินเหตุ
"แปลก ๆ นะ"
"ไม่แปลก ๆ ก็ตัวเหม็นมึงไม่ชอบนี่ ป่ะเร็ว" ผมโดนอีกคนลากแขนเข้ามาในห้องน้ำ พร้อมบริการเปิดน้ำลงในอ่างให้เสร็จสรรพ
"ปี๊"
"หื้ม"
ผมเดินไปจับลูกบิดประตูแล้วเปิดอ้าออก พร้อมชี้นิ้วไปข้างนอก
"เชิญครับ"
9 days left : ?
"เห้ย มือถือหายไปไหนวะ" คนตัวสูงตะปบมือไปตามกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้างก็ไม่มี บนโต๊ะกินข้าวที่นั่งอยู่นี่ก็ไม่มี
"อยู่ในชุดก่อนหน้านี้เปล่า" พี่ทีมงานถาม ผมเลยรีบวิ่งไปดูเสื้อผ้าที่แขวนอยู่บนราว
"ไม่มี โทรหาให้หน่อย"
"กันโทรให้" ผมยืนมองอย่างวุ่นวายใจ "มีสัญญาณแต่ไม่เห็นดังเลย"
"แม่ง" เอามือตบหน้าผาก "ปิดเสียงไว้ว่ะ" อยู่ไหนวะ
"ป่าปี๊ใจเย็น ไม่หายหรอก"
"มีใครเห็นมือถือออฟบ้าง ไอโฟนสีดำ เจอมาคืนด้วย" พี่ทีมงานตะโกนถามกัน มีแต่คนส่ายหน้าว่าไม่เห็น
"เดี๋ยวช่วยหา ไปเข้าฉากก่อน" ผมลังเลแต่เมื่อผู้กำกับตะโกนเรียกก็ต้องไป
"เป็นไรปี๊ ไม่หายหรอก" คนตัวเล็กที่อยู่ในฉากด้วยกันพูดขึ้น
"ไม่ได้กลัวหาย กลัวหลุด"
"อะไรหลุด"
"คลิปอาบน้ำที่พม่าไง!"
(มีตฮ่องกง)
"ทำไร"
"แกะไอ้นี่ออก" ผมยื่นนิ้วที่ติดพลาสเตอร์ให้คนตัวสูงดู "จะอาบน้ำ"
“โดนน้ำได้หรอ” ปากถาม แต่มือเรียวยาวก็ยื่นมาจับมือผมไว้
“จะทำไร
“ช่วยแกะไง เห็นกระชากซะน่ากลัว แทนที่จะหายเดี๋ยวแผลก็เปิดอีก”
“บ่นเป็นตาแก่เลยค้าบ” ผมหัวเราะให้กับคนที่ขมวดคิ้วใส่ผม แต่ก็ยังก้มหน้าก้มตาแกะพลาสเตอร์ให้
"เจ็บหรอ"
“หื้ม”
“ก็เห็นจ้องตาไม่กะพริบเลย เจ็บหรอ
“เปล่า... อืม ขอบคุณครับ งั้นกันไปอาบน้ำนะ”
ผมรีบลุกขึ้นหนีบรรยากาศชวนประหม่าไปห้องน้ำทันที
"ทำไมไม่เป่าผมให้แห้งก่อน"
ผมเงยหน้าขึ้นไปมอง ไม่คิดว่าคนที่ก้มหน้าก้มตาอยู่จะสังเกตด้วย
“จะเป่าแล้วแต่มันขยี้หัวลำบาก เลยว่าจะติดพลาสเตอร์ก่อน”
“ตอนนอนไม่ต้องติดหรอก เดี๋ยวมันอบปล่อยให้แผลแห้งเถอะ”
“หรอ”
“อืม มานั่งนี่มา” พูดพร้อมกับตบที่ว่างกลางหว่างขาของตัวเอง “เดี๋ยวเป่าผมให้”
.
.
.
"มันคืออะไรอะป่าปี๊"
"ไม่บอก"
"จะบอกมั๊ย" ผมแกล้งชี้หน้าแล้วทำเสียงดุใส่คนตรงหน้า
"กลัวตายละมึง"
"เออ ไม่กลัว กันไม่อยากรู้ก็ได้ ไม่ต้องบอกนะ ถ้าเห็นบอกนะ"
ผมรีบก้าวเร็ว ๆ ไปหาพี่เตแบบไม่สนใจคนข้างหลังอีกต่อไป
"สามขวบหรอถามจริง" เสียงจากคนข้างหลังที่ก้าวยาว ๆ ไม่กี่ก้าวก็ตามมาทันถามขึ้น
หมั่นไส้อะไรก่อนดีครับระหว่างคำพูดกับช่วงขายาว ๆ แบบนั้น
"สองขวบห้าเดือน! แล้วก็เอามือออกไปจากหัวกันเลย" ผมโยกตัวให้หลุดจากฝ่ามือของคนตัวสูง
“งอแงว่ะ” พร้อมกับที่ผมโดนล็อคคอเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของอีกฝ่ายทั้งตัว
.
.
.
6 days left :
"ปี๊เบา เบาหน่อย" ผมพูดเสียงสั่น เกาะเอวอีกคนแน่น
"เบาแล้ว เบากว่านี้ไม่ได้แล้ว" เสียงหวิวตอบกลับมา "เกาะดี ๆ"
"ปี๊ กันกลัว ช้าหน่อย" ผมเริ่มกลัวจนต้องหลับตาลงแล้วซุกหน้าลงที่ไหล่ของอีกคน
"อีกนิดเดียว จะถึงแล้ว" เสียงที่ปนความเหนื่อยหอบตอบกลับมา
"ปี๊จะล้ม จะล้มแล้ววว" ผมแห่วเสียงดัง
เอี๊ยดดดดด~
เสียงล้อบดถนนลั่นเอี๊ยดเมื่อชาวีคันเก่งเกือบพุ่งเข้าชนต้นไม้
ผมรีบกระโดดออกจากหลังมอเตอร์ไซต์มายืนหายใจเต็มปอดที่พื้น
"โอ๊ยป่าปี๊ ไปเรียนมาใหม่!"
.
.
.
สีหน้าตอนโดนน้องไล่ credit on pic - jumpol official
5 days left :
"ร้อนชะมัดเลย" ผมบ่นกับเผิงโหย่วเลิฟที่ตามมากองถ่ายด้วย
เราอยู่กันบนรถไฟชั้นสามที่ยึดไว้ทั้งโบกี้ ตอนนี้ผมแทบจะปลดกระดุมเสื้อทั้งหมดเพื่อบูชายันต์ให้กับ
"อ้าวแล้วนี่จอดทำไมวะ" รู้ตัวอีกทีลมร้อนที่ตีหน้าอยู่ก็หายไป หันมองนอกหน้าต่างถึงรู้ว่ารถไฟหยุด
"แวะสถานีไงเพื่อน เอ้อ ถ่ายรูปดีกว่า" เผิงพูดพร้อมกระชับกล้องในมือแล้วยืนขึ้น
"ขี้เกียจลง ร้อน"
"อ้ะ กูลงเองจ้า กูลงให้ มึงยื่นหน้าออกไปทางหน้าต่างก็แล้วกัน" พูดจบเผิงก็เดินไปสะกิดเรียกคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ด้านหน้า พูดอะไรกันสักพักแล้วเตก็ลงบันไดไปทันที
"ป่าปี๊" คนตัวเล็กเดินมาหาผม "ลงไปถ่ายรูปกัน"
"ขออยู่ข้างบนดีกว่า"
"ลงไปแป็บเดียวเอง"
"อ่า.. ก็ได้" เลยได้ยิ้มสดใสกลับมา เจิดจ้ายิ่งกว่าแสงแดดยามเที่ยงตรงซะอีก
"เดี๋ยวกัน" ผมจับแขนอีกคนไว้ แล้วหยิบหมวกสานออกจากหัวตัวเองไปวางลงบนหัวอีกฝ่าย
"สวมไว้ เดี๋ยวไข้ขึ้นอีก"
.
.
.
4 days left :
(อีเกีย)
"เจอแล้ว แรด!" เสียงคนข้างตัวดังขึ้น
"ไม่ใช่เว้ย มันเป็นฮิปโป" คนตัวเล็กหัวเราะ
"เอาตัวนี้มั๊ยป่าปี๊ น่ารัก" ผมหันไปมองโลมาสีฟ้าน้ำทะเลตัวโตในอ้อมกอดของกัน
"พี่บอกมาว่าไม่อยากได้ตุ๊กตาเดี๋ยวเป็นภูมิแพ้" พี่ที่ว่าหมายถึงพี่สาวผมเอง
"งั้นซื้อเป็นอะไรให้นิรินดี"
"ก็บอกว่าให้เงินให้ทองไปเลยมีประโยชน์"
"ไม่เอาดิ นั่นมันประโยชน์กับพ่อแม่ แต่นิรินยังเด็กนะก็ต้องอยากได้ของสิ"
"เออ ๆ ก็เลือกสิ เลือกเลย"
"ป่าปี๊ไม่มีของใช้ตั้งแต่เด็กเลยหรอ"
"แบบผ้าเน่าของมึงน่ะหรอ"
"ใช่ ๆ"
"ไม่มีนะ"
“ตอนเด็กไม่นอนกอดไรสักอย่างเลยหรอ โหย”
“ไม่กอด ชอบนอนนิ่ง ๆ ก็รู้อยู่แล้วปะวะ”
“แต่กันติดตุ๊กตากับหมอนข้าง”
“เออ ไม่ต้องใช้แล้วหมอนข้างน่ะ เดี๋ยวกูเป็นให้เอง”
"ปะกี้พึมพำไรนะ"
"เปล๊า"
.
.
.
3 days left :
"นั่งยิ้มอะไรคนเดียววะกัน" แตงกวาเดินมาหาผมที่นั่งอยู่บนหัวเรือยอร์ชกลางทะเลอ่าวไทย
"เปล่า" ผมตอบทั้งที่หน้ายังหุบยิ้มไม่ได้
"เหรอจ๊ะ กูเห็นนะ หน้าผัวมึงในโทรศัพท์อะ"
"ผัวแม่เมิง ไปไกล ๆ เลย" แต่ผมกลับเป็นฝ่ายที่รีบลุกหนีออกมาแล้วกดเปิดหน้าไลน์เพื่อคอลล์หาใครบางคน
"ว่าไง.. โอ้โห เสียงลม"
"ได้ข่าวว่าใจอยู่แถวนี้หรอป่าปี๊" ผมถามถึงคลิปใจอยู่พัทยาที่เพิ่งดูไป
"ข่าวไวไปปะ ก็เห็นสาว ๆ ใส่บิกินี่เยอะก็ต้องมีบ้าง"
"หึ่ย ใช่หรอ"
"คนไปเยอะเลยหนิ"
"อะไรนะ" เสียงลมและคลื่นที่ซัดแรงจนผมต้องตะโกนแข่ง
"บอกว่าคนเยอะ" อีกฝ่ายก็เหมือนจะตะโกนแข่งกลับมา
"อ้อใช่ เพื่อนของเพื่อนของเพื่อนของเพื่อน ขนกันมาหมดเลย"
"เพื่อนเยอะนะ.. แล้วจะกลับกี่โมง"
"ดึก ๆ ถึงกรุงเทพฯ เอาไรจากพัทยามั๊ย"
"เอาตัวมึงกลับมาก็พอแล้ว"
.
.
.
IG Gun_Atthaphan
2 days left :
Let's kill this love!
yeah, yeah, yeah
เอวที่ส่ายไหวไปมาตรงหน้าผม
ขาน้อย ๆ ที่เสียดสีกับขาผมในบางจังหวะ
กลิ่นหอมที่ลอยอบอวลออกมาพร้อมกลิ่นเหงื่อที่ไม่รู้ว่าทำไมมันยิ่งเร้าความเซ็กซี่
ไหนจะสายตาที่จ้องมองมาแบบท้าทายนั่นอีก
ร้อนว่ะ
ผมหยิบพัดลมมือถือสีเขียวขึ้นมาจ่อหน้าตัวเอง
ร้อนไปทั้งตัวแล้วเนี่ยมึงเอ๊ย !
เพลา ๆ บางเหอะในที่สาธารณะเนี่ย !
"ป่าปี๊อย่าถ่าย" กันห้ามเมื่อเห็นผมยกมือถือขึ้นมาอัดคลิปของเขา
"จะทำไม"
"ไหน ดูหน่อย.. อื้อ ไม่เอา ปี๊อย่าลงกันน่าเกลียด"
"เหอะ" น่าเกลียดตรงไหนวะ น่ารักจะตาย
"ปี๊" ดูอ้อนสิ หน้าดื้อ ๆ แบบนี้แหละน่าแกล้งที่สุด
ผมยิ้มและกดปุ่ม 'your story'
"ลงแค่อันเดียวน่า" อีกอันเดี๋ยวเก็บไว้ดูเองในอัลบัม 'our story'
.
.
.
ขอบคุณโมเมนต์จากพี่นม -3- ชีวิตจริงยิ่งกว่าฟิคชั่นไปอีก
credit - ใครอะ? มัน viral มาก งง T.T
1 day left :
ณ โรงพยาบาล
๒๖ เมษายน ๒๕๖๒
อาการป่วยของผมไม่ได้รุนแรงมากครับ แต่เหตุผลที่ต้องมาโรงพยาบาลเพราะเผื่อยาจะช่วยให้หายเร็วขึ้น เหมือนร่างกายต้องการการอัดฉีดอย่างรวดเร็วอะไรแบบนั้น
ตลอดเดือนที่ผ่านมา ทั้งถ่ายซีรีส์หนักหน่วง เดินทางก็บ่อย ไหนจะอากาศที่ร้อนระอุเกินกว่าร่างกายจะรับไหว มันก็เลยออกมาประท้วงนิดหน่อย
ระหว่างที่รอให้พี่นุ๊กและพี่คนอื่น ๆ ไปจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายให้ ผมเลยยังนอนเล่นมือถือรอเวลากลับบ้านอยู่ในห้องพักชั่วคราวนี้
ถ่ายรูปไปบอกเบบี๋และคนที่ยังถ่ายอยู่ซะหน่อยดีกว่า
“กัน เสร็จแล้ว ลุกไหวมั๊ย” พี่นุ๊กที่เดินเข้ามาร้องถาม
“อืมไหว กลับบ้านได้เลยใช่เปล่าพี่นุ๊กกี้” ค่อย ๆ พยุงตัวขึ้นมานั่ง "อู๊ยย" จี๊ดหัวจนต้องเอามือไปจับ
“ใช่ แต่ถ้าไม่ไหว คืนนี้เปลี่ยนใจนอนที่นี่ก็ได้นะ เดี๋ยวพี่อยู่เป็นเพื่อน” พี่นุ๊กส่งสายตาเป็นห่วงมาให้
แต่ผมส่ายหน้า “ไม่เอา ๆ กันจะกลับบ้าน”
“โอเค งั้นก็ไปกัน” พร้อมกับเข้ามาพยุงตัวผมลงจากเตียง
พี่นุ๊กพาผมกลับมาที่บ้านด้วยแท็กซี่ ส่วนรถที่ผมขับไปเมื่อเช้านั้นฝากกุญแจให้พี่สตาฟคนอื่นพากลับตึกไปให้แล้ว
“ขึ้นไปล้างหน้าเช็ดตัวแล้วก็นอนพักผ่อนเลยนะ”
“ครับพี่นุ๊ก กลับดี ๆ ครับ” ผมโบกมือบ๊ายบาย
“อืม เจอกันพรุ่งนี้นะกัน”
พอรถแท็กซี่คันเดิมขับออกไป ผมก็เดินเข้ารั้วบ้านและเปิดประตูเข้าไปเจอน้องพิมนั่งรออยู่ สุดท้ายก็เหมือนมีพยาบาลที่บ้านอีกคน ทั้งโดนจับเช็ดตัว จับเข้านอน และห่มผ้าห่มให้
อย่างกะแม่
“ให้พิมนอนด้วยมั๊ยคืนนี้”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวติดไข้”
“งั้นมีไรพี่กันก็เรียกพิมนะ”
“โอเค”
แต่พอน้องพิมออกไปจากห้อง ผมก็ยังไม่รู้สึกง่วงอยู่ดี ถึงแม้ว่าจะรู้สึกเหนื่อยและหนักหัวนิดหน่อยก็ตาม เอื้อมมือไปหยิบมือถือที่วางไว้ข้างหัวเตียงมาเปิดไล่ดูข้อความในไลน์
ไม่เจอข้อความของใครคนนั้น..
น่าจะยังถ่ายไม่เสร็จแหละมั้ง
เปิดเข้าไปในทวิตเตอร์ เจอข้อความเป็นห่วงที่เบบี๋แท็กมามากมายทำให้ผมยิ้ม
แต่พอไล่สายตาไปตามหน้าทวิตเตอร์แล้วก็เจอกับข้อความที่ทำให้ผมชะงักและหัวใจเต้นแรง
สู้ๆค่า งั้นหรอป่าปี๊
ไม่รู้ว่าตั้งใจบอกผมหรือเปล่า แต่แก้มผมก็ร้อนผ่าวขึ้นมา หุบยิ้มไม่ได้แล้ว
ผมดึงหมอนข้างเข้ามากอดและฝังหน้าไปบนหมอนนิ่ม ๆ
อื้อ เขินชะมัด
รู้สึกเหมือนถูกจีบทางอ้อมเลย
ไลน์~
ผมรีบเปิดเข้าไปดูข้อความของคนในความคิด
'พรุ่งนี้เช้าเดี๋ยวกูไปรับนะ'
อื้อ ไอ้คนปากแข็งเอ๊ย
.
.
.
ตอนหน้า 'จีบ' ครั้งสุดท้ายแล้วค่ะ ขอบคุณมากเลยนะคะ :)
Cover Photo Credit: IG luckysevnb
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in