เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
#fictober2016 by ZiarZiar Zynix
7/10/2016 : รำลึก หรือ ตอกย้ำ
  • 6 ตุลาคมของทุกปี จะเป็นวันรำลึกถึงเหตุการณ์หนึ่งในอดีตซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของชาติไทยก็ว่าได้ ทุก ๆ ปีจะมีการรำลึกถึงวันนี้สม่ำเสมอ แต่ตอนผมยังเด็กผมก็ไม่ได้สนใจมันสักเท่าไหร่เอาเข้าจริง แม้แต่ในบทเรียนก็มีเขียนถึงอยู่เพียงเสี้ยวเดียวราวกับไร้ความสลักสำคัญ ทำให้ผมไม่ได้จดจำจนกระทั่งมันเวียนมาถึงอีกครั้งและอีกครั้ง

     

    ผมนั่งดูโทรทัศน์กับพ่อ ในวันที่ 6 ตุลาคม โทรทัศน์ทุกช่องฉายเรื่องเดียวกันซ้ำไปซ้ำมา พร้อมกับพ่อของผมที่พร่ำกรอกหูถึงเหตุการณ์วันนั้นที่เขาทันจำความได้แม้ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์โดยตรง ทุกคนพูดถึงความเลวร้ายและความน่ากลัว นั่นเป็นสิ่งที่ทุกคนรับรู้กันได้ดีแต่ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่ผมอดรู้สึกย้อนแย้งอยู่ในใจไม่ได้

     

    ทุกปี...จะมีคนกลุ่มหนึ่งที่ต้องทำหน้าที่เล่าเหตุการณ์เหล่าผู้อยู่ในเหตุการณ์จริงและยังมีชีวิตอยู่ หลายคนตอนนี้มีชีวิตที่ดีมีหน้ามีตาในสังคม พวกเขาก้าวผ่านคืนวันที่เลวร้าย วันที่ต้องคอยหวาดผวาและฝันร้ายถึงมันอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

     

    ผมสงสัย...ว่าทำไมถึงต้องลากตัวพวกเขามาพูดถึงมันอีกครั้งด้วย?

     

    ผมสงสัย...ว่าพวกเขายังสูญเสียไม่พออีกหรือ? พวกเขาเสียเพื่อน เสียคนสำคัญ เสียช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตที่ควรจะสุกไสวรุ่งโรจน์ เสียไปมากมายและต้องเสียไปมากยิ่งกว่าเพื่อข้ามผ่านมันมา ทำไมคนในยุคปัจจุบันจึงยังพยายามยัดเยียดหน้าที่ไทม์แคปซูลให้พวกเขาต้องแบกรับอีก?แล้วยังมีลูกหลานของผู้อยู่ในเหตุการณ์ที่เสียชีวิตไปแล้วอีกล่ะ? พวกเขาก็ถูกยัดเยียดให้เป็นไทม์แคปซูลจำลองเช่นกัน เพื่อที่จะต้องทำหน้าที่พาคนยุคปัจจุบันกลับไปเผชิญกับความเจ็บปวดในอดีตซ้ำแล้วซ้ำอีก

     

    ผมไม่เข้าใจเลยว่าการกระทำแบบนั้นมันช่วยให้อะไรดีขึ้นมา พวกเราจัดงานรำลึกถึงเหตุการณ์ 6 ตุลา เพื่อเป็นบทเรียนหรือเพื่อตอกย้ำผู้สูญเสียกันแน่?

     

    การรำลึกถึงและการตอกย้ำแม้เนื้อแท้จะต่างกันสุดขั้วแต่ก็มีเส้นกั้นเพียงบาง ๆ น่าเศร้าที่พวกเรามักจะก้าวข้ามเส้นนั้นไปโดยไม่รู้ตัว

     

    รายงานข่าว 6 ตุลาจบลงไป ข่าวอื่น ๆ ก็แทรกขึ้นมาแทนที่ หนึ่งในนั้นคือข่าวการเมือง

     

    ผมมองหน้าพ่อที่ดูจะอินกับทุกอย่างในโทรทัศน์ก่อนจะถอนหายใจ

     

    วันนี้มันต่างกับวันนั้นตรงไหนกัน? สุดท้ายพวกเราก็ยังคงแตกแยกกันเพราะความเห็นที่แตกต่างและไม่เว้นที่ว่างให้ฝ่ายตรงข้าม ในวันนี้ความแตกแยกนั้นกลับยิ่งร้อนแรงราวกับมีอดีตอันไกลโพ้นเป็นเชื้อไฟที่กลับปะทุ ทั้งที่คนที่ผ่านมันมาน่าจะหวังว่าหยดเลือดเหล่านั้นจะกลายเป็นสายน้ำเชี่ยวกรากที่รดลงไปกองไฟ

     

    ไม่ใช่การให้อภัยหรือการลืมเลือน แต่เป็นการจับมือแก้ปัญหา เป็นบทเรียนให้ฉุกคิดเสมอว่าความรุนแรงและความขัดแย้งนำมาซึ่งสิ่งใด

     

    ผมดูข่าวจบก็ลุกมานั่งหน้าคอม ดูความรุนแรงในโลกโซเชียล แล้วก็ได้แต่ถามตัวเองเงียบ ๆ ว่า ในวันนี้พวกเรารำลึกถึง 6 ตุลา รำลึกถึงผู้คนที่สูญเสีย เพื่อให้พวกเราได้จับมือข้ามผ่านบาดแผลเหล่านั้นไปด้วยกัน หรือว่า...พวกเขารำลึกถึงวันนี้กันทุกปี เพียงเพื่อดึงให้อดีตกลับมามีตัวตนและเกิดขึ้นซ้ำอีกครั้งในยุคปัจจุบัน?

     

    ไม่ใช่ว่าตอนนี้ มันกำลังวนกลับไปซ้ำรอยเดิมด้วยวิธีที่แตกต่างอยู่หรอกเหรอ?

    ---------------------------------------

    ไม่ดราม่าการเมืองนะคะ อันนี้เราแค่กำลังพูดถึงกรณีของการสัมภาษณ์บุคคลว่ามันสมควรแล้วจริง ๆ เหรอ? เพราะโดยส่วนตัวแล้ว เราไม่โอเคเลย มันเหมือนพวกเรากำลังลากคนที่แผลเพิ่งสมานหมาด ๆ ออกมากลางแจ้งแล้วกรีดแผลเดิมเขาซ้ำ ๆ เพื่อให้ทุกคนได้เห็นว่าแผลมันลึกแค่ไหน สาหัสแค่ไหน แล้วเขาก็ถูกกรีดแผลกลางที่สาธารณะต่อหน้าคนไทยทุกคนอยู่ทุกปี

    เราอยากให้หลาย ๆ คนลองศึกษาโรค PTSD ดูนะคะ น่าจะเข้าใจพวกเขามากขึ้น

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in