เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
It's a quarter after 1It's Me
คอนเทคเลนส์ อิน ยูเค
  • เราใส่คอนเทคเลนส์มาตั้งเเต่ป. 6 หรืออาจจะม. 1 เอาเป็นว่าใส่มานานพอสมควรเลย คอนเทคเลนส์ธรรมดาๆเลย ไม่ใช้บิ๊กอายส์ พอมาช่วงม. ปลาย ก็เริ่มตามกระเเสกับเขาเเล้วก็ใส่บิ๊กอายส์บ้าง เเต่ปัจจุบันก็กลับไปใส่เเค่เเบบสายตาปกติมาเกือบจะครึ่งปี เหตุผลมันยาวเเล้วก็ไม่เกี่ยวอะไรกับสิ่งที่เราจะมาเล่าวันนี้ด้วย ก็ช่างมันเเล้วกันเนอะ (เเล้วแกจะเล่าทำไมตั้งเเต่เเรก)

    ที่เมืองไทยเราสามารถซื้อคอนเทคเลนส์กันง่ายๆสบายๆเลย ง่ายกว่านี้ก็คงซื้อที่เซเว่นได้เเล้ว ไม่นับการสั่งคอนเทคเลนส์ออนไลน์ ซึ่งคนทำกันเยอะเดี๋ยวนี้ เวลาจะซื้อคอนเทคเลนส์เราก็เเค่เดินเข้าไปในร้านเเว่น เเล้วบอกคนขายว่าอยากได้คอนเทคเลนส์สำหรับสายตาสั้นเท่าไหร่ เอาเเบบรายวัน รายเดือน หรือรายปี จ่ายเงิน สบายใจ จบปิ๊ง เราไม่รู้ว่าที่ประเทศอื่นเป็นอย่างไร เเต่ที่อังกฤษมันไม่ง่ายเเบบนั้นหนะสิ

    เราอยู่อังกฤษมา 7 เดือนเเล้ว คอนเทคเลนส์ที่เอามาด้วยจากไทยคู่ที่ใส่อยู่ เป็นคู่สุดท้ายที่จะหมดอายุในอีก 5 วัน เราเลยเดินไปร้านเเว่นเเถวบ้าน บอกเค้าว่าจะมาซื้อคอนเทคเลนส์ค่ะ เเทนที่จะบอกความสั้นสายตา รับของกลับบ้าน ทางร้านกลับถามเราว่า "มีใบรับรองเเพทย์ไหม" พนักงานอธิบายให้เราฟังว่าตามกฎหมายของที่นี่การขายคอนเทคเลนส์ก็เหมือนการจ่ายยาที่เเพทย์ต้องรับรองก่อน สุดท้ายเเทนที่เราจะได้คอนเเทคเลนส์มาใส่วันนั้น กลับได้ใบนัดแพทย์มาเเทน ทางร้านให้เรากลับไปใหม่อีกวันเพื่อตรวจตา เเละวัดสายตา

    พอเราไปตามนัด โอ้โห นี่คือประสบการณ์ใหม่ของการซื้อคอนเทคเลนส์เลย หมอคนเเรกที่เราไปเจอ เป็นหมอคอนเทคเลนส์ เขาให้เราใส่คอนเทคเลนส์ที่เราใส่ประจำเเล้วก็วัดสายตาเหมือนเวลาที่เราต้องตรวจเพื่อตัดเเว่น ไม่ใช่เเค่นั้น มีการตรวจน้ำตาด้วย เราไม่ได้เห็นว่ามันออกมาเป็นยังไง (ก็เขาตรวจเราอยู่ เราจะไปให้ได้ยังไง) เเต่เขาบอกเราว่า เขาจะเอากระดาษสีส้ม (ไม่รู้เหมือนกันว่าคือกระดาษยังไง เเต่สำหรับเรามันหน้าตาเหมือนกระดาษลิสมัสสมัยเรียนวิทยาศาสตร์) มาเเตะที่ข้างในผนังใต้ต่างล่าง เเล้วก็เอาเเสงสีม่วงส่อง น้ำตาเราจะไหลออกมาเป็นสีส้ม หมอบอกว่าจะได้รู้ว่าตาเราทำงานปกติไหม นอกจากนั้นก็มีการตรวจใต้ตาบน เเละถามคำถามเกี่ยวกับการใส่คอนเเทคเลนส์ทั่วไปของเรา



    เเต่เดี๋ยวค่ะ มันยังไม่จบเเค่นั้น เราถูกส่งไปวัดสายตาต่อ ก็เหมือนการวัดสายตาที่เมืองไทยทั่วไป เพิ่มเติมคือไม่ได้ตัวเเต่ด้านหน้าของลูกตา มีการตรวจด้านหลังของลูกตาด้วย! ไม่รู้ว่าที่เมืองไทยมีไหม เเต่อีกย่างคือที่นี้มีการตรวจ blind spot ด้วย อันนี้สนุกดีนะ เหมือนเล่นเกมเลย เค้าให้เรามองไปในจอที่พื้นหลังเป็นสีขาว เเละมีจุดสีดำตรงกลาง ในมือเราจะมีเม้าส์อยู่ วิธีการคือในจอจะมีเส้นสีดำกระพริบตามตำเเหน่งต่างๆในจอ หน้าที่ของเราคือต้องคลิกเม้าส์ทุกครั้งที่เห็นมันกระพริบ อีกอย่างที่ไม่เหมือนคือมีการตรวจด้วยว่าม่านตาเราเปิดปิดเป็นปกติหรือเปล่า หมอให้เรามองที่ผนังสีขาวตรงกลางมีจุดสีดำ (ตอนนี้ไม่ได้ใส่คอนเทคเลนส์ ทุกอย่างเป็นภาพเบลอเชียวแหละ) เเล้วเขาก็เอาเเท่งไฟฉายหน้าตาเหมือนเครื่องลบความจำที่เห็นในหนังเรื่อง Men In Black มากระพริบใส่ตาเรา จากนั้นจุดสีดำที่เขาให้เรามองตอนเเรกมันก็ขยายเเละหดตัว (ฟีลเหมือนหัวใจเต้น) 

    ยัง ยังค่ะ เเค่นี้มันง่ายไปในการที่จะได้คอนเทคเลนส์ สุดท้ายหมอก็บอกว่าสายตาเราทำงานปกติดี เขาให้คอนเทคเลนส์ใหม่เรามาคู่หนึ่ง บอกว่าให้ลองใส่อันนี้ เเล้วอีกสองอาทิตย์ให้มาพบหมอใหม่ เพื่อดูว่าคอนเทคเลนส์เเบบนี้มีปัญหาอะไรไหม ถ้าไม่มีจะได้จ่ายคอนเทคเลนส์เเบบนี้ได้เลย หรือถ้ามีจะได้ให้ลองเเบบอื่น

    เห้อ กว่าจะซื้อคอนเทคเลนส์ได้มันต้องเหนื่อยขนาดนี้เลยหรอ เราเล่าให้หมอฟังว่าที่เมืองไทยง่ายกว่านี้เยอะเลย หมอบอกว่ามันเเล้วเเต่ประเทศ เเต่สำหรับที่นี้มันไม่เหมือนกันซื้อขนม เพราะมันอันตรายมาก เเละดวงตาเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ทุกอย่างดูยุ่งยาก เเต่เราถือว่าเป็นประสบการณ์ใหม่ที่สนุกดี อีกอย่างเรารู้สึกปลอดภัย สมัยก่อนเราไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก เพราะเราใส่คอนเทคเลนส์มานานเเล้ว เเต่ตอนนี้เรารู้สึกดีใจที่ได้รู้ว่าดวงตาเราสุขภาพเเข็งเเรงดี 
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in