
ผมเห็นหนังสือเล่มสวยบนชั้นหนังสือออกใหม่
นึกถึงวันที่เราเคยเดตกันที่ร้านหนังสือ
ผมอยากซื้อมันให้คนคนนั้น
แต่ผมไม่รู้ว่าจะมอบให้เธอเนื่องในโอกาสอะไร—
 
หรือฐานะใด
 
คืนวันนั้นฝนตกหนัก ผมได้รับโทรศัพท์กลางดึก เป็นเสียงของเธอที่ปลายสาย น้ำเสียงติดกังวล เธอขอให้ผมช่วยพาเพื่อนของเธอกลับห้องพัก คนคนนั้นเมาจนหลับไปแล้วในผับแห่งหนึ่ง ผมตอบตกลงทั้งที่ยังไม่ได้สติดีนัก ทว่าสุดท้ายผมก็ขัยรถออกไปตามที่เธอบอก ให้ตายสิ ผมสถบกับตัวเอง ภาวนาว่าที่นอนกลิ้งไปมาบนเตียงอย่างคนอยู่ไม่สุขหลังจากวางสายเธอไปเป็นเพราะผมทนเมินเฉยต่อการขอความช่วยเหลือของเธอไม่ได้ ไม่ใช่เพราะคนคนนั้นที่หลับไม่รู้ที่เธอขอให้ผมพากลับที่พักโดยสวัสดิภาพ 
            ผมมารู้ตอนถึงที่หมายว่าเธอไม่ได้อยู่ที่นั่นด้วย เพียงแต่ได้รับโทรศัพท์จากใครบางคนให้ช่วยมาดูใจคนเมาผมรู้สึกเหมือนอากาศรอบตัวบีบรัดผมไว้ครู่หนึ่งตอนอ่านข้อความนั้น ผมพาเขาเข้ามานั่งกึ่งนอนในรถได้สำเร็จด้วยความช่วยเหลือจากเพื่อน ๆ ของเขาอีกสองคน ด้วยสภาพอากาศที่ย่ำแย่และเวลาที่ดึกดื่นเอาป่านนี้ผมถามเพื่อน ๆ ของเขาว่าติดรถผมไปด้วยกันมั้ย คนพวกนั้นปฏิเสธด้วยความเกรงใจและบอกว่าอีกประเดี๋ยวก็จะมีคนมารับเช่นกัน คืนนั้นจึงลงเอยด้วยเขากับผมในรถคันเดียวกัน
            ฝนที่ตกอยู่ด้านนอกคงส่งผลอากาศเย็นลงไปมาก ประกอบกับแอร์ในรถทำให้มือผมเหมือนถูกแช่แข็ง ผมเชื่อมต่อโทรศัพท์กับเครื่องเล่นเสียงในรถอย่างเคยชิน เพลงที่ดังออกมาแต่ละเพลงถูกเล่นแบบสุ่ม—
 
Take me out tonight 
because I want to see people 
and I want to see life 
driving in your car 
oh, please don't drop me home 
because it's not my home, it's their home, 
and I'm welcome no more 
 
and if a double-decker bus crashes into us 
to die by your side is such a heavenly way to die—
(The Smith - There is a light that never goes out)
 
 
            ผมฮัมเพลงตามอย่างไม่ได้คิดอะไรจนกระทั่งคนที่ควรจะหลับอยู่ข้าง ๆ สถบออกมาอย่างไม่พอใจ
            “เวรเอ๊ย นี่นายฟังเพลงแบบนั้นตอนนี้เนี่ยนะ” ผมเห็นเขาจากหางตา เขาสะบัดหัวสองสามทีแล้วมองมาทางผม “โอ้...โทษที ไม่ได้ตั้งใจจะด่านาย” ผมเดาว่าเขาคงหน้าถอดสีไปแล้วตอนที่พบว่าผมคือคนขับรถเฮงซวยที่เปิดเพลงที่มีเนื้อร้องเกี่ยวกับความตายหน้าตาเฉยในยามวิกาลแบบนี้
            “ฉันไม่คิดเลยนะว่าคนที่ดื่มจนเมาขนาดนั้นจะกังวลเรื่องพวกนั้นด้วย” ผมยิ้มให้กับถนนรถ มือหนึ่งปล่อยพวงมาลัยแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดข้ามเพลงตอนที่รถติดไฟแดง
 
            “ขอโทษแล้วก็ขอบคุณที่ออกมารับนะ” เขายิ้มให้ ใบหน้าแดงก่ำเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ผมเปลี่ยนจากเกียร์พีเป็นดีตอนที่สัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนจากสีแดงเป็นเขียว รถพุ่งตัวออกไปข้างหน้าพร้อม ๆ กับที่ผมพบความรู้สึกแปลกใหม่—ความรู้สึกเดียวกับการค้นพบอีกด้านของดวงจันทร์ ผมเดาว่าอย่างนั้น
            —ไม่เคยอยากให้ระยะทางจากนี่ไปยังอพาร์เมนต์ยาวไกลขึ้นเท่านี้มาก่อนเลย
 
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in