เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
โปรดอย่าหนีกันไปก่อนฤดูใบไม้ผลิแ ว ว วั น.
บทที่ 1: I've found the other side of the moon

  • /

    ไม่มีความสมหวังสำหรับรักข้างเดียว



  • /


    ผมเห็นหนังสือเล่มสวยบนชั้นหนังสือออกใหม่
    นึกถึงวันที่เราเคยเดตกันที่ร้านหนังสือ
    ผมอยากซื้อมันให้คนคนนั้น
    แต่ผมไม่รู้ว่าจะมอบให้เธอเนื่องในโอกาสอะไร
     
    หรือฐานะใด
     


    คืนวันนั้นฝนตกหนัก ผมได้รับโทรศัพท์กลางดึก เป็นเสียงของเธอที่ปลายสาย น้ำเสียงติดกังวล เธอขอให้ผมช่วยพาเพื่อนของเธอกลับห้องพัก คนคนนั้นเมาจนหลับไปแล้วในผับแห่งหนึ่ง ผมตอบตกลงทั้งที่ยังไม่ได้สติดีนัก ทว่าสุดท้ายผมก็ขัยรถออกไปตามที่เธอบอก ให้ตายสิ ผมสถบกับตัวเอง ภาวนาว่าที่นอนกลิ้งไปมาบนเตียงอย่างคนอยู่ไม่สุขหลังจากวางสายเธอไปเป็นเพราะผมทนเมินเฉยต่อการขอความช่วยเหลือของเธอไม่ได้ ไม่ใช่เพราะคนคนนั้นที่หลับไม่รู้ที่เธอขอให้ผมพากลับที่พักโดยสวัสดิภาพ 
                ผมมารู้ตอนถึงที่หมายว่าเธอไม่ได้อยู่ที่นั่นด้วย เพียงแต่ได้รับโทรศัพท์จากใครบางคนให้ช่วยมาดูใจคนเมาผมรู้สึกเหมือนอากาศรอบตัวบีบรัดผมไว้ครู่หนึ่งตอนอ่านข้อความนั้น ผมพาเขาเข้ามานั่งกึ่งนอนในรถได้สำเร็จด้วยความช่วยเหลือจากเพื่อน ๆ ของเขาอีกสองคน ด้วยสภาพอากาศที่ย่ำแย่และเวลาที่ดึกดื่นเอาป่านนี้ผมถามเพื่อน ๆ ของเขาว่าติดรถผมไปด้วยกันมั้ย คนพวกนั้นปฏิเสธด้วยความเกรงใจและบอกว่าอีกประเดี๋ยวก็จะมีคนมารับเช่นกัน คืนนั้นจึงลงเอยด้วยเขากับผมในรถคันเดียวกัน
                ฝนที่ตกอยู่ด้านนอกคงส่งผลอากาศเย็นลงไปมาก ประกอบกับแอร์ในรถทำให้มือผมเหมือนถูกแช่แข็ง ผมเชื่อมต่อโทรศัพท์กับเครื่องเล่นเสียงในรถอย่างเคยชิน เพลงที่ดังออกมาแต่ละเพลงถูกเล่นแบบสุ่ม
     


    Take me out tonight 
    because I want to see people 
    and I want to see life 
    driving in your car 
    oh, please don't drop me home 
    because it's not my home, it's their home, 
    and I'm welcome no more 
     
    and if a double-decker bus crashes into us 
    to die by your side is such a heavenly way to die—

    (The Smith - There is a light that never goes out)
     


     
                ผมฮัมเพลงตามอย่างไม่ได้คิดอะไรจนกระทั่งคนที่ควรจะหลับอยู่ข้าง ๆ สถบออกมาอย่างไม่พอใจ
                “เวรเอ๊ย นี่นายฟังเพลงแบบนั้นตอนนี้เนี่ยนะ” ผมเห็นเขาจากหางตา เขาสะบัดหัวสองสามทีแล้วมองมาทางผม “โอ้...โทษที ไม่ได้ตั้งใจจะด่านาย” ผมเดาว่าเขาคงหน้าถอดสีไปแล้วตอนที่พบว่าผมคือคนขับรถเฮงซวยที่เปิดเพลงที่มีเนื้อร้องเกี่ยวกับความตายหน้าตาเฉยในยามวิกาลแบบนี้
                “ฉันไม่คิดเลยนะว่าคนที่ดื่มจนเมาขนาดนั้นจะกังวลเรื่องพวกนั้นด้วย” ผมยิ้มให้กับถนนรถ มือหนึ่งปล่อยพวงมาลัยแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดข้ามเพลงตอนที่รถติดไฟแดง
     
                “ขอโทษแล้วก็ขอบคุณที่ออกมารับนะ” เขายิ้มให้ ใบหน้าแดงก่ำเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ผมเปลี่ยนจากเกียร์พีเป็นดีตอนที่สัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนจากสีแดงเป็นเขียว รถพุ่งตัวออกไปข้างหน้าพร้อม ๆ กับที่ผมพบความรู้สึกแปลกใหม่ความรู้สึกเดียวกับการค้นพบอีกด้านของดวงจันทร์ ผมเดาว่าอย่างนั้น
                —ไม่เคยอยากให้ระยะทางจากนี่ไปยังอพาร์เมนต์ยาวไกลขึ้นเท่านี้มาก่อนเลย
     

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in