เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เสน่ห์ไอยคุปต์marmantin
Yalla! Mamun
  • From Cairo to Sahara Desert


    เช้าวันใหม่อันแสนจะสะลึมสะลือ เนื่องจากว่าเราต้องบินกลับไคโรแล้ว ดีที่แพ๊คของเสร็จตั้งแต่เมื่อคืน ทางโรงแรมก็บริการอย่างดีด้วยเพราะเราเช็คเอ้าท์ เดินทางออกตั้งแต่ตี 4.45 ก็แพ็คอาหารเช้าใส่ถุงกระดาษให้นำมาทานระหว่างเดินทางไปสนามบิน

    เครื่องที่สแกนก็ช้ามากเลย เจ้าหน้าที่ก็เอื่อยเฉื่อยสุดๆ ไอเราสิร้อนใจเพราะใกล้เวลาบอร์ดดิ้งแล้ว กลายเป็นว่าเราต้องมาวิ่ง 4x100 ไปหาเกตอีกแล้ว กว่าจะถึงไคโรก็ช่วง 8 โมงจะครึ่ง พี่กิตติก็ติดต่อหาว่ารถที่เราต้องขึ้นอยู่ที่ไหน ก็ลากกระเป๋าเดินไปที่รถบัสกัน พร้อมน้องนักเรียนไทยที่มาทำงานพิเศษเป็นผู้ช่วยพี่กิตติรอรับรองเราอยู่ บางคนในคณะที่ขอบายเพราะไม่สะดวกที่จะเดินทางเข้าทะเลทรายไปด้วยจึงขออยู่ที่ไคโรต่อ การไปตั้งแคมป์ในทะเลทรายมันลำบากมากสำหรับคนที่รักสบาย เพราะคุณจะไม่มีห้องน้ำ ไม่ได้อาบน้ำนั้นเอง

    ฉันกับพี่สาวตื่นเต้นมากเพราะชอบที่มันดูผจญภัยเป็นสีสันในชีวิตดี ก่อนจะโบกมือบ๊ายบายคนที่ไม่ได้ไป ก็มีพี่ตู่ผู้แสนใจดีนำสายฉีดชำระแบบพกพามาให้ยืม พี่เขาไม่จำเป็นต้องใช้เพราะเป็นหนึ่งในคนที่ไม่ได้เข้าทะเลทรายด้วย หลังจากที่แบ่งรถกันนั่งแล้ว น้องๆก็นำข้าวกล่องอาหารไทยทำเองออกมาแจกจ่าย ให้ตายสิ! น้องทำอาหารเก่งกว่าพี่ที่เป็นผู้หญิงอีกอะ กินอิ่มหนังท้องตึง หนังตาก็เริ่มหย่อน เพราะว่าต้องตื่นเช้ามากๆมาหลายวันติดกันแล้ว ฉันก็ไม่ค่อยได้สนใจวิวรอบข้างมากนัก

    จากที่เห็นเป็นตึกเป็นเมือง เริ่มกลายเป็นวิวทะเลทรายตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ แต่เราใช้เวลาเดินทางนานทีเดียว น่าจะราวๆ 11 โมง จู่คนขับรถก็ชะลอรถแนบข้างทาง ก่อนจะลงจากรถไป ทั้งพี่กิตติและพี่โอ๊ตก็ลงไปดูกัน เห็นคนอื่นทะยอลงจากรถ ฉันก็ลงไปดูบ้าง แจ่มชัดเลยจ๊ะ...ล้อรถฝั่งขวาทั้งล้อหน้าล้อหลังคือยางแบน!!! ว๊อท?! เฮ้ย นี่มันสมพรปากไปหน่อยไหมอะที่บอกว่าเป็นสีสันชีวิต? แต่เราจะไม่ตื่นตระหนกกันค่ะทุกคน คณะเดินทางเราก็มายืนออรอด้านนอกรถกันหมดดูคนขับรถขนของท้ายรถมากองๆไว้ หยิบยางสำรองสองเส้นออกมาจากใต้ท้องรถ ต้องมาเปลี่ยนยางกันกลางทะเลทรายแดดเปรี้ยงๆมันก็เอาเรื่องอยู่นะ แต่เราก็ทำได้แค่ให้กำลังใจน่ะ 


    หลังเลิกตกใจกันกระเพาะปัสสาวะก็ทำงาน อยากถ่ายเบากันค่ะ เพราะตั้งแต่เช้าก็ไม่ได้เข้าห้องน้ำอีกเลย ปัญหาตอนนี้คือท่ามกลางทะเลทรายแบบนี้จะไปหาห้องน้ำได้ที่ไหนกัน?! พี่เขาบอกโน่นไง แล้วชี้ไปที่หลังเนินทรายที่มีรางรถไฟอยู่ OMG! วิธีสำหรับผู้หญิงก็คือให้ขุดหลุมแล้วฉี่เลยค่ะ ถ้าใช้ทิชชู่ต้องใช้ที่เป็นกระดาษ เพื่อที่จะได้ทิ้งในหลุมแล้วกลบฝังมันลงไปพร้อมกันค่ะ มันจะได้ย่อยสลายได้นั้นเอง หมู่คณะผู้หญิงทั้งหลายก็พากันไปเข้าห้องน้ำธรรมชาติกันค่ะ ให้คนดูต้นทางไว้แล้วผลัดกันเข้า บางคนที่เสร็จธุระแล้ว ระหว่างรอรถซ่อมกันถ่ายรวมกลางถนนกันไป เพราะเป็นถนนว่างตลอดสาย ไม่มีรถวิ่งผ่านเท่าไร จริงๆอยากปีนขึ้นไปนั่งหลังคารถเพื่อถ่ายรูปเก๋เหมือนพวกอเมริกันทีนด้วย แต่รถซ่อมเสร็จพอดี พร้อมเดินทางต่อกันแล้ว
    นั่งกันมาได้สักพักใหญ่ก็ถึงจุดพักรถ คนขับรถก็ขอเวลาไปสลับล้อรถบัสก็เลยได้พัก ยืดเส้นยืดสายเสียบ้างหลังจากนั่งกันมานาน บ้างก็กินขนมกัน บ้างก็คุยกัน หลังจากที่รถพร้อมเดินทางอีกครั้ง คณะเราก็มุ่งหน้าไปบาฮารียะห์ โอเอซิส ในหมู่บ้านนี้มีอาหารเที่ยงพื้นเมืองรอเราอยู่ คือเป็นเบาะนุ่มตั้งบนพื้น อาหารก็วางบนโต๊ะเตี้ยๆ วางเรียงกันไปสามสี่โต๊ะ อาหารที่เสิร์ฟก็มีมะเขือม่วงผัด ผักสลัด ถั่วต้มอะไรสักอย่าง มันฝรั่งทอดแกะจากถุง และแผ่นแป้งที่ใช้กินคู่กับกับข้าวพวกนี้

    ผัดมะเขือม่วงเหมือนผัดกับเกลือทั้งถุง เค็มมาก....อร่อยสุดคือแผ่นมันฝรั่งทอด 5555

    จริงๆก่อนที่เราจะเดินทางกัน พี่กิตติแนะนำว่าให้นำกระเป๋าใบเล็กกว่าเพื่อใส่ของที่จำเป็นต้องใช้ไปแทนที่จะเป็นกระเป๋าลากใบใหญ่ เพราะต้องนั่งรถจี๊ปเข้าทะเลทรายกัน มันจะไม่สะดวกที่จะยัดใส่ท้ายรถ ซึ่งฉันและพี่สาวก็แยกเอาไว้แล้วแหละ แต่ก็ไปดูอีกทีเผื่อว่าต้องการเอาอะไรไปเผื่ออีกจากกระเป๋าใหญ่ โดยกระเป๋าใหญ่จะฝากไว้ที่หมู่บ้านแห่งนี้แหละ ตอนขากลับจากทะเลยทรายค่อยมาเอาคืน หลังจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว พี่ไกด์ก็พาเราไปยังรถที่จะพาเราไปตั้งแคมป์ที่จอดอยู่หลังหมู่บ้าน มีทั้งหมด 5 คัน คันที่ฉันนั่งก็เป็นก๊วนประจำที่นั่งคุยกันบ่อยๆ มีพี่โอ๊ต พี่จ๋า พี่ยูริ พี่สาวและตัวฉันเอง มีแต่คนแย่งกันนั่งข้างหน้า สุดท้ายพี่สาวฉันชนะ สามสาวนั่งตรงกลาง ส่วนพี่โอ๊ตพี่ชายที่แสนดีของน้องนั่งข้างหลังพร้อมกระเป๋า พร้อมเข้าทะเลทรายกันแล้ว!
    LET'S GO, MAMUN!

    กองคาราวานรถจี๊ปเคลื่อนขบวน คันของฉันเป็นคันสุดท้ายในแถว บรรยากาศยามเย็นบนถนนโล่งเห็นวิวทะเลทรายรอบ พี่จ๋าชวนคนขับคุย เลยได้รู้กันว่านามของเขาคือ มามูน พี่จ๋าเป็นคนที่อัธยาศัยดีมาก เมคเฟรนได้ง่าย หลังจากที่เราหักรถเข้าสู่ทะเลทรายอันไกลโพ้น เนินทรายสูงๆต่ำๆก็เริ่มปรากฎ ฉันบอกได้เลยว่ารถคันของฉันเป็นรถที่แหกกฎของคาราวานนี้ที่สุดแล้ว ขณะที่คันอื่นขับตามเรียงกันเป็นแถวอย่างสวยงาม แต่คันของฉันเหมือนมีแต่คนที่พี้กัญชามา คือหัวเราะบ้าบอคอแตกกัน คึกหนักมาก พี่จ๋าก็พูดเชียร์มามุนตลอดว่า "Yalla Mamun!" ซึ่งก็หมายถึงไปเร็วๆนั่นละ ซึ่งมามุนก็บ้าจี้ตาม เหมือนกลัวผู้โดยสารเบื่อกระมัง เห็นเนินเมื่อไรเป็นต้องปาดขึ้นเนิน ทางเรียบๆไม่มีเนินก็จะขับปาดไปใกล้โขดหิน ต้องขับออกนอกเส้นทางต่างจากคันอื่นในคณะเสมอ ตามที่พี่โอ๊ตกล่าว "ธรรมดาโลกไม่จำ!"

    คณะเรามีจอดหยุดถ่ายรูปอยู่บ้าง ที่ๆเราจะไปมันเป็นฝั่งทรายขาวหรือ white desert ฉันก็นึกพิเรนท์อีกแล้ว บอกกลุ่มพี้กัญชาว่ามานอนเรียงหน้ากระดานบนทรายถ่ายกัน กลุ่มพี้กัญชาของเราต้องบอกว่า Never Say No ไม่เคยมีใครห้ามใครใดๆทั้งสิ้น มีแต่โอเคตามกันตลอด นอนเรียงกันพลางดูพระอาทิตย์ตกดินกันไปพลาง

    เลอะทรายไปหมดเลย

    มีถ่ายรูปหมู่หน้ารถจี้ปด้วย ก่อนจะแยกย้ายขับรถตามกันไปยังที่ตั้งแคมป์ ซึ่งมันก็เป็นลานโล่งธรรมดา คนขับแต่ละคันก็รีบเอาของมากางเต็นท์กันก่อนที่แสงสุดท้ายจะลาลับไป พอเริ่มมืดเขาก็เริ่มก่อไฟทำอาหารกัน เอาพรมมาปูพื้น เอามาพาดวางบนที่แขวนเหมือนการจัดเลี้ยงของเผ่าเบดูอินเลย หลังทานอาหารเสร็จก็มีเรียกคนออกไปเต้นรำรอบกองไฟ มีเสิร์ฟน้ำชา คือก็สงสารเขาอยู่เหมือนกันว่าจัดเลี้ยงให้ แต่คนดูเนื่อยๆกันเพราะเพิ่งเดินทางไกลกันมา ก็คงจะเหนื่อยมาก ดูไม่ค่อยจะอินตามเท่าไร 

    ฉันพักเต็นท์เดียวกับพี่สาว เราตกลงกันไว้ว่าจะตื่นขึ้นมาดูดาวกัน เพราะนอนกลางทะเลทรายมันจะมืดมาก น่าจะเห็นดาวชัด พวกเราถึงกับแบกขาตั้งกล้องมาเพื่อถ่ายดาวโดยเฉพาะเชียวนา หลังงานเลี้ยงก็ออกมาลองตั้งกล้องถ่ายดาวดู แต่ด้วยความที่เป็นมือใหม่กัน มันก็เห็นดาวอยู่ แต่ไม่ค่อยชัดแบบมือโปรที่เล่นกล้องมานาน นัดกันว่าสักตี 3 เดี๋ยวตื่นมาถ่ายดาวกัน ตอนนี้ก็ไปทำธุระส่วนตัวแล้วนอนได้แล้ว

    การจะไปถ่ายเบาตอนตั้งแคมป์สบายกว่าตอนกลางวันมาก เพราะรอบข้างมืดสนิทชนิดว่ามองไม่เห็นมือตัวเองเลยละ ฉันกับพี่ก็เลยเดินไปหาโขดหินสักแห่งหลบมุมหาหลุมให้ตัวเองกัน อีกคนก็ดูต้นทางให้ ถ้าเสร็จแล้วค่อยเปิดไฟฉายและวันนั้นเราก็ไม่ได้อาบน้ำกันเลย ดีว่าอากาศตอนกลางคืนมันเย็นๆสบายดีเลยไม่ค่อยอึดอัดตัวเท่าไรนัก

    ช่วงประมาณตี3 พี่สาวฉันนางก็ตื่นมาถ่ายรูปดาว แต่ไม่ค่อยได้ความเท่าไรเพราะพวกเราเป็นมือใหม่ ฉันตื่นหลังนางเล็กน้อยก็ยังเห็นดาวอยู่นะ แต่พระจันทร์ดันสว่างมาก เลยถ่ายดาวติดแบบลางๆ ฉันว่ามันก็ดีไปอีกแบบ การที่ได้ใกล้ชิดธรรมชาติแบบนี้ฉันรู้สึกว่าใจฉันสงบมาก


    ...I love how closed I am with the nature...



    To be continued...

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in