ในที่สุดก็พาตัวเองมาจนได้ ฉันใฝ่ฝันอยากมาที่นี่ตั้งนานแล้ว วันนี้คลื่นลมแรงจังไม่รู้ลมแรงแบบนี้ทุกวันไหมนะ
เรานั่งเล่นกันอยู่ที่ระเบียงหน้าบ้านพักบนเกาะชื่อดังแต่ฉันเพิ่งเคยมาเป็นครั้งแรกดันแจ๊กพ็อตแตกสุดๆอุตส่าห์ถ่อมาเที่ยวกันเสียตั้งไกล เจอทั้งฟ้าสวยน้ำใสขนาดนี้
“เอาน่า แค่ได้มาเที่ยวทะเลสวยๆ ก็คุ้มแล้วล่ะ”แอนช่วยปลอบ ก่อนที่ฉันจะบ่นออกมาว่าเซ็งชะมัด อดลงเล่นน้ำเลยแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังโชคดีอยู่บ้างเพราะเวลาเป็นวันนั้นของเดือนฉันไม่เคยปวดท้องเลย ทำให้ทริปนี้คงไม่แย่เกินไปนัก
เราได้บ้านพักหลังริมสุดของอ่าวเงียบสงบและเป็นส่วนตัวหลังจากที่เราสองคนอิ่มท้องและแม่บ้านทำความสะอาดห้องพักเสร็จเรียบร้อยแล้วฉันกับแอนก็ขนย้ายสัมภาระเข้าที่พัก โอ้แม่เจ้าเซอร์ไพรส์มากกับเสื่อน้ำมันสีชมพูลายอุลตร้าแมน หายากนะเนี่ย พวกเราหันมองหน้ากันมันช่างขัดแย้งกับภาพภายนอกเสียเหลือเกิน ห้องนี้เป็นห้องพัดลม ที่นอนใหญ่มาก แถมมุ้ง 1หลัง พวกเราค่อนข้างพอใจกับสภาพห้องพักแต่ติดก็ตรงลายเสื่อน้ำมันนี่แหละ จี๊ดใจเหลือทน
.....
ก่อนเจ็ดโมงเมื่อเช้านี้ฉันนัดเจอกับแอนที่ท่ารถตู้ และนั่นเป็นครั้งแรกที่เราเจอกัน
หากใครๆ มองมาที่เราทั้งคู่คงคิดว่ารู้จักสนิทสนมกันมานานแล้ว เพราะเราคุยกันน้ำไหลไฟดับแอนเล่าว่าโพสหาเพื่อนมาหลายวันแล้ว แต่ยังไม่มีใครติดต่อไป ฉันเป็นคนแรกที่ทักไปหลังจากพูดคุยแนะนำตัวกันนิดหน่อย เราก็ช่วยกันหาที่พักและวางแผนเที่ยว
ท่ารถตู้ที่เรานัดเจอกันคนพลุกพล่านมากเป็นปกติ แต่ฉันหาแอนเจอได้ไม่ยากเลย
การแต่งตัวที่ดูเปรี้ยวเสื้อสายเดี่ยวลายสีขาวดำ กางเกงยีนส์ขาสั้นขาดๆ วิ่นๆหมวกสานทรงคัพเค้กและผิวสีแทน ยิ่งทำให้แอนดูเซ็กซี่ในลุคแบบนี้
.....
เมื่อเราจัดเก็บสัมภาระและล้างหน้าล้างตารวมถึงเช็คผมเผ้ากันเรียบร้อยแล้ว ช่วงเวลาที่เหลือของวันเราก็เดินเก็บภาพกันเรื่อยเปื่อย ถ่ายวิวบ้าง แอบถ่ายชาวบ้านบ้าง เพลินๆ ดี ฝรั่งหลายคนนอนกลางแดด
หลังจากนั้นเราใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการอ่านหนังสือทั้งที่พกมาเองและทั้งที่ทางรีสอร์ทมีให้บริการหนังสือน่าสนใจวางเต็มชั้นในตู้ไม้ใบย่อมๆ ฉันเลือกแล้วมาสะดุดตากับ “เสียงในความทรงจำ”
.....
สำหรับแอนเพื่อนใหม่ที่มีบุคลิกและการแต่งตัวต่างกับฉันโดยสิ้นเชิงแต่จากที่เราพูดคุยทำความรู้จักกัน แม้เพียงไม่กี่ชั่วโมงฉันก็รู้สึกว่าเราคล้ายกันในหลายๆ เรื่อง ทั้งชอบการท่องเที่ยว ชอบอ่านหนังสือและชอบอยู่ในที่เงียบๆ เหมือนกันหรือนี่จะเป็นเรื่องของกฎแห่งแรงดึงดูดที่ทำให้คนเหมือนๆ กัน ได้มาเจอกัน
แอนใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการอ่านหนังสือแต่พอนึกเบื่อขึ้นมาก็วิ่งไปเปลี่ยนชุด ลงไปดำผุดดำว่ายอยู่ในทะเลขึ้นมาพักเป็นครั้งคราว อ่านหนังสือ และกลับไปกระโดดลงทะเลอีกแหวกว่ายเล่นน้ำอย่างไม่กลัวดำและที่สำคัญไม่กลัวร้อน
ฉันปูเสื่อนั่งใต้ร่มไม้ริมหาด เฝ้ามองแอนรู้สึกเหมือนเธอเป็นเด็ก แดดแรงแบบนี้แอนแทบจะเป็นผู้หญิงไทยคนเดียวที่ลงเล่นน้ำฝรั่งแก่ๆ สองคนที่เห็นเดินมาแต่ไกล อยู่ดีๆ ก็มาหยุดตรงหน้าและถามฉันว่า “
ฝรั่งคนผอมปูเสื่อพลางเอนตัวลงนอนเล่นส่วนฝรั่งคนอ้วนเดินลงไปเล่นน้ำทะเล ฉันหยิบหนังสือมาอ่านต่อมองไปอีกทีตาฝรั่งคนอ้วนอุ้มแอนโยนทุ่มน้ำซะแล้ว เล่นซนกันเหมือนลืมอายุ
พักใหญ่ๆ สองคนขึ้นมาจากน้ำตาอ้วนก็มาชวนให้ไปเล่นน้ำด้วยกัน ฉันได้แต่ปฏิเสธ “มีประจำเดือนเหรอ”ฮึ้ย! รู้ได้ไงเนี่ยแถมยังพูดออกมาอีก เราสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่ตอบปฏิเสธไปอีกครั้ง คราวนี้ตาอ้วนนึกคึกอะไรขึ้นมาไม่รู้พยายามฉุดฉันลงน้ำฉันก็ได้แต่ตะโกน No No No
ฝรั่งสองคนนี้มาจากอิตาลีเมืองอะไรก็จำไม่ได้แล้ว ชื่อภาษาอิตาเลี่ยน จำยากชะมัด คนอ้วนพูดไทยได้นิดหน่อยส่วนคนผอมพูดไทยไม่ได้เลย
ตาอ้วนพยายามชวนฉันกับแอนคุยโน่นคุยนี่เราก็ได้แต่พยักเพยิดส่งไป เพราะถึงแม้เขาพูดเป็นภาษาไทยแต่ฟังแทบไม่รู้เรื่องเลยคุยๆ กันอยู่ตาอ้วนเหลือบมาเห็นหนังสือ “ใต้ดวงตะวันทอสกานี่”
แอนตัดบทสนทนาที่เขากำลังคุยอย่างสนุกอยู่ฝ่ายเดียวด้วยการบอกว่าหิวแล้ว ต้องขอตัวก่อนแถมกลัวเขาจะไม่เข้าใจเลยทำท่าลูบท้องพร้อมทำท่าทางกินข้าวประกอบด้วยเป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่าจะไปหาอะไรกิน ตาอ้วนหันไปคุยเหมือนปรึกษากันกับเพื่อนจากนั้นจึงหยิบนามบัตรมาส่งให้แอน แถมชวนไปเที่ยวที่คอนโดในตัวเมืองอีกคะยั้นคะยอว่าขากลับให้พวกเราแวะไปให้ได้ แอนจึงรับปากว่าจะติดต่อไป
พอผละจากอิตาเลี่ยนทั้งคู่มาได้ฉันถามแอนว่าหิวแล้วหรือ “เปล่า เบื่อตาอ้วนต่างหากคุยอยู่ได้คนเดียว” “เออ นั่นสิ ไม่สนด้วยนะว่าพวกเราจะฟังรู้เรื่องมั๊ย”
ก่อนมื้อเย็นพวกเราพากันเดินลัดเลาะไปตามหาดข้ามเนินเขาลูกเล็กๆ ที่ไม่ชันมาก ไปยังอีกหาดนึง น้ำใสสวยพอๆ กับหน้าอ่าวที่เราพัก แต่หาดนี้ยาวไปสุดลูกหูลูกตาเราเดินเล่นริมหาดกันไปเรื่อยๆ หัวข้อสนทนามีแต่เรื่องเที่ยวกับเรื่องหนังสือแอนชอบอ่านงานฟิกชั่นแปล ชอบหลายแนว ส่วนฉันอ่านได้ทั้งงานไทยและงานแปล
เราต่างคนต่างแลกเปลี่ยนเรื่องหนังสือที่ตัวเองชอบฉันจดรายชื่อหนังสือที่แอนแนะนำไว้หลายเล่มส่วนแอนก็ทำแบบเดียวกันกับเรื่องที่ฉันแนะนำพอคุยถึงเรื่องนี้เราแทบลืมเวลากันไปเลย
ส่วนเรื่องเที่ยวนั้นฉันบอกแอนว่านี่เป็นครั้งแรกที่ได้มาเที่ยวกับคนแปลกหน้าในขณะที่แอนเคยนัดกับเพื่อนจากในกรุ๊ปมา 2-3 ครั้งแล้วแต่ละคนก็ให้ประสบการณ์การท่องเที่ยวที่แตกต่างกัน
บางคนโทรคุยกันก่อนเจอพูดเก่งมากจนแอนได้แต่เป็นฝ่ายฟัง พอเจอตัวจริงแล้วกลับเหมือนคนเงียบขรึมพูดน้อยบางคนมาเที่ยวด้วยกันแต่เหมือนมาเปลี่ยนที่กินเหล้าสำหรับฉันแอนบอกว่าเพิ่งเจอคนแรกที่ชอบอ่านหนังสือเหมือนกัน
เนื่องจากยังไม่ได้หิวมากเราเลยลงความเห็นกันว่าจะมากินมื้อเย็นในร้านอาหารใกล้ๆ ที่พักเพราะเห็นตรงกันว่าบรรยากาศดี และดูจากปริมาณลูกค้าแล้วแสดงว่าน่าจะอร่อย
หลังอิ่มมื้อเย็น เรานั่งดื่มด่ำบรรยากาศกันต่อร้านนี้เปิดเพลงถูกใจมาก จะเรียกว่าบังเอิญหรือเปล่าก็ไม่รู้ เราสองคนชอบ ZeeZvi เหมือนกันอีก นั่งฟังเพลงชมวิ่วทะเลยามค่ำไปเรื่อยๆสักพักแอนสั่งเบียร์ขวดเขียวมาหนึ่งขวด เทให้ฉันพร้อมชวนชนแก้ว...เผลอแป๊บเดียวเราดื่มกันไปสามขวดแล้ว แอนหันไปเรียกเด็กเสิร์ฟฉันรีบเบรกก่อนจะมีการสั่งขวดที่สี่ แอนหัวเราะแล้วบอกว่า “ไม่สั่งแล้วล่ะกินแค่พอสนุกๆ ไม่อยากเมามาก” “พี่ขอน้ำเปล่า 1 ขวด”
คืนนั้นเรานอนคุยกันทั้งเรื่องเที่ยวและเรื่องหนังสืออีกมากมายก่ายกองที่ดองไว้
เราคุยกันเพลิน จนเสียงแอนค่อยๆ เบาลงฉันจึงบอกให้แอนนอน “เห็นเล่าว่าเมื่อคืนไม่ค่อยได้นอน” “
ราวเจ็ดโมงกว่าฉันตื่นเพราะได้ยินเสียงขลุกขลักที่ระเบียงหน้าบ้านหันไปดูที่นอนข้างตัวว่างเปล่า เลยตะโกนถามออกไป “แอนจะออกไปไหนเหรอ”“ไปวิ่ง กลับมาแล้วเนี่ย” แสดงว่าแอนตื่นนานแล้วส่วนฉันตื่นสายอีกตามเคย
วันนี้เรานัดกันไปเดินสำรวจหาดอีกฝั่งหนึ่งที่เมื่อวานยังไม่ได้ไป เรารีบจัดการมื้อเช้าและทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยฉันเองอยากไปเร็วๆ เพราะกลัวว่าสายมากแดดจะยิ่งร้อน “มาเที่ยวทะเลจะกลัวแดดทำไม”แอนถาม จริงสินะถ้ากลัวขนาดนั้นก็ไม่ควรมาเที่ยวทะเล
ระหว่างเดินเลาะชายหาดไปเรื่อยๆเราเจอกระป๋องเบียร์บ้าง ขวดเหล้าบ้าง จึงพากันเก็บไปทิ้งถังขยะฝรั่งหนุ่มสาวคู่หนึ่งเดินมาเห็นก็ส่งยิ้มให้กับการกระทำของเรา
เล็กๆ ง่ายๆ แต่ทำแล้วรู้สึกดี อย่างน้อยการมาเที่ยวครั้งนี้ก็มีประโยชน์และดีต่อใจ เราเดินชมวิวและชายหาดกันไปเรื่อยเปื่อยจนใกล้เวลาที่ต้องเช็คเอ้าท์ก็ชวนกันกลับที่พัก
.....
หลังจบทริปฉันเล่าเรื่องแอนให้ใครต่อใครฟังทุกคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “แกก็ช่างกล้าเนอะไปเที่ยวกับคนไม่รู้จัก” บางคนกลัวว่าถ้าแอนเป็นมิจฉาชีพล่ะฉันว่านั่นก็คิดไกลเกินไป ขณะที่หลายๆ คนบอกว่าไปกับคนไม่รู้จักจะสนุกได้ยังไง
ความกลัวในบางอย่าง บางครั้งมันรั้งชีวิตเอาไว้เรามักจินตนาการถึงสิ่งเลวร้ายทีอาจเกิดขึ้นในขณะเดียวกันจินตนาการแห่งความกลัวนั้น มันทำให้เราไม่กล้าที่จะออกผจญภัยทำให้เราไม่กล้าที่จะออกไปใช้ชีวิต ตราบใดที่ยังสลัดความกลัวออกไปไม่ได้เราก็คงไม่ได้ออกเดินทางกันเสียที
ถ้าในวันนั้นฉันแค่กลัวการไปเที่ยวกับคนแปลกหน้า ในวันนี้ฉันก็คงไม่ได้รู้จักกับคนดีๆ แบบแอน ขอบคุณโลกที่เหวี่ยงให้เราได้มาเจอกัน จากคนแปลกหน้าในวันนั้นกลับกลายมาเป็นเพื่อนในวันนี้
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in