ปี 2016 นี้เป็นปีที่หนังดีๆเจ๋งๆ ฟอร์มยักษ์ฟอร์มใหญ่หลายเรื่องเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ ครึ่งปีแรกก็มีหนังหลากหลายเรื่องที่ผมได้ดูในโรงภาพยนตร์ บวกกับการที่เห็นแฮชแท็ก ชีวิตในครึ่งปีแรก ในทวิตเตอร์ ผมเลยนึกถึงหนังที่ได้รับชมในครึ่งปีแรกมาเรียบเรียงเป็นบล็อกในตอนนี้ให้ได้อ่านกัน
1.Steve Jobs (2015)
เป็นหนังเรื่องแรกของปีที่ผมได้ไปดูในโรงภาพยนตร์ ความจริงคือหนังเรื่องนี้ในอเมริกามันเข้าตั้งแต่ปี 2015 แล้ว แต่ที่ไทยเราเข้ามาช้าเป็นต้นปี 2016 แทน ซึ่งตรงกับช่วงก่อนที่จะประกาศผลรางวัลออสการ์พอดี
เวอร์ชั่นนี้นำเสนอผ่านงานเปิดตัวครั้งสำคัญทั้ง 3 ครั้งในชีวิตของสตีฟ จอบส์ ได้แก่ Apple Macintosh Original ในปี 1984 , NeXT Computer ในปี 1988 , และ iMac ในปี 1998 หนังจะเล่นเรื่องปมปัญหาที่สตีฟมีกับหลากหลายคนก่อนงานเปิดตัวจะเริ่มทั้งสามครั้ง (แต่ความจริงคงไม่มีใครเจอปัญหาซัดมาขนาดในหนังเรื่องนี้ในวันเดียวหรอกครับ)
เวอร์ชั่นนี้ได้พ่อหนุ่ม Magneto Michael Fassbender มารับบทเป็น Steve Jobs ที่หน้าตาพี่แกเนี่ยแทบไม่เหมือนสตีฟ จอบส์เลย แต่เรื่องนั้นใครจะไปสนละ เพราะพี่ Fassbender แกแสดงได้พีคสุดมาก ประกบกับ Kate Winslet ในบทตัวละครสมทบ Joanna Hoffman ที่คอยช่วยเหลือสตีฟจอบส์ตลอดในหลายๆเรื่อง
หนังเรื่องนี้กำกับโดย Danny Boyle เขียนบทโดย Aaron Sorkin ชนะ 21 รางวัล จากการเข้าชิง 106 รางวัล ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ 2 รางวัล คือ Best Performance by an Actor in a Leading Role (นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม) Michael Fassbender (โดยส่วนตัวผมเชียร์ Fassbender มากกว่า Leonardo)และ Best Performance by an Actress in a Supporting Role (นักแสดงสมทบหญิง) Kate Winslet น่าเสียดายที่ไม่ได้รางวัลออสการ์ติดไม้ติดมือกลับมาด้วย
เรียกว่ายอดเยี่ยมในทุกๆด้าน สำหรับหนัง Steve Jobs (2015) ย้ำว่า 2015 นะ ติดนิดหน่อย(อันนี้เหตุผลส่วนตัว) ผมติดขำ Steve Wozniak ที่แสดงโดย Seth Rogan ผู้ผ่านผลงานตลกมาแล้วอย่างเช่น The Interview (2014) ถ้ายังไม่เคยดูเวอร์ชั่นนี้ผมขอแนะนำให้ไปดู เป็นหนังที่ฟาดฟันกันด้วยบทพูดโดยแท้จริง ทำน้ำตาผมซึมเลยฉากสุดท้าย
ขอให้คะแนน 9/10 สำหรับหนังเรื่องแรกที่ได้ดูของปีนี้ครับ
2.Deadpool (2016)
หนังเรื่องที่สองที่ได้ดูในปีนี้เป็นหนังฮีโร่แสนโลกสวย ใจดี สุภาพดั่งกัปตันอเมริกา ถุ้ยยยย ใช่ซะที่ไหนล่ะ หนังเรื่องนี้จะทำให้สายตาที่คุณมองมะกันซูเปอร์ฮีโร่แตกต่างออกไป เพราะหนังเรื่องนี้คือ Deadpool ที่ทำจากตัวละครที่เป็นที่นิยมตัวหนึ่งในจักรวาลมาร์เวล โดย 20th Century Fox ที่เคยสร้างผลงานมหากาฬอย่าง Fantastic 4 ภาครีบูทสุดระยำตับเป็ดเช็ดเข้เช็ดครก @&$(เซ็นเซอร์)$^&%
แต่คราวนี้ไว้ใจได้เพราะพี่ Ryan Reynolds ผู้รับบทเดดพูลทั้งสองเวอร์ชั่น ทั้งเวอร์ชั่นขยะและสุดยอด นั่งแท่นโปรดิวเซอร์ Tim Miller มากำกับภาพยนตร์
สิ่งที่คุณจะได้รับจากหนังเรื่องนี้คือปรัชญาและคำคม สมควรได้ออสการ์เป็นอย่างยิ่ง ถุ้ยยยย ใช่ที่ไหนล่ะ คุณจะได้รับความสุขจากความฮาขี้แตกขี้แตนจากความเกรียน และมุขตลกที่ยิงใส่คุณไม่ยั้ง แต่โปรดระวัง หนังเรื่องนี้ไม่ได้โลกสวยดั้งอเวนเจอร์อันแสนง๊องแง๊งแน่นอน เพราะมีเรื่องของเพศ ความรุนแรง และภาษา ไม่เหมาะกับเด็กนะครับ
ส่วนเนื้อเรื่องก็ไม่ได้มีอะไรมากเลย แต่ต้องบอกว่าสนุกซิบหาย เรื่องนี้ผมไปดูในโรงถึงสองรอบ สนุกทั้งพากย์ไทยและเสียงอังกฤษเลยครับ
*บางมุขเป็นมุขเกี่ยวกับเนิร์ดและอเมริกันพอสมควร โปรดศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมถ้าอยากเข้าใจ
สนุกแบบนี้เอาไปเลย 8.5/10 เป็นเรื่องที่คลายเครียดได้ดี ไม่ต้องคิดมาก เหมาะสำหรับมนุษย์อายุ 15 ปีขึ้นไป
3.Zootopia (2016)
เรื่องที่สามมาแนวอนิเมชั่นกันบ้าง โลกสวยสดใส แต่แฝงไปด้วยข้อคิดอย่าง Zootopia จากทาง Disney ส่งเข้าประกวด เป็นหนังที่ผมกะจะไปดูเพื่อความบันเทิงแบบเฉยๆมาก ไม่มีความรู้หรือfactใดๆทั้งสิ้น รู้แค่ว่าพี่ Idris Elba มาเล่นเป็นพี่กระทิง(หรือควายวะ) และ Shakira มาเล่นเป็นพี่กาเซล(มั้ง) และร้องเพลง Try Everything ซึ่งก็เพราะมากๆ ชอบครับ
VIDEO
หนังเล่นเรื่องคู่หูระหว่างกระต่ายจูดี้กับสุนัขจิ้งจอกนิค (แล้วดันมีคนจิ้นกันด้วยนะ) ผมคิดว่าหนังเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงการแบ่งแยกชนชั้นอยู่พอสมควร เล่นเรื่องความพยายามที่จะเป็นตำรวจเพื่อพิทักษ์สันติราษฏร์ของจูดี้
หนังดี สนุก ซึ้ง ชวนให้คิด ไว้ใจดิสนีย์ เอาไป 9/10 ครับผม ตอนนี้มีทางดิจิตอลและดีวีดีออกขายแล้วด้วยครับ (แล้วคุณจะรัก แฟลช เจ้าสล็อตในเรื่องนี้)
4.Batman V Superman : Dawn of Justice (2016)
นับว่าเป็นการออกหมัดบ้าง สำหรับทาง DC หลังจากที่ปล่อยให้ Marvel ครองตลาดขยายจักรวาลไปไกลโพ้นแล้ว โดย DC ดึง BatBen และ Supercavill มาตีกันและมีนักแสดงมากฝีมืออย่าง Jesse Eisenburg มาแสดงเป็น Lex Luthor ด้วย โดยได้ตาZack Snyder มากำกับ
ซึ่งผลก็ออกมาว่าเกือบหลับ ครึ่งแรกนี่อยากจะหลับ ช่วงแอ็กชั่นค่อยสนุกขึ้นหน่อย แต่ก็มาตายเอาที่มุขชื่อแม่ในตำนาน ทำอย่างกับเป็นเด็กไปได้ ปัดโธ่
บ่นความเกี่ยวกับการล้อชื่อพ่อแม่ (คนอ่าน : ไอสัส ฝากร้านอีกแล้วนะมึง)
ไม่อยากจะเขียนอะไรเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้มาก ก็เลยตัดจบมันซะเลยครับ (5/10)
5.The Jungle Book (2016)
ผมรักหนังเรื่องนี้มาก เพราะเป็นเรื่องที่ทำให้ผมเริ่มเขียนรีวิวเป็นครั้งแรกแบบกากๆและไม่โปร (ทุกวันนี้ก็ยังไม่โปร)
สรุปสั้นๆว่า สนุก มีเพลงเพราะๆ เอฟเฟกต์ตระการตา สนุกกว่าหนังที่อยู่ในป่าเหมือนกันบางเรื่อง (อุ๊บส์) ควรค่าแก่การรับชมครับ
6.Hardcore Henry (2015)
หนังเรื่องนี้เป็นมิติใหม่แห่งการรับชมภาพยนตร์ ด้วยมุมมอง FPS (First Person) ชวนเวียนหัวมากๆ แต่โหดสัสรัสเซียแอลเบเนียมากๆ (แอลเบเนียมาไง) บทหนังไม่เท่าไหร่ แต่แทนด้วยฉากแอ็กชั่นสุดสะใจ ก็รวมๆแล้วสนุก ที่สำคัญได้บัตรไปดูฟรี ฮ่าๆๆ
7.Captain America : Civil War (2016)
เรื่องนี้ชอบมาก รอคอยนาน แต่คุ้มค่าการรอคอย (#ทีมมาร์เวล) #TeamCap (ทำไมมันเริ่มสั้นลงเรื่อยๆ)
9.Now You See Me (2016) สนุกมากๆ บันเทิง หนังเกือบฉลาด น่าติดตามภาคต่อๆไป
รีวิว NYSM2 10.Independence Day Resurgence (2016) สนุก มันส์ ซีจีอิ่ม ผู้หญิงแจ่ม ผู้ชายช่างมัน (ขอขอบคุณพี่แชมป์พี่เจอร์รี่ JUSTดูIT มา ณ ที่นี้ในการช่วยแชร์รีวิวแบบกากๆของผม ไว้ไปดูหนังด้วยกันอีกนะครับพี่ๆ ฮ่าๆๆๆ)
รีวิว IDR
นี่แหละครับชีวิตการดูหนังในครึ่งปีแรกของผม (ถึงเรื่องหลังๆจะพูดถึงแบบตัดจบและ tie in) เวลาไหลผ่านไปไวจริงๆ ไม่ต่างอะไรกับเงินของผมที่ไหลออกไปทุกสัปดาห์กับหนังดีๆในปีนี้ ครึ่งปีหลังท่านผู้อ่านมีเป้าหมายอะไรก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านทำเป้าหมายนั้นให้สำเร็จ เพราะความสุขของผมคือการได้เห็นผู้อ่านของผมมีความสุข รักนะ (เดี๋ยวๆๆๆ จะเขียนเฟคไปไหน)
สุดท้ายนี้ใครใจดีอยากพาไปดูหนังก็ยินดีครับ (ทำไมมึงเป็นคนอย่างนี้ เฮ้ออออออ)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in