เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เรียนภาษาจีนฟรี 1 ปีกับทุนขงจื่อWannavatakul Mint
หลักสูตรภาษา 1 ปีเรียนอะไรบ้าง
  • ตอนนี้ตอบได้แค่ว่า 1 เทอมเรียนอะไรบ้าง เดี๋ยวของเทอม 2 มาเพิ่มให้นะ


    ก็คือเรียนทั้งหมด 6 วิชา คาบเช้าสุดคือ 10 โมงเวลาปักกิ่ง ดึกสุดคือเลิก 20.35 น. เวลาปักกิ่ง แต่ละคาบจะเรียน 1 ชั่วโมง 35 นาที ประกอบด้วย 

    1. 1. Intermediate Chinese 

    1. 2. Chinese Listening 

    1. 3. Chinese Communication 

    1. 4. Overview of China 

    1. 5. Chinese Culture และ 

    1. 6. Business Chinese Reading ซึ่งเราไปขอ sit-in เองเพราะอยากเรียน 

    มา เราจะมารีวิวทีละวิชาเลย


    Intermediate Chinese - เรียนภาษาจีนขั้นกลาง ศัพท์และไวยากรณ์ประมาณ HSK 5-6 และจะมีสอนว่าคำที่มีความหมายเหมือนกัน มันใช้ต่างกันยังไง เช่น 除非 vs 只有 วิชานี้จะเน้นอ่าน-เขียนเป็นหลัก ซึ่งบทความยาวมาก 2-3 หน้าเอสี่ วิชานี้ถือเป็นวิชาหลัก เรียนสัปดาห์ละ 4 คาบ มีการบ้านทุกวัน ส่งวันต่อวัน ทำการบ้านวิชานี้ถึงตี 1 ก็ทำมาแล้ว เพราะเร่ิมทำ 4 ทุ่ม 5555 


    Chinese Listening - เป็นวิชาที่เน้นเรื่องการฟัง เรียน 2 คาบต่อสัปดาห์ เอกสารประกอบการสอนของอาจารย์คือข้อสอบ HSK 5 ซึ่งเอาจริงๆ ถ้าแปลช้อยส์ได้ ก็ทำได้ จะแปลช้อยส์ได้ ก็ต้องรู้ศัพท์ ในคลาส อาจารย์จะแปลจีนเป็นจีนให้ฟัง ข้อดีคือพอเรียนมาเรื่อยๆ หลายๆ คำพอแปลภาษาไทยหรืออังกฤษออกมาจะคล้ายกันมาก อาจารย์จะช่วยแปลให้ว่ามันต่างกันยังไง 


    Chinese Communication เป็นวิชาเน้นเรื่องการพูด เรียน 1 คาบต่อสัปดาห์ วิชานี้จะเน้นภาษาพูด เช่น ปกติถ้าจะพูดว่าเขามาจากประเทศไทยจะพูดว่า 他从泰国来 ในภาษาพูด สามารถพูดได้ว่า 他打泰国来  


    Overview of China เนื้อหาจะเกี่ยวกับสิ่งที่เราควรรู้เกี่ยวกับประเทศจีน ธงชาติจีนเป็นยังไง สัญลักษณ์ของประเทศจีนคืออะไร ประเทศจีนมีกี่จังหวัด เรียนสัปดาห์ละ 1 คาบ วิชานี้เป็นวิชาบังคับของนักเรียนทุกคน ถ้าจะเรียนต่อหลักสูตรภาษาจีน ต้องเรียนวิชานี้เป็นภาษาจีน ถ้าจะเรียนต่อหลักสูตรภาษาอังกฤษ ต้องเรียนวิชานี้เป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งเราเป็นนักเรียนทุน แน่นอนว่าโดนจัดให้ไปเรียนคลาสที่บรรยายเป็นภาษาจีน  


    เราเรียนวิชานี้มา 2 ครั้งแล้ว ฟังไม่รู้เรื่องเลยสักครั้ง เพราะมันต้องเข้าใจเนื้อหาที่เป็นภาษาจีน และมีแต่ศัพท์ใหม่เต็มไปหมด สารพัดตัวจีนบนสไลด์คืออ่านไม่ออกเลย T_T  พอจบครั้งที่ 2 วีแขทไปหาอาจารย์เลยว่าจะขอย้ายไปคลาสที่สอนเป็นภาษาอังกฤษได้มั้ย อาจารย์โทรมาหาเลย แล้วก็บอกว่าไม่แปลกนะที่ฟังไม่รู้เรื่อง มันมีแต่ศัพท์ใหม่ ก่อนเรียนไปแกะพินอินมาก่อนนะ ไปอ่านก่อนเรียนก่อน แล้วเธอจะเข้าใจที่อาจารย์พูดมากขึ้น นี่ก็เลยถามไปเลย คือหนูกลัวว่าหนูจะสอบวิชาอาจารย์ไม่ผ่านแล้วทำให้มีปัญหาเรื่องทุนค่ะ อาจารย์ตอบมาเลยว่าไม่มีไม่ผ่าน อาจารย์ไม่ได้จะให้นักเรียนไม่ผ่าน อาจารย์สอนวิชานี้มาหลายปีแล้ว แค่อยากให้นักเรียนเข้าใจเกี่ยวกับประเทศจีนมากขึ้น อ่านก่อนเรียนมานะ เจอกันอีกทีพุธหน้า 


    บอกตามตรง เราไม่คิดว่าอาจารย์จะถึงขั้นโทรกลับมาหาเรา (โทรวีแชท) เรารู้สึกเลยว่าอาจารย์ใส่ใจมากๆ ซึ้ง พอวางสายจากอาจารย์ก็เลยรีบไปแกะพินอินในสไลด์ที่เพิ่งเรียนไป ชั่วโมงนึงผ่านไป ได้แค่ 10 หน้า แล้วสไลด์มี 50 หน้า แทบขิตค่ะ แต่ยอมรับว่าพอแกะพินอิน ก็ทำให้เข้าใจเนื้อหามากขึ้นเลย 


    Chinese Culture - ตอนแรกเราคิดว่าวิชานี้อาจจะเรียนเขียนพู่กันจีน เรียนรำไท้เก๊ก ไม่ใช่ทั้งหมดเลย เปิดมาคาบแรกเรียนเกี่ยวกับขงจื่อ ถึงเราจะเป็นเด็กทุนขงจื่อแต่เราก็รู้แค่ว่าขงจื่อคือนักปราชญ์ที่มีชื่อเสียงในจีน และสถาบันขงจื่อทำหน้าที่เผยแพร่ภาษาจีน เค้าจะส่งครูมาจากจีนให้มาอสนประจำประเทศนั้น 


    2 คาบแรกที่เรียนเกี่ยวกับขงจื่อ เป็นการเรียนเกี่ยวกับประวัติขงจื่อและคำสอนของขงจื่อ ซึ่งภาษายากมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก (ก ไก่ยาวเท่ากำแพงเมืองจีนก็ไม่พอ - อะเว่อร์ไป) คือมันเป็นศัพท์จีนโบราณ บางคำไม่ใช้ในยุคปัจจุบันแล้ว แต่อาจารย์น่ารักมากกกกกก สอนอ่านทีละคำ อธิบายความหมายทีละคำ ในชีทมีเขียนพินอินให้ด้วย ค่อยๆ สอนแบบช้าๆ และเพื่อให้ตัวเราเองเข้าใจเนื้อหามากขึ้น เราเลยไปหาประวัติขงจื่อที่เป็นภาษาไทยอ่านเพิ่มเอง หาข้อมูลเกี่ยวกับราชวงศ์จีนมาอ่านเพิ่มเติม เปิดโลกเรามากๆ ยอมรับค่ะว่าโลกแคบ ไม่ค่อยได้ออกไปไหน คาบประวัติศาสตร์นิยมไปเฝ้าพระอินทร์ อย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่างนะคะ 


    จริงๆ วิชาที่เขาจัดมาให้ก็หมดแล้ว ก็คือถ้ามาเรียนภาษา 1 ปี เราจะไม่ได้เรียนแค่ภาษาอย่างเดียวนะ จะได้เรียนอย่างอื่นเพิ่มเติมด้วย ซึ่งก็ดีนะ เปิดโลกไปในตัว และจะเรียนภาษาเข้าใจ ก็ต้องเข้าใจวัฒนธรรม เข้าใจประวัติศาสตร์ของเขาด้วย 


  • ถ้าจำได้ ข้างบนเราลิสต์ไว้ 6 วิชา วิชาสุดท้ายคือ Business Chinese Reading วิชานี้ไม่ใช่วิชาบังคับของเรา แต่เป็นวิชาบังคับของเด็ก prep School ที่เตรียมไปสอบเข้าปริญญาตรีในคณะบริหารธุรกิจที่จีน จริงๆ วิชา Business Chinese คือเป้าหมายหลักที่ทำให้เราอยากเรียนภาษาจีนต่อ เราต้องการเอาสกิลภาษาจีนไปใช้คุยธุรกิจ พอรู้ว่าเด็ก Prep School มีเรียนวิชานี้ ก็รีบติดต่อเขาไป ขอคอนแทคอาจารย์ ขอหนังสือเรียนจากเขา ไปติดต่ออาจารย์ขอซิทอิน อาจารย์น่ารักมาก ตอบมาเลยว่า 欢迎 (Welcome) ยอมรับว่าวินาทีนั้น ตาเป็นประกายมากๆ อะไรที่ีเราอยากทำ เราจะคว้ามันมาจนได้เสมอแหละ 


    พอเรียนไปได้ 2 คาบ เราว่าเราคิดถูกมากๆ ที่มาเรียน แม้จะต้องยอมกินข้าวเย็นค่ำหน่อยเพราะคลาสเริ่ม 18.00-19.35 น. แต่บอกเลยว่าคุ้ม เพราะเราไม่มีทางได้ศัพท์ธุรกืจจากวิชาภาษาจีนขั้นกลางแน่นอน ศัพท์อย่าง market share, board of directors, stock market อะไรแบบนี้ก็หาได้จากวิชา Business Chinese เท่านั้นแหละ อย่างไรก็ตาม วิชานี้มันเน้นอ่านบทความอย่างเดียว เราหวังว่าเทอมหน้าจะมีเปิดวิชา Business Chinese Communication เผื่อเราจะได้ลองพรีเซนท์งาน พรีเซนท์กราฟเป็นภาษาจีน หรือฝึกเทคนิคเจรจากับคู่ค้าเป็นภาษาจีน 


    เพื่อนในห้อง 


    ในเมื่อรีวิววิชาเรียนแล้ว รีวิวอาจารย์แล้ว จะขาดรีวิวเพื่อนไม่ได้ 


    ในคลาสที่เราเรียน มีนักเรียน 11 คน เป็นเด็กทุนประมาณ 9 คน ทั้งหมดเป็นนักเรียนต่างชาติ มาจากญี่ปุ่น 3 คน เกาหลี 2 เวียดนาม 1 ไทย 1 เยอรมัน 2 ชิลี 1 อายุที่เยอะที่สุดคือ 26 ปี เด็กที่สุดคือ 20 ปี ถ้าแบ่งตามเฟศนักเรียนคือมีผู้ชาย 3 คน ผู้หญิง 8 คน สังคมหญิงล้วนอีกละ 


    ส่วนคลาสที่เรียนกับเด็ก Prep School ก็จะมีหลากหลายเชื้อชาติกว่า มีทั้งจากประเทศที่ลงท้ายด้วยสถาน จากประเทศในทวีปแอฟริกา ส่วนชาติฮอทฮิทของเด็ก Prep School คืออินโดนีเซีย


    โดยสรุป เราว่าเราโชคดีที่มหาลัยจัดคลาสออนไลน์ให้เลย ไม่ใช่เอากล้องไปถ่ายจากคลาสออฟไลน์ และโชคดีที่ได้เจออาจารย์ที่ซัพพอร์ตดี ใส่ใจการสอน ใส่ใจนักเรียนสุดๆ 

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in