เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
อยากให้ลองบ่นดูบ้างsquarrium
ลองใช้ชีวิตเดินทางกลับบ้านแบบชิลๆ ช่างแม่งดูซักวันดิ
  • บางทีเคยคิดปะ เราจะรีบเดินทางกลับบ้านไปทำไมวะ?

    ทั้งที่กลับไปก็รู้อยู่แล้วว่ามีอะไรรออยู่

    ทำงานก็เหนื่อยแล้ว แต่เดินทางแม่งเหนื่อยที่สุดในการใช้ชีวิตเลย ตอนเช้าต้องรีบไปให้ถึงเร็วๆ ตอนเย็นก็ยังจะต้องรีบกลับบ้านอีก

    สรุปแล้วมีเวลาไหนบ้างที่ไม่เร่งตัวเอง ไม่กดดันตัวเอง?

    พ่อแม่เป็นอีกคนที่คอยเร่งเราตลอดเวลา เร่งมาตั้งแต่ตอนเรียนมัธยม เรียนมหา'ลัย จนทำงานมาได้เกือบสองปีก็ยังเร่ง สรุปแล้วเกือบจะกลายเป็นคนประสาทหลอนเพราะออกจากบ้านไม่ทัน 6 โมงครึ่ง ขึ้นรถไปก็เจอเสียงถอนหายใจ เอาง่ายๆ ก็เสียสุขภาพจิตแต่เช้า แต่ทำไงได้อะ ถ้าไม่ติดรถกันไปก็ต้องไปเอง รุมแย่งขึ้นรถสองสามต่อกับคนอื่นอีก เลยต้องทนๆ เอาหูฟังยัดหูไป

    ยอมรับว่าตอนเช้าเนี่ยรีบไปให้ถึงที่ทำงานจริง ไม่ใช่ว่าจะรีบไปเอาหน้าหัวหน้า รีบไปเปิดตึก หรือรีบไปทำงานนะ คือจะรีบไปนอน

    ด้วยความที่บ้านไกล ตื่นเช้ากว่าคนอื่น เลยต้องการจะไปถึงเร็วเพื่อนอนก่อนเริ่มงาน

    เนี่ย วิถีคนบริหารเวลา(การนอนตอนเช้า)เป็น (แต่ตอนกลางคืนดันไม่นอน)

    แต่ตอนเย็น เป็นเวลาที่เถียงกับตัวเองตลอดเวลา จะรีบลนไปถึงไหนวะ อยากชิลกับเขาบ้างอะ

    เราเป็นคนเดินเร็วนะ แต่เดินเร็วเพราะติด ไม่ชอบเดินช้า ไม่ใช่เพราะรีบ

    ละลองสังเกตตัวเอง จะเป็นคนที่กลับบ้านไม่เร็วไปเลย ก็ดึกไปเลย เพราะขี้เกียจแย่งกับคนอื่น อีกอย่างคือขี้เกียจผจญรถติด

    แล้วก็แม่อีกนั่นแหละที่ชอบโทรมาเร่งว่าเมื่อไรจะกลับบ้าน ด้วยความชิลของเราอะเนอะ 5 ทุ่มไงแม่ อีกแปปนึง

    รถเมล์นี่เป็นพาหนะคู่ใจ ถึงจะบ่นแม่งทุกวัน บางทีรอ 45 นาที ชั่วโมงนึง แต่ก็ยังรอ เพราะเป็นวิธีที่ถูกสุด และชิลสุด ยิ่งเป็นรถเมล์ร้อน ลมโกรกจนหน้าชา แต่กรุงเทพตอน 5 ทุ่มไง ความชิลมีอยู่จริงนะ

    นั่น แม่ก็โทรมาอีก อยู่ไหนแล้ว!

    คือมันสองต่ออะแม่ บ้านไกล มันยังไม่ถึง เราก็ยังใช้มุกชิลต่อไปเรื่อยๆ รู้แล้วๆๆ เคๆๆ กำลังกลับแล้วๆๆ เข้าสู้มาตลอด 4 ปีที่เรียนมหา'ลัย ยิ่งปี 4 นี่หนักเลย ไม่กลับนะแม่ วันนี้นอนคณะ

    กลายเป็นว่านอนคณะ แม่เป็นห่วงน้อยกว่ากลับบ้านซะงั้น นั่นแหละ เพราะไม่ต้องเดินทาง

    การเดินทางที่ที่บ้านจะหัวฟัดหัวเหวี่ยงหนักสุดก็คือการนั่งแทกซี่ เพราะเสพข่าวเกี่ยวกับแทกซี่เยอะ เดี๋ยวก็ปล้นบ้าง พาไปผิดที่บ้าง ข่าวไม่ดีเยอะแยะไปหมด ทำให้เราต้องตัดการกลับบ้านด้วยแทกซี่ทิ้งไปหลายปี (อีกส่วนหนึ่งเพราะแพง ลำพังเงินที่แม่ให้มากินก็ไม่พอแล้ว)

    รถเมล์ตอนสี่ห้าทุ่มเลยเป็นคำตอบสุดท้าย ชิลมาก ใครพอจะมีเวลาว่างอยากให้ไปลอง ไม่ต้องไปแย่งชิงกับใคร ไม่ต้องแข่งกับเวลา กลับบ้านไปก็ไปนอนพักร่างกาย แล้วพรุ่งนี้เช้าค่อยมาเริ่มกันใหม่

    ถึงแม้จะเสียเวลาไปหน่อย แต่การไม่ต้องไปรีบแย่งกันขึ้นรถ ยืนเบียดกับคนอื่นบนรถเมล์ แหงกอยู่บนถนนที่เดิมชั่วโมงสองชั่วโมง ทำให้สุขภาพจิตดีขึ้นจริงๆ นะ

    เหมือนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ที่กรุงเทพแทบจะจมอยู่ในน้ำ คนรอรถกันชั่วโมงนึง ขึ้นไปอยู่บนรถก็ติดบนถนนอีกสองสามชั่วโมง ถามว่านี่ซีเรียสมั้ย ไม่ เพราะไปแวะห้าง หาหนังดู เรียบร้อย ดูหนังจบรถก็หายติดพอดี สนุก แถมยังไม่ต้องมาเสียสุขภาพจิต โมโหกับสภาพการจราจรอีก

    นี่ไม่ได้จะมาชี้ช่องว่าใครเป็นรัฐบาลเราก็ต้องปรับตัวต้องทำมาหากินเหมือนเดิมนะ แหม ถ้าคิดแบบนี้ได้ทั้งประเทศเราคงไม่เห็นคนมาประท้วงรัฐบาลบนถนนหรอก

    แต่ในสภาพที่เราไม่เห็นว่ามันจะพัฒนาอะไรได้ในตอนนี้ ลองใช้ชีวิตช่างแม่งกับการเดินทางกลับบ้านดูดิ แฮปปี้กว่าเยอะ

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in