เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
วิเคราะห์ตัวเองผ่านหนังpiccarioman
Do you know what made me mad?
  • *****มีสปอยล์ JOKER (2019) และอาจมีทริกเกอร์บางจุดค่ะ เราพยายามเขียนเลี่ยงแล้ว แต่ในจุดที่บรรยายความรู้สึกส่วนตัวก็อาจทริกได้ ถ้าไม่มั่นใจ โปรดหลีกเลี่ยงนะคะ*****





    คุณยิ้มบ่อยมั้ย?
    แล้วความรู้สึกภายใต้รอยยิ้มของคุณคือความสุขรึเปล่า?

    คุณเคยทำให้คนอื่นหัวเราะมั้ย?
    แล้วคุณคิดว่าคุณตลกรึเปล่า?

    คุณเคยเป็นตัวตลกในสายตาคนอื่นมั้ย?
    แล้วคุณคิดว่าเรื่องพรรค์นี้มันตลกรึเปล่า?

    คุณคิดว่าคุณปกติมั้ย?
    แล้วคิดว่าสิ่งที่คุณเป็นอยู่ เรียกว่าปกติรึเปล่า?

    แล้วต่อให้สิ่งที่คุณเป็นมันไม่ปกติ ..... คุณยอมรับมันได้มั้ย?
    อยากให้คนอื่นยอมรับมันด้วยรึเปล่า?

  • ในแง่การสื่อสารเชิงบุคคลแล้ว .....
    JOKER ทำให้เราเข้าใจคำว่า "บ้า" มากขึ้น

    มันอาจเป็นความผิดปกติทางจิต เป็นการที่เราไม่สามารถควบคุมการแสดงออกทางอารมณ์ ความรู้สึกได้อย่างถูกต้อง(?)

    มันอาจเป็นแนวคิด ตาชั่ง หรือศีลธรรมในจิตใจที่ไม่ตรงกับแนวคิดตามบรรทัดฐานของสังคม

    หรือมันอาจเป็น ..... ส่วนหนึ่งของเรา


    สิ่งที่เราสัมผัสได้จากอาเธอร์ในช่วงสุดท้ายของหนัง คือการที่เขารับเอาทุกอย่างที่เขาเป็นเอาไว้ ไม่มีถูกไม่มีผิด ทุกอย่างคือความปกติ คือสิ่งที่เขาเป็น ..... แม้มันคือความบ้าคลั่งในสายตาของคนอื่นก็ตาม

    เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีใครยอมรับเขาโดยแท้จริง เขาพยายามเป็นอย่างที่ทุกคนบอกให้เป็น พยายามเป็น "ปกติ" แต่เขาก็ทำไม่ได้ เขาพยายามอย่างถึงที่สุด แต่แล้วก็มาถึงทางตัน

    กระสุนที่ลั่นออกไปทำให้เขารู้สึกปลอดโปร่งอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน นี่คือวิธีปลดปล่อยของเขา .... และแน่นอน เขารู้ว่ามันคือสิ่งที่ผิด แต่ใครจะสนกันล่ะ!?

    ในความรู้สึกลึกๆ เราว่าน่าจะพอมีส่วนผสมบางอย่างที่จะเปลี่ยนการกระทำของอาเธอร์ได้ แต่ในเมื่อมันเลยจุดที่จะเปลี่ยนส่วนผสมในชีวิตมาแล้ว ....... อาเธอร์เลยเลือกที่จะยอมรับปิศาจที่อยู่ในตัวแทน

    การที่อาเธอร์เลือกที่จะยอมรับทุกๆ อย่างที่เขาเป็น แม้ว่ามันจะคือความบ้าคลั่งไร้ขีดสุด คงเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เขาสามารถยืนอยู่ตรงนั้นได้

    หนทางที่จะทำให้เขาไม่ต้องเจ็บปวดอีกต่อไป ........

  • เราไม่แน่ใจเหมือนกันว่าต้องใช้ชีวิตในสังคมยังไง ถึงจะไม่กลายเป็นแบบอาเธอร์ ไม่สร้างคนแบบอาเธอร์ หรืออย่างมากที่สุดคือช่วยเยียวยาผู้อื่น ก่อนที่เขาจะกลายเป็นแบบอาเธอร์

    จากมุมมองเราที่ก็พยายามข้องเกี่ยวกับผู้คนให้น้อยที่สุดอยู่แล้ว ........ ความแย่ของมนุษย์ที่มีต่อมนุษย์ ก็ยังไม่เทียบเท่าความแย่ของสังคมที่มีต่อมนุษย์

    เพราะสังคมปลูกฝัง สังคมมีบรรทัดฐาน สังคมมีกรอบของความ "ปกติ" มากำหนดผู้คน ทำให้ผู้คนดิ้นรน กระเสือกกระสนที่จะเป็นปกติ แล้วถีบหัวคนที่ไม่อยู่ในกรอบคำว่า "ปกติ" ออกไป ..... จนคนเหล่านั้นไม่มีที่ยืน

    เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าไม่ได้อยู่ในวงเวียนนั้น
    ไม่เป็นส่วนหนึ่งที่เตะคนที่ไม่อยู่ในกรอบออกไปโดยไม่รู้ตัว
    ไม่เป็นคนหนึ่งที่พยายามดิ้นรนเพื่อเป็นคนปกติ
    ไม่เป็นคนหนึ่งที่พยายามแล้ว แต่ก็ยังไม่มีที่ยืนอยู่ดี


    โดยส่วนตัว เราเลิกมองหาความ "ปกติ" ในบรรทัดฐานของสังคม แต่เริ่มมองหาว่าตัวเรานั้นรู้สึกอย่างไร และโอเคกับสิ่งที่เป็นอยู่มั้ย?

    จริงอยู่ว่ามันต้องมีการตรวจสอบความถูกต้องบ้าง เพราะถ้าไม่ตรวจสอบเลย เราก็อาจกลายเป็นแบบอาเธอร์ก็ได้

    แต่เราก็ตรวจสอบแค่กับบรรทัดฐานส่วนบุคคลของเรา โดยยึดว่าทำให้คนอื่นเดือดร้อนน้อยที่สุด มีผลกระทบต่อสิ่งอื่นๆ ให้น้อยที่สุด ........ ซึ่งต่อไปในภายภาคหน้าก็อาจเปลี่ยนแปลงได้ หรือเราอาจควบคุมตัวเองไม่ได้ก็ได้

  • ที่สุดแล้ว เราอยากเป็นคนที่ยอมรับทั้งหมดของตัวเองได้ ทั้งด้านดีและด้านไม่ดี

    อะไรที่ดีอยู่แล้วก็จะทำต่อไป
    อะไรที่ไม่ดี เป็นไปได้ก็อยากปรับปรุง
    อะไรที่แย่มากๆ ความโกรธ ความเกลียด ความบ้าคลั่งที่อาจมีอยู่ในตัว เราก็อยากยอมรับ ถ้ามันจะทำให้เรารู้ตัว และจัดการกับมันได้ ..... ก่อนที่มันจะไปทำร้ายคนอื่น

    อยากเป็นคนที่ใช้ชีวิตในสังคมแห่งการแบ่งแยกนี้ได้ ....... แล้วถ้าทำให้ทุกคนยอมรับความปกติของกันและกันได้ ก็คงดี

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in