เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
All of meTamago
เธอคนนั้น พระจันทร์ และวันลอยกระทง
  • มือขาวดูเนียนนุ่มของคุณกำลังขยับไปมาอยู่ตรงหน้าฉันพาให้กลิ่นหอมจากตัวคุณโชยกรุ่นขึ้นมา--กลิ่นหอมหวานอ่อนละมุนที่ติดตัวคุณอยู่เสมอ แล้วไม่กี่นาทีผืนผ้าซิ่นแสนสวยก็อยู่เข้าที่เข้าทางอย่างที่มันควรจะเป็น 

    "เสร็จแล้ว แต่งขึ้นเหมือนกันนี่เรา"

    เรียวปากสีชมพูอมส้มขยับพูดพร้อมกับช้อนตาขึ้นมอง--พราวพรายเป็นประกายเหมือนดาวคู่หนึ่ง ฉันเผลอสบตาเข้ากับคุณหนึ่งครั้ง ผีเสื้อในท้องก็กระพือปีกขึ้น ความรู้สึกบางอย่างดิ้นรนจะออกมาจากกรงขัง ฉันรีบเบนสายตาหลบก่อนที่สายตาจะบอกอะไรมากไปกว่านี้

    "จริงอ่ะ ไม่ใช่ว่าพี่แกล้งชมเค้าไปงั้นนะ"

    "เปล่าซะหน่อย แกแต่งขึ้นจริงๆ"

    คุณตอบพลางหัวเราะ คุณไม่ใช่คนสวย ไม่ใช่เลย แต่ไม่รู้ทำไมพอยิ้มออกมาแล้วถึงน่ารักได้ขนาดนั้น และฉันละสายตาตาไปจากคุณไม่ได้เลย--เหมือนกับที่บทกวีเชยๆเคยว่าไว้ 

    "พี่ก็แต่งขึ้นเหมือนกันนั่นแหละ"

    เป็นอีกครั้งที่ฉันต้องบังคับตัวเองให้มองไปทางอื่นเพื่อกำราบเจ้าหัวใจที่คอยแต่จะเต้นแรงเกินไปอยู่เสมอ--วันนี้คุณแต่งผ้าซิ่นสีชมพูอ่อนลายสวยเข้ากันดีกับเสื้อสีขาวเรียบๆตัวบน ทุกอย่างที่ประกอบเป็นคุณมันดูนุ่มนวลละมุนละไมไปซะหมด ไม่ว่าจะเป็นน้ำเสียง รอยยิ้ม หรือว่าแววตา

    "แล้วเมื่อเช้าแกพันผ้าได้ยังไง"

    "ไม่รู้อ่ะ เค้าก็พันๆไปมั่วๆ แล้วมันก็ได้เอง แต่ก็นะ" ฉันไหวไหล่ "มันไม่อยู่เท่าไร แถมพันไม่สวยด้วย ชายก็ไม่เท่ากัน ลายเบี้ยวอีกต่างหาก ฮะๆ"

    "แล้วทำไมไม่ให้พี่พันให้เมื่อเช้า"

    "ก็เห็นพี่ยุ่งๆอยู่อ่ะ เค้าก็ไม่อยากกวน"

    "ยุ่งอะไรล่ะ ฉันก็เตรียมสอนของฉันเหมือนทุกวัน คราวหลังมีอะไรก็มาถามฉันก่อน ไม่ใช่คิดไปเองว่าฉันยุ่งแล้วก็ไม่มาให้ฉันช่วย"

    คุณทำท่าดุเหมือนแม่ดุลูก ทั้งๆที่ฉันควรจะหงอย แต่ฉันกลับชอบให้คุณทำแบบนั้น--ดูแล้วรู้สึกเหมือนคุณใส่ใจฉันมากพอที่จะบ่น

    "โรงเรียนให้แต่งชุดไทยแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ ต่างชาติจะได้เห็นอะไรดีๆของไทยบ้าง"

    แล้วคุณก็พูดขึ้นลอยๆระหว่างกำลังเก็บหนังสือเข้าล็อกเกอร์เพื่อเตรียมกลับบ้าน--ตอนนี้เป็นเวลาเกือบสามทุ่มแล้ว ครูคนอื่นๆกลับบ้านกันไปหมด เหลือเพียงฉันและคุณที่สอนโอทีกันจนดึก อ้อ และก็ป้าแม่บ้านอีกคนที่ยังไม่กลับ

    "อื้อ" ฉันขานรับในลำคอ "แต่เค้าไม่ค่อยชินกับผ้าซิ่นเท่าไร มันยาวอ่ะ เดินทีไรก็จะสะดุดขาตัวเองทุกที" 

    "ฮะๆ เดี๋ยวแกก็ชินไปเองล่ะน่า" คุณหัวเราะเบาๆ ฉันเองก็อดหัวเราะตัวเองไม่ได้ นิสัยกระโดกกระเดกของฉันแก้ไม่หายซะที "แล้วช่วงนี้สอนเป็นยังไง ชินรึยัง"

    "อ้อ ชินแล้วค่ะ ช่วงนี้เริ่มรู้แล้วว่าจะรับมือกับนักเรียนยังไง แต่ก็ยังเผลอทำตัวโก๊ะๆอยู่เหมือนกันนะ"

    "เออ แกมันโก๊ะ" แล้วคุณก็เผยรอยยิ้มอีกครั้ง "พวกนักเรียนส่วนมากที่มาเรียนกับเราก็เป็นนักธุรกิจ พวกนี้นะ ถ้าแกทำให้มันเชื่อไม่ได้ แกก็สอนมันไม่ได้ เพราะงั้นเวลาอยู่ต่อหน้ามันแกต้องวางท่าเข้าไว้ ต้องมั่นใจในตัวเองเยอะๆ มันจะเป็นใครมาจากไหนไม่สำคัญ แต่ตอนนี้มันต้องมาง้อแก มันต้องมาเรียนกับภาษาไทยกับแก เข้าใจไหม"

    และบางทีในท่าทีนุ่มนวลของคุณ คุณก็ดูเข้มแข็งอย่างไม่น่าเชื่อ เวลาที่คุณสวมบทบาทอาจารย์ คุณไม่เคยกลัวอะไรเลย ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจมาดใหญ่มาจากไหน พอมาอยู่ต่อหน้าคุณแล้วก็กลายเป็นเหมือนเด็กตัวเล็กๆที่ต้องการความรู้จากคุณ

    ฉันอยากทำให้ได้เหมือนคุณบ้าง ไม่รู้ต้องใช้เวลาอีกเท่าไรถึงจะเก่งให้ได้สักครึ่งนึงของคุณ

    "ค่าา เข้าใจแล้วค่ะ" ฉันตอบรับพร้อมกับโคลงหัวไปมา "แล้ว...วันนี้พี่จะลอยกระทงที่ไหนคะ"

    "เออ นั่นสิ ไม่รู้เหมือนกัน แกล่ะจะไปลอยที่ไหน"

    "เค้าก็ไม่รู้ บางทีอาจจะไม่ลอย ฮะๆ"

    เราเดินออกมาจากโรงเรียนทั้งๆที่ในหัวยังไม่มีจุดหมายปลายทางว่าจะไปที่ไหนต่อ จริงๆแล้วตอนนี้ฉันก็ยังไม่อยากกลับนักหรอก--วันนี้อากาศดีเกินกว่าจะรีบไปนอนเดียวดายอยู่ที่หอ

    "เอ้า ไม่ลอยก็เสียดายกระทงแย่เลยนะ อุตส่าห์ทำ"

    กระทงที่ทำตอนอยู่โรงเรียนนอนเอ้งเต้งอยู่ในถุงกระดาษ จริงๆก็ไม่ได้อยากทำอะไรขนาดนั้น แต่เห็นทุกคนดูสนุกตอนทำกิจกรรมก็เลยเข้าไปร่วมวงด้วย ผลก็คือได้กระทงเบี้ยวๆมาอันนึง...ฉันนี่อ่อนด้อยเรื่องงานฝีมือจริงๆ

    "อาจจะเอาไปตั้งโชว์ที่บ้านสวยๆมั้ง ฮะๆ" 

    "เอ้า ซะงั้นล่ะ เจ้าเด็กนี่"

    เราเดินอยู่เคียงข้างกันท่ามกลางไฟนีออนจากตึกสูงใหญ่ พระจันทร์ดวงโตลอยเด่นอยู่เหนือยอดตึก--จริงๆแล้วพระจันทร์ที่ใจกลางเมืองมันก็ไม่ได้สวยอะไรขนาดนั้น แสงเหลืองนวลดูด้อยลงเมื่ออยู่ท่ามกลางแสงไฟนีออน

    ไม่นานนักเราก็เดินมาถึงตรงลานหน้าเซ็นทรัลเวิร์ล มีคนมากมายกำลังจัดเตรียมต้นคริสต์มาสและไฟประดับ ถึงแม้จะยังไม่เสร็จแต่ฉันก็พอจินตนาการได้เลยว่าตอนที่มันเสร็จแล้วจะอลังการขนาดไหน--ถ้าได้มาดูกับคุณก็คงดี

    "วันนี้รีบกลับรึเปล่า" ตอนนั้นที่คุณถาม ฉันนึกอยากให้คุณเอ่ยชวนไปลอยกระทงด้วยกัน

    "ไม่นะ ทำไมเหรอ"

    "งั้นนั่งเป็นเพื่อนกันก่อนได้มั้ย" คุณชูถุงขนมขึ้นมาพลางพูด "วันนี้อากาศดี พี่อยากนั่งรับลมกินขนมก่อน"

    "ได้สิ

    เราเลือกนั่งกันตรงหน้าลานน้ำพุ ทอดสายตามองเหล่าคนที่กำลังขะมักเขม้นจัดแต่งลานหน้าเซ็นทรัลเวิร์ลให้เป็นเทศกาลคริสต์มาส สายลมเย็นพัดโชยมาเป็นระยะพาให้ฝุ่นควันจากถนนเจือจางลงไปได้บ้าง แสงไฟจากรถต่อกันยาวเหยียดมองไปแล้วก็คล้ายกับแมงกะพรุนเรืองแสงที่ลอยอยู่ในทะเล มองไปแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าฉันไม่ได้มาอยู่หอแถวนี้จะถึงบ้านสักกี่โมงน้อ?

    "เอามะ?" คุณยื่นขนมหวานมาให้ห่อหนึ่ง และฉันก็ไม่ปฏิเสธน้ำใจ คุณมองออกไปที่น้ำพุตรงหน้า ดูไม่รู้เลยว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ไม่มีบทสนทนาใดๆระหว่างเรา แต่ทั้งๆที่มันไม่มีก็ทำให้ฉันรู้สึกดีได้อย่างไม่น่าเชื่อ--เพียงแค่ได้นั่งข้างๆคุณอย่างนี้

    "ทำไมพี่ถึงเลือกมาเป็นครูสอนภาษาไทยอ่ะ"

    "ไม่รู้ดิ ก็คนมันชอบ ต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ"

    คุณหันมาตอบ แย้มยิ้มกว้างอย่างที่เคยทำทุกที เศษขนมปังชิ้นหนึ่งยังติดที่มุมปาก ฉันเผลอเอื้อมมือไปปัดออกเบาๆ แล้วก็ต้องเป็นฝ่ายเก้อเขินเอาซะเอง--ฉันกลายเป็นคนเงอะงะงุ่มง่ามที่ไม่รู้ว่าจะเอามือวางไว้ตรงไหน หรือเอาตามองไปทางไหนดี

    "ดีเนอะ ได้ทำงานที่ชอบ เค้าเนี่ยยังไม่รู้เลยว่าชอบงานนี้จริงๆไหม"

    จริงๆงานสอนที่โรงเรียนภาษาเล็กๆแห่งนี้มันก็ดี--เพราะว่าเป็นโรงเรียนเล็กๆ จึงทำงานกันเหมือนครอบครัวใหญ่ๆ ทุกคนที่นี่สนิทกันดี งานสอนก็สนุกดี ได้เจอนักเรียนต่างชาติ ต่างอายุ ต่างวัฒนธรรม ทำให้ฉันได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆอีกเยอะ

    แต่ฉันก็รู้สึกเหมือนว่ามันยังไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการ--ฉันยังอยากเป็นบรรณาธิการอยู่ ฉันยังอยากทำงานเกี่ยวกับหนังสืออยู่ เสียงเล็กๆส่วนหนึ่งเรียกร้องแผ่วเบา และฉันกลัวว่าถ้าฉันยังไม่รีบคว้ามันไว้ เสียงนั้นมันอาจจะเงียบหายไป และความฝันเล็กๆนั่นก็อาจจะเป็นเรื่องฝันเฟื่องไร้สาระ

    "ไม่เห็นต้องคิดมาก แกเพิ่งจะอายุยี่สิบสอง มีเวลาให้ค้นหาตัวเองอีกตั้งเยอะ"

    น้ำเสียงนุ่มนวลของคุณทำให้ฉันรู้สึกว่าเรื่องทุกอย่างมันจะผ่านไปได้ด้วยดี--คุณทำให้ฉันรู้สึกแบบนั้นเสมอ นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันรู้สึกสบายใจเวลาได้คุยกับคุณรึเปล่านะ?

    "และถ้าฉันไม่เจออะไรเลยล่ะพี่"

    ฉันไม่เกลียดอะไร แต่ก็ไม่ได้ชอบอะไรมากพอที่จะทำมันได้ดี ฉันไม่รู้ว่าฉันต้องการอะไรกันแน่...นี่เป็นวิกฤตของเด็กจบใหม่รึเปล่านะ?

    "คนเราเกิดมาเพื่อจะเป็นอะไรสักอย่างเสมอแหละ ฉันเชื่อว่าแกต้องเจอสถานที่ของแกนะ ช่วงเวลานี้เป็นช่วงทดลองของชีวิต ลองไปเลย อยากทำอะไร ก็ลองทำ ทำให้มันเต็มที่ไปเลย มันต้องเจอสักอย่างสิน่ะที่แกทำมันได้ดี" คุณมองมาที่ฉัน--ฉันชอบดวงตาอบอุ่นคู่นั้นที่มองมามันทำให้พายุในใจฉันสงบลงอย่างไม่น่าเชื่อ (แม้ว่าจะเพียงแค่นิดเดียวก็เถอะ) "ชีวิตคนเราก็เป็นแบบนี้แหละ ค้นหาและไขว่คว้า วนเวียนอยู่อย่างนี้" แล้วฉันก็ชอบเวลาที่คุณเอามือวางไว้บนหัวฉันด้วย ชอบเวลาที่คุณขยี้มันเบาๆแบบนั้น--แต่ถึงจะชอบขนาดนั้น ฉันก็อดไม่ได้ที่จะโวยวายออกไปว่าผมยุ่งบ้างแหละ ผมเสียทรงบ้างแหละ มันเป็นวิธีกลบเกลื่อนเพียงไม่กี่อย่างที่ฉันคิดออก

    ท่ามกลางแสงจันทร์สลัวกับแสงไฟมัวๆยามค่ำคืน--คุณหัวเราะออกมา เสียงหัวเราะสบายๆที่เหมือนเป็นเวทมนต์ปัดเป่าความกังวลใจ 

    "แต่บางทีฉันก็กลัวนะ ไม่รู้ว่ากลัวอะไรเหมือนกัน"

    "ถ้าแกจะกลัวมันก็ไม่ผิดนี่แต่อย่าให้ความกลัวนั่นมันทำให้แกพลาดอะไรดีๆ มนุษย์มีความกลัวไว้เพื่อเป็นแรงกระตุ้นไม่ใช่มีไว้เพื่อเป็นอุปสรรค" คุณพูดแล้วกระดกน้ำอัดลมเข้าปากไปหนึ่งอึก "แกทำได้ ฉันเชื่อว่าแกทำได้ แกก็ต้องเชื่อว่าแกทำได้สิ" 

    สายตาคุณบอกว่าคุณเชื่อฉันจริงๆไม่ใช่แค่คำปลอบใจทั่วๆไป--ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมคุณถึงเชื่อ ในขณะที่ฉันเองไม่เคยเชื่อในตัวเองเลยสักครั้ง

    "พี่ดีแบบนี้กะทุกคนป่ะเนี่ย"

    ฉันเฉไฉไปเรื่องอื่น ไม่อยากให้คุณรู้ว่าฉันสูญเสียการควบคุมมากแค่ไหน

    "แกอยากให้ฉันตอบว่าดีแบบนี้กับแกคนเดียวรึไง" 

    แต่ดูเหมือนฉันจะเก็บอะไรในใจไม่เก่งเลยจริงๆ ดูจากแววตาวิบวับแบบนั้นของคุณก็รู้ ฉันรู้สึกเหมือนเป็นเด็กเล็กๆที่โดนจับได้ว่าแอบกินขนม

    "โอโห พระจันทร์สวยดี สมกับเป็นวันลอยกระทง"
     
    ก่อนที่ฉันจะตอบอะไรออกไป คุณก็พูดขึ้นพร้อมกับเงยหน้ามอง แสงสลัวจากไฟนีออนส่องกระทบใบหน้า รอยยิ้มน้อยๆที่ประทับอยู่ทำให้ยากจะถอนสายตา--วินาทีนั้นฉันก็มั่นใจในสิ่งที่ฉันรู้สึกมาตลอดหลายเดือนนี่

    เสียงไลน์เข้าดังขึ้นเบาๆ คุณละสายตาจากพระจันทร์และหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู พร้อมกับฉันที่กระพริบตาเหมือนคนเพิ่งตื่นจากความฝัน

    "สรุปคิดได้ยังว่าจะไปลอยกระทงที่ไหน"

    "ยังเลยพี่"

    "เออ พี่ว่าจะไปลอยที่เอเชียทีค"

    "อ้อ"

    ฉันตอบรับเบาๆในลำคอ พร้อมกันนั้นก็สำเหนียกได้ว่าความจริงคืออะไร

    "อือ เดี๋ยวพี่ไปหาแฟนในเซ็นเวิร์ลก่อน แกจะขึ้นรถเมล์กลับใช่ไหม ให้พี่นั่งรอเป็นเพื่อนป่ะ?"

    "ไม่เป็นไรพี่ ไปเหอะ เค้ารอคนเดียวได้"

    ฉันพยายามยิ้มให้เหมือนปกติมากที่สุด--ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันจะดูปกติรึเปล่า

    คุณคะยั้นคะยอจะรอเป็นเพื่อนฉันอยู่หลายที แต่ฉันไม่ยอม--ถ้าคุณรอเป็นเพื่อนฉัน ฉันคงรู้สึกพ่ายแพ้มากกว่าเดิม 

    ลงท้ายแล้วคุณก็เป็นฝ่ายยอมแพ้และปล่อยให้ฉันรอรถคนเดียว ก่อนไปยังไม่วายสำทับให้ทักไลน์มาทันทีที่ถึงหอ ตามประสาพี่สาวที่แสนดี

    เพลงเพลงหนึ่งที่เคยฟังดังแว่วเข้ามาในหู และฉันเผลอฮัมมันออกมาเบาๆ

    "หลงรักคนมีเจ้าของแอบมองอยู่ทุกวัน ไปหลงรักแฟนชาวบ้าน ทั้งที่รู้ตัว"
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in