Heartstopper
Alice Oseman
มังงะสาขาอังกฤษอันโด่งดัง ที่ตอนนี้กำลังจะเป็นซีรี่ส์ทาง Netflix ก็เลยซื้อชิงอ่านไว้ก่อน
เป็นเรื่องชีวิตรักและความสัมพันธ์ของหนูๆชาว LGBT วัยกรุบ 15-16 ซึ่งในเรื่องไม่ได้จำกัดแค่ความสัมพันธ์เกย์ แต่มีทั้งเลสเบี้ยน และ transgender ด้วย
ทุกคนรีวิวว่า “ดีมาก!” เราอ่านแล้วก็รู้สึกว่ามันก็น่ารักดีแหละ ไม่หวือหวาใดๆ เรื่อยๆ มาเรียงๆ
เส้นเรื่องหลักคือเล่าความรักของชาร์ลี ที่เป็นเกย์ ไปแอบรักเพื่อนในคลาสเดียวกัน คือนิค ซึ่งตอนแรกชาร์ลีคิดว่านิคเป็นสเตรท แต่แล้วพอทั้งสองคนเริ่มสนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ นิคก็ค้นพบว่าตัวเองก็ชอบชาร์ลีเหมือนกัน
เล่มแรกๆ ประเด็นก็จะคลิเช่คัมมิ่งออฟเอจทั่วไปสไตล์เรื่อง LGBT สร้างสรรค์สังคม พล็อตแบบเด็กเจนซีนิยม ซีนบ้งไม่มี political correctness 100 ก็ว่าไป (ซึ่งเราเบื่อ ไม่แฟนซี ไม่ชอบ 55555)
ว่าด้วยการเป็นเกย์แล้วโดนบูลลี่ในโรงเรียน1 จู่ๆ ก็มาชอบผู้ชาย จากที่ชอบผู้หญิงมาตลอด โอ๊ย สับสน ผมเป็นอะไร1 ประเด็นเรื่องการ come out จะบอกเพื่อนยังไง บอกครอบครัวยังไงหนึ่งงง (เสียงพีพี) แนวๆ นี้ ซึ่งเราก็เบื่อ เบื่อเลย 55555 เพราะมันซ้ำจังเลยอะ ไม่หวือหวาเลยแม่ 555555
พอเล่มหลังๆ เขาเริ่มพูดถึงประเด็นการ come out ที่ลึกขึ้น เช่นว่าในชีวิตเราอาจจะต้อง come out เป็นสิบครั้ง คัมเอ๊าเรื่องเป็นไบ เรื่องมีแฟนเพศเดียวกัน คัมเอ๊ากับเพื่อน1 เพื่อน2 เพื่อน3 เพราะคนรอบตัวก็ไม่ใช่ทุกคนที่เราจะ comfortable พูดเรื่อง come out งี้ได้ เออ อันนี้ได้ อันนี้ดี
อีกประเด็นที่ชอบคือ การไม่ได้บอกใครว่าเป็น LGBT เป็นสิทธิ์ของเราค่ะ เราไม่ได้มีหน้าที่จะต้องมานั่งบอกใครค่ะ เลื่องกู! ไม่ได้ติดค้างอะไรกับใคร ก็เหมือนกับที่คนเป็นสเตรทไม่เห็นจะจำเป็นต้องเดินไปบอกพ่อแม่เลยว่า พ่อ! หนูเป็นผู้หญิงจ้า แล้วก็ชอบผู้ชาย หนูเป็นสเตรทและอยากมีแฟนเป็นหมอที่เป็นผู้ชายจ้า อะไรงี้อะ 555555
ประเด็นนี้ชอบ แม้จะไม่ได้ใหม่มาก แต่ก็เป็นเมสเสจที่หลายๆ นิยายวายไทยแลนด์ยังไปไม่ถึงค่ะ (แต่ความแฟนซียังยกให้นิยายวายไทยชนะเลิศ)
เราไม่ได้วู้วว้าวประเด็น LGBT เท่าไหร่ อย่างที่บอกคือชินแล้ว อ่านมาเยอะ เสพเยอะมากตั้งแต่ม.1 มันอยู่ในจุดที่ต้องการแฟนซี ไม่ต้องการความตระหนักรู้ใดๆ เพราะกูรู้แล้ว
ประเด็นต่อมาที่รู้สึกว่า ในที่สุดเรื่องนี้ก็โดนเส้นฉันสักที คืออาการ Food disorder ของชาร์ลี
นิคสังเกตว่าชาร์ลีมีพฤติกรรมการกินที่ผิดปกติมาสักพักนึง ชาร์ลีไม่ค่อยกินข้าว หรือกินก็กินน้อย และมักจะรู้สึกอึดอัดเวลากิน สุดท้ายนางชาร์ลีเป็นลมล้มตึงไปกลางปารีสเพราะไม่ยอมกินข้าว พ่อหนุ่มนิคเลยไปรีเสิร์ชจ้า แล้วก็พบว่าแฟนน่าจะป่วยทางจิตนะ เรื่องไม่กินข้าวกินปลางี้ (ภายหลังชาร์ลีก็ถูก diagnosed ว่าเป็น anorexia)
ซึ่งตอนแรกนิคเครียดมากเพราะเป็นห่วงชาร์ลี แล้วชาร์ลีเองก็ไม่กล้าบอกพ่อแม่ด้วย นิคก็เครียดๆๆๆ จะทำยังไง จะช่วยแฟนยังไงดี ผมเป็นแฟนที่ไม่ได้เรื่องเลย ผมช่วยชาร์ลีไม่ได้ (ความคลั่งรักของเด็กวัย 16 อะค่ะคุณ)
แต่สุดท้ายแล้วแม่นิคก็เข้ามาช่วย แล้วก็เตือนสติว่า นิคกี้ ลูกบ่ใช่หมอ ลูกอายุ 16 ลูกจะรักษาชาร์ลีได้ไงเอ่ย ความรักไม่ใช่การที่เราจะต้องช่วยคนที่เรารักได้ทุกเรื่อง แต่เป็นการคอยซัพพอร์ตและรู้จักขอความช่วยเหลือเมื่อจำเป็นต่างหาก
เออ อันนี้ชอบ
หลังจากนั้นก็เป็นเส้นเรื่องของชาร์ลีที่ต้องรักษา mental illness ไป อันนี้ดีเลย ซื้อเส้นเรื่องนี้ ชอบที่เค้าพูดว่าอาการทางจิตมันไม่ได้ 2-3 วันแล้วหายอะ เข้ารพ.ก็ไม่ได้การันตีว่าจะหาย และมันทำให้เด็ก 2 คนรู้ว่า ถึงตัวเองจะเป็นโลกทั้งใบของกันและกัน แต่มึงอยู่ในสังคมค่ะ มึงรักกันสองคนไม่ได้ ยังมีคนรอบข้าง คนอื่นๆ เพื่อน ครอบครัว ที่ก็รักเราและคอยซัพพอร์ตเราเหมือนกัน เมสเสจนี้ดีมาก เหมาะสมแห่งการเป็นนิยายคัมมิ่งออฟเอจ
เรื่องยังไม่จบ ตอนนี้ออกมา 4 เล่ม เหลือเล่ม 5 เล่มสุดท้าย (ซึ่งเอาจริงไม่ได้คิดว่าอยากอ่านต่อเท่าไหร่ด้วย)
โดยรวมเราว่าก็ดี อ่านได้เรื่อยๆ แบบเอเวอเรจใจไม่ร้าว เป็นเรื่องแนวฟีลกู๊ดที่สร้างความตระหนักรู้ให้แก่สังคมมากๆ ชั้นมันอาจจะเป็นคนชั่วแหละ ชั้นชอบความตื่นเต้น ขอขยี้กว่านี้ ดราม่ากว่านี้ อันนี้มันซอฟท์ สวยใส 55555
ก็รู้สึกว่าไม่แปลกใจที่ทุกคนจะรีวิวว่า มันดีมาก! เพราะเรื่องตั้งอยู่บนพื้นฐานความดีงามที่แท้ ถูกครรลองคลองธรรมตามตำรวจทวิตเตอร์ expect 100 เป็นมังงะ LGBT แห่งโลกอันสวยงาม
แต่สำหรับคนที่เสพคอนเท้นเกย์มาอย่างมากมายนับไม่ถ้วนอย่างดิชั้นนั้น
ขอเลือกกลับไปเอมเพรก โลกโอเมก้าเวิร์สและตัวละครหน้าตาบิวตี้สแตนดาร์ดแบบ painter of the night เหมือนเดิมค่ะ สวัสดี
ปล. นังนิคกับชาร์ลีจูบกันทั้งเรื่อง ปกติชั้นต้องบิดเขิน แต่อันนี้ไม่เขิน ทำไมไม่รู้ หรือเพราะเส้นฝรั่งไม่ตรงบิวตี้สแตนดาร์ดกุวะ 5555555
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in