สมดังหวังด้วยดีกับการนั่งเรือท่องทะเลอ่าวไทยจาก ต.บางตะบูน จ. เพชรบุรี ได้พบเห็นวาฬบรูดาสัตว์ทะเลหายาก ขณะกำลังแหงนหน้าอ้าปากกินปลาเล็ก ปลาน้อย เหยื่อของมัน ซึ่งเป็นภาพที่ปรากฎบนสารคดีบางเล่มจนเก็บไปฝันว่าสักวันจะได้เจอตัวจริงกับเขาบ้าง
เป็นการเห็นระยะใกล้ ด้วยตาเปล่าบันทึกได้ด้วยซูมระยะ 300 มม. บางคนใช้โทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนถ่ายวิดีโอก็ยังได้
ว่ากันว่ามีเพียงแห่งเดียวในโลกที่มีโอกาสนี้
การออกท่องทะเล เร่หาวาฬบรูดาทำได้ตลอดปี สะดวกที่สุด ติดต่อ ไต๋เล็ก นักเดินเรือที่กุมพังงา รอบอ่าวไทยมากว่า40 ปี ที่เบอร์โทร 086-796-5506 คิดอัตราค่าเหมาวันละ 6,500 บาท นั่งได้ 15 คน ควรออกแต่เช้า 8.00-9.00น.เพราะต้องใช้เวลาถึง 2 ชั่วโมงผ่านวิวชายฝั่งที่มีกระชังเลี้ยงหอยของชาวประมงสุดลูกหูลูกตากว่าจะถึงย่านหากินของเหล่าวาฬ
เรือมักถูกจองล่วงหน้าเต็มแทบทุกเดือนโดยเฉพาะช่วง กย.-พย. ซึ่งเป็นระยะที่ตัวผู้จะถอนตัวจากแหล่งหากินกลางทะเลลึกเข้ามาเยี่ยมเยียนวาฬตัวแม่ มีโอกาสได้เห็นภาพฝันตามนิตยสาร ที่วาฬจะแหงนหน้าอ้าปากงาบลูกปลามีนกนางนวลแกลบบินวนหาเศษหาเลย กับปลาที่ว่ายวน หรือไม่ก็จิกฉวยจากปากเอาดื้อ
ผมติดเรือท่องเที่ยวที่ไต๋เล็กเป็นกัปตันออกจากท่าร้านริมทะเลต.บางตะบูน ตั้งแต่แปดโมงครึ่ง วันที 30 ก.ย.60เป็นเที่ยวที่สอง ทั้งที่เพิ่งไปเมื่อเดือนก่อนเพราะเชื่อว่าถ้าออกบ่อย โดยเฉพาะช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย.โอกาสก็มีมากขึ้นเรือมุ่งหน้าออกทางทิศตะวันออก ระหว่างทาง ไต๋จะประสานงานทางวิทยุกับเรือประมงอื่นโดยที่เทคโนโลยีปัจจุบัน ทำให้การแบ่งปันข้อมูลและความแม่นยำมีมากขึ้นเพราะเรือที่พบเห็น จะบอกพิกัดบนพื้นโลก (จีพีเอส) จากเครื่องที่ติดตั้งบนเรือ
ราว 2 ชม.เศษ หรือราว 40 กม.จากฝั่ง ตำแหน่งเลยจากแท่นรับน้ำมันกลางทะเลของคลังน้ำมัน บางแก้ว อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี เราก็เริ่มมองสัตว์ทะเลขนาดใหญ่ตัวมะเมื่อมเคลื่อนไหวอยู่ข้างหน้า
แม้จะมีขนาดพอๆกับเรือลำที่เรานั่งไปน้ำหนักมากกว่าช้างเป็นสิบเท่า แต่กลับเคลื่อนไหวรวดเร็ว เห็นโผล่ขึ้นมาหายใจชั่วอึดใจก็ผลุบหายแล้วไปปรากฎตัวอีกทีข้างลำเรือ
ขณะกำลังดูเพลินเราสังเกตว่า ปกติวาฬจะดำอยู่ใต้ผิวน้ำซึ่งสังเกตได้ยากแต่จะมีฝูงนกนางนวลแกลบราวร้อยตัว จะบินวนเกาะหมู่ และบางจุดจะทิ้งตัวไปจกปลาในน้ำซึ่งทราบเวลาต่อมาว่า นกบินวนเกาะเงาวาฬอยู่
จู่ วาฬ ก็โผล่หัวหงายหน้า อ้าปาก อย่างที่เราอยากเห็นจริงๆ โดยฝูงนกที่ตามติด บินว่อนหาจังหวะจิกปลาบนผิวน้ำในจำนวนนั้นมีหลายตัวแย่งจากปากวาฬก็มี
เสียงเรียกร้องชวนกันด้วยความตื่นเต้นทุกคนคว้ากล้องถ่ายภาพที่เตรียมมา ทั้งระดับกล้องอาชีพ เลนส์ตัวยาวจนุถึงโทรศัพท์สมาร์ทโฟน ต่างระดับถ่ายทั้งภาพนิ่งและวิดีโอแบบรัวๆเหตุการณ์ทั้งหมดเกินขึ้นภายในเวลาไม่เกิน 10 วินาที
คนที่มาดูบ่อยบอกว่าถ้าเห็นอ้าปากครั้งหนึ่ง ให้รอ จะมีให้เห็นอีก
อีกราวสิบห้านาทีต่อมาก็เจอวาฬอ้าปากอีกครั้งหนึ่ง ไม่แน่ใจว่า เป็นตัวเดียวกันหรือไม่แต่เมื่อนำภาพมาดูภายหลัง ผมว่า น่าจะคนละตัวกัน
การแหงนหน้า อ้าปากของบรูดา ก็เพื่อกินอาหาร คือลูกปลาทีชนิดที่อยู่บนผิวน้ำ ที่ต้อนมา
นี่คือการเรียนรู้วิถีธรรมชาติที่ดีที่สุด
เลยเวลาอาหารกลางวัน เมนูข้าวกล่องที่เตรียมมาได้พักใหญ่แต่ทุกคนยังไม่หายตื่นเต้น ทั้งเป็นที่อัศจรรย์ว่า วาฬที่เห็นก็ไม่ยอมไปไหนคงวนเวียนอยู่ในจุดเดิมๆจนหัวหน้าทีมต้องย้ำเตือนให้ไปกินและให้เรือเคลื่อนไปหาตัวใหม่ในจุดอื่น
เพราะวาฬในอ่าวไทยมีอีกเยอะ
หาโอกาสไปกันนะ
และจะทึ่งกับอัศจรรย์ชีวิตกลางท้องทะเลไทยและรักโลกมากขึ้น
ชื่อวิทยาศาสตร์: Balaenoteraedeni (Anderson, 1878)
ลักษณะเด่น:เป็นวาฬชนิดไม่มีฟัน ปากกว้างมีซี่กรอง (Baleen) 250-370คู่ บนขากรรไกรบนใต้คางมีลักษณะเป็นร่องๆ ตามยาวลำตัวถึงแนวสะดือจำนวน 40-70 ร่องวาฬ บรูด้าต่างจากชนิดอื่น ตรงส่วนหัวมีแนวสันนูน 3 สันจากช่องจมูกไปจนถึงส่วนปลายหัว ครีบหลังเป็นรูปสามเหลี่ยมค่อนข้างตั้งตรง
ลักษณะทั่วไป:เขตร้อนมีขนาดเล็กกว่าที่พบในเขตอบอุ่น ทำให้ในแถบ Asia เรียกวาฬชนิดBalaenotera edeni ว่า ปลาวาฬซิทตัง แต่ยังไม่มีการศึกษาที่แน่ชัดว่าวาฬซิทตังนี้จะเป็นคนละชนิดกันกับวาฬบรูด้า
ขนาด:ขนาดโตเต็มที่ยาว 14-15 เมตร น้ำหนักประมาณ 20-25 ตัน ลูกแรกเกิดขนาดความยาว 4เมตร ตั้งท้องประมาณ 1 ปี มีลูกได้ประมาณ 2 ปีครั้ง คาดคำนวณว่าวาฬบรูด้ามีอายุยืนยาวประมาณ50 ปี
อาหาร: อาหารที่กินส่วนใหญ่เป็น ลูกปลา, หมึก, และแพลงค์ตอน
แหล่งที่พบ: ในประเทศไทยพบปลาวาฬชนิดนี้มากเกือบทุกจังหวัดที่ติดทะเล ยกเว้นจังหวัดนราธิวาส, พัทลุง, ระนอง และสมุทรสงคราม
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in