ระหว่างย้ายของ ฉันค้นเจอกล่องใบหนึ่งตั้งฝุ่นเขรอะอยู่บนหลังตู้ เปิดดูข้างในมีอัลบั้มรูปและฟิลม์ของฉันและพ่อสมัยเด็กๆ อยู่เต็มไปหมด
รู้ไหม ช่วงเวลาที่ฉันชอบที่สุดเวลาไปเที่ยวต่างประเทศ คือขณะที่เราพ่อลูก เอารูปที่อัดมาจากร้านเฮีย มาเปิดไล่ดูกันทีละเล่ม ทีละรูป แฮปปี้ที่สุดเลย
ว่าแล้วก็พาลไปนึกถึงสมัยประถม ตอนที่ฉันอยู่แถวนี้ ณ ซอยเซยหลุยส์
ฉันขอยกให้ซอยเซนหลุยส์เป็นย่านที่ อบอุ่น อยู่ง่าย และเป็นกันเองที่สุดย่านหนึ่งในเมืองกรุงที่แสนวุ่นวายแห่งนี้ เวลาพ่อมารับกลับจากโรงเรียน ก็จะชอบพาแวะกินบะหมี่ฮ่องกงมีชื่อในซอย ซิ่มเจ้าของร้านที่เห็นเรามาตั้งแต่แบเบาะชอบเรียกเรา "อามิ้ง อามิ้ง วันนี้เหมืองเดิมนะ" บะหมี่ฮ่องกง ซึ่งที่จริงมันคือเส้นหมี่ (ฉันกับพ่ออาจจะเรียกกันผิดๆ เอง) ผัดกับเห็ดหอม ไก่ และเต้าหู้ แล้วต้มต่อด้วยน้ำซอสคล้ายราดหน้า เสิร์ฟในหมอดิ้นร้อน แหม พูดไปแล้วก็น้ำลายสอ
ฉันมักปิดท้ายมื้อเย็นให้ไม่ถูกหาว่าเป็นคนสันดานไพร่ ด้วยของหวานแถวนั้น ที่เด็ดสุดคือไอติมไข่แข็งของป้าที่อยู่ถัดไปอีกสองช่วงตึก เคล็ดลับของการกินให้อร่อย คือต้องสั่งแบบเพลน ไม่ต้องใส่เครื่องอะไรเลยนอกจากไข่แดงสีสดที่ป้าค่อยๆ ตีและราดลงบนไอติมกะทิสีขาวนม แล้วสกูปขึ้นมาอย่างชำนาญ รับรองหอมมัน อร่อยอย่าบอกใคร
(มีช่วงหนึ่งที่ไข้หวัดนกระบาด พ่อฉันสั่งห้ามไม่ให้กินเมนูนี้อย่างเด็ดขาด เพราะไข่มันไม่สุก ฉันเคยทนไม่ไหว แอบพ่อไปซื้อ แต่จนแล้วจนรอดก็ปอดแหกเกินกว่าจะกิน เอาไปทิ้งทั้งถ้วยเสียเฉยๆ)
ถัดออกไปเป็นร้านชุดนักเรียนของเจ้าของฝรั่งชื่อ uncle Paul ที่พูดไทยชัดแจ๋วในระดับแอนดรูว บิ๊ก พ่อจะชอบบังคับให้ฉันคุยกับพอลเป็นภาษาอังกฤษอยู่เสมอ โดยอ้างว่าจะได้ฝึก (เราชอบไปซื้อชุดนักเรียนใหม่กันตอนกลางเทอม คนจะน้อย ไม่วุ่นวายน่ารำคาญ) ถึงฉันจะจอดสนิทที่คำทักทาย หลังจากนั้นก็นิ่งเขินและเงียบเป็นหินเป่าสาก ฉันก็ชอบการออกเสียงชื่อ 'Mint' อย่างชัดเจนและไพเราะของ พอล จนบางทีก็อดคิดไม่ได้ว่า ที่ฉันเลือกเรียนเอกอังกฤษ อาจมีพอลเป็นหนึ่งในเหตุผล
ฝั่งตรงข้ามเป็นร้านถ่ายรูปของเฮีย ที่ที่ฉันขอร้องแกมบังคับพ่อให้ซื้อฟิล์มไปเป็นสิบๆ ม้วน เวลาจะได้ไปเที่ยวต่างประเทศแต่ละครั้ง สมัยนั้นงานที่พ่อทำจะต้องไปสัมมนาต่างประเทศอยู่บ่อยๆ ด้วยความที่จะไม่มีใครดูแล ฉันเองก็พลอยได้ติดสอยห้อยตามไปด้วยทุกครั้ง
การก้าวข้ามประเทศไม่เคยทำให้ฉันผิดหวัง เราพ่อลูกสนุกสุดเหวี่ยงไปกับสถานที่ตื่นต่าตื่นใจ ผลัดกับถ่ายรูปให้กัน และขอให้คนท้องถิ่นถ่ายรูปให้ด้วยภาษาแกนๆ ที่ร่ำเรียนมาจากหนังสือนำเที่ยวเล่มหนา
แม้จะมีบางเวลา ที่ฉันจะต้องนอนดูทีวีการ์ตูนพากษ์ด้วยต่างประเทศในห้องพักโรงแรมหรู เคี้ยวครัวซองค์ที่พ่อแอบเอาขึ้นมาให้ก่อนไปประชุม รออยู่นานหลายชั่วโมง แต่นั่นก็ไม่ทำให้การไปเที่ยวของฉันหมองมัวลงสักนิด
รูปฉันกับพ่อที่สะพานทำให้ฉันยิ้มตาหยี ขัดกับหน้าไม่รับแขกแก้มบวมตาแดงปากคาบหลอดดูดน้ำอัดลมอยู่ คงจะมีเรื่องอะไรสาระขัดใจฉันในตอนนั้นสักอย่าง และพ่อฉันก็พยายามเต็มที่เพื่อให้ฉันหายดีี
วันนี้ ต่อให้งอแงร้องไห้ตาบวมสักเท่าไร ก็ไม่มีพ่อคอยมาโอ๋แบบเมื่อก่อนอีกแล้ว
ฉันย้ายออกไปอยู่กับลุงแถวประดิพัทธ์ตอนขึ้นม.2 ช่วงนั้นได้แวะมาแถวเซนหลุยส์บ้าง เพราะลูกปัดเพื่อนสนิทของฉัน ก็เคยอาศัยอยู่แถวนั้น เธอพาฉันไปกินก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา เจ้าดัง ที่ชั้นไม่เคยไปกินสักครั้ง ไม่เคยแม่แต่คุ้นตาหรือได้ยินชื่อ แต่ก็เออออทำเป็นว่ารู้จักไปเพราะกลัวเสียหน้า บางครั้งหลังเลิกเรียนพิเศษก็ต้องนั่งรถไฟฟ้าต่อแทกซี่มารับน้องวินลูกลุง ที่มาเรียนภาษาจีนในซอยลึกลับที่ทำชั้นหลงแทบทุกครั้ง
แวะมาทีไร ก็นึกถึงแต่ฉันกับพ่อ และเรื่องราวแสนดีที่นั่น
รู้สึกเป็นสุข และใจกลวงโหวง ในเวลาต่อมา
ฉันย้ายอัลบั้มรูปลงในกล่องใม้ใบโตสำหรับใส่ไดอารี่และเครื่องเขียนกระจุกระจิก แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงักกับข้อความที่เขียนว่าไว้ที่มุมขวาข้างฟิลม์แผงหนึ่ง
"กล้องอิง (เมลเบิร์น) สิงหา '49"
ฉันตาเบิกโพลง ทิ้งกล่องลงกับพื้นจนฝุ่นฟุ้งอย่างไม่ได้ตั้งใจ รีบคลี่แผงฟิล์มออกอย่างเบามือและบังคับสั่นน้อยที่สุด ยกขึ้นประชันกับหลอดนีออนและเพ่งลงไปที่รูปภาาพเนกาทีฟเหล่านั้น
มองไม่ถนัด แต่รู้ว่าเป็นเซตรูปที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
" เดี๋ยว มิ้น จะไปไหนน่ะ มิ้นรอก่อน! " โจ แฟนหนุ่มของฉันตะโกนถามด้วยความตกใจ
" ไปร้านเฮีย แปปเดียว เดี๋ยวกลับมา" ฉันตอบโจด้วยน้ำเสียงรีบเร่ง เหยียบส้นรองเท้าผ้าใบแล้วกระโจนออกจากซอยไป
หวังว่าร้านเฮียจะยังเปิดและรับอัดรูปจากกล้องฟิล์มอยู่นะ
โจทย์
Day 13 —Write about a random picture you would find in an envelope of finished prints at Costco.เราไปหามา Costco น่าจะเป็นร้านอัดรูปซัมติงของฝรั่ง ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร เลยเอาเป็นว่า เขียนเรื่องโดยมีร้านอัดรูปเป็นแรงบันดาลใจแทนแล้วกัน
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in