เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Nice to meet you.iribichi
I'm OK(?)
  • วันนี้ได้มีโอกาสฟังเพลงใหม่ของวง Mild เพลง I'm OK.
    เนื้อเพลงพูดถึง คนที่ถูกบอกเลิกและปลอบใจตัวเองว่าโอเคดี ไม่เป็นไร ชีวิตจริงคนเราสมัยนี้ก็ไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ ก็เพราะเพลงแต่งมาจากความจริงน่ะสิ 


    "โอเค"  
    แปลแบบตรงตัวตามความหมายภาษาอังกฤษแล้ว แปลว่า ตกลง, เห็นด้วย,  แต่ถ้าเอาไว้ลงท้ายประโยคก็จะกลายเป็นการถามว่า เห็นด้วยกับสิ่งที่กล่าวมาก่อนหน้านั้นไหม
    แล้วตอนบอกเลิก มีคนมาถามโอเค?
    โอเคจริงเหรอ ที่ตอบไปว่าโอเค

    การบอกลา ไม่มีครั้งไหน ที่โอเคทั้งสองฝ่ายได้หรอก
    ไม่ว่าฝ่ายนั้นจะบอกเลิกเอง หรือ ถูกบอกลาก็ตาม
    แต่เราก็ยังใช้คำว่า โอเค กันอยู่ในหลายๆ คู่



    เราโกหกกันด้วยคำว่าโอเคมากี่ครั้งแล้ว โกหกคนอื่นว่าโอเค ถามใจตัวเองลองดู โอเคหรือเปล่า
    ความเข็มแข็งที่สร้างมามันเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้ามันไม่ใช่ของจริง ใจคุณเองที่จะพังลง
    เราไม่มีวันบอกว่า ฉันโอเค ไปได้ตลอดเวลาหรอก เพราะถ้าเราไม่ยอมรับความจริงว่าสิ่งที่เป็นอยู่นั้นเป็นอย่างไร รู้ไม่เท่าทันใจตัวเอง นอกจากจะเสียคนรักไปแล้ว เสียใจ 
    สงสารใจตัวเอง....ที่ทำร้ายใจตัวเอง


    ที่จริงแล้วเราถามกันว่า โอเคไหม?
    เพียงเพื่อความสบายใจของตัวเองหรือเปล่า
    ใช้มันถามเพราะห่วงใย หรือใช้เพื่อบังคับอีกฝ่ายให้โอเคกันแน่


    โอเคป่ะ?
    อืม.........เราโอเค

    #iribichiwrite

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in