เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Singapore I StyleSiri
เที่ยว Singapore I Style
  •           ชีวิตข้ามผ่านมาอีกปี สวัสดีปีใหม่ 2017 ขอให้เป็นปีที่มีแต่สิ่งดีๆ สำหรับทุกๆ คนนะคะ จะปีใหม่อีกสักกี่ปี สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ... การท่องเที่ยว ถูกต้องแล้วล่ะค่ะ ขอยืนยันตามเดิมว่า ไม่ว่าจะปีไหนๆ ชีวิตของพวกเราก็ต้องมีการเที่ยวอย่างแน่นอน การเที่ยวของแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน บางคนเที่ยวในประเทศ บางคนเที่ยวต่างประเทศ แต่ไม่ว่าจะแบบไหน เราก็เชื่อมั่นว่า จะเป็นประสบการณ์และความทรงจำที่ดีและมีความสุขสำหรับทุกคนอย่างแน่นอน ละปีนี้เราจะเปิดทริปโดยการไปไหนดีล่ะ...

              ท้าวความสักนิด...เนื่องด้วยเราเพิ่งย้ายงานมาหมาดๆ เลยทำให้ไม่มีงบประมาณพิเศษเหมือนกับคนอื่นๆ สิ่งนั้นคืออะไรน่ะหรอ...คือ "โบนัส" ไงล่ะ ฉะนั้นในเมื่อไม่มีเจ้าก้อนเงินพิเศษ เราตัดสินใจเปิดฉลองทริปแรก โดยการไปประเทศ "สิงคโปร์" ประเทศใกล้ๆ บ้านเรานี้แหละ ประหยัดงบ ประหยัดค่าเดินทาง ค่าที่พัก ค่ากินซึ่งเป็นประเทศออเดริฟได้เป็นอย่างดีเลย^^

             จะว่าไปเราก็ไปประเทศสิงคโปร์ก็น่าจะครั้งนี้เป็น ครั้งที่ 6 แล้ว มีคนเคยถามเรานะว่าไม่เบื่อหรอ ประเทศนี้ไม่เห็นจะมีอะไรเลยนะ แต่สำหรับเราประเทศนี้เป็นอะไรที่เรารักเลยล่ะ เป็นประเทศที่มีความทรงจำที่ดีๆ รู้สึกสงบจิตใจดี แถมมี Universal Studio ให้ย้อนวัยพร้อมได้เล่นเครื่องเล่นแบบโหดๆ ตื่นเต้นด้วยนะ แบบไปเล่นระเบิดฮอร์โมนในสมองให้มีความประปรี้กระเปราไง เราก็เลยตัดสินใจนี้แหละ ทริปแรกของปี 2017 Go Go!!

              คร่าวๆ เราไม่ได้แพลนอะไรมาก เพราะเวลาไปที่นี่เราจะเที่ยวแบบ street แต่เนื่องด้วยพิเศษหน่อยสำหรับปีนี้ เราไปในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ซึ่งผ่านตรุษจีนเมื่อปลายเดือนมกราคมมาหมาดๆ เราเลยเพิ่มการเที่ยวแบบเสริมสิริมงคลไปด้วยในครั้งนี้ โดยเพิ่มการตระเวนไหว้ในสถานที่มงคลต่างๆ ที่มีชื่อเสียงในสิงคโปร์ เดี๋ยวเราค่อยๆ ตามกันไปทีละที่นะคะ ดูสิว่าครั้งนี้จะเราจะ mission completed ได้กี่สถานที่ค่ะ ส่วนการเดินทางเที่ยวในครั้งนี้ เราใช้วิธีเดินๆ กับขึ้นรถเมล์ เพราะเราไม่ค่อยชอบนั่งรถไฟใต้ดินเท่าไหร่ เพราะทำให้ไม่ค่อยได้เห็นวิวข้างทาง เราเลยเลือกที่จะเดินทางในวิธีนี้แทน แถมได้ประหยัดค่าเดินทางมากกว่าที่ใช้รถไฟใต้ดินอีกด้วยนะ

              การเดินทางของเราในครั้งนี้ เรามีเวลาเที่ยวประมาณ 3 วัน  เดินทางโดย Fly Scoot เวลาดีงาม และพักที่ Frangrace Oasis  เราจะออกเดินทางกันในวันศุกร์ เราเลยต้องรอหลังเลิกงานก่อนถึงจะออกเดินทางได้ เราเลยเลือกไฟท์ที่ดึกหน่อย เพราะจะได้ไม่ต้องรีบให้หัวใจของเราได้ตื่นเต้นเกินควรนะคะ
  •           ที่ขาดไม่ได้เลยเวลาได้ไปสิงคโปร์ เราต้องมีกิจกรรมที่ได้ปลดปล่อยความเป็นตัวคุณออกมา...คือ ต้องได้ไปที่ Universal Studio Singapore เป็นสวนสนุกระดับโลก ไว้ใจได้เลยในเรื่องของความปลอดภัย และเมื่อปีที่แล้วเห็นว่าเพิ่งปรับปรุงโซนจูลาสสิคใหม่เพิ่งเสร็จเลย เราต้องได้ไปลิ้มลองสักหน่อยว่าจะสนุกสุดเสียวขนาดไหน ฉะนั้นเราจึงได้เริ่มขบวนการเสาะหาตั๋วค่ะ ตอนแรกก็จะดูในส่วนที่ซื้อกับ agent คนไทย เพราะคิดว่าน่าจะสะดวกและรวดเร็ว คุยภาษาเดียวกัน สื่อสารได้ไม่ยาก แต่ด้วยความเปรี้ยวใจในทุกๆ ครั้งก็จะมีแบบแอบเข้าหยั่งเชิงดูในเว็บของ Universal โดยตรงด้วย เผื่อมีอะไรน่าสนใจ และบางทีก็จะมีโปรโมชั่นที่ร่วมกับบัตรเครดิต Master Card อีกด้วย 

              และในครั้งนี้เราก็เจอจริงๆ โปรโมชั่นร่วมกับเครดิต Master Card ค่ะ คือ ถ้าซื้อตั๋วแบบ 1 day pass โดยซื้อ 2 คน จะสงนราคาอยู่ที่ 134 SGD จากปกติถ้าซื้อ 2 คน จะเท่ากับ 152 SGD ซึ่งเมื่อคูณกลับเป็นเงินไทยในราคาโปรโมชั่นนี้ก็ไม่ต่างกับที่ซื้อกับ agent ในไทยมากนักและในครั้งนี้ ยังมีของแถมให้กับคนที่จองโปรโมชั่นนี้ด้วย คือ The Secret Life of Pets Recycle Bag  ให้ถึง 2 ใบด้วยกัน ซึ่งของแถมนี้จะไปรับได้ที่ ร้าน Universal Studio Shop ได้เมื่อเดินทางไปถึงค่ะ เมื่อได้พบโปรโมชั่นดีๆ แบบนี้แล้ว เราจะรออะไรล่ะ จองเลย วิธีการจองก็ไม่ยากอะไรมาก เข้าเว็บ เลือกระบุวันที่และจำนวนที่ต้องการ ละจ่ายค่าตั๋วผ่านบัตร Master Card ค่ะ ขอย้ำนะคะว่าต้องจ่ายผ่านบัตร Master Card เท่านั้นถึงจะได้โปรโมชั่นนี้ และเมื่อจองเสร็จเราก็จะได้ e-ticket confirmation + gift vocher สำหรับไว้ไปรับกระเป๋าผ้า ส่งมาที่อีเมล์ของเราที่ได้ให้ไว้ แค่นี้เมื่อได้เราก็พิมพ์ออกมา และนำไปที่หน้าสวนสนุกแล้วก็ยื่นให้เจ้าหน้าที่ได้เลย

    ภาพหน้าเว็บไซต์การจองค่ะ


    +++ ป่ะ เตรียมข้อมูลแล้ว จองทุกสิ่งสรรพเรียบร้อย พร้อม!!! เตรียมออกเดินทางได้+++
  • วันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ 2560


                     อรุณเบิกฟ้า...นกกาโบยบิน...ออกหากินร่าเริงแจ่มใส อิอิ วันนี้แล้วสินะเราจะได้ไปเที่ยวแล้วว ตื่นแต่เช้าค่ะ ฮันแน่นึกว่าไปเที่ยวล่ะสิ ป่าวเลย ตื่นแต่เช้าเพื่อไปทำงานอีกตามเคย...อิอิ แต่วันนี้อาจจะเป็นวันที่ไปทำงานแบบพิเศษกว่าวันอื่นหน่อย เพราะวันนี้ทำงานเสร็จ ตอนเย็นก็จะได้ไปเที่ยวละ ตั้งใจทำงานต่อไปละกันนะจ๊ะ 

              ณ เวลา 17.30 น. เฮ้ยยย เราควรจะลุกจากเก้าอี้ได้แล้วนะ ไม่งั้นละก็เดี๋ยวจะไม่ทันแน่ๆ วันนี้เป็นวันศุกร์แห่งชาติและอีกหนึ่งสิ่งคือจะเป็นช่วงหยุดยาวด้วยสิ Go Go!! รีบเก็บของไขกุญแจลิ้นชักโต๊ะทำงาน รีบลงจากตึกเลยจ้า กลับบ้านอาบน้ำ กินข้าว เบกเป้คู่ใจ ไปสนามบินโลด...
              
              ครั้งนี้เราเลือกเดินทางโดยสายการบิน Fly Scoot เป็นสายการบิน Low Cost ของของสายการบินสิงคปโปร์แอร์ไลน์ ซึ่งได้เวลามาดีงามมาก รายละเอียดเที่ยวบินกล่าวดังต่อไปนี้คือ ขาไป วันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ TZ 297 DMK-SIN  23:35pm-02:55am และขากลับ วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ TZ 292 SIN-DMK 22:00pm-23:30pm ค่ะ ได้เที่ยว 3 วันเต็มๆ เลย รวมราคาทั้งหมดประมาณ 12,032 บาท เป็นราคาที่รับได้นะคะ เพราะตอนจองเราจองใกล้วันเดินทางมากค่ะ  ส่วนขนาดของตัวที่นั่งก็นั่งสบายใช้ได้เลยค่ะ บินโดย Dream liner 787 ค่ะ

              เดินทางในเวลานี้คงไม่ทันรถMRTแน่นอนเลย แต่เดี๋ยวก่อนไม่ต้องกังวลไปค่ะ เรายังมีข้อเสนอให้กับคุณเพื่อเป็นทางเลือกที่แสนดี  คือที่สนามบินชางงีนั้นมีบริการ Airport Shutter Bus ในราคาเที่ยวละ 9 SGD ต่อคน ราคาถือว่าไม่สูงมาก ถูกกว่าขึ้น Taxi ในตอนกลางคืนอยู่นะคะ แถมไปส่งเราถึงหน้าโรงแรมเลยล่ะ และสำหรับท่านไหนที่ต้องการความรวดเร็วและความมั่นใจ เราก็สามารถจองล่วงหน้าทางออนไลน์ได้เลย การชำระเงินก็สามารถชำระผ่าน Paypal ได้เลย โดยจองผ่าน ทางเว็บไซต์นี้ค่ะ ระบุจำนวนคนที่ต้องการเดินทาง และระบุวันที่ต้องการเดินทาง ก็เสร็จเป็นที่เรียบร้อยค่ะ ง่าย สะดวก และปลอดภัยชัวร์ในการเดินทางในตอนกลางคืนนะคะ

             ปล... ตอนแรกเราก่ะจองโรงแรมเพิ่ม 1 คืน ก่ะว่าไปถึงละนั่งรถออกไปพักเลย แต่โรงแรมดันเต็มซะก่อนเลยอดได้ใช้บริการ Airport Shutter Bus ค่ะ แต่ก็ฝากข้อมูลไว้เป็นทางเลือกนะคะ น่าจะมีประโยชน์สำหรับคนที่บินไฟท์ดึกๆ ค่ะ

    หน้าตาของเว็บไซต์การจอง Airport Shutter Bus 
  • วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2560

              เราได้บินถึงสนามบินสิงคโปร์ เมื่อเกือบตีสามค่ะ และจนกว่าจะเข้าผ่าน ตม. อีกก้อป่าไปเกือบๆตีสี่ เราเลยตัดสินใจไปนั่งชิวก่อนเพราะรถไฟใต้ดินยังไม่เดินรถค่ะ เลยไปสะดุดตาที่ร้านร้านนึง เป็นร้านที่ขายเกี่ยวกับชุดอาหารเช้าแบบสิงคโปร์ ซึ่งราคาดีต่อใจ ไม่แพงเลย ประมาณ 4.5 SGD ได้ ทานได้ 2 คน มีแซนวิส 2 ชิ้น ไข่ลวก 2 ฟอง แล้วก็ไมโลร้อนค่ะ แต่เราจำชื่อร้านไม่ได้ละ จำได้ว่าอยู่ก่อนถึง MacDonald นะคะ อิอิ  พอสถานทีรถไฟใต้ดินเปิด เราก็เดินลงไปเลยจ้า ไปเติมเงินเข้าบัตร EZ link กัน บัตรนี้คือดีงามสะดวกมากในการเดินทาง แตะขึ้นรถไฟ รถเมล์ ซื้อของ ได้หมดเลย ส่วนถ้าใครยังไม่มีก็ติดต่อขอซื้อได้ที่เคาร์เตอร์ที่สถานีได้ สงนราคาที่ $12 หักค่ามัดจำบัตรไป $5 เหลือให้เราใช้ได้ $7 จ้ะ ครั้งนี้เราเติมไป 10 SGD ก่อนเพราะในบัตรเหลือจากคราวที่แล้ว 4 SGD

             เดินทางไปโรงแรมเพื่อฝากกระเป๋ากันก่อนเลยจ้า โดยขึ้นรถไฟแล้วไปลงที่สถานี Tanah Merah และเลือกสายสีเขียวต่อ นั่งยาวๆ ไปลงที่สถานี City Hall และก็เปลี่ยนสายเป็นสายสีแดง ไปลงที่สถานี Novena ค่ะ ออกทางออกที่เป็นห้าง แล้วก็เดินเลี้ยวขวา ไปข้ามสะพานลอยไปอีกฝั่ง ละรอรอเมย์ที่ป้ายได้เลย รถเมล์ที่จะไปถึงโรงแรมก็มีสาย 131, 21 ค่ะ วิธีการก็แสนง่ายเรามีบัตร EZ Link แล้วก็แตะบัตรอย่างเดียวเลย ขึ้นประตูหน้า ลงประตูหลังนะคะ
    แผนภาพการเดินทางโดย MRT ค่ะ

              และแล้วนั่งรถเมล์แค่เป๊บเดียวก็ถึงโรงแรม วิธีสังเกตนะคะว่าจะลงป้ายหรือยังคือ สังเกตจากร้านข้าวมันไก่ Boon Tong Gee ปุ๊บก้อเตรียมตัวลงได้เลยจ้า ถึงแล้วโรงแรม Fragrance  ซึ่งโรงแรมนี้มีหลายสาขามากเลยค่ะ เป็นโรงแรมที่ราคาอยู่ในระดับไม่แพงมาก นักท่องเที่ยวประหยัดงบอย่างเรานั้นพักได้สบายค่ะ ส่วนใหญ่จะมีทำเลที่ดี สะอาด ปลอดภัย มีคุณ Reception อยู่หน้าเค้าเตอร์ตลอด 24 hrs. เลยค่ะ ในครั้งนี้ได้มาพักที่ สาขา Oasis ค่ะ (ที่จริงเราก็พักสาขานี้ตลอดทุกครั้งที่ได้มาที่นี่ค่ะ) ทั้งนี้ได้จองผ่าน Agoda ค่ะ โดยระบุเงื่อนไขจองผ่านทางแอพแล้วไปชำระเงินที่โรงแรมค่ะ ได้ในราคา 3,xxx บาท 2 คืน สำหรับ 2 คนค่ะ สำหรับราคานี้ถือว่าโอเคเลยค่ะ มีเตียงใหญ่ 1 เตียงและห้องน้ำในตัวค่ะ  
              แจ้งที่อยู่ของโรงแรมกันสักนิด ...โรงแรม Fragrance Oasis จะตั้งอยู่ที่ 435 Balestier Road, Novena, Singapore, Singapore และสถานที่ใกล้เคียงตามด้านล่างนี้เลย 
    • Changi Airport (20.0 km)
    • Zhongshan Mall (0.2 km)
    • Boon Tong Gee (0.2 km)
    • Singapore Crocodile Farm (1.6 km)
    • City Square Mall (1.9 km)
    • Mustafa Centre (2.1 km)
    • Novena MRT Station (0.84 km)
    ภาพ ป้ายรถเมล์ที่นั่งรอค่ะ
    ภาพ บรรยากาศในรถเมล์
    ภาพ หน้าโรงแรม (อยู่ตรงกลางสีเทาน้ำตาลเข้ม)

              ดำเนินการ Check in โดยยื่นใบคอนเฟริ์มกับ Passport จากนั้นเจ้าหน้าที่จะแจ้งว่าให้มาอีกทีตอนบ่ายสามโมงค่ะ เราสามารถแจ้งฝากกระเป๋าได้เลยนะคะ โดยเจ้าหน้าที่จะให้เบอร์เล็กๆ เรามาเก็บไว้ เพื่อมารับกระเป๋าตอนกลับมาที่โรงแรมจ้ะ 

  • วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2560 (ต่อ)

              ฝากเป้เป็นที่เรียบร้อย ได้เวลาตะลุยแล้ว... วันนี้ที่แรกที่เราจะไปคือ ไปไหว้พระค่ะ เพื่อรับสิริมงคลกันก่อนเลย โดยเดินมาขึ้นรถเมล์ป้ายหน้าโรงแรมค่ะ ขึ้นป้าย no. 145 สถานีปลายทางคือ China Town อ่ะแต่เดี๋ยวก่อน เราค่อยกลับมาเที่ยว China town ทีหลังนะคะ โดยการเดินทางในครั้งนี้เราใช้ Google map เป็นหลักนะคะ จะบอกทั้งหมายเลขรถเมล์ และเส้นทางการเดินทางค่ะ เราจะลงที่ป้ายนี้และเดินต่อไปยังวัดแรกที่เราจะไปกันค่ะ คือวัด Xian Zu Gong Temple เป็นวัดที่ดังในเรื่องขอพรให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง ตอนไปถึงบรรยากาศก็คนไม่ค่อยเยอะ เพราะยังเช้าอยู่ ทีนี้ยังใส่เสื้อสีแดงกันอยู่นะคะ ให้บรรยากาศตรุษจีนมากๆ ค่ะ เราจะไล่ไปทีละวัด ใช้รูปเดินทางนะคะ

    ลงจากรถเมล์ก็เดินๆ ค่ะ
    เดินต่อไป
    แวะทานข้าวที่ Max Well ร้านโจ๊กชื่อดัง ZHEN ZHEN PORRIDGE

    มีราคาให้เลือกตามความสามารถในการกินค่ะ

    พวกเราเลือกขนาด 4 SGD ทานได้ 2 คนเลยค่ะ

    เดินๆ ไปผ่าน Red Dot Museum

    ใกล้ถึงหน้าวัดแล้วจ้ะ

    Xian Zu Gong Temple

    ป้ายบอกทางไปวัดต่อไปค่ะ (ป้ายอยู่ด้านขวามือของวัดแรก)

    กำแพงวัด Thian Hock Keng Temple (ยังวาดไม่เสร็จ ตอนไปเจอคนวาดด้วย ยังหนุ่มอยู่เลย)

    เดินถึงหน้าวัดแล้ว 
    Thian Hock Keng Temple

    Tan Si Chong Su Temple

              สองวัดแรก สามารเดินถึงกันได้เลย คือวัด Xian Zu Gong Temple และ Thian Hock Keng Temple วัดแรกเป็นวันขอพรเกี่ยวสุขภาพ ส่วนวัดที่สอง เป็นวัดที่เราขอพรเกี่ยวกับความรัก ส่วนวัดที่สาม นั้นเราต้องนั่งรถเมล์จากป้ายวัดที่สองโดยนั่ง No. 186 ค่ะ ละเดินเข้าไปซอยข้าง Holiday Inn Express วัดจะอยู่ด้านซ้ายมือ หาง่ายนิดเดียว วัดที่สามคือวัด Tan Si Chong Su Temple เป็นวัดที่เราขอพรเกี่ยวกับสุขภาพเช่นเดียวกับวัดที่หนึ่งค่ะ ทั้งสามสถานที่นี้ มีศิลปะแบบจีนที่สวยงาม และทุกครั้งทุกที่ที่ไปนั้น เมื่อได้เดินเข้าไปละจะรู้สึกสงบจิตใจ เย็นสบายใจเหลือเกินค่ะ ถ้ามีแพลนมาเที่ยวที่สิงคโปร์ และมีเวลาก็อยากแนะนำให้มาลองนะคะ เป็นสิ่งที่ดี ดีต่อใจ ดีต่อสายตาและความรู้สึก อย่างมากค่ะ

  • วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2560 (ต่อ)

              หลังจากที่เราได้ทำสิ่งดีๆ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตและการเดินทางในครั้งนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราก็จะมุ่งกลับไปยัง China town กันค่ะ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อไปทานขนมร้านดังอีกเหมือนเดิม คล้ายๆ บิงซูค่ะ ไม่หวานมาก รสชาติกำลังกลมกล่อมเลย ชื่อร้าน  The Heong Yuen Dessert มี 3 สาขาจ้ะ มีที่ Chainatown, Chainatown Point (#B2-32/33) และ ION Orchard (#B4-34)

              เมนูวันนี้ที่เลือกทานมี 2 อย่างคือ 1 Chendol Snow Ice และ 2 3colours cake ค่ะ รสชาติดีจริง คอนเฟิ์มเลย

    หน้าร้าน

    เมนูขนมค่ะ

    เมนูส่วน Snow Ice

    เมนูที่สั่งไปค่ะ  Chendol Snow Ice และ 3 colors cake

              เติมพลังแล้วเราก็เดินดูของต่ออีกนิดหน่อย และก็แวะไปดูที่วัดของศาสนาฮินดูค่ะ พอดีได้ยินเสียงดนตรีเหมือนมีทำพิธี เลยรีบเดินเข้าไปเพื่อจะชมเป็นบุญสายตา และเป็นอีกประสบการณ์ที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน ก่อนเข้าไปที่วัดจะมีการตรวจเครื่องแต่งกายนะคะ ทุกอย่างทั้งเสื้อ กางเกง กระโปรง ห้ามสั้นค่ะ และตอนเข้าไปตรงส่วนของกลางที่ทำพิธีและมีเทวรูปเยอะ ๆ ก็ห้ามถ่ายรูปนะคะ แต่ไม่เป็นไร ทุกสิ่งที่เราได้พบเจอ เราสามารถเก็บผ่านสายตาของเรา และบันทึกเป็นความทรงจำของเราตลอดไปได้เหมือนกันค่ะ แต่ก็ได้ถ่ายในส่วนด้านหน้า และรอบข้างนอกส่วนกลางมาค่ะ 

    ส่วนของด้านหน้าวัด

    ส่วนด้านข้างค่ะ ปล...ชอบที่ผู้คนจะใส่ชุดแบบนี้ของศาสนาฮินดู เห็นแล้วสวยดีค่ะ

    บริเวณรอบๆ ตลาด china town

              และก้อเหลือบมามองที่นาฬิกาข้อมือ ก็ถึงเวลาที่ไป check in ที่โรงแรมได้พอดี เลยนั่งรถเมล์เพื่อตรงไปที่โรงแรมค่ะ โดยข้ามไปอีกฝั่งหนึ่งนะคะ ตรงหน้าห้าง People park เดินถัดไปอีกป้าย และนั่งสาย 146 ค่ะ สายนี้ถึงหน้าโรงแรมเลยไม่ต้องต่อรถเมล์หลายต่อค่ะ

              กลับมาถึงพนักงานก้อจำได้ เพราะเรามาฝากกระเป๋าไว้ตั้งแต่ตอนเช้า พนักงานก็ได้ขอดูใบจองอีกรอบและให้กุญแจห้องพักมา เราก็ขึ้นไปพักผ่อนตามอัธยาศัยได้เลยจ้า เราสองคนเลยอาบน้ำอาบท่า และก็ของีบสักนิด อิอิ เดี๋ยวค่อยว่ากันต่อจ้ะ

             และแล้วตื่นมาก็เย็นๆ แล้วค่ะ เอาเป็นว่าวันนี้เราก็ทานข้าวเย็นกันที่ Market ข้างๆ โรงแรมก่อนละกันเนาะ อิอิ ไว้เที่ยวต่อวันพรุ่งนี้ ชาร์ตแบตเตรียม ตะลุย Universal Studio Singapore กันทั้งวันจ้า


  • วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2560 

              สวัสดีเช้าวันอาทิตย์.... เรายังตื่นมาอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ ตื่นมาพร้อมกับพลังอันเต็มเปี่ยม เนื่องจากเมื่อวานในตอนเย็นเราได้ชาร์ตพลังเก็บไว้แล้ว ไป... วันนี้เราจะไปตะลุยเล่นเครืองเล่นกัน อ่ะเดี๋ยวก่อน ขอได้ซดมาม่า เพื่อเพิ่มพลังก่อนนะคะ 

              เติมพลังเสร็จแล้ว เราก็ลงมารอรถเมล์เพื่อนั่งไปที่ห้าง vivo เพื่อนั่งโมโนเรลต่อไปยัง universal studio Singapore  กันค่ะ เรานั่งจากด้านฝั่งโรงแรมเราเลย เดินทางโดยรถเมล์หมายเลข 131 นั่งแบบยาวๆ กันเลย จนถึงป้าย Vivo ละค่อยลงนะคะ พอถึงแล้วเราก็ขึ้นไปที่ชั้น L3 เพื่อเราจะไปต่อรถไฟฟ้า Sentosa Express เป็นรถ Monorial เราจะนั่งไปลงที่ Universal Studios ตรงนั้นคือสถานี Waterfront Station ใช้เวลาประมาณ 5 นาที แต่ถ้าคนไหนชอบการออกกำลังกายก็มีทางให้เดินข้ามเกาะไปได้เหมือนกัน แต่เราแนะนำให้เดินแต่เช้านะคะ ไม่งั้นก้ออาจจะร้อนและเหนื่อยได้จ้ะ
              และเราก็มาถึงแล้ว USJ แค่เห็นก็ดีต่อใจมาก แต่ตอนที่เรามาถึงเราอาจจะมาช้าสักนิดแถวเลยยาว เพราะก่อนหน้านั้นที่เราจะมาแนะนำการขึ้นรถเมล์หมายเลขที่ถูกและขึ้นถูกฝั่งได้นั้น พวกเรานั่งผิดฝั่งกันจ้า รถเมล์พอไปส่งที่สถานีของเขาเลย ต้องเดินออกมาถนนใหญ่เพื่อขึ้นรถกลับมาตั้งหลักใหม่อีกครั้ง ได้ออกกกำลังกายกันแต่เช้าเลยแหละ
              อย่างที่ทราบกันโดยส่วนใหญ่แล้วถ้าผ่านประตูเข้ามาได้แล้ว ก็จะต้องมุ่งไปที่ เครื่องเล่นทรานฟอเมอร์(Transformers: The Ride)กันเป็นอย่างแรก เพราะทั้งสนุกและตื่นเต้น และที่สำคัญคนคิดเหมือนกันเยอะมากเลย ค่ะยืนรอไปค่ะ 40 นาทีในการยืนรอแต่ไม่เป็นไรสีทนได้อยู่แล้ว (ถึงจะเคยเล่นมาแล้วหลายครั้ง เราก็จะไม่ยอมล่าถอยเป็นอันขาด)
              เราก็ได้เล่นวนไปๆ เพราะเครื่องเล่นสนุกทุกอันอันนี้รับประกันเลย แถมปลอดภัยมากด้วยค่ะ ถ้ามีอะไรผิดปกตินิดนึง ทางเจ้าหน้าที่จะสั่งหยุดและตรวจสอบใหม่อีกครั้งก่อนเลย ก่อนจะปล่อยให้เล่นรอบต่อไป อันนี้เราขอชมเชย เราไปวันอาทิตย์ คนอาจจะเยอะสักนิด แต่ความสนุกก็ไม่ลดหลั่นลงไปแม้แต่น้อยจ้ะ ไปชมภาพแต่ละเครื่องเล่นกันได้เลย 
              ปล1...บางเครืองเล่นถ่ายตอนเล่นไม่ได้นะคะ เคารพกติกากันด้วยจ้า^^ เพื่อความปลอดภัยทั้งตัวเราและทรัพย์สินนะคะ
              ปล2...เราอาจจะเล่นไม่ครบนะคะ เพราะบางอันทราบถึงความน่ากลัวไปแล้ว เลยไม่ได้เข้าไปสัมผัสความน่ากลัวอีก อิอิ

    Sci-Fi City : Transformers: The Ride
    Ancient  Egypt 
    Jurassic Park Rapids Adventure  
    Jurassic Park Rapids Adventure  
    Dino soarin 
    Puss in Boots' Giant Journey
    Puss in Boots' Giant Journey
    Water  World
    โซน Far Far Away
    โซน Far Far Away : Enchanted Airway
    Madagascar: A Crate Adventure
    Madagascar: A Crate Adventure
     Sesame Street Spaghetti Space Chase
     Rockafellas  เต้น B Boy
    การแสดงร้องเพลงและเต้นแบบย้อนยุค
    Battlestar Galactica
    Ben & Jerry Ice Cream

              พวกเราก็ได้เดินๆ เล่นๆ กันจนถึงสี่โมงเย็น เลยตัดสินใจกันว่าเดี๋ยวขากลับก็แวะเดินเล่นที่ห้าง Vivo City เลยละกัน ก่อนกลับไปโรงแรม เพราะ ที่ห้างมีวิวทะเล แถมของที่ห้างนี้ก็ไม่ได้แพงอย่างที่คิดค่ะ แอบมีร้านที่มีของแนวๆ ไว้ทั้งแต่งบ้านและเป็นของสะสมได้ด้วยนะคะ วันอาทิตย์ก็จบด้วยความสนุกสนาน ปนเหนื่อยนิดๆ ค่ะ พรุ่งนี้เที่ยวต่อกันนะคะ

  • วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2560 

              วันนี้เป็นวันที่เราทั้งคู่ไม่ได้ว่างแผนไว้ว่าจะไปเที่ยวไหนกัน แต่บังเอิญเมื่อวานตอนนั่งรถเมล์ไปที่ USJ เราได้เห็นที่ที่นึงที่ดูแล้วสวยงามตา และน่าเดินเล่นเป็นอย่างมาก พวกเรายังไม่เคยมาเดินในมุมด้านนี้ของสิงคโปร์เลยค่ะ วันนี้เลยคิดว่าเป็นวันที่เราจะเดินชิวๆ เดินเล่นๆ กันก่อนเดินทางกลับในตอนค่ำๆ นะคะ

              เดินทางโดย รถเมล์อีกตามเคย หมายเลย 131 นั่งเรื่อยๆ ไม่นานมาก เลือกลงที่เราเห็นว่าใกล้ป้าย Raffle Place ค่ะ จากนั้นก็จะเห็นเหมือนอนุเสาวรีย์อะไรสักอย่างหนึ่งเป็นเหมือนเสาร์แหลมๆ และเราก็เดินลงเลย เดินเรื่อยๆ ค่ะ วันนี้อากาศดี ไม่ร้อน มีลมโชยๆ กำลังสบายเลย ^_^
              ปล...อยากแนะนำให้มาเดินตอนเช้าๆ นะคะ เดินกำลังสบาย และเดินๆ สถานที่ด้านล่างนี้ จะอยู่ใกล้เคียงกันหมดเลยค่ะ เดินเรื่อยๆ ถึงทุกสถานที่จ้า

    รวมๆ แล้วน่าจะเรียกว่า Esplanade Park นะคะ
    Victoria Memorial Hall
    Asian Civillsations Museum
    Singapore River
    Singapore River
    The Arts Hose at The Old Parliament

    The Arts Hose at The Old Parliament
    ตึก Bank ต่างๆ
    Esplanade
    Marina bay sand
    Singapore Flyer
  • วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2560 

              ที่ต่อไปเราก็เดินออกมานั่งรถเมล์ด้านหน้า เพื่อขึ้นรถไปที่สุดฮิฟ คือ Haji Lane นั้นเอง ที่นี่ก็จะมีภาพวาดตามกำแพง และร้านแนวๆ หลายร้าน เลยค่ะ ที่นี่ก็เดินเพลินไปอีก
              ปล... ถ้าไม่หิวมาก อยากแนะนำว่าให้ไปหาของกินที่อื่นจะดีกว่านะคะ เพราะของกินที่ถนนนี้แพงมาก แพงจนน้ำตาจะไหลเลย
    Haji Lane
    Haji Lane
    Haji Lane
    Haji Lane
    มัสยิด ที่อยู่ใกล้ๆ
    มัสยิด ที่อยู่ใกล้ๆ
    ร้านเบอร์เกอร์ ที่ Haji Lane (BERGS)
    ร้านเบอร์เกอร์ ที่ Haji Lane (BERGS) เบอร์เกอร์ปลาค่ะ

    นี่ไง โค้กกระป๋องละ 100 บาท (4 SGD)

  • วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2560 

              เดินเล่นมาตั้งแต่เช้า ยันบ่าย เลยทำให้อยากของหวานอีก ก็เลยเดินทางต่อไปที่ Chinatown เพื่อไปทานsnow ice แต่ด้วยความฉลาด หรือไม่ทันสังเกตก็ไม่ทราบได้ ไปปุ๊บ ร้านปิดจ้า หาดูป้าย อ้าว... ร้านปิดทุกวันจันทร์นี่นา แต่ในความไม่รู้ก็ยังมีความโชคดีอยู่ คือ มีอีก 2 สาขาที่เค้ายังเปิดนะจ๊ะ 

              พวกเราเลยเลือกเดินทางไปที่สาขา Chinatown Point ซึ่งเป็นสาขาที่ใกล้ที่สุด แถมเดินไปได้ไม่เปลืองค่ารถอีก ก็เลยตกลงปลงใจเอาล่ะ GO GO เพื่อไปกินกันเลย ครั้งนี้เราเลือกเป็น รสมะม่วง เพราะเห็นโต๊ะอื่นๆ เค้าสั่งกันเยอะ... แต่ๆ เดี๋ยวก่อน พอชิมแล้ว เพิ่งรู้ว่า เราไม่ควรเชื่อคนอื่นๆ ง่ายๆ นะ คำนี้ยังใข้ได้อยู่ คือรสชาติมันไม่ใช่อ่ะ ไม่เหมือนมะม่วงจริงเลย เหมือนมะม่วงสังเคราะห์มาก แถมชิ้นมะม่วงที่อยู่ในถ้วยยังมีรสเปรี้ยวอีกต่างหากง่ะ เอาเป็นว่ารสชาตินี้ ไม่ผ่านสำหรับเรานะคะ 




              ทานของหวานเสร็จเราเลยตัดสินใจกลับโรงแรมเพื่อไปเอากระเป๋าที่เราฝากไว้ เพื่อเดินทางไปสนามบินค่ะ กลัวรถติดเนาะ เพราะเราขึ้นรถเมล์ไปสนามบินกันค่ะ แต่อย่างว่าแหละ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง เราแอบเห็นมีร้านเป็ด อยู่ใกล้ๆ ก่อนถึงโรงแรม เราเลยเดินย้อนกลับไปเพื่อลองทานข้าวหน้าเป็ดร้านนี้กัน หน้ากินมาก แต่...รสชาติไม่ค่อยโอเคนะคะ เพราะที่นู้นเค้าไม่มีน้ำจิ้มให้เหมือนบ้านเรา เลยขาดรสชาติตรงนี้ไปเลย

    ข้าวหน้าเป็ด ร้านก่อนถึงโรงแรม

              อิ่มแล้ว พลังพร้อมออกเดินทางได้ เราก็นั่งรถเมล์สาย 21 เดินทางไปสักพัก เราจำป้ายที่ลงไม่ได้ เพื่อนๆ ลองไปดูป้ายด้านหลังอีกครั้งหนึ่งนะคะ แต่จำได้ว่าลงแล้วต่อป้าย 24 ครั้งนีั้ก้อนั่งยาว ถึงสนามบินชางงีได้เลยค่ะ เราขึ้น Fly Scoot ก็ลงที่ Terminal 2 ได้เลยค่ะ 


              ปล... อยากแจ้งไว้สักนิด ในการเดินทางโดย Fly Scoot, Nok Scoot, Tiger Airway นั้น พนักงานเค้าไม่รับ check in ที่เคาร์เตอร์นะ เราต้องทำที่เครื่อง และถ้าสำหรับคนมีกระเป๋าก็ค่อยไปต่อแถวเพื่อโหลดอีกรอบ เราไปถึงสนามบินเวลาก็โอเคอยู่ แต่เราจะไปขึ้นเครื่องไม่ทันเพราะ ตู้อัตโนมัติของสนามบินนั้นแหละ ไม่ยอมพิมพ์ใบบอร์ดดิ้งพาสในส่วนของเรา พิมพ์ออกมาแต่ของแฟนเรา เราเลยต้องไปต่อแถวเพื่อแจ้งปัญหา และที่สำคัญแถวยาวมาก เพราะมีเคาร์เตอร์ที่คอยช่วยเหลือแค่ 1 .ในตอนแรก และเพิ่งมาเพิ่มอีก 1 ในตอนที่กำลังจะตกเครื่องกัน ที่แถวเยอะเพราะทุกคนประสบปัญหาเดียวกัน คือเครื่องทำงานไม่มีประสิทธิภาพนั่นเองค่ะ ก็เลยอยากแนะนำให้ทุกคนที่เดินทางด้วย 3 สายการบินนี้เผื่อเวลาไว้เยอะๆ เลยนะคะ

    +++ ไว้พบกันใหม่ในทริปครั้งต่อไปนะคะ ขอบคุณทุกๆ คนค่ะ +++

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in