เมื่อสัปดาห์หนังสือผ่านมา สัปดาห์เเห่งการเสียตังค์ก็จะปรากฎขึ้นเช่นเดียวกัน เริ่มจากเรื่องที่สองที่ซื้อมาจากงานหนังสือ โดยได้รับการป้ายยามาจาก Readery Podcast ของ The Standard
โดยเรื่องราวนั้นจะเกี่ยวข้องกับชีวิตของผู้หญิงชาวเกาหลี คนหนึ่งที่ชื่อ คิมจียอง เมื่อเปิดเรื่องมา โดยเวลาเป็นปัจจุบันก็จะให้เห็นมุมมองของคุณสามีที่สังเกตอาการที่ปกติของคุณ คิมจียอง โดยมีอาการคล้ายโรคหลายบุคคลิกเกิดขึ้น เเละหลังจากนั้นเรื่องราวก็ได้ย้อนกลับไปเหมือนเป็นการเล่าเรื่องชีวิตของคุณคิมจียอนตั้งเเต่เด็กจนถึงปัจจุบัน ให้คนอ่านคลับคล้ายว่าสืบกันเอาเองถึงเหตุผลที่ทำให้คุณคิมจียองถึงได้เป็นอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
หนังสือเล่มนี้ ถือเป็นหนังสือที่โด่งดังมากที่โด่งดังมากในเกาหลี นอกจากนี้ที่ไทยก็ยังรู้จักกันเล็กน้อยเนื่องจากมีประเด็นของไอรีน Red Velvet ที่อ่านหนังสือเเละชาวเน็ตเกาหลีไม่พอใจ(หรือซัมติง)
เป็นหนังสือที่เเสดงให้เห็นถึงชีวิตของผู้หญิงในเกาหลี เป็นหนังสือที่มีความFeminist สูงมากอ่านเเละเราจะเข้าใจความลำบากของการที่เกิดมาเป็นผู้หญิงในเกาหลี เนื่องจากเราเองก็เป็นผู้หญิงจึงมีความอินมาก เเต่ผู้ชายอ่านก็ได้นะจะได้ทำความเข้าใจหัวอกของผู้หญิงให้มากขึ้น โดยส่วนตัวแล้วเเล้วจะเริ่มอินตอนหลังๆในวัยที่คิมจียองเริ่มหางาน ทำงาน เเละเเต่งงานมีลูก มันเหมือนเป็นอีกมุมมองหนึ่งที่เข้าถึงเรามากเพราะเราก็กำลังเข้าสู่วัยนี้ เเละยิ่งอ่านถึงเรื่องตอนเเต่งงานมีลูกยิ่งเหมือนเข้าใจหัวอกของความเป็นแม่ เหมือนเราเชื่อมโยงกับเเม่ของเราเอง เเละก็เหมือนเพิ่งคิดได้ว่าแม่เราเสียสละเเค่ไหน ในการที่จะมีเราขึ้นมา เลี้ยงจนถึงตอนนี้ มันเป็นเหมือนการเสียสละตัวตนของตัวเอง ความฝัน ความต้องการส่วนตัวของเรา เพื่อครอบครัว เพื่อลูกเพื่อสามี เป็นหนังสือที่ซึ้งเเบบบอกไม่ถูกเหมือนความรู้สึก ความกังวล ความคิดที่คิมจียองนึกคิดในหนังสือ จะเป็นสิ่งที่เราจะต้องผ่านมันเหมือนกันในอนาคต จึงทำให้เป็นหนังสือที่ใกล้หัวใจเราอย่างบอกไม่ถูก
อีกประเด็นเป็นเรื่องของความไม่เท่าเทียมกันระหว่างเพศในสังคมเกาหลี ยิ่งอ่านเเล้วยิ่งรับรู้ของความไม่เท่าเทียมกัน โดยการเขียน เรื่องราวในเรื่องนี้ไม่ได้มีความหวือหวาหรือเป็นEvent ที่ใหญ่โตขนาดนั้น เเต่ละเรื่องแต่ละประเด็นมันมีความSubtle คำพูดของตัวละครในเเต่ละตัว เป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นในเรื่องจริงได้ จะยกตัวอย่างเช่น
ตอนที่คุณจียองเรียกแท็กซี่เพื่อไปสัมภาษณ์งานคนขับเเท็กซี่ก็กล่าวว่า "ปกติฉันไม่รับลูกค้าคนเเรกเป็นผู้หญิงหรอก แต่พอเห็นหนูก็รู้เลยว่าไปสัมภาษณ์งาน ฉันเลยช่วยรับเอาบุญ" ตอนเเรกคุณคิมจียองนึกว่าจะไม่เก็บค่าโดยสารเเต่พอมาเข้าใจความนัย การเรียกแท็กซี่ที่จ่ายค่าโดยสารให้ถือเป็นเรื่องที่ต้องสำนึกบุญคุณให้คนขับหรือนี่ (หน้า 105)
ยิ่งอ่านไปเรื่อยๆมันก็จะมีประเด็นนี้อยู่เนืองๆ อยากจะให้ทุกคนอ่านเเล้วก็รับรู้ว่ามันมีเรื่อง Bullshit อย่างนี้เกิดขึ้นในสังคม คนเรามันพูดอะไรไม่คิด บางครั้งพยายามพูดติดตลก หรือเเค่เเสดงความคิดเห็นในสิ่งที่มันเเสดงถึงความเห็นเเก่ตัวไม่นึกถึงความลำบากคนอื่น มันเกิดขึ้นทุกวันในชีวิตประจำวันของเราทุกคน ขึ้นอยู่ที่ว่าเราเลือกที่จะเพิกเฉยมองมันเป็นเรื่องเล็กน้อย เอาตัวรอดในสังคมในเเต่ละวัน หรือจะพูดมันออกมา เเต่ส่วนใหญ่รวมถึงตัวเราเองก็ต้องเลือก Peace อยู่เเล้วเเหละคนส่วนใหญ่ไม่เลือกทางที่ทำให้ชีวิตประจำวันของตนเองสั่นคลอนสักเท่าไหร่
ถือเป็นหนังสือที่ดีมากเล่มหนึ่งอ่านสบายเเถมยังบาง ถ้าใครมีเวลาว่างก็ไปอ่านได้นะจ้าาา
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in