พวกเราเป็นเพื่อนบ้านกัน แต่ดูเหมือนว่าคุณตาของเขากับคุณปู่ของเพื่อนตรงข้ามจะไม่ถูกกัน วันดีคืนดี คนในซอยก็จะเห็นคนที่ร่างกายแก่ แต่จิตวิญาณเลือดร้อนไม่แก่ตามอายุมายืนฉีดน้ำใส่กันพร้อมพ่นคำก่นด่า เป็นตัวอย่างไม่ดีแก่เยาวชน พาลกันแม่เขาต้องมาจับคนแก่2คนแยก
น่าแปลกที่แม่ของเขาเป็นที่รักของบ้านตรงข้าม คงเพราะเคยคบกับลูกชายของคุณปู่เพื่อนบ้าน เลยเอ็นดูจนถึงปัจจุบัน
เมื่อครั้งจำความได้ พวกเขา2คน พากันไปจับแมลงในป่าข้างๆ ปีนต้นไม้ ลงไปเล่นน้ำในแม่น้ำตามประสาเด็ก เมื่อกลับถึงบ้านก็โดนทั้งคุณพ่อ และคุณตาดุจนแอบหนีออกมานั่งร้องไห้ คุณน้าบ้านตรงข้ามหรือก็คือแม่ของเพื่อนบ้านตรงข้ามของเขาเดินมาปลอบ พร้อมจูงเพื่อนบ้านตรงข้ามมาปลอบด้วย คืนนั้นเขาฝันดีทั้งคืน
เข้าอนุบาล คุณแม่ของเขาอาสาพาเขาและเพื่อนบ้านตรงข้ามไปส่งที่โรงเรียนเพราะใกล้ที่ทำงานพร้อมรับกลับ เขาเจอเพื่อนอายุเท่ากันมากมาย แต่ก็ไม่สนิทเท่าเพื่อนบ้านตรงข้าม
เข้าประถม เป็นทีของคุณลุง พ่อของเพื่อนบ้านตรงข้าม หรือก็คือแฟนเก่าของแม่เขารับอาสาไปส่งที่โรงเรียน มีเรื่องสนุกๆมากมาย โชคดีที่ได้อยู่ห้องเดียวกัน6ปี เริ่มมีกลุ่มเพื่อนที่สนิทกัน
มัธยมต้น คุณน้าเป็นคนส่งพวกเรา2คน น่าเสียดายที่อยู่กันคนละห้อง แต่ก็เจอเพื่อนใหม่ๆ และไลฟ์สไตล์เดียวกัน ทำกิจกรรมจนดึกดื่น บางครั้งคุณพ่อของเขาจะเป็นคนมารับ จนม.ต้นปี3ที่เขาขออนุญาตครอบครัวว่าจะไปทำใบขับขี่และขับมอไซค์มาโรงเรียน เวลาที่เขาจะได้เจอกับเพื่อนบ้านตรงข้ามเริ่มน้อยลง
มัธยมปลาย เขาตัดสินใจไปสอบต่อที่โรงเรียนไกลบ้าน เพื่อเส้นทางในอนาคต และโชคดีที่คุณพ่อของเขาก็ได้ที่ทำงานใหม่แถวนั้น คุณแม่ก็ลาออกจากงาน วันสุดท้ายที่บ้านหลังนั้น เพื่อนบ้านตรงข้ามของเขาออกมาส่งพร้อมนัยน์ตาที่คลอไปด้วยน้ำใสๆ เขาดีดหน้าผากของอีกคนเบาๆว่าอย่าเวอร์ ลาคุณปู่ คุณพ่อ คุณแม่ของอีกคน และคุณตาของเขา
เขาได้รับการติดต่อจากอีกฝ่ายอย่างสม่ำเสมอจนขึ้นมัธยมปลายปี2 ที่งานเริ่มรัดตัว เวลาที่จะกินหรือนอนแทบน้อยลง อัตราการแข่งขันกันในการเรียนยิ่งสูงเมื่อมาอยู่ในโรงเรียนชื่อดัง จนทำให้ทั้งเขาและเพื่อนบ้านตรงข้ามต่างฝ่ายต่างลืมที่จะติดต่อกันไป
เข้ามหาลัย เขาได้คณะและมหาลัยตามที่หวังไว้ แต่กลับต้องเจอข่าวร้ายเมื่อจู่ๆ คุณแม่ของเขาได้รับสายโทรศัพท์มาว่าคุณตาของเขาอาการแย่ลงมากจากโรคประจำตัว คุณพ่อทิ้งงานในวันนั้นพร้อมคุณแม่เพื่อไปดูแลคุณตา พร้อมตัดสินใจส่งคุณตาเข้าโรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการให้คงที่
เขาไม่มีกะจิตกะใจเรียนเต็มที่ แต่คุณตาที่นอนอยู่บนเตียงก็เอาแต่ยิ้มพร้อมบอกว่าให้เขาตั้งใจเรียน เขาหาเวลาเพื่อจะได้มาเฝ้าคุณตาทั้งวัน จนคุณตาหลุดปากออกมาว่า คุณตาอาการแย่ลงตั้งแต่เขาเข้ามัธยมต้น คนที่รู้เรื่องคือคุณแม่ คุณพ่อ และคุณปู่ของเพื่อนบ้านตรงข้าม ฟังนิทานจากคุณตาว่าเมื่อก่อนคุณตาของเขากับคุณปู่ของอีกคนเป็นทั้งเพื่อนและคู่เเข่งที่คอยผลักดันกัน ดังนั้นพฤติกรรมที่ชอบต่อล้อต่อเถียงกันก็คงเป็นการแสดงความห่วงใยอย่างนึง
ระหว่างที่พูดคุย เสียงพูดคุยของคุณพ่อคุณแม่ก็ดังขึ้นหน้าประตูห้องคนไข้พร้อมเข้ามา
“อ้ะ นี่ไง ซูนยองอยู่พอดีเลย จำจีฮุนได้หรือเปล่าลูก เพื่อนกันตั้งแต่สมัยเด็กๆนี้นา”
เพื่อนบ้านตรงข้ามของเขายิ้มจนตาปิดพร้อมตอบรับแม่เขาว่าจำได้ พร้อมวิ่งเข้ามากอดคุณตาของเขาที่อยู่บนเตียง
ฉับพลันเขาเหมือนเจอสิ่งที่หายไปจากช่วงชีวิตไม่กี่ปีนี้กลับมาเมื่อเห็นหน้าอีกฝ่าย
“ซูนยองสูงขึ้นนะเนี่ย ฮ่าฮ่าฮ่า เมื่อก่อนยังงอแงปีนต้นไม้ไม่ได้อยู่เลย โอ๊ะ เอาน้ำส้มอันนี้ด้วยสิ คุณตาเขาชอบ”
เขาพยักหน้ารับ พร้อมเอื้อมหยิบน้ำส้มยี่ห้อโปรดของคุณตาใส่ตะกร้าร้านสะดวกซื้อ เพราะเมื่อ5นาทีที่แล้ว คุณแม่ไล่เขากับเพื่อนบ้านตรงข้ามของเขาให้ออกมาซื้อของ แต่เจตนาคือให้มาคุยกันบ้างหลังจากไม่ได้เจอกันนานนั้นแหละ
“จีฮุนเรียนที่ไหนหรอ”
“ที่ม.xxอ่ะ ซูนยองล่ะ”
“เห้ยที่เดียวกันเลย เราเรียนสัตวแพทย์ จีฮุนล่ะ”
“เรียนวรรณกรรม ทำได้แล้วนะซูนยอง ก็เมื่อก่อนนายบอกว่าอยากโตขึ้นมาเพื่อรักษาเจ้าโซสึเกะนี้นา”
โซสึเกะที่ว่าคือกระรอกน้อยที่พวกเขา2คนเจอมันที่สนามเด็กเล่น และช่วยกันตั้งชื่อเมื่อครั้ง8ขวบ มันบาดเจ็บเป็นแผลเหวอะหวะและตายไป เมื่อเขาและเพื่อนบ้านตรงข้ามมาเล่นกับมันตอนอายุ10ขวบ เป็นจุดแระกายให้เขาตั้งใจจะเรียนเพื่อเป็นสัตวแพทย์
“คิดถึงโซสึเกะจัง ตอนนั้นพวกเราก็ตั้งชื่อไปได้เนอะว่าโซสึเกะน่ะ”
จีฮุนพูดอย่างเขอะเขิน
“ก็นายชอบดูอนิเมะเรื่องนารูโตะไม่ใช่หรอตอนนั้น โซสึเกะมาจากซาสึเกะที่นายทั้งชอบทั้งหมั่นไส้ไง”
เขาว่าพร้อมหัวเราะเพื่อนตัวเล็ก
ผ่านไป เขาและเพื่อนบ้านตรงข้ามเริ่มกลับมาสนิทกันเหมือนเดิม รู้จักเพื่อนของแต่ละฝ่ายกัน จนเวลาล่วงเลยมา2ปี คุณตาของเขาจากไปอย่างสงบ จีฮุนร้องไห้อย่างสะอึกสะอื้น เพราะช่วงเวลาตอนที่คุณตาอยู่บ้านคนเดียวก็มักจะเป็นคุณปู่และเพื่อนบ้านตรงข้ามที่เข้าไปเล่นไปต่อล้อต่อเถียงให้หายเหงา คุณปู่ของเพื่อนบ้านตรงข้ามดูเสียใจ เพราะเป็นเพื่อนที่โตมาด้วยกัน
อีก2ปี เพื่อนบ้านตรงข้ามของเขากำลังจะเรียนจบ เป็นช่วงเวลาที่อีกคนต้องเลือกเส้นทางชีวิตต่อไป เขาที่มีอีกฝ่ายมาตลอดในช่วงชีวิตเริ่มกลัวที่เพื่อนบ้านตรงข้ามจะหายไปจากชีวิต เขารู้ว่ามันคือความเห็นแก่ตัว แต่มันเป็นความรู้สึกที่หนักอกอยู่ตลอดเวลาเมื่อนับวันถอยหลังเรื่อยๆ
เขารู้ตัวเองมารักอีกฝ่าย รักมากกว่าคำว่าเพื่อนสนิท หรือเพื่อนข้างบ้าน หรืออะไรต่างๆ
เขามีความสุขที่อีกฝ่ายมาคอยอยู่ใกล้ๆ คอยบ่นเวลาเขาไม่เก็บของ ชอบน้ำเสียงเจี้ยวจ้าวเวลาคุยกัน
เขายอมรับในข้อเสียอีกฝ่ายที่ถึงแม้จะชอบบ่นก็บ่นด้วยความเป็นห่วง นอนดึกเขาก็มักจะแอบเอาผ้าห่มไปคลุมให้เมื่ออีกฝ่ายมานอนค้างที่หอเขา
เขายอมรับมาช่วงชีวิตที่มีเพื่อนบ้านตรงข้าม เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขและไม่รู้สึกว่ามีอะไรขาดหาย
เมื่อครั้งยังเด็ก คุณตาชอบมองไปยังรูปภาพวาดของคุณยายพร้อมสอนเขาว่า เมื่อเราเจอคนที่ใช่สำหรับเรา แม้ไม่ใช่รักที่ทำให้ใจเต้น แม้ไม่ใช่รักที่หอมหวาน มันอาจจะเป็นรักที่เรียบง่ายและมั่นคงที่จะอยู่ข้างกัน
ควอนซูนยองในวัย11ปีได้แต่ทำหน้างงเมื่อไม่เข้าใจความหมาย แต่ควอนซูนยองในวัย22เข้าใจมันแล้ว ว่ารักของเขานั้นเรียบง่ายและได้รู้สึกเติมเต็ม ไม่ขาดหายสิ่งใด เพราะรักนั้นคือ อีจีฮุน
คำขอของเขาอาจจะดูเห็นแก่ตัว แต่เมื่อรู้ตัวเขาก็ตัดสินใจที่จะบอก แม้มันอาจจะทำให้เกิดเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นเขาก็จะเสี่ยง
อีกฝ่ายดูสับสน เขาก็ไม่เร่งรีบจะเอาคำตอบ ทำตัวเหมือนปกติต่อมา อีกฝ่ายดูตื่นตระหนกและเหมือนอยากหลบหน้าเขา อีกฝ่ายทำงานใกล้กับคอนโดของเขาที่เพิ่งซื้อ เมื่อคนตัวเล็กบังเอิญเจอเขาก็พยายามหลบหน้า
จนเขาใกล้เรียนจบ มีการเสนอชื่อเขาให้เรียนต่อในมหาลัยชื่อดังแถบยุโรป คุณพ่อคุณแม่ก็ปล่อยให้เขาตัดสินใจ จนเขาตัดสินใจไป ตระเตรียมเอกสาร ยืนยันสิทธิ์เตรียมตัวออกเดินทาง ก่อนจะได้เหยียบตม.ก็ส่งข้อความไปบอกเพื่อนบ้านตรงข้ามที่พยายามหลบหน้าเขาว่ามาเรียนต่อ
สภาพอากาศกลางกรุงลอนดอนเป็นอะไรที่ไม่สามารถคาดเดาได้ รูมเมทคนจีนของเขาเป็นตัวอย่างว่าไม่เคยพกร่มออกไปด้านนอก สามวันแดดอกก สี่วันฝนตก จนโต๊ะของรูมเมทมีแต่คอลเล็คชั่นร่มพับ
3เดือนตั้งแต่จากบ้านเกิดมา เป็นประสบการณ์ที่ดีพอสมควร ฝึกภาษา เรียน ทำงานพิเศษ หรือมีแม้แต่โดนหลอกให้จ่ายเงิน โดนล้วงกระเป๋า ยังพอมีโชคที่รูมเมทของเขาเป็นคนดี แม้จะดูต๊องไปหน่อย วันไหนว่างๆ รูมเมทของเขาก็เป็นดูการ์ตูน พากย์เสียงตัวเองลงไปพร้อมอัพเป็นคลิปลง เบียวอะไรขนาดนั้น
แน่นอนว่าเขานึกถึงนารูโตะ นึกถึงซาสีเกะ นึกถึงโซสีเกะ นึกถึงเพื่อนบ้านตรงข้ามตัวเล็กของเขา
วันนี้เขามีเรียนทั้งวัน แบตมือถือเข้าขั้นวิกฤตเพราะวิชาที่แล้วต้องใช้นำเสนอ แล้วเขาก็ลืมไอแพดไว้ที่แคมปัส ดีที่แชร์ไฟล์เอาไว้ เขาเดินกางร่มท่ามกลางฝนปรอยปรายลงมาเล็กน้อยแล้วเลี้ยวเข้าไปคาเฟ่ใต้หอ ยืมที่ชาร์ตแบตจากเจ้าของร้านมาชาร์ตเพราะงานที่ต้องทำอยู่ในไดรฟ์ทั้งหมด
สายที่ไม่ได้รับ (23) โห้ ใครโทรมากันล่ะนี้
ยังไม่ทันได้ปลดล็อคมือถือ เบอร์โทรที่ไม่คุ้นก็ปรากฏบนหน้าจอ
“Hello”
“ ฮึ้ก ซูนยองนายอยู่ไหนกันแน่ อึ้ก เมื่อจะรับสายเนี่ย”
ต่อให้ไม่ได้ยินเสียงนี้นานเท่าไรแต่เขาก็จำได้ทันทีว่าคือเสียงของเพื่อนบ้านตรงข้ามตัวเล็ก
คุยไปคุยมาจับประเด็นได้ว่าอีกคนอยู่กลางกรุงลอนดอน ถูกมิจฉาชีพหลอกเอาเงินเข้าให้แล้ว แถมถูกปล่อยจากแท็กซี่ในสถานทีที่ไม่คุ้นสักนิด เขารีบรุดออกมาจากคาเฟ่พร้อมฝากของไว้ โทรหารูมเมทเขาให้ค้นหาตำแหน่งที่เพื่อนบ้านตรงข้ามโทรมา พร้อมขับมอไซค์ที่เพิ่งถอยมาจากเงินทำงานพิเศษออกไป โดยไม่สนใจหยาดฝนที่กำลังตกอยู่
“จีฮุน!!!”
คนตัวเล็ก หันมาพร้อมน้ำตานองเต็มบนใบหน้า ทั้งเขาและอีกฝ่ายต่างวิ่งเข้าโถมใส่กัน เนื้อตัวคนตัวเล็กสั่นทั้งจากความกลัวและความหนาวจากอากาศกลางเม็ดฝน
เขาพาอีกฝ่ายเข้ามาในห้องภายในแคมปัส รูมเมทเขาออกไปเล่นเกมส์ที่ห้องเพื่อนเจ้าตัว คาเฟ่ด้านล่างเทื่อเห็นสภาพเขากับอีกคนก็ชงช็อคโกแลตร้อนให้พร้อมไม่คิดเงิน เขาให้จีฮุนเข้าไปอาบ้ำอุ่นๆก่อนที่เขาจะเข้าไปอาบน้ำตาม
“นึกยังไงถึงมาลอนดอนล่ะ”
เขาถามพร้อมโยนผ้าขนหนูใส่หัวอีกฝ่ายพอดีเป้ะ เมื่อดูท่าว่ายังนั่งเหม่ออยู่
คนตัวเล็กไม่ตอบอะไรมาแม้เวลาผ่านไปเกือบ10นาที จนเขาถอนหายใจ ออกไปที่ระเบียงตากผ้าและพูดกับคนด้านหลัง
“จองที่พักไว้ที่ไหนล่ะ ฉันอาจจะพาไปได้ เสื้อผ้าก็เอาของฉันไม่ใส่ก่อนกับเงินด้วย แล้วก็เสื้อผ้าที่เปียกนี้ก็…”
เขาหยุดพูดไปแค่นั้น เมื่อรู้สึกถึงอ้อมแขนที่โอบกอดเขาจากด้านหลัง
“มา….บอกรัก”
ประโยคอู้อี้ที่ดังอยู่ ทำให้สติเขาแทบหลุด กลัวเป็นแค่ฝัน จนต้องหันกลับไปเผชิญหน้ากับอีกคน
“อะไรนะ”
“จิ้”
คนตัวเล็กเดาะลิ้น พร้อมเอามือปิดหน้าไม่ยอมสบตา
“ก็บอกว่า ฉันรักนาย เหมือนกันไง พอมาคิดทบทวนแบบจริงจรังฉันก็มีนายข้างๆมาตลอด อยากมาหาตั้งแต่นายไปแล้ว แต่งานมันยุ่ง เลยลาออกซะเลย ไม่ทำมันแล้ว โอ้ย แถมเงินก้อนสุดท้ายที่ อื้อ”
เขาไม่ยอมฟังจนจบประโยค ก็ประกบริมฝีปากกับคนตัวเล็กเสียก่อน ให้ความอบอุ่นแผ่ซ่านเข้ามา
“อือ ขอบคุณที่มาบอกกันนะ ต่อไปนี้ก็อยู่ข้างๆกันตลอดไป โลกของฉันที่ไม่มีจีฮุน ฉันไม่รู้จักหรอก”
END
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in