เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
work, work, work, work, work, workAORAOR
24 ส.ค. ครบรอบ 1 ปีชีวิตวัยทำงาน
  • สวัสดีค่ะทุกคน เราชื่อ โอ๊ะโอ๊ย ชื่อสั้น ๆ ว่า ออ เราเป็นนิสิตรหัส 59 ของมหาลัยภาคตะวันออกติดทะเล คือปีที่เราเรียนจบเป็นช่วงที่เจอโควิด-19 ใหม่ ๆ หลังจากเรียนจบก็กลับบ้านเลยจ้า ตอนนั้นรัฐบาลเริ่มคุมเข้มเรื่องการเดินทางข้ามจังหวัดด้วย วุ่นวายพอสมควรเลย ทุกอย่างกระชั้นชิดไปหมด หลังเรียนจบคือไม่ได้พักผ่อนเลยยย ก็เจอโควิด-19 พอดีเนอะ กลับมาอยู่บ้านก็จริง แต่ต้องกักตัว 14 วัน เบื่อมากๆๆๆ ขนาดเราเป็นคนที่ชอบอยู่บ้าน เรายังเบื่อเลย แต่ชีวิตต้องดำเนินต่อไปจ่ะ เรียนจบปุ๊บ หางานปั๊บ ตาม step ของชีวิต 

    เรียนจบแล้วทำอะไร? เริ่มหางานเมื่อไหร่? นานไหมกว่าจะได้งานทำ?

    เราเรียนจบเมือเดือน มี.ค. 2563 กลับมาบ้านกักตัวไป 14 วัน ยังไม่มีใจหางาน 5555 ขี้เกียจอะแหละ นั่ง ๆ นอน ๆ เล่นเกม ดู youtube ไปเรื่อยเปื่อย ฝึกฝนสกิล excel พวก vlookup, piivot เล็ก ๆ น้อย ๆ เริ่มมาเขียนบล็อกแปลเพลงเป็นงานอดิเรกด้วย เพราะ ชอบฟังเพลง และอยากมีชิ้นงานที่เป็นของเราเองด้วย ติดตามได้ที่นี่เลยงับ >> whatsongilikeitranslateit 

    ด้วยสถิติเด็กจบใหม่ตกงานเพิ่มมากขึ้นในแต่ละปี แล้วปี 2563 เจอพิษโควิด-19 เข้าไปอีก ทำให้รู้สึกว่าหางานยากขึ้น 2 เท่า!!! เจอสถิตินี้เข้าไป หนักไม่เท่าโดนพ่อแม่กดดันนะ พ่อถามทุกวันว่า "สมัครงานหรือยัง? โดนเรียกไปสัมภาษณ์บ้างไหม?" หลังสงกรานต์ เราเริ่มหางานจริงจังละ ช่วงนั้นเราแทบจะเป็นบ้า วัน ๆ นั่งหาแต่งานทั้งใน jobthai jobdb เว็บหางานทั้งหลาย และเริ่มเข้ากลุ่มหางาน Facebook เพื่อโปรย resume ให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะส่ง resume ใน email ฝากประวัติในเว็บหางาน โทรไปสมัครงาน เรายอมรับเลยว่าทำทุกวิถีทางให้ได้งานทำ เงิินเดือนเริ่มต้น 10,000 ต้น ๆ เราก็สมัครนะ แค่หวังว่าจะได้งานสักที จนลืมไปว่าตัวเองเรียนจบปริญญาตรี (ช่วงนั้นยังอยู่กับที่บ้าน ถึงได้น้อยก็ไหวอยู่)

    วันที่ 20 พ.ค. 2563 เราได้ทำการส่ง resume ของเราออกไป เริ่มจากจังหวัดบ้านเกิดก่อน แล้วขยับมาสมัครงานในกรุงเทพดู เราส่งไปหลายบริษัทมาก ๆ แต่ไม่ได้เจาะจงว่าบริษัทนั้น ๆ ทำงานใน field ไหนด้วย (เราจบเอกอิ้งมา ตำแหน่งงานค่อนข้างเปิดกว้างอยู่แล้ว) หลังจากที่ร่อน โปรย resume ไปเยอะแล้ว ก็มาจบที่ start up สายสุขภาพแห่งหนึ่ง ย่านประตูน้ำ เริ่มงานวันแรก 24 ส.ค. 2563 จ้า เตรียมเก็บข้าวของ ย้ายไปเข้าเมืองทันทีเลย

  • บริษัทแรก: Start-Up สายสุขภาพ

    เริ่มต้นชีวิตวัยทำงานแล้วจ้าา คือตื่นเต้นมากกก ไปทำงานด้วยการนับ 1 ใหม่ของจริง เพราะ ได้งานไม่ตรงสายสักนิดเดียว วันแรกก็ยังเกร็ง ๆ ก็เป็นน้องใหม่เนอะ ด้วยความที่เป็น Start-Up มีพนักงานไม่เยอะ จำนวนพนักงานน่าจะพอ ๆ กับห้องเรียนเด็กม.ปลาย ทุกคนจะนั่งทำงานรวมกัน ไม่มีการแบ่งห้อง ไม่มี partition กั้นโต๊ะทำงาน นั่งทำงานไป ก็มองหน้าทุกคนไปได้ด้วย 5555 แม้กระทั่งระดับ C Level ก็ไม่มีห้องแยกนะจ๊ะ คืออยู่ด้วยกันหมดจริง ๆ เราว่าส่วนนี้ก็เป็นข้อดีนะ เพราะเราไม่รู้สึกถึงการแบ่งแยกเป็นแผนก ทุกคนใน ณ ที่นั้น สามารถพูดคุยกัน หยอกเล่นกันได้ ทำงานร่วมกันได้จริง ๆ เพราะตลาดของบริษัทนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นโลกออนไลน์ ตัว devloper ฝ่าย content ฝ่าย marketing เอง ต้องลงมาทำงาน ปรึกษาหารือร่วมกันอยู่ดี  เป็นบรรยากาศการที่ทำงานที่เหมาะกับคำว่า "ออฟฟิศของรุ่นใหม่" จริง ๆ

    เราเข้าไปเป็นตำแหน่ง Digital Marketing Analyst แต่เป็นตำแหน่งเด็กฝึกงานนะ ได้เงินเดือน แต่ไม่เท่าพนักงานประจำ (น่าจะเป็นเด็กฝึึกงานรุ่นแรกด้วยมั้ง 5555) 
    หน้าที่หลัก ๆ ก็คื้อออ 
    ?‍? ลงโพส สตอรี่ต่าง ๆ บนโซเชียลของบริษัท เช่น เฟสบุ๊ก อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ (บางครั้งก็เขียนแคปชั่นเอง)
    ?‍? อัปเดตแบนเนอร์โปรโมชั่นต่าง ๆ บนเว็บไซต์ และแอปพลิเคชัน ให้เป็นไปตามแคมเปญปัจจุบัน
    ?‍? เผยแพร่บทความสุขภาพบนเฟสบุ๊ก พร้อมทั้งเขียนแคปชั่นเองด้วย
    ?‍? เขียน SEO Footer ให้กับหน้ารวมของ keyword นั้น ๆ 
    ?‍? ช่วย research ทางการตลาด เพื่อขยายกลุ่มลูกค้า
    ?‍? ยิง Ads เฟสบุ๊ก

    ช่วงแรก ๆ ที่ทำงาน พี่ ๆ จะให้ลองงานแทบทุกแบบเลย เช่น เขียนแคปชั่น, คิดคำ SEM, เขียน content สั้น ๆ ไปลง IG, ถอดเทป บลา ๆ ๆ ๆ สนุกดีได้ทำงานหลากหลาย ได้ทำอะไรที่ไม่เคยทำมาก่อน
    งานของเราค่อนข้างเป็น routine นะ ทำซ้ำ ๆ เดิม ๆ ทำมันอยู่นั่นแหละ เหมือนได้ฝึกการใช้เครื่องดิจิตอลทุกวัน ยอมรับว่ามีเบื่อบ้าง แต่เราโอเคกับจุด ๆ นี้นะ

    ทำงานที่นี่ ได้อะไรกลับไปบ้าง?

    ได้รู้จัก tools ในการทำงานเยอะมาก ๆ เช่น
    ?? Slack โปรแกรมแชทที่ feature ปังมาก ลืมการใข้ LINE ไปได้เลย
    ?? Airtable โปรแกรม Cloud เก็บข้อมูลงานต่าง ๆ ปรับใช้งานได้หลากหลายสุด ๆ สามารถ assign งานไปยังบุคคลนั้นได้เลย ถ้ามีข้อมูลเยอะมาก ก็ค้าง หมุนติ้วเป็นชั่วโมง
    ?? Figma โปรแกรมออนไลน์สำหรับ UX UI ใช้งานง่าย สามารถแก้ artwork ได้หลายคนในเวลาเดียวกัน
    ?? Later โปรแกรมที่เหมาะสำหรับการทำการตลาดใน IG เก็บสถิติต่าง ๆ ใน IG ได้เลิศสุด ๆ ควรค่าแก่การใช้มากกกก
    ?? Campaign URL Builder เว็บที่ช่วยติด utm กับ url เมื่อลิงก์นี้ไปแปะที่ไหน เราสามารถนับคนคลิกได้ทันที 
    ?? Keyword Tool ตัวช่วยในการค้นหา keyword ท็อปฮิต สำหรับทำ SEO
    ?? Google workspace ทั้งหลาย ใช้บ่อยมากกก เพราะทำงานแบบออนไลน์ แทบไม่ได้ใช้กระดาษสักใบเดียว
    ?? OneSignal โปรแกรมยิง Notification หาคนที่ติดตั้งแอปของเรา จะเลือกยิง manual หรือเขียน code ก็ได้น้าา
    ?? Typeform คล้าย ๆ google form เลยย ซับซ้อนนิดหน่อย แต่ตอนเก็บข้อมูลออกมา คือดีย์
    ?? LINE OA ระบบดูแลหลังบ้านของ LINE อันนี้เขามีจักรวาลของเขาเอง ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร
    ?? เครื่องมือ Facebook Business ทั้งหลาย ที่มีหลายตัวมาก ๆ  และปรับการใช้งานแสนจะบ่อย

    ได้สังคม บรรยากาศการทำงานที่น่ารัก 
    อย่างที่เล่าไปด้านบนว่า ทุกคนนั่งรวมกัน สามารถสไลด์เก้าอี้ไปคุยได้เลย แถมเข้าถึง C Level ได้ง่ายมากกก ที่เราชอบอีกอย่างหนึ่งคือ กิจกรรม Town Hall เป็นการสรุปผลประกอบการในแต่ละเดือน วันนั้นทุกคนจะได้กินชาไข่มุก ไอติม พิซซ่า บอนชอน อะไรก็ได้ที่บอสอยากเลี้ยง 55555 กินไป ฟังไปเพลิน ๆ นับเป็นอีกกิจกรรมที่ทำให้ทุกคนในบริษัทเข้าใจสถานการณ์ แนวทางการทำงานในครั้งต่อไป ในอนาคตเราจะมีอะไรใหม่ ๆ เข้ามาบ้าง

    เราอยู่ที่นี่มาประมาณ 8 เดือน เราได้รู้จักคนเก่ง ๆ เทพ ๆ ได้คุยเล่นกับพี่ ๆ อย่างเป็นกันเอง กับพี่บางคนเราก็เปิดอกคุยได้ทุกเรื่องเลย ช่วงที่หางานใหม่พี่ ๆ ก็ช่วย ซึ้งจัย อุแง ตอนที่เข้ามาใหม่ ได้รับการต้อนรับ เลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดี ได้ไปเที่ยวด้วยกัน ก่อนลาออก มีเลี้ยงส่งร้องเกะสนุก ๆ ไปสวนสนุกปิดท้าย เรารู้สึกผูกพันธ์กับที่นี่มากกกก แม้จะลาออกไป เรายังรู้สึกขอบคุณที่นี่ ที่ทำให้เรากลายเป็นคนที่เก่งขึ้น ไม่เกี่ยงงานหนัก ได้ประสบการณ์ทางด้านดิจิตอลมากมาย ยินดีที่ได้รู้จักพี่ ๆ เพื่อนร่วมงานที่น่ารักทุกคนนะคะ ❤️

    สุดท้ายแล้ว มีอะไรอยากฝากมั้ย??

    เราดีใจมาก ๆ ที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของในการเติบโตของบริษัท แม้จะมีบ่นว่าเหนื่อย งานเยอะ แต่พอเราเห็นว่าบริษัทเราทำได้ตามเป้าหมาย มันชื่นใจนะ หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง แล้วมาบ่นใหม่ในเดือนถัดไป 55555 เราภูมิใจมากที่ได้ทำงานที่นี่ เรากล้าอวดให้คนอื่นฟังได้ ว่าเราเคยทำอะไรมาบ้าง ที่นี่เป็นที่ที่สร้างเรามา เป็นการเร่ิ่มต้นที่ดีในชีวิตวัยทำงานของเรา ถึงจะไม่ได้ช่วยเหลือด้านการทำงานแล้ว แต่จะช่วยอุดหนุนแทนนะคะ ?
  • บริษัทที่สอง: โรงพยาบาลเอกชน

    ต่อเนื่องจากบริษัทแรกที่เรามีเกริ่น ๆ เรื่องการหางานใหม่ไป เราเองก็ยื่น resume ไป 3 ที่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานที่ประกาศหาผ่านกลุ่ม Facebook แต่คราวนี้เปลี่ยนสายงานนิดหน่อยจาก Digital Marketing ไปทำ Copywriting แต่ยังอยู่ในสายสุขภาพเหมือนเดิม หนีไม่พ้นหรือเปล่านะ 55555 ด้วยความที่ทำงานกับองค์กรใหญ่ขึ้นมานิดนึง ก็จะมีแผนกเยอะ มีขั้นมีตอนที่ชัดเจน มีระบบระเบียบต่าง ๆ มากมายก่ายกอง ในที่ทำงานใหม่นี้ เราทำงานอยู่ในแผนก วางแผนพัฒนาธุรกิจ เป็นแผนกใหม่ล่าสุดในโรงพยาบาล บทบาทสำคัญของแผนกนี้คือ การสื่อสารข่าวทั้งภายนอก ภายในโรงพยาบาล ผ่านช่องทาง online และ offline สมาชิกทั้งแผนกรวมผู้จัดการ 10 กว่าชีวิตเท่านั้นเองค่า

    ตำแหน่ง Copywriting ในที่นี้มีอะไรบ้าง มาดูกันดีกว่า คราวนี้เป็นพนักงานประจำแล้วน้า ได้เงินเดือนขั้นต่ำป.ตรีละ
    หน้าที่หลักอันแสนยิ่งใหญ่ก็คื้อออ
    ?‍? วางแผนการลง content บน Facebook
    ?‍? บรีฟงานกับ graphic ให้เขาสร้างสรรค์รูปภาพที่ตรงตาม content ที่เราต้องการจะลง
    ?‍? คิดข้อความต่าง ๆ ทั้งในประกาศทางโรงพยาบาล รวมถึง caption Facebook
    ?‍? ตรวจสอบความถูกต้องของคำบนสื่อ online, offline ต่าง ๆ ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ
    อย่าเพิ่งสงสัยว่า ทำไมทำงานน้อยจัง เพราะ อยู่ไม่ถึงผ่านโปรค่ะ ถ้าอยู่นานหน้าที่อาจมีเยอะกว่านี้ 

    ทำงานที่นี่ ได้อะไรกลับไปบ้าง?

    ส่วนใหญ่เป็นเรื่อง 
    ? ได้ลองทำในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าชอบ นั่นคือ งานเขียน ยังไงล่าา
    ? ได้กินของฟรีบ่อย เพราะผู้จัดการชอบสรรหากิน
    ? ได้ฝึกการทำงานเป็นทีม เพราะเราต้องคุยกับ graphic, product ตลอด
    ? ได้เจอการทำงานที่มีหลายขั้นตอนจนเรารู้สึกท้อแท้ ต้องรอคนนั้น คนนี้ prove กว่าจะได้เริ่มทำจริง ก็รอไปเถอะจ๊ะ
    ? ได้เจอการประชุม 9 โมงเช้าจนถึงบ่ายสามโมง อันนี้โคตรไม่เข้าใจ เสียเวลาการทำงานสุด ๆ  แล้วประชุมทีนึงคือเรียกหลายคนมาก ๆ แอบคิดนะว่า เลือกคนที่สำคัญพอจะดีกว่า
    ? ได้เจอหัวหน้างานที่อีหยังวะสุด ๆ จุกจิก วีนเก่ง อารมณ์เสียเก่ง ทำเราเสียสุขภาพจิตได้ทุกวัน
    ? ได้แบก laptop ตัวเองไปใช้ เพราะที่มีให้มันไม่โอเคเลย ช้าด้วย
    ? ได้ความเสี่ยงในการติดโควิด-19 ก็ทำงานในโรงพยาบาลนี่นา 5555 รอดมาได้ก็ดีถมเถไปละ
    ? ได้เจอเพื่อนร่วมงานเก่ง ๆ แม้ว่าทุกคนจะอายุน้อย แต่บอกเลยเก่งกันมาก ๆ นับถือเลย

    ได้ทบทวนตัวเอง ว่าสิ่งที่ทำอยู่ เป็นตัวเราหรือเปล่า?
    ถึงแม้เราจะทำงานกับที่นี่เพียงแค่ 2 เดือน แบบเป๊ะ ๆ ทำให้เรารู้ว่่า งานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ มันคงไม่ได้ทางของเรา เพราะกว่าเราจะผลิตงานแต่ะครั้ง มันค่อนข้างใช้เวลา รวมถึง ทำงานไปแล้วก็ไม่ได้นำไปใช้ มันก็เฟลนะ เลยตัดสินใจลาออก เป็นเพราะเหตุผด้านบนด้วย

    สุดท้ายแล้ว มีอะไรอยากฝากมั้ย??

    สุขภาพจิตเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการทำงาน ลองคิดเล่น ๆ วันนึงเราทำงานประมาณ 7-8 ชม. ใน 1 วันอาจจะเจอความเครียด ความกดดัน เจอประชุม 3 ชั่วโมงขึ้นไป โคตรจะดูดพลัง ได้ทำงานจริง ๆ ไม่กี่ชั่วโมง มันเกิดความรู้สึกว่า เรามาทำอะไรที่นี่วะ? อยู่ต่อไปนี้แบบนี้จะดีหรอ? เราไม่ชอบความรู้สึกที่ตัวเองทำงานน้อย ไม่มีทักษะใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น มาทำงานทั้งทีก็ต้องได้อะไรกลับไปสิ 5555 แต่ที่นี่ให้เราน้อยมากเลย คิดว่าการไปจากที่นี่ คงเป็นคำตอบที่ดีที่สุด ดีกว่าอยู่ไปแบบทน ๆ 


  • บริษัทที่สาม: โชว์รูมรถ + ร้านอาหาร ?

    เมื่อที่ทำงานเดิมมันไม่โอเค เราก็เดินหน้าหางานต่อไปสิคะ หลังจากที่ได้ทบทวนตัวเองไป เลยกลับมาสู่หนทาง Digital Marketing เหมียนเดิม บริษัทนี้เป็นบริษัทที่แฟนทำงานอยู่ ฟีลแบบอุตสาหกรรมครอบครัว ใครรู้จักใคร ก็ชวน ๆ กันมาทำงาน แต่เราก็เข้ากระบวนการสัมภาษณ์งาน ส่งใบสมัครตามปกติ เปอร์เซ็นต์ได้งานมันก็สูงแหละ ไม่ต้องเดาเยอะ เงินเดือนขั้นต่ำปริญญาค่ะ ไม่มีพิเศษเพิ่ม 

    ช่วงแรก มันก็จะว่าง ๆ หน่อย อัปเดต social media ของบริษัท เช่น ลง post ลง story ผ่านไปอีกเดือนก็ได้เริ่มยิง Ads หึ้ย ทำไมทำน้อยจัง หารู้ไม่ดิชั้นต้องดูแลถึง 4 account ด้วยกัน!!! จนถึงตอนนี้คืองานเยอะมาก ๆ บ่นว่า งานเยอะ อยากมี 10 มือทุกวััน เริ่มงานตั้งแต่ เดือน พ.ค. 64 จนตอนนี้ ก.พ. 65 ละ สิริรวม 10 ล้านหน้าที่อ่านต่อที่ด้านล่างกัน ?
    หน้าที่หลักอันแสนใหญ่โตมโหฬารก็คื้อออ
    ?‍? อัปเดตโซเชียลมีเดียของ 4 account ทู้กกกช่องทาง ได้แก่ ลง post ลง story มี broadcast line บ้าง ถ้ายอดขายตก
    ?‍? ตอบแชทคุณลูกค้าที่น่ารักทั้งหลาย รับบทนางแอดมินดี ๆ เลย รวมถึงประสานงานกับฝ่ายอื่น ๆ อี้กก
    ?‍? ยิง Ads เฟสบุ๊กค่ะ ยิงมัน 3 account ยิงทุกต้นเดือน สิ้นเดือนเกียมเก็บ report เข้าที่ประชุม ซึ่งเป็นส่วนเล็ก ๆ ไม่ได้จริงจังสำหรับเจ้านาย 55555
    ?‍? และงานอื่น ๆ ที่ได้รับมอบหมายซึ่งมีเยอะ และจุกจิิกกว่าหน้าที่หลักโคตร ๆ  
    แต่มันยังไม่หมดแค่นี้ ภรรยาเจ้านายขายอาหารเสริมด้วย การตลาดก็ต้องช่วยทำสิคะ แต่ได้เงินค่าขนมเพิ่มนิดนึง ถึงจะเป็นงานนอก แต่ต้องทำในเวลางานด้วยนะ ทำช้า ทำไม่ทันก็โดนฟ้อง มุ้แง แล้วชั้นเลือกอะไรได้ไหม ?

    ในที่ทำงานนี้เราแทบจะไม่ต้องปรับตัวอะไรมากมาย เพราะ หลายคนรู้จักเราจากแฟนเราก่อนจะมาทำงานซะอีก บรรยากาศภายในบริษัทค่อนข้างเป็นกันเอง บริษัทนี้อยู่กันแบบครอบครัวจริง ๆ นะ

    ทำงานที่นี่ ได้อะไรกลับไปบ้าง?

    ? ได้ยิง Ads แบบเต็มตัว เพราะต้องทำเองตั้งแต่เริ่มจนจบ 
    ? ได้ทำงานทุกวันแบบ non-stop 1 สัปดาห์มี 7 วัน ชั้นทำงานไป 10 วันแล้วจ้าา
    ? ได้ประชุมกับเจ้านายบ่อยม๊ากกกกกก บางครั้งก็ไม่อยากเข้านะ
    ? ได้เจองานด่วน งานเร่ง ความเปลี่ยนแปลงแบบยิ่งกว่าตลาดหุ้น
    ? ได้เจอหัวหน้างานให้อิสระกับความคิดของเรา ให้โอกาสได้ลองทำแบบต็มที่ 
    ? ได้ไปออฟฟิศทุกวัน ไม่เคยได้ work from home เรยย
    ? ได้รื้อความรู้ภาษาญี่ปุ่น ก็ทำงานให้ร้านอาหารญี่ปุ่น มันจะแปกตงหนัย
    ? ได้เจอเพื่อนร่วมงานที่ดี ทำงานกันเป็นทีม เหมือนทีม Avengers เพราะทำงานด่วนบ่อย + ต้องทำตามใจเจ้านายด้วยนะ 

    ได้เข้าใจถึงการถูกกดขี่ เอาเปรียบ
    เราได้เงินเดือนขั้นต่ำ แต่เราต้องทำงานทุกวัน ถึงจะมีงานเสริมเข้ามา ก็ยังรู้สึกไม่คุ้มกับเวลาพักผ่อน สุขภาพจิตที่เสียไป ถือว่าใช้งานคุ้มเลยทีเดียว ต้องทำงานหนัก ทำงานเกินเวลา ถ้าจะใช้งานเราขนาดนี้ เพิ่มเงินเดือนให้เท่าที่อื่นก่อนได้ไหม 555555 เราเป็นคนนึงเลยมั้งที่ทำงานหนัก ทำงานทุกวันแบบไม่มีหยุดพัก ถึงจะเหนื่อยแต่ก็ดีกว่าตกงานนะ มันก็ใช่แต่ เราก็ควรจะเลือกงานที่มี work-life balance แต่ในไทยก็อาจจะหายากหน่อย ถ้าใครบริษัทแบบนี้ก็ยินดีด้วย สักวันนึงเราเองก็อยากเจอค่ะ

    สุดท้ายแล้ว มีอะไรอยากฝากมั้ย??

    ยังทำงานบริษัทนี้อยู่น้าา ถึงไม่ได้ลาออก 55555 แต่ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้นานไหม เราอายุแค่ 25 ยังอยากเจอคนเก่ง ๆ เพื่อที่จะพัฒนาตัวเองไปอีก

    ใครที่แวะมาอ่านบทความของเรา ไม่ว่าจะ first-jobber คนที่หมด passion คนที่กำลังจะลาออก หรือคนที่กำลังว่างงาน เราขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน ๆ นะคะ ให้เจองานที่ใช่ งานที่รัก และมีความสุขกับชีวิตวัยทำงานค่ะ ❤️



    เปรียบตัวเราเป็นมีดเล่มหนึ่ง ผ่านการใช้งานมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
    มีดเล่มนี้จะบิ่น ทื่อ อยู่ที่คนใช้งาน
    การฝึกฝน ประสบการณ์เหมือนเป็นที่ลับมีด ยิ่งลับมีดบ่อย 
    มีดเล่มนี้มีแต่จะใช้งานได้ดี และแหลมคม
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
Reader (@luvvipart)
เป็นบทความที่น่ารักเปิดประสบการณ์มากเลยค่า เพราะยังเรียนไม่จบ สนุกมากเลย เป็นกำลังใจให้นะคะ ???✌️
AORAOR (@aticha)
@luvvipart ขอบคุณมาก ๆ ค่า ???