เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
แนะนำไปเรื่อยFayathi Sorap
ข้อแนะนำในการช้อปปิ้งกับ shopee
  •      ยังไม่จบกับ shopee (แค้นมากบอกเลย)


         คืออย่างนี้ เนื่องจากว่าเราเพิ่งจะเสียรู้และเสียความรู้สึกกับ shopee ไป คิดไปคิิดมาก็เลยแบบ เอาวะ ลองเค้นสิ่งที่ตัวเองพอรู้จากการใช้งานเว็บนี้ออกมาเป็นตัวอักษรดู เผื่อว่าใครยังไม่รู้ได้มีโอกาสมาอ่าน จะได้นำไปปรับใช้ให้เป็นประโยชน์และคุ้มค่าเงินที่สุด

         จะเป็นการเอามะพร้าวห้าวมาขายสวนหรือเปล่าก็ไม่รู้ ถ้าคุณผู้อ่านพอรู้แล้วแต่อยากทราบว่ายัยคนเขียนมันเขียนถูกรึเปล่าเนี่ย? ก็ลองกลั้นใจอ่านหน่อยละกัน แล้วก็ ใครอยากเพิ่มเติมอะไรสามารถคอมเม้นท์ไว้ได้นะคะ
         คิดไปคิดมา ไม่ต้องกลั้นใจหรอก เดี๋ยวหายใจไม่ออก


         คำแนะนำที่คิดขึ้นได้เกี่ยวกับแอพฯนี้ก็คือ

         1. การเก็บเหรียญ : อย่างที่เคยเขียนถึงค่ะ ช้อปปี้มีระบบเก็บเหรียญที่สามารถนำมาใช้เป็นส่วนลดตอนซื้อสินค้าได้ ถามว่า แล้วเหรียญเก็บยังไงได้บ้าง? 

         วิธีเก็บเหรียญ มีดังนี้
         (1) เข้า shopee (ต้องในมือถือเน่อ ในคอมใช้ระบบนี้บ่ได้) แล้วคลิกที่ "ฉัน จากนั้นหาคำว่า my wallet ข้างใต้ my wallet จะมีรูปสี่รูป เลือกรูปเหรียญ หรือรูปที่สองจากซ้าย ซึ่งมีชื่อเรียกว่า shopee coin เมื่อเข้าไปแล้ว ด้านบนสุดจะแสดงจำนวนเหรียญที่เรามี และถัดลงมาคือโบนัสเหรียญที่ทางแอพฯแจกให้ฟรีในแต่ละวันค่ะ (แต่ก่อนมีแจก 1 เหรียญด้วยนะ ยิ่งปรับปรุงยิ่งงก พับผ่า) และใช่ค่ะ อยากรักษาสิทธิก็ต้องเข้ามากดรับทุกวันนะคะ ทุกๆครั้งที่ 7 ของการกดรับต่ิดต่อกัน(ถ้าลืมวันใดวันหนึ่งก็คือล้มกระดาน ต้องกลับไปนับหนึ่งใหม่ค่ะ) จะได้เหรียญจำนวนสูงสุดที่เขาจะแจก คือ 0.5 เหรียญค่ะ

         (2) ยังคงอยู่ในหน้า shopee coin เลื่อนลงมาจนเห็นคำว่า Daily Prize จะเจอกล่องของขวัญ สามารถคลิกเพื่อรับเหรียญได้ค่ะ จริงๆกล่องนี้เป็นกล่องสุ่ม ของรางวัลมีทั้งเหรียญ, คูปองส่งฟรี, และคูปองส่วนลดร้านค้า แต่ส่วนใหญ่ที่เราได้ คือ 0.1 ทู้กกกกที 
         อ่อ เล่นได้วันละสองครั้งนะคะ เที่ยงวันและเทีี่ยงคืน 

         (3) ยังคงอยู่หน้า shopee coin (คนอ่านเริ่มบ่นว่า เอ็งไม่คิดจะไปที่อื่นเรอะ น่า ใจเย็นๆก่อนสิคะ) เลื่อนจาก Daily prize ลงมาค่ะ ตอนนี้ เห็น Mission Shopee หรือยังคะ นั่นล่ะค่ะ เลื่อนลงมาจนถึงคำว่า "ดูภารกิจทั้งหมด" คลิ้กเข้าไป เมื่อเข้ามาจะเห็นรายชื่อร้านค้าอยู่จำนวนหนึ่ง และภารกิจที่แอพฯให้เราก็คือ ให้เราเข้าไปกดติดตามร้านค้าที่กำหนดให้ตามรายชื่อดังกล่าว เมื่อเราเข้าไปติดตามแล้ว เขาจะให้รางวัลคือ กดติดตาม 1 ร้าน ได้ 0.5 เหรียญค่ะ อ่อ กดติดตามแล้วน่าจะต้องกลับมาที่หน้าเดิมเพื่อรับเหรียญด้วยนะคะ ถ้าจำไม่ผิด   
        ที่เจอตอนนี้มี 10 ร้านค้าด้วยกันค่ะ ถ้ากดติดตามทั้งหมดเราก็จะได้ 5 เหรียญ เท่ากับได้ส่วนลด 5 บาท เลยนะคะ 

         (4) กลับมาที่ "หน้าแรก" กันบ้าง (ก่อนจะเบื่อกันเสียก่อน) เห็นรูปของขวัญที่ชื่อว่า shopee prizes แจก... ไหมคะ นั่นล่ะค่ะ คลิกเข้าไป จะพบกับกิจกรรมโน่นนี่นั่นมากมายให้เล่น แต่ที่เล่น(คือ เราเล่น) แล้วได้เป็นกอบเป็นกำที่สุด คือ shopee farm ค่ะ (เลื่อนลงมาเรื่อยๆก็เจอค่ะ) เกมนี้จะให้เราปลูกเหรียญค่ะ ก็อารมณ์ปลูกต้นไม้รดน้ำพรวนดินไปเรื่อย จนต้นไม้ออกผล ผลที่ออกก็คือเหรียญในเกม เราก็จะได้เหรียญเพิ่มมา ซึ่งเราก็ต้องหมั่นมารดน้ำนะคะ แล้วก็ ถ้ามีเพื่อนจะดีมาก จะได้ผลัดไปรดน้ำให้กันและกันค่ะ อ่อ ถ้าทำกิจกรรมตามกำหนดก็จะได้น้ำเพิ่มนะคะ เช่น ไปรดน้ำให้เพื่อน มีเพื่อนมารดให้เรา หรือเข้ามาเช็คอินให้ครบสามครั้งต่อวัน อะไรแบบนี้
         นอกจากนี้ เกม shopee pet ก็แจกเหรียญประปรายค่ะ เช่น แบบ เข้ามาเลี้ยงสัตว์ (อารมณ์ทามาก็อตจิน่ะค่ะ มีให้เลือกว่าจะเลี้ยงไก่หรือแมว) ให้ครบเจ็ดวัน(ต้องทำกิจกรรมให้ครบสามอย่างนะคะ ให้อาหาร อาบน้ำ และเล่น และอย่าลืมเข้าไปกดรับรางวัลที่กล่องของขวัญข้างๆน้องไก่/แมวด้วย) ได้ 0.2 เหรียญ (ที่เคยได้นะคะ) หรือ หลังจากเลี้ยงสัตว์ไปสักพัก เกมจะให้เพชรกับเรา วันดีคืนดีเราสามารถเอาเพชรไปแลกเหรียญได้ค่ะ
         ส่วนเกมอื่นอีกสองสามเกม เผอิญไม่ค่อยได้เล่นน่ะค่ะ เลยอธิบายไม่ใคร่ได้นัก 

         (5) ยังคงอยู่หน้า shopee prize คือ ให้ค่อยสังเกตว่า วันดีคืนดีจะมีโหมด shake (จำชื่อเป๊ะๆไม่ได้ละ) ปกติ shake นี่ จะมีกำหนดเวลาอยู่ เช่นให้เข้าไปเล่นได้แค่เวลา 12.00 นาฬิกา หรือ 21.00 นาฬิกา ของแต่ละวัน เราก็รอเวลาแล้วเข้าไปร่วมเล่นตามเวลาที่กำหนดค่ะ
         กติกาของ shopee shake ก็คือว่า พอกดเล่นแล้ว ให้จับโทรศัพท์ของคุณให้มั่น ระบบจะนับเวลาถอยหลังจาก 10 ถึง 0 พอถึง 0 ปุ๊บ ให้คุณเขย่ามือถืออย่างแรงที่สุดเท่าที่จะทำได้(แต่ก็ระวังหลุดมือตกพื้นเน่อ) เป็นเวลา 10 วินาที ระบบจะประมวลผลแล้วแจกเหรียญให้คุณ ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องเขย่ายังไงจึงจะได้เหรียญเยอะ เรานี่ได้ประมาณ 0.33 ประจำ 
         ถึงมาไม่ทุกวัน แต่ถ้ามาแล้วร่วมเล่นก็ได้เหรียญแน่ๆค่ะ แค่ได้ 0.3 แต่คูณสิบ(สมมติเล่นสิบรอบ) ก็เป็นสามเหรียญแล้วนะคะ ทำเป็นเล่นไป (เรื่องเก็บเล็กผสมน้อยเราถนัด)  

         (6) ดู live รับเหรียญ คือ อยู่ในหน้าแรกค่ะ เลื่อนลงมาจนเห็นคำว่า shopee live ถ้าอยากได้ทางเลือกหลากหลายให้คลิก ดูเพิ่มเติม จะมี live ขายของจากร้านค้าค่ะ ซึ่งหลายๆร้านเนี่ย ถ้าเราเข้าไปดูแล้วแช่อยู่ตรงนั้นจนครบ 5 นาที (คือดู live ครบ 5 นาที) เราจะได้รางวัลเป็นเหรียญค่ะ ซึ่งอัตราก็ไม่เท่ากัน บางร้านได้ 0.1 บางร้านได้ 0.08 อะไรแบบนี้ เราสามารถเก็บได้สองรอบต่อหนึ่งร้านค่ะ ก็คือ ดูให้ครบ 10 นาที เพื่อรับเหรียญ 
         เป็นทั้งวิธีเก็บเหรียญ และวิธีหาเรื่องเสียตังค์ไปในคราวเดียวกัน... 

         (7) ยังคงอยู่หมวด live (ยัยคนเขียนย้ำคิดย้ำทำ อ่ะ ไม่ช่าย) คือ แอพนี้เขาชอบจัดกิจกรรมทุกวันที่เลขวันกับเลขเดือนตรงกัน เช่น 1 เดือน 1 อะไรแบบนี้ ทุกรอบกิจกรรมเขาจะมี live พิเศษ ให้ลูกค้าเข้ามาเล่นเกมตอบคำถามแล้วแจกเหรียญ 
         ...อย่าทำเป็นเล่นไป เราเคยเล่นแล้วได้กลับมาเป็นร้อยเหรียญก็มี ได้จริงไม่ติงนังเด้อ... 

         หลักๆที่ได้เหรียญก็จะประมาณนี้ ตอนที่เราได้รู้ว่า เฮ้ยแอพฯมีระบบเหรียญด้วยเหรอ เราก็นึกว่า ตัวเองคงไม่รู้อยู่คนเดียว ที่ไหนได้ ต่อมาได้คุยกับน้องอีกคน น้องเขาก็ไม่รู้เหมือนกัน
         ..อ้าว ตกลงยังคงมีคนไม่รู้สินะ

         แต่ตอนนี้คุณผู้อ่านรู้แล้วนะคะ เข้าไปเก็บเหรียญกันดีกว่าค่ะ 


         2. โค้ดส่งฟรี : อย่างที่เล่า ช้อปปี้ไม่เหมือนลาซาด้าตรงที่ การขึ้นว่า "ส่งฟรี" ไม่ได้แปลว่า "ส่งฟรี" แต่แปลว่า (อาจ)ใช้โค้ดส่งฟรีได้
         ซึ่งการรับโค้ดส่งฟรีก็คือเข้าไปที่หน้าแรก แล้วเลือก "โค้ดส่งฟรี" (ที่เป็นรูปรถสีเขียว มีอักษรขาวเขียนว่า free) ซึ่งก็จะมีโค้ดขึ้นมาให้เก็บ อันนี้ก็ต้องอาศัยความหูไวตาไวและบุญวาสนานิดหนึ่ง เพราะบางกรณี เราก็เก็บไม่ทัน เนื่องจากมันหมด
         อ่อ โค้ดส่งฟรีมีวันหมดอายุนะคะทุกท่าน  บางอันต้องใช้ภายใน 1 วัน บางอันต้องใช้ภายใน 1 เดือน สังเกตกันด้วย จะได้ไม่เสียเปล่า  

         นอกจากนี้ ช้อปปี้จะมีการจัดลำดับลูกค้าเป็นสี่ระดับ คลาสสิค เงิน ทอง และแพลตินัม ซึ่งสิทธิประโยชน์อย่างหนึ่งก็คือ เขาจะแจกโค้ดส่งฟรีให้ลูกค้าแต่ละระดับต่างกันไป อย่างของเราเป็นระดับสอง ได้โค้ดส่งฟรี 1 โค้ดชัวร์ๆ(แบบไม่ต้องไปรอแย่งกับใคร)ต่อเดือน แต่ถ้าเราเปิด shopee pay เราก็จะได้โค้ดส่งฟรีเพิ่มอีกหนึ่ง จริงๆคือมันแจกสองโค้ดแหละ แต่เราใช้ได้แค่อันเดียวเพราะไม่ได้เปิด shopee pay
         แต่ โค้ดกรณีนี้มีข้อกำหนดคือ ต้องช้อปสินค้ารวมกันราคาตั้งแต่ 149 บาท ขึ้นไป อ่อ ใช้ได้เฉพาะบางร้านด้วย อีกตะหาก 

         แต่ถึงมีโค้ดส่งฟรีก็ใช่ว่าจะใช้ได้กับทุกร้าน แม้บางร้านจะมีสัญลักษณ์ส่งฟรี บางทีก็กดใช้โค้ดไม่ได้ เป็นที่น่าหงุดหงิดอย่างยิ่ง 

         อ่อ ช่วงที่เขาจัดโปรโมชั่นวันที่กับเดือนตรงกันอ่ะค่ะ ใน live เล่นเกม บางทีจะมีโค้ดส่งฟรีให้เก็บเหมือนกัน ยังไงก็ลองเลื่อนๆเข้าไปดูละกัน


         3. ความตุกติกในการเก็บค่าส่ง : เล่าประสบการณ์ตัวเองเลยก็แล้วกัน คือเราซื้อของ กดจ่ายเงิน(ร้านนี้ไม่มีระบบปลายทาง) สักพักนึกขึ้นได้ เฮ่ย แม่ค้าบอกว่าค่าส่ง 24 บาท นี่หว่า ทำไมเราจ่าย 45 ล่ะ

         แล้วเลยเข้าไปงุ้งงิ้งกะแม่ค้า แม่ค้าก็บอกว่า นั่นสิคะ มีลูกค้า(หมายถึงเรา) คนแรกเลยนะคะเนี่ย ที่ค่าส่ง 45 บาท เรานิ่งไปนิดหนึ่ง เริ่มปะติดปะต่อเรื่องราว และเริ่มคาดเดาเหตุการณ์คร่าวๆ
         ตามความคิดเรา ที่หน้าจ่ายเงินน่ะ จริงๆตรงช่องจ่ายเงินที่เขียนว่า 45 บาท เราสามารถคลิกเพื่อเข้าไปเช็คได้ว่า มันมีค่าส่งให้เลือกไหม แต่อารามดีใจ เราก็จึงลืมดูตรงนี้ไป

         ใช่ เราพลาดเอง เราโง่เอง แล้วแม่ค้าก็บอกว่า แต่ค่าส่งนี่เขาก็ไม่ใช่คนได้รับนะ เราก็เลยแบบ อืมไม่เป็นไรค่ะ เราไม่โกรธแม่ค้า เรายอมรับว่า เราก็มีส่วนผิด แต่มองอีกมุม เพื่อความโปร่งใส ถามว่าผู้ประกอบการควรแจงรายการค่าส่งออกมาให้เห็นชัดเลยไหมว่า ผู้บริโภคสามารถเลือกได้ว่าจะจ่ายค่าส่งเท่าไหร่ ไม่ใช่ล็อคราคาที่สูงสุดมาเลยเผื่อฟลุคผู้บริโภคลืมดู ตัวเองจะได้ค่าส่งเพิ่ม
         ถ้ามองในมุมเข้าข้างตัวเอง เราก็ว่าควรแจกแจงให้เห็นชัด 

         เราไม่รู้หรอกว่าตัวเองเป็นคนเดียวในโลกที่โง่และพลาดหรือเปล่า เพราะฉะนั้น เราจึงหวังว่า เมื่อคุณผู้อ่านทุกคนได้อ่านบทความนี้ คุณผู้อ่านจะไม่พลาดอย่างเรา จะรู้เท่าทันว่าต้องมีสติอยู่เสมอ ก่อนจะกดจ่ายเงิน ต้องเช็คให้ถ้วนถี่ว่า ร้านนี้มีค่าส่งเท่าไหร่ และสามารถเลือกได้หรือไม่ว่าจะส่งแบบใด ราคาเท่าใด
         ปล่อยเราโง่คนเดียว โง่คนสุดท้าย ไปเลยละกัน 

         ขอแสดงความยินดีกับช้อปปี้ที่ได้ค่าขนส่งเพิ่ม หวังว่าช้อปปี้จะมีความสุขกับเงิน 21 บาท ที่เราเสียเพิ่มไป...


         4. การเลือกสินค้า : อย่างที่เห็นๆกันว่า ช้อปปี้มีของให้เลือกสรรเยอะมาก เห็นจะขาดก็แต่สิ่งมีชีวิต (แต่ต้นไม้มีขายนะ หุหุ) วันนี้ก็เลยจะมาเล่าหลักที่เราใช้ตอนที่ช้อปปิ้งกับช้อปปี้ละกัน เผื่อเป็นไอเดียในการประหยัดสตางค์และได้ของที่ถูกใจ
         - ถ้าอยากได้อะไร เราจะหาราคาของสิ่งๆนั้นก่อน เช่น เราอยากได้หนังสือ เราก็จะเข้าเว็บร้านหนังสือว่า เล่มที่เราดูอยู่ ราคาเท่าไหร่ แล้วทดไว้ในใจ จากนั้น เมื่อเข้าช้อปปี้ เราจะพิมพ์ไปในช่องค้นหาดูว่ามีกี่ร้านบ้างที่ขายของที่เราอยากได้ หากมีมากกว่า 1 ร้าน ก็จะเทียบราคาดูว่า ร้านไหนราคาถูกที่สุด
         - สิ่งที่ต้องดูต่อไปคือรูปลักษณ์ของสินค้าที่ลงขาย บุบมั้ย ยับมั้ย หมดอายุเมื่อไหร่ 
         - ต่อไปก็เลื่อนไปดูคอมเม้นท์ ว่าร้านนี้มีคนซื้อสินค้าแล้วหรือยัง มีฟีดแบคเป็นอย่างไร เคยอ่านจากไหนไม่รู้บอกว่า ให้อ่านคอมเม้นที่ให้ดาวกลางๆ เช่น สามดาว เพราะพวกให้เต็มคือพวกโชคดี ส่วนพวกดาวน้อยคือพวกดวงกุด แต่กลางๆเนี่ย มีแนวโน้มจะให้ความเห็นตามความเป็นจริง เอาเข้าจริงเราก็อ่านหมดแหละไม่ว่ากี่ดาว เพื่อเตรียมรับว่า ถ้าซื้อร้านนี้ ดีที่สุดและแย่ที่สุดที่มีโอกาสได้คืออะไร แต่ถ้าคอมเม้นท์ส่วนใหญ่ไปในเชิงบวกก็ วางใจได้ระดับหนึ่ง
         - จากนั้นก็ดูเรตติ้งของร้านค้า ภาพรวมในการขายสินค้าทั้งหมด ได้เท่าไหร่ แย่สุดเป็นไง ดีสุดเป็นไง อะไรแบบนี้ 

         ตอนที่เราเลือกซื้อคาลิมบ้า(เป็นเครื่องดนตรีชนิดหนึ่งค่ะ) เราแบบ ไม่เคยเห็นของจริง ไม่มีร้านในใจอะไรเลย แต่เราก็ใช้วิธีข้างต้นนี่แหละ เปรียบเทียบราคาก่อน เข้าไปดูแบบที่ถูกสุด ปรากฏ โอ้ ความเสี่ยง(ที่จะได้ของไม่ตรงใจ)สูง จนมาถึงร้านๆนึงที่ ราคาอาจสูงขึ้นมาบ้าง แต่ฟีดแบคอยู่ในเกณฑ์ดี คุณภาพสินค้าตามที่บรรยายคือ เป็นไม้เนื้อแข็ง (ซึ่งเราอยากได้ไม้เนื้อแข็งอยู่แล้ว) แล้วก็มีของแถมแบบที่ไม่เยอะไป ไม่น้อยไป เราก็เลือกร้านนี้...
         ทุกวันนี้ยังเสียงใสกิ๊งอยู่เลยค่ะ(เอื้อมมีือไปเคาะโต๊ะสามทีเป็นการแก้เคล็ด) ถือว่าโอเค :) 

         แต่ที่สุดแล้ว แม้จะเลือกดีสักแค่ไหน จะได้ของที่ดีตรงตามความต้องการหรือไม่ คงจะขึ้นอยู่กับบุญกรรมของแต่ละคนด้วยล่ะนะ เพราะฉะนั้น ก่อนซื้อของก็ทำใจร่มๆแล้วสวดมนต์ไปด้วยละกัน... 

         คร่าวๆที่นึกออกเกี่ยวกับช้อปปี้ก็ประมาณนี้


         ตอนแรกที่รู้ตัวเรื่องค่าส่ง เราโกรธมากเลยนะ(ตอนนี้ก็ยังเคืองอยู่) จริงอยู่ว่ามันแค่ 21 บาท อ่ะ แต่คือแบบ มันไม่ควรจะมาเสียอะไรง่ายๆแบบนี้ เออ โกรธตัวเองด้วย อีรุงตุงนังกันไปใหญ่
         ได้แต่ท่องในใจว่า คิดเสียว่า ฟาดเคราะห์ ชดใช้กรรมให้เจ้ากรรมนายเวร ดีกว่าโดนโกงร้อยล้านพันล้านละกันวะ 
     
         แต่มันก็เป็นบทเรียนที่ดีเลยล่ะว่า ต่อไปนี้ทำอะไรต้องมีสติ ยิ่งตอนมีอารมณ์รุนแรง(ไม่ว่าด้านลบหรือด้านบวก)ยิ่งต้องควบคุมตัวเองอย่างมาก เพราะมันทำให้เราไขว้เขวได้ง่ายมากจริงๆ 
         จึงคิดต่อไปว่า นำมาถ่ายทอดคงจะดี น่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านบ้างไม่มากก็น้อย

         เงินน่ะ ไม่เป็นไร ไม่ตายก็หาใหม่ได้ แต่ความรู้สึกดีดีที่เสียไป กู้ยังไงก็คงไม่คืนแล้วล่ะ
         ..ขอแสดงความยินดีกับช้อปปี้อีกครั้งหนึ่ง.. 

         บางที ข้อดีอย่างหนึ่งของการเสียเงิน 21 บาท เพิ่มในครั้งนี้ นั่นคือทำให้เรามีอะไรจะเขียนในวันอังคารนี้ก็เป็นได้

         หวังว่าคุณผู้อ่านทุกคนจะช้อปปิ้งกันอย่างมีสติ และได้ของที่คุ้มค่าคุ้มราคาที่จ่ายไปนะคะ 

      
         สวัสดีค่ะ



         แถม : ขอเล่าภาคต่อในเรื่องราวของเราละกัน (ไหนๆก็อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว อดทนอ่านต่ออีกนิดนึงนะ) หลังจากสั่งของสองสามวัน ของก็มาส่ง เราเข้าไปประเมินและให้คะแนนสี่ดาว(คะแนนเต็มห้าดาว) โดยบอกเหตุผลไปเลยว่า โกรธระบบค่าขนส่ง(ฉันเข้าไปวิจารณ์หลายช่องทางมาก เป็นตัวทำดาเมจจริงๆเล้ย) จากนั้นนึกขึ้นได้ กลับเข้าไปดูที่ประวัติผู้ขาย พบว่าเราเป็นคนเดียวที่ให้ 4 ดาว นอกนั้นเขาได้คะแนนเต็ม ทำให้คะแนนรวมของผู้ขายคนนี้ลดลง เรารู้สึกผิดมากจึงทักแชทไปขอโทษผู้ขายว่า เราไม่มีเจตนาที่จะทำให้กระทบคะแนนเขา เราโกรธระบบขนส่งจริงๆ
         ถ้าเรามีสิทธิโกรธที่ช้อปปี้ไม่โปร่งใส แล้วเรามาลงกับคนขายทั้งที่ไม่ใช่ความผิดเขา เขาก็มีสิทธิโกรธเหมือนกัน เราเข้าใจ 
         เลยนึกต่อไปว่า คนขายคงประเมินคะแนนเราไม่เต็มแน่นอน ต่อแต่นี้คงไม่ใช่ผู้ซื้อห้าดาวแล้ว แต่ก็ไม่เป็นไร พวกร้านค้าชื่อแปลกๆจะได้เลิกมากดติดตามเราซะที 
         แล้วแม่ค้าก็ทักแชทตอบมาว่า "อ๋อค่ะ" (คงโกรธแหละ เข้าใจได้) แล้วก็พูดต่อว่า "แต่ค่าส่งแพงจริง" แล้วเราก็ขอบคุุณเขาไป
         หลังจากนั้นระบบก็แจ้งเตือนว่าผู้ขายให้คะแนนเรา แล้วเขาก็ประเมินให้เราห้าดาว !! นี่ก็ยังงงอยู่จนตอนนี้เลย 

         ก็ขอบคุณนะคะที่อ่านมาได้จนถึงบรรทัดนี้ ขอให้สนุกกับการช้อปปิ้งค่ะ สวัสดีค่ะ 


         ก่อนจบ ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ เนื่องจากตั้งแต่ประมาณ 2 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นมา ทาง minimore เปลี่ยนรูปแบบเว็บใหม่ ผลที่เกิดขึ้นคือ งานเขียนเรา...ไม่มีคนอ่านเลย (คาดว่าหาเจอยาก)ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป เราจึงตัดสินใจกลับไปเขียนเรื่องราวในบล็อกเดิมของเราแทน คุณผู้อ่านที่ถูกจริตในงานเขียนของเรา สามารถติดตามไปอ่านได้ที่

         https://alwaysfay.blogspot.com/2023/02/blog-post.html

         ขอบพระคุณสำหรับการติดตาม และขอบคุณทาง minimore ที่ให้พื้นที่เราได้ขีดๆเขียนๆเรื่องราวตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้
         จนกว่าจะพบกันใหม่
         สวัสดีค่ะ
       
         

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in