เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
GO ALONE TAIPEISor Winchester
BR 206
  • 3.25

    ตัวเลขดิจิตอลสีขาวสะท้อนอยู่บนจอแอลอีดี เรากะพริบตาปริบ ๆ แล้วจ้องมองอีกที

    อ๋อ... ตีสามครึ่ง

    เรารู้สึกตัวลืมตาตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงภาษาจีนที่ฟังไม่ได้ความ เราดึงหูฟังสีเขียวมินท์ที่คลอด้วยเสียงเพลงบีโทเฟนออกแล้วหันไปทางต้นเสียงพร้อมกับเลิกคิ้ว ผู้ชายเชื้อสายจีนที่นั่งอยู่ข้างกันคงรู้สึกอยากช่วยลูกเรือสาวสวมชุดเขียวหรือไม่ก็ทนรำคาญไม่ไหวเลยพูดขึ้นมา

    “อิงลิช”

    ตอนนี้เราอยู่บนเครื่องบิน เที่ยวบิน BR206 ที่กำลังมุ่งหน้าจากกรุงเทพฯ (หรือจริง ๆ คืออำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ)ไปยังไทเป บนที่นั่งติดหน้าต่างและกำลังหลับเพราะเป็นเวลาที่ร่างกายควรจะพักผ่อนตามปกติของมัน

    แต่นี่ไม่ใช่เวลาปกติเพราะบนเครื่องบินคือเวลาเสิร์ฟอาหาร

    “ซอรี่ ?”

    เราพยายามยกเปลือกตาขึ้นและขอให้เขาพูดอีกครั้ง เพราะสติยังไม่กลับมาครบ 100%

    “ชิคเกน ออร์ ฟิช”

    จนถึงตอนนี้ก็เข้าใจแล้วว่าเขาถามว่าเอ็งจะเอาไก่หรือปลา ตอนนั้นไม่ทันคิดว่าจะเป็นเมนูอะไร แล้วไก่กับปลานี่เสิร์ฟมากับอะไรเหรอ ข้าวหรือพาสต้า แต่ดึกขนาดนี้และไม่ใช่เวลากินก็ขอย่อยง่ายแบบปลาละกัน

    “ฟิช พลีส”

    พูดจบลูกเรือสาวหมวยก็ส่งถาดอาหารมาให้โดยมีผู้ชายที่นั่งข้างกันคอยมองว่าเราจะรับถาดอาหารไปแบบมีสติได้หรือเปล่า โชคดีที่บนถาดไม่มีอาหารเหลวหรือของจำพวกซุปและทุกถ้วยนั้นมีฝาพลาสติกปิดเอาไว้เลยทำให้ไม่เกร็งมากและไม่ค่อยกลัวว่ามันจะกระฉอกใส่คนอื่น 

    โห... น่ากินว่ะ

    นี่คือสิ่งที่เราคิดตอนเปิดฟอยล์ถนอมอาหาร ข้าวญี่ปุ่นอุ่น ๆ โรยงาดำกับเนื้อปลาสีขาวต้มซอสอะไรสักอย่างมาเสิร์ฟเคียงมาพร้อมกับผักลวก ขนมปังก้อนอุ่นๆวางอยู่คู่กับเนย ผักดองที่ไม่เคยเห็นมาก่อน และผลไม้สามชิ้นในถ้วยประกอบไปด้วยแก้วมังกร มะละกอ และสับปะรด

    แม้จะไม่ใช่เวลากิน แต่ข้าวกับปลาและผักลวกกลับหายเกลี้ยงไปจากจานของเรา

    แม่ง อร่อย

    จัดการข้าวหมดแล้วก็ไม่รีรอ เราจับมีดปาดเนยลงบนขนมปังแม้ตาจะยังลืมไม่ค่อยขึ้นก็ตาม (ไม่ได้ตะกละจริง ๆ นะคะ) นี่ก็นุ่มเหลือเกิน เข้ากันกับเนยมาก หมดก้อนแล้วก็เอาส้อมจิ้มผักดองไป อันนี้ไม่ผ่าน ข้ามไปที่ผลไม้ หวานชื่นใจทั้งสองชิ้น ยกเว้นสับปะรดที่กัดไปได้แค่คำเดียว

    ตามด้วยน้ำเปล่าอีก 1 แก้ว แล้วนอนต่อ

    เออ... ไม่ใช่เวลากินจริง ๆ 

    แต่มันอร่อยนี่หว่า

    หลังจากนั้นก็ผล็อยหลับไป รู้สึกตัวอีกครั้งตอนได้ยินเสียง “ตึ๊ง” แล้วตามด้วยเสียงกัปตันบอกว่าเราใกล้จะถึงไทเปกันแล้วนะครับ (แน่นอนว่าเป็นภาษาอังกฤษ) เราหันไปมองทางขวา ทั้งใจเลือกฝั่งนี้มาเพราะจะได้ดูพระอาทิตย์ขึ้น ท้องฟ้าที่เคยมืดสนิทเป็นสีดำเริ่มมีเส้นสีส้มปรากฏให้เห็น ไล่สีขึ้นไป เหลือง ส้ม แดง น้ำเงิน ดำ แถมยังมองเห็นเงาปีกเครื่องบินลาง ๆ แม้จะยังตื่นไม่เต็มตาก็อดไม่ได้ที่จะคว้ามือถือขึ้นมาถ่าย พอได้สติก็ก้มลงไปหยิบกล้องฟิล์มคอมแพคขึ้นมากดชัตเตอร์สักหน่อย

    สวยจัง

                                              Olympus mju ii + Agfa Vista 400

    พอฟ้าเริ่มสว่างขึ้นอีกนิดเลยมองลงไปเบื้องล่าง เห็นผืนน้ำและชายฝั่งของไต้หวันแล้ว พอสลับไปมองหน้าจอที่บอกตำแหน่งของเครื่องบิน แปลว่าเราจะบินเลียบไปตามอาณาเขตของไต้หวันจากทางทิศตะวันตกแล้วลงจอดที่สนามบินเถาหยวนซึ่งอยู่ใกล้เมืองไทเป

    อ่า... ตื่นเต้นจัง

    ครั้งที่ 2 แล้วก็ยังตื่นเต้น

    หรือความจริงแล้วที่เราตื่นเต้นเพราะว่านี่คือการเดินทางมาต่างประเทศคนเดียวเป็นครั้งแรก



                                   Olympus mju ii + Agfa Vista 400






Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in