เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
สายลมเสรีDuke Frank Fransis Ferdinand
ณ ความรู้สึกรัก
  • ถึงตัวฉันในวันนี้

     

             ในเช้าของวันหยุดในช่วงปิดเทอมฤดูร้อนวันที่ซึ้งแสงอาทิตย์ในยามเช้าตรู่สาดส่องตึกสูง พื้นถนนสีเทาที่เส้นสีเหลืองตัดแบ่งออกเป็นเลนล์เพื่อบอกทิศทางการวิ่งของรถยนต์ ตัวเราที่กำลังเดินอยู่บนทางเท้าเพื่อมุ่งหน้าไปที่ป้ายรถเมย์แต่มันก็แปลกดีทั้งที่เป็นป้ายรถเมย์แต่เราเลือกที่จะขึ้นรถตู้ คงเป็นเพราะวันนี้เราต้องไปช่วยเพื่อนถ่ายงานและอีกอย่างเพื่อรีบไปให้ตรงนัด

     

             แต่จริงๆแล้วเรารีบเพราะจะได้เจอเขาป่ะว่ะทำวันนี้มันดีใจแปลกๆนะ จะว่าดีใจที่ได้ไปถ่ายงานก็ดีใจ เพราะจะได้เพิ่มทักษะงานแสดงที่เรากำลังโฟกัสอยู่ แต่พอ ไปๆ  มาๆ มันเหมือนจะดีใจกับไอคนที่กำลังบอกให้เราไปเจอที่ป้ายรถอีกที่เพื่อจะมารับเราไปพร้อมกัน คนที่ก่อนหน้านี้ทำเอาใจเราแม่งไม่อยู่กับตัวเลย พอมาคิดดูมันก็เกิดขึ้นไม่นานนี้เอง

     

             ในช่วงก่อนจะปิดเทอมของปีสามในชีวิตมหาลัยมันมีเหตุการณ์ที่ทำให้เราได้เจอกับ(จะเรียกว่ามันก็ไม่ดี)รุ่นพี่ที่อยู่คณะเดียวกันกับเราคือมันไม่ควรเจอกันเพราะเราก็มีสังคมของเรา เพื่อนของเรา เขาก็มีสังคมของเขาแต่เพราะเราเรียนรุ่นเดียว(คือนางซิ่วมา)และอีกอย่างตัวเราอ่ะก็เป็นคนชอบพบเจอเพื่อนใหม่ๆยิ่งเพื่อนที่อินและรักในสิ่งเดียวกัน เราจะสนิทง่ายมากหรือไม่ก็เป็นเพราะพื้นฐานเราเป็นคนอารมณ์ดี เข้าหาง่าย(คนอื่นบอกมาอีกทีนะ)อาจเพราะเป็นองค์ประกอบต่างๆที่เป็นเราไม่ก็อาจจะเป็นแรงดึงดูดด้วยมั้ง

     

    ในช่วงแรกเรากับเขาก็ไม่มีบทสนทนากันมากนักแต่ด้วยเพราะเขาโตกว่า เวลาได้คุย ชอบรู้สึกว่าทำไมคนๆนี้มีความคิดที่ดี คำพูดที่ดีทั้งหมดมันแตะต้องใจเรา ราวกับว่าดอกไม้ที่ถูกรดน้ำในยามเช้า มากกว่านั้นคือใบหน้าซื่อๆ ใส่ๆ ของเขาทำให้เราต้องตกอยู่ในภวังค์ กายภาพของเขาที่ สูงยาว เข่าดี แผ่นหลังที่มองแล้วดูอบอุ่นใช่แล้วเขาก็คือผู้ชายหล่อๆ ดีๆ นี่เอง ถึงเราจะรู้สึกแบบนั้นแต่ก็ต้องหยุดไว้ เพราะจริงๆแล้วคนที่ชอบอีตารุ่นพี่ก็คือ เพื่อนสนิทเราเอง ซึ่งเพื่อนสนิทเราอ่ะอยู่ห้องเดียวกับเขาแถมยังเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันอีก ถ้าถามว่าเหตุผลใดที่เพื่อนเราชอบเขา

     

             คงเป็นเพราะคำพูดที่ดีสร้างแรงบัดดาลใจ ในวันที่เพื่อนเราผิดหวังกับกลุ่มเพื่อนเก่าและก็เป็นเขาที่อยู่ข้างๆเพื่อนเรามาตลอดถ้ามองๆไปมันอาจเป็นแค่การแอบชอบเพื่อนธรรมดาใช่ป่ะ แต่สำหรับเรามันพิเศษมากเลยนะ ที่ในวันที่ความรู้สึกถูกกักขังอยู่ภายในห้องมืดมิดถูกทอดทิ้งจากคนที่คิดว่าเป็นแสงสว่างแล้วก็มีดวงอาทิตย์สาดส่องแสงเข้ามาแต่อนิจจาเพราะดวงอาทิตย์นั้นอยู่สูงไป สิ่งซึ่งงดงามและมีอำนาจคงต้องคู่กับสิ่งเดียวกันเพื่อนเราเป็นแค่ทานตะวันที่ได้รับความสดใสเป็นแรงใจ ในแต่ละวัน หากให้คู่กันคงยากเพียงเพราะกายภาพรูปลักษณ์ที่ไม่งดงามพอจะเหมาะสมมันเลยเป็นความลังเลที่จะบอกไปว่าชอบ

     

             

  • เพื่อนเราจึงตัดใจแม้จะชอบและพยามแสดงให้เห็นแต่มันก็กลับทำให้เขาค่อยๆเลือนหายไปจากสายตาทั้งที่ใกล้กันแต่กลับไกลเหลือเกินจนทุกวันนี้ดาวอาทิตย์ที่ดอกทานตะวันเคยชื่นชมกลับมีเมฆมาบดบังเพียงเพราะเป็นเพื่อนกันไม่อาจเกินเลยกว่านั้น

     

     

    แล้วมันจะต่างอะไรกับตัวเราล่ะที่เพิ่งได้รู้จักกับเขาไม่นาน ถึงแม้ช่วงนั้นเขาจะดูแลดีและสนิทกับเรามาก เพราะกลับบ้านทางเดียวกัน ตัวเขาที่มีรถ ก็ไม่แปลกหรอกที่เขาจะให้เราติดไปด้วยแต่สิ่งที่ทำให้คิดคือเหตุการณ์ในวันนั้น ทำให้เราสับสนและมโนไปไกล

     

    คือเรามาเรียนคนเดียว และมีซ้อมว่ายน้ำต่อในตอนเย็นซึ้งเขาอยู่บ้านเพราะไม่มีเรียน(แอบจำตารางเรียนเขาได้)เสียงโทรศัพท์เราที่ปกติจะไม่ค่อยดังวันนั้นกลับดังขึ้น หน้าจอแสดงชื่อเขา

     

    เมื่อรับสาย

     

    He: อยู่มอป่ะ??

     

    Me : อยู่  พี่มีไรหรอก??

     

    HE : ว่าจะให้เบิกกล้องให้

     

    Me : โหนี่มันสี่โมงแล้วเขาปิดแล้ว

     

    He : เอ้าหรอ!

     

    Me : อ่อ ไอเอ็มไงมันยืมไป  ลองขอมันดิ

     

    He : เคๆ ขอบคุณคราบบบ

  • สำหรับเราตอนนั้นมันแปลกมาก เพราะเขาไม่เคยโทรมาหาเราพอหลังเหตุการณ์นั้นเราก็ลงไปที่สระว่ายน้ำภายในมหาลัย ระหว่างที่เรากำลังซ้อมว่ายน้ำอยู่เราก็เห็นว่าเพื่อนที่มาซ้อมกับเราก็มีแฟนมานั่งรอทุกคนเลย(ฉันเป็นคนส่วนน้อย)  

    เรากำลังรำพึงในใจว่าต้องเหนื่อยแน่เลยไหนจะต้องนั่งรถเมย์อีกสิ้นเสียงความคิดนั้น สายตายเราหันไปข้างสระว่ายน้ำเราเห็นรูปร่างที่คุ้นตา ใช่แล้ว!! เขากำลังเดินมากับเพื่อนเรา ที่บอกให้ไปขอกล้อง เราตกใจว่า มาทำไม เพราะเพื่อนเรามาคงไม่แปลกแต่เขามาด้วย และที่ทำให้ตกใจไปกว่านั้นอีก เพื่อนเรามาแปปด้วยแล้วก็กลับ และเพื่อนเราก็ชวนเขากลับ

    (และคำพูดต่อไปนี้มันละลายใจเรา)

     

     

     

    “ป่ะกลับกันพี่”

     

    “ไม่อ่ะเดี่ยวรอรับคนตรงขอบสระกลับบ้าน”

     

     

    เราที่เกาะขอบสระอยู่ก้มลงไปในน้ำแล้วกรี๊ดดดดพร้อมเสียงในหัวที่ดังขึ้น

    “นี้มันอะไรกันนนนนบ้าไปแล้ว” คือถ้าเป็นผู้หญิงเราคงชนะไปแล้วอ่ะ

     

    (มาถึงตรงนี้คงรู้สินะเราเป็นอะไร แค่ตุ๊ดคนหนึ่ง) ประเด็นคือไม่ใช่ไงพอหลังซ้อมว่ายน้ำเสร็จเราเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย เขาก็นั่งรอเราอย่างกับคบกันอยู่คือเราคิดไปไกลแบบไกลมาก แต่ก็ตัดพ้อตัวเองไปด้วยว่าเราเป็นตุ๊ดเขาไม่ได้ชอบผู้ชาย

     

    เราขึ้นมอไซร์เขากลับบ้าน ตัวเราเย็นมากหลังจากว่ายน้ำปกติเราจะไม่จับหรือหาที่ยึดเวลาซ้อนมอไซร์แต่วันนี้ก็เป็นเหมือนเดิม แต่ด้วยกายของเราที่เย็นราวกับน้ำแข็ง แขนเราที่บังเอิญสัมผัสแผ่นหลังของเขาไออุ่นมันแทรกเขาเมในร่างทำให้อยากจะซบลงที่แผ่นหลังนั้น แต่มันทำไม่ได้เราต้องห้ามใจไว้เพราะเราก็ไม่อยากให้เขารังเกลียดเรา

     

  • ตั้งแต่วันนั้นมา เราก็เริ่มที่จะตัดใจจากเขาเพราะเราคิดว่ามันเกินไปแล้วอ่ะความรู้สึกของฉันแต่ก็ต้องขอบคุณที่มันเกิดตอนใกล้จะปิดเทอมพอดี ทำให้มีเวลาทบทวนว่า มันเป็นไปไม่ได้ถึงแม้ความรักอาจไร้พรมแดนแต่ไม่อาจทำลายกำแพงของเพศนิยมได้เขาปราณาเจ้าหญิงแสนสวยมิใช่ เจ้าชายแสนงามอย่างเรา ความคิดย้ำเตือนจนมาถึงตอนนี้

     

    รถตู้มาถึงที่ป้ายรถเมย์ที่เรานัดกับเขา เราตื่นเต้นตลอด เราบอกกับตัวเองตลอกทางพอเจอเขาเราจะไม่คิดอะไร เขาไม่ได้คิดอะไรกับเรา จำไว้!! 

    เขาเป็นผู้ชายแล้วเราเป็นใคร เรามองนาฬิกาที่บอกว่าถึงเวลาที่นัดกันแล้วรถมอไซร์ที่เราคุ้นเคยเคลื่อนผ่านเข้ามาในสายตาชั่วขณะแรกที่เห็น ความตื่นเต้นที่เก็บไว้กลับปะทุขึ้นมาเพราะวันนี้เขาใส่เสื้อสีชมพู่ที่ตัดกับสีผิวที่ขาวของเขา แผ่นหลังเขายังเหมือนเดิมเราในตอนนี้ตะโกนอย่างเงียบว่า “กูตายยยยยยย” เขาน่ารักจัง

      

    เราขึ้นรถไปกับเขาจนถึงที่มหาลัย เราลงมายืนรอเขาไปจอดรถในโรงรถ เมื่อเขาเดินออกมา“แม่เจ้า!!” เขาตัดผม มันทำให้เขาน่ารักอย่างบอกไม่ถูกเรากลั้นหายใจแล้วค่อยๆบอกตัวเองว่า “ไม่ได้ ไม่ได้ ไม่ได้”

    เรากับเขานั่งรอเพื่อนๆที่เหลือเราคุยกันตามปกติแต่ครั้งนี้เรารู้สึกว่ามันราบเรียบเมื่อเทียบกับสิ่งที่รู้สึกเมื่อสักครู่ เราไม่เขินเขา คุยไปนานๆใจไม่เต้นแรง ถึงแม้ตอนนี้เขาจะหล่อและน่ารักมากเพราะอะไรกันนะ คิดไปคิดมาคงเป็นเพราะช่วงปิดเทอมที่ผ่านมาเป็นช่วงวันเกิดเรา แต่เพราะเขาไม่มาอวยพรวันเกิดเราเลยตัดใจจากเขาเพราะเราไม่อยากรู้สึกเร็วและทำอะไรเร็วไปจนมองข้ามความเป็นจริงเหมือนที่เคยมา

    (เรื่องมันยาว)


    เมื่อเพื่อนๆมาถึงเราก็เริ่มงานกันตามหน้าที่ ตัวเราเป็นนักแสดงประกอบ(ภูมิใจมาก)เราเตรียมตัวมาดีมากแต่ผู้กำกับก็บอกให้เราช่วยงานเพิ่ม เพราะตอนนี้กองมีทีมงานห้าคนส่วนรุ่นพี่คนนั้นก็ค่อยๆหายไปจากโฟกัสของเรา เพราะเราก็อยู่กับหน้าที่เรา อีกอย่างนะไม่อยากอยู่ไกล้ 

  • การทำงานนำเนินไปด้วยดี อาจเพราะทีมงานมีประสบการณ์ ก็เรียนมาสามปีแล้วนิตอนนี้ปีสี่ก็คงไม่แปลกพอเราถ่ายไปได้สองซีนเราก็พักเพื่อเปลี่ยนสถานที่ถ่ายทำไปอีกที่เพื่อนเราที่เป็นผู้ช่วยผู้กำกับก็กลับจากการดูสถานที่ พอเดินกลับมาเราเห็นว่ามีคนเดินมาด้วยมองไกลๆเราไม่คุ้นเลย เราคิดในใจว่าใคร แต่พอเดินมาใกล้ๆ อ่อ รุ่นน้องของผู้กำกับและก็เป็นรุ่นน้องในคณะด้วยกันก่อนหน้านี้เราก็รู้จักแล้ว

     

     

     

    แต่เชื่อไหมสิ่งที่เราไม่คิดว่ามันจะใช่และเหมือนมันอยู่คนละเส้นทาง 

    อำนาจของจักรวาลกำลังจะทเหวี่ยงเราให้ได้พบและรู้สึกอีกครั้ง

  • การถ่ายทำถูกดำเนินต่อ ตอนนี้ทีมงานเพิ่มมาอีก เป็นรุ่นน้องคนนั้นน้องเป็นคนตัวสูงหน้าตาไทยๆผิวแทนๆ โดยปกติเราจะทำตัวเป็นเจ้แมนๆ เพราะเราไม่ได้สาวจ้าเบอร์นั้น(แต่ก็คนเรียบร้อย)พอเราเจอ

    รุ่นน้องเราก็จะชวนคุยทำตัวบ้าๆบอๆสนุกๆ

     

     เหตุการณ์ : ระหว่างที่ถ่ายอยู่เรายืนอยู่กับรุ่นน้อง

     

    เรา : “มาสายหักเงินเดือน”

     

    รุ่นน้อง : “โห นี่กลับมาจากต่างจังหวัดก็พุ่งมานี้เลย”

     

    เรา : “เที่ยวเก่ง แล้วไปไหนมา”

     

    รุ่นน้อง : “ภาคเหนือ”

     

    เรา : “ดีอ่ะ อยากไป”

     

    รุ่นน้อง “ร้อนนนนอย่าไปเลย”

     

    บทสนทนาถูกเริ่มขึ้นหลังจากนั้นเราก็คุยต่อว่าไปทำอะไรมามั้ง ไปตั้งแต่ตอนไหนอะไรต่างๆ นานา แต่ประเด็นคือเราไม่รู้สึกว่าน่าเบื่อเลย เราอยากคุยต่อ อยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับน้องเขาอีกมันแปลกจากเราปกติมาก เพราะปกติเราไม่ค่อยจะคุยกับรุ่นน้องได้นาน ด้วยว่าเด็กอ่ะ ต่อให้ห่างกันหนึ่งปีก็ตามแต่ไม่ใช่กับคนนี้พอเราเปลี่ยนไปคุยกับเพื่อนเรื่องหนังที่เพิ่งดูกันไป

            

    เจ้าน้องคนนั้นก็คุยต่อและคุยในความรู้สึกแบบเดียวกับเราที่อินกับหนังมากๆ(เจอคนคอเดียวกัน)วงจรของความสัมพันธ์ถูกเชื่อมติด เรากับพูดคุยกันมากขึ้น สนุกมากขึ้นทุกชั่วขณะเหมือนคู่เต้นรำที่มีจังหวะที่เข้ากันเคลื่อนไปมาบนบทเพลงวาดราวลายความสัมพันธ์อาจมีบางบทเพลงที่เราไม่ถนัดแต่มือของเขาไม่หนีไปไหนยังคงจับไว้รอเพลงที่เข้ากับเราสองเพื่อพาเรากลับมายังฟอร์อีกครั้ง 

  • ไม่อยากเชื่อว่าเราจะคุยกันเยอะจน ไม่เหมือนคนที่เพิ่งรู้จักกัน จนเราพูดออกไปว่า

     

    “ทำไมเราไม่เจอกันมาตั้งนานนะ” เรารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ และดูเหมือนเราจะไม่ได้รู้สึกไปคนเดียว

    “นั้นดิพี่ทำไมเราไม่เจอกันมาตั้งนานนะ”ไม่คิดว่าน้องจะรู้สึกเหมือนกัน

     

    ในตอนนั้นเรารู้แค่สนุกจังอยู่กับเด็กนี้ ในใจตอนนั้นมันอยากหยุดเวลาไว้สักพักได้โปรดเถอะฟ้ายืดเวลาให้อีกได้ไหมอยากอยู่แบบนี้ไปนานๆ

     

  • พอการถ่ายทำจบลงในตอนเย็นเพื่อนในกองก็จะไปกินข้าวแต่เรากะว่าจะไม่กิน(เพราะไม่มีตัง)พอมาถึงห้างแห่งหนึ่ง(แล้วไม่กลับบ้านว่ะ)โดยส่วนตัวเราไม่ชอบเพราะมันไม่เหมาะกับเรา อีกอย่างต่อให้เป็นห้างที่มีคนมาอยู่รวมกันแต่เรากลับรู้สึกถึงความโดดเดี่ยวของผู้คนในตอนนั้นเราอยากกลับบ้านแต่จะให้กลับก่อนก็เกรงใจเพื่อนๆ อีกอย่างนะจากห้างนั้นเราก็กลับไม่เป็นต้องให้เพื่อนพาไปส่ง ส่วนกับรุ่นพี่คนนั้นก็ นั้นล่ะสิในตอนนั้นเราไม่ได้สนใจอีกเลย(ร้ายม่ะ) ถามว่าในสายเราตอนนี้มีใครก็คงจะเป็นเด็กตัวสูงๆที่ยืนข้างๆเรา ค่อยพูดนู้นพูดนี่ทำท่าทางตลกๆ การเดินห้างที่แสนน่าเบื่อของเราก็มีไอเด็กนี่แหละที่พอทำให้เราไม่เบื่อ

    พอมาถึงร้านอาหารเราก็ออกตัวเลยว่าเราจะไม่กินเพื่อนคนอื่นๆก็โอเคพวกมันก็หารตังกันซื้อชุดไก่ทอดสำหรับห้าหกคนกัน เราก็เดินมานั่งรอที่โต๊ะโดยไร้การสนใจจากแก๊งแต่

     

    รุ่นน้อง: “ทำไมไม่กินอ่ะ” เสียงจากน้องคนนั้น

     

    เรา : “ไม่มีตัง”

     

    รุ่นน้อง: “มีกี่บาท”

     

    เรา : “หกสิบ” (จริงๆมากกว่านั้นแต่เก็บไว้)

     

    รุ่นน้อง: “เดี๋ยวเลี้ยง”

     

    เรา : “บ้าไม่เอา”


    ใบหน้าของเรามันกว้างขยายออกเพราะลอยยิ้มคงเป็นเพราะเราดีใจที่มีคนถามหรืออะไรกันนะ แต่ตอนนั้นเพราะความเหนื่อยล้าเลยไม่ได้คิดมากกับคำถามมากนั้น

     

    และแล้วเราก็ได้กลับบ้าน ทุกคนแยกทางกัน เราก็แยกทางจากรุ่นพี่ เพราะเราให้เพื่อนอีกคนไปส่ง(เพราะเดี๋ยวใจแตก)

     

  • ความเหนื่อยล้าตลอดทั้งวันทำให้ร่างกายเราหมดแรงเราทิ้งตัวลงนอนพักซึ้งก็เป็นเวลาดีที่สมองกำลังทบทวนประมวลผลความทรงจำต่างๆ เพื่อย้ายไปเก็บไว้ในส่วนความทรงจำถาวรนั้นทำให้ภาพต่างๆและความรู้สึกเคลื่อนผ่านเข้ามา เหมือนนั่งดูภาพยนต์ ซึ้งมันฉายภาพในหัวเราที่มีแต่ภาพรุ่นน้องคนนั้น ใจเราเต้นแรงอีกแล้ว(นี่กูเอาอีแล้วหรอ)เราสับสนเราไม่รู้ว่ามันคืออะไร รู้แต่ว่าอยากเจออีกเราคิดไปคิดมาคิดถึงบทสนาทนาต่างๆ  ทำไงดีว่ะ(คือแบบ คิดมากจนต้องทำอะไรสักอย่างก็ไม่รู้คือ)

     

             จนเรานึกออกว่า facebookไง!! เราคิดจะส่องface book น้องซึ่งก็ไม่ขอไว้ตอนอยู่ด้วยกันเลยคิดจะหาจากเบาะแสเดียวคือ ชื่อเล่น หวังว่าน้องเขาจะใช้ชื่อเล่นตั้งชื่อนะค้นหาอยู่นานและนานนานมาก แต่สุดท้ายก็หาไม่เจออีกใจหนึ่งก็คิดว่าทำไมต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยเราชอบน้องเขาหรอแต่รู้ได้ไงว่ามันจะ…เรากลับมาสับสนแบบตอนรุ่นพี่อีกครั้งเลยตัดสินใจว่า

     

    ถ้าน้องเขารู้สึกบางอย่างเดี๋ยวก็คงแอดมาเองแหละ(เข้าข้างตัวเองสุด)พอคิดอย่างนั้นเราก็ถอดใจให้มันเป็นเรื่องของคนบนฟ้าล่ะกัน แต่ความวุ่นวายใจยังคงรบเร้าตัวเราที่นอนกลิ้งไปมาอยู่สลับคิดว่าน้องเขาคงไม่คิดอะไรหรอก เข้าคงชอบผู้หญิงแหละแต่พอนึกถึงตอนอยู่ด้วยกันก็รู้สึกฟินไปอีกเหมือนคนบ้ามาก

     

    จนมีเสียงแจ้งดังขึ้นในคอมพิวเตอร์ที่เปิด face bookทิ้งไว้มันแสดงลงรูปภาพเบื้องหลังสรุปการทำงานที่เพื่อนเราในกองเป็นคนโพสต์แล้วแทร็กทุกคนยกเว้นน้องเขาเพราะเพื่อนเราไม่มีเฟส จึงเขียนว่า   “ขอบคุณไอนัทด้วยวันนี้”

     

    แต่เพื่อนเราที่รู้จักน้องแทร็กชื่อเฟสน้องในช่องคอมเม้นวินาทีนั้นเราแบบนี้มันอะไรกัน นี่เรากำลังอยู่ในบทละคร ความฝันหรืออะไรกัน ทุกอย่างเหมือนจัดเตรียมไว้มันจะบังเอิญไปไหม

     

  • แต่พอเรากดเขาไป เราก็แอบเศร้านะ เพราะเขาใช้รูปโปรไฟล์เป็นนักแสดงญี่ปุ่นซึ้งแน่นอนแหละเขาชอบผู้หญิงและยิ่งย้ำไปกว่านั้นอีกคือน้องชอบความเป็นญี่ปุ่นเหมือนเราอีกจากรูปภาพที่ลงและอีกมากมายที่แสดงในfacebook มันช่างเป็นความสุขบนความผิดหวังจริงๆ

     

    .. บางทีรักแรกพบอาจมีจริงก็ได้แต่ว่าอาจจะไม่ใช่รักแท้ที่เราตามหาเพราะมันอาจทำให้ใจเต้นแรงแต่ก็เพียงชั่วขณะจนกว่าจะได้รู้จักกัน แต่เมื่อรู้จักกันจริงๆก็ไม่ได้แปลกว่าจะรักกันสำหรับเรามันอาจเป็นเพราะเรื่องของกายภาพ เพศสภาพ แต่นั้นไม่ก็ไม่ได้แปลว่าความรักจะไม่เกิดขึ้นกับเรานิ บางทีมันอาจเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นไม่ภายในไม่กี่ชั่วโมงและไม่รู้ว่ามันจะอยู่ต่อไปอีกนานหรือไหม แต่สุดท้าย

     

       ณ ตอนนั้นมันเกิดขึ้นแล้ว………..เราอาจแค่โคจรมาเฉียดกันเพื่อสร้างปรากฏการณ์บางสิ่งที่ดี

     

    บันทึกของ ฟราน 

     06/05/xx

    จบ

    สายลมเสรี

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in