ถึงตัวฉันในวันนี้
เพื่อนเราจึงตัดใจแม้จะชอบและพยามแสดงให้เห็นแต่มันก็กลับทำให้เขาค่อยๆเลือนหายไปจากสายตาทั้งที่ใกล้กันแต่กลับไกลเหลือเกินจนทุกวันนี้ดาวอาทิตย์ที่ดอกทานตะวันเคยชื่นชมกลับมีเมฆมาบดบังเพียงเพราะเป็นเพื่อนกันไม่อาจเกินเลยกว่านั้น
แล้วมันจะต่างอะไรกับตัวเราล่ะที่เพิ่งได้รู้จักกับเขาไม่นาน ถึงแม้ช่วงนั้นเขาจะดูแลดีและสนิทกับเรามาก เพราะกลับบ้านทางเดียวกัน ตัวเขาที่มีรถ ก็ไม่แปลกหรอกที่เขาจะให้เราติดไปด้วยแต่สิ่งที่ทำให้คิดคือเหตุการณ์ในวันนั้น ทำให้เราสับสนและมโนไปไกล
คือเรามาเรียนคนเดียว และมีซ้อมว่ายน้ำต่อในตอนเย็นซึ้งเขาอยู่บ้านเพราะไม่มีเรียน(แอบจำตารางเรียนเขาได้)เสียงโทรศัพท์เราที่ปกติจะไม่ค่อยดังวันนั้นกลับดังขึ้น หน้าจอแสดงชื่อเขา
เมื่อรับสาย
He: อยู่มอป่ะ??
Me : อยู่ พี่มีไรหรอก??
HE : ว่าจะให้เบิกกล้องให้
Me : โหนี่มันสี่โมงแล้วเขาปิดแล้ว
He : เอ้าหรอ!
Me : อ่อ ไอเอ็มไงมันยืมไป
He : เคๆ ขอบคุณคราบบบ
สำหรับเราตอนนั้นมันแปลกมาก เพราะเขาไม่เคยโทรมาหาเราพอหลังเหตุการณ์นั้นเราก็ลงไปที่สระว่ายน้ำภายในมหาลัย ระหว่างที่เรากำลังซ้อมว่ายน้ำอยู่เราก็เห็นว่าเพื่อนที่มาซ้อมกับเราก็มีแฟนมานั่งรอทุกคนเลย(ฉันเป็นคนส่วนน้อย)
เรากำลังรำพึงในใจว่าต้องเหนื่อยแน่เลยไหนจะต้องนั่งรถเมย์อีกสิ้นเสียงความคิดนั้น สายตายเราหันไปข้างสระว่ายน้ำเราเห็นรูปร่างที่คุ้นตา ใช่แล้ว
เราที่เกาะขอบสระอยู่ก้มลงไปในน้ำแล้วกรี๊ดดดดพร้อมเสียงในหัวที่ดังขึ้น
“นี้มันอะไรกันนนนนบ้าไปแล้ว” คือถ้าเป็นผู้หญิงเราคงชนะไปแล้วอ่ะ
(มาถึงตรงนี้คงรู้สินะเราเป็นอะไร แค่ตุ๊ดคนหนึ่ง) ประเด็นคือไม่ใช่ไงพอหลังซ้อมว่ายน้ำเสร็จเราเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย เขาก็นั่งรอเราอย่างกับคบกันอยู่คือเราคิดไปไกลแบบไกลมาก แต่ก็ตัดพ้อตัวเองไปด้วยว่าเราเป็นตุ๊ดเขาไม่ได้ชอบผู้ชาย
เราขึ้นมอไซร์เขากลับบ้าน ตัวเราเย็นมากหลังจากว่ายน้ำปกติเราจะไม่จับหรือหาที่ยึดเวลาซ้อนมอไซร์แต่วันนี้ก็เป็นเหมือนเดิม แต่ด้วยกายของเราที่เย็นราวกับน้ำแข็ง แขนเราที่บังเอิญสัมผัสแผ่นหลังของเขาไออุ่นมันแทรกเขาเมในร่างทำให้อยากจะซบลงที่แผ่นหลังนั้น แต่มันทำไม่ได้เราต้องห้ามใจไว้เพราะเราก็ไม่อยากให้เขารังเกลียดเรา
ตั้งแต่วันนั้นมา เราก็เริ่มที่จะตัดใจจากเขาเพราะเราคิดว่ามันเกินไปแล้วอ่ะความรู้สึกของฉันแต่ก็ต้องขอบคุณที่มันเกิดตอนใกล้จะปิดเทอมพอดี ทำให้มีเวลาทบทวนว่า มันเป็นไปไม่ได้ถึงแม้ความรักอาจไร้พรมแดนแต่ไม่อาจทำลายกำแพงของเพศนิยมได้เขาปราณาเจ้าหญิงแสนสวยมิใช่ เจ้าชายแสนงามอย่างเรา ความคิดย้ำเตือนจนมาถึงตอนนี้
รถตู้มาถึงที่ป้ายรถเมย์ที่เรานัดกับเขา เราตื่นเต้นตลอด เราบอกกับตัวเองตลอกทางพอเจอเขาเราจะไม่คิดอะไร เขาไม่ได้คิดอะไรกับเรา จำไว้
เขาเป็นผู้ชายแล้วเราเป็นใคร เรามองนาฬิกาที่บอกว่าถึงเวลาที่นัดกันแล้วรถมอไซร์ที่เราคุ้นเคยเคลื่อนผ่านเข้ามาในสายตาชั่วขณะแรกที่เห็น ความตื่นเต้นที่เก็บไว้กลับปะทุขึ้นมาเพราะวันนี้เขาใส่เสื้อสีชมพู่ที่ตัดกับสีผิวที่ขาวของเขา แผ่นหลังเขายังเหมือนเดิมเราในตอนนี้ตะโกนอย่างเงียบว่า “กูตายยยยยยย” เขาน่ารักจัง
เราขึ้นรถไปกับเขาจนถึงที่มหาลัย เราลงมายืนรอเขาไปจอดรถในโรงรถ เมื่อเขาเดินออกมา“แม่เจ้า!!” เขาตัดผม มันทำให้เขาน่ารักอย่างบอกไม่ถูกเรากลั้นหายใจแล้วค่อยๆบอกตัวเองว่า “ไม่ได้ ไม่ได้ ไม่ได้”
เรากับเขานั่งรอเพื่อนๆที่เหลือเราคุยกันตามปกติแต่ครั้งนี้เรารู้สึกว่ามันราบเรียบเมื่อเทียบกับสิ่งที่รู้สึกเมื่อสักครู่ เราไม่เขินเขา คุยไปนานๆใจไม่เต้นแรง ถึงแม้ตอนนี้เขาจะหล่อและน่ารักมากเพราะอะไรกันนะ คิดไปคิดมาคงเป็นเพราะช่วงปิดเทอมที่ผ่านมาเป็นช่วงวันเกิดเรา แต่เพราะเขาไม่มาอวยพรวันเกิดเราเลยตัดใจจากเขาเพราะเราไม่อยากรู้สึกเร็วและทำอะไรเร็วไปจนมองข้ามความเป็นจริงเหมือนที่เคยมา
เมื่อเพื่อนๆมาถึงเราก็เริ่มงานกันตามหน้าที่ ตัวเราเป็นนักแสดงประกอบ(ภูมิใจมาก)เราเตรียมตัวมาดีมากแต่ผู้กำกับก็บอกให้เราช่วยงานเพิ่ม เพราะตอนนี้กองมีทีมงานห้าคนส่วนรุ่นพี่คนนั้นก็ค่อยๆหายไปจากโฟกัสของเรา เพราะเราก็อยู่กับหน้าที่เรา อีกอย่างนะไม่อยากอยู่ไกล้
การทำงานนำเนินไปด้วยดี อาจเพราะทีมงานมีประสบการณ์ ก็เรียนมาสามปีแล้วนิตอนนี้ปีสี่ก็คงไม่แปลกพอเราถ่ายไปได้สองซีนเราก็พักเพื่อเปลี่ยนสถานที่ถ่ายทำไปอีกที่เพื่อนเราที่เป็นผู้ช่วยผู้กำกับก็กลับจากการดูสถานที่ พอเดินกลับมาเราเห็นว่ามีคนเดินมาด้วยมองไกลๆเราไม่คุ้นเลย เราคิดในใจว่าใคร แต่พอเดินมาใกล้ๆ อ่อ รุ่นน้องของผู้กำกับและก็เป็นรุ่นน้องในคณะด้วยกันก่อนหน้านี้เราก็รู้จักแล้ว
แต่เชื่อไหมสิ่งที่เราไม่คิดว่ามันจะใช่และเหมือนมันอยู่คนละเส้นทาง
อำนาจของจักรวาลกำลังจะทเหวี่ยงเราให้ได้พบและรู้สึกอีกครั้ง
การถ่ายทำถูกดำเนินต่อ ตอนนี้ทีมงานเพิ่มมาอีก เป็นรุ่นน้องคนนั้นน้องเป็นคนตัวสูงหน้าตาไทยๆผิวแทนๆ โดยปกติเราจะทำตัวเป็นเจ้แมนๆ เพราะเราไม่ได้สาวจ้าเบอร์นั้น(แต่ก็คนเรียบร้อย)พอเราเจอ
เหตุการณ์ : ระหว่างที่ถ่ายอยู่เรายืนอยู่กับรุ่นน้อง
เรา : “มาสายหักเงินเดือน”
รุ่นน้อง : “โห นี่กลับมาจากต่างจังหวัดก็พุ่งมานี้เลย”
เรา : “เที่ยวเก่ง แล้วไปไหนมา”
รุ่นน้อง : “ภาคเหนือ”
เรา : “ดีอ่ะ อยากไป”
รุ่นน้อง : “ร้อนนนนอย่าไปเลย”
บทสนทนาถูกเริ่มขึ้นหลังจากนั้นเราก็คุยต่อว่าไปทำอะไรมามั้ง ไปตั้งแต่ตอนไหนอะไรต่างๆ นานา แต่ประเด็นคือเราไม่รู้สึกว่าน่าเบื่อเลย เราอยากคุยต่อ อยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับน้องเขาอีกมันแปลกจากเราปกติมาก เพราะปกติเราไม่ค่อยจะคุยกับรุ่นน้องได้นาน ด้วยว่าเด็กอ่ะ ต่อให้ห่างกันหนึ่งปีก็ตามแต่ไม่ใช่กับคนนี้พอเราเปลี่ยนไปคุยกับเพื่อนเรื่องหนังที่เพิ่งดูกันไป
เจ้าน้องคนนั้นก็คุยต่อและคุยในความรู้สึกแบบเดียวกับเราที่อินกับหนังมากๆ(เจอคนคอเดียวกัน)วงจรของความสัมพันธ์ถูกเชื่อมติด เรากับพูดคุยกันมากขึ้น สนุกมากขึ้นทุกชั่วขณะเหมือนคู่เต้นรำที่มีจังหวะที่เข้ากันเคลื่อนไปมาบนบทเพลงวาดราวลายความสัมพันธ์อาจมีบางบทเพลงที่เราไม่ถนัดแต่มือของเขาไม่หนีไปไหนยังคงจับไว้รอเพลงที่เข้ากับเราสองเพื่อพาเรากลับมายังฟอร์อีกครั้ง
ไม่อยากเชื่อว่าเราจะคุยกันเยอะจน ไม่เหมือนคนที่เพิ่งรู้จักกัน จนเราพูดออกไปว่า
“ทำไมเราไม่เจอกันมาตั้งนานนะ” เรารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ และดูเหมือนเราจะไม่ได้รู้สึกไปคนเดียว
“นั้นดิพี่ทำไมเราไม่เจอกันมาตั้งนานนะ”ไม่คิดว่าน้องจะรู้สึกเหมือนกัน
ในตอนนั้นเรารู้แค่สนุกจังอยู่กับเด็กนี้ ในใจตอนนั้นมันอยากหยุดเวลาไว้สักพักได้โปรดเถอะฟ้ายืดเวลาให้อีกได้ไหมอยากอยู่แบบนี้ไปนานๆ
และแล้วเราก็ได้กลับบ้าน ทุกคนแยกทางกัน เราก็แยกทางจากรุ่นพี่ เพราะเราให้เพื่อนอีกคนไปส่ง(เพราะเดี๋ยวใจแตก)
ถ้าน้องเขารู้สึกบางอย่างเดี๋ยวก็คงแอดมาเองแหละ(เข้าข้างตัวเองสุด)พอคิดอย่างนั้นเราก็ถอดใจให้มันเป็นเรื่องของคนบนฟ้าล่ะกัน แต่ความวุ่นวายใจยังคงรบเร้าตัวเราที่นอนกลิ้งไปมาอยู่สลับคิดว่าน้องเขาคงไม่คิดอะไรหรอก เข้าคงชอบผู้หญิงแหละแต่พอนึกถึงตอนอยู่ด้วยกันก็รู้สึกฟินไปอีกเหมือนคนบ้ามาก
จนมีเสียงแจ้งดังขึ้นในคอมพิวเตอร์ที่เปิด face bookทิ้งไว้มันแสดงลงรูปภาพเบื้องหลังสรุปการทำงานที่เพื่อนเราในกองเป็นคนโพสต์แล้วแทร็กทุกคนยกเว้นน้องเขาเพราะเพื่อนเราไม่มีเฟส จึงเขียนว่า
แต่เพื่อนเราที่รู้จักน้องแทร็กชื่อเฟสน้องในช่องคอมเม้นวินาทีนั้นเราแบบนี้มันอะไรกัน นี่เรากำลังอยู่ในบทละคร ความฝันหรืออะไรกัน ทุกอย่างเหมือนจัดเตรียมไว้มันจะบังเอิญไปไหม
แต่พอเรากดเขาไป เราก็แอบเศร้านะ เพราะเขาใช้รูปโปรไฟล์เป็นนักแสดงญี่ปุ่นซึ้งแน่นอนแหละเขาชอบผู้หญิงและยิ่งย้ำไปกว่านั้นอีกคือน้องชอบความเป็นญี่ปุ่นเหมือนเราอีกจากรูปภาพที่ลงและอีกมากมายที่แสดงในfacebook มันช่างเป็นความสุขบนความผิดหวังจริงๆ
ป.ล. บางทีรักแรกพบอาจมีจริงก็ได้แต่ว่าอาจจะไม่ใช่รักแท้ที่เราตามหาเพราะมันอาจทำให้ใจเต้นแรงแต่ก็เพียงชั่วขณะจนกว่าจะได้รู้จักกัน แต่เมื่อรู้จักกันจริงๆก็ไม่ได้แปลกว่าจะรักกันสำหรับเรามันอาจเป็นเพราะเรื่องของกายภาพ เพศสภาพ แต่นั้นไม่ก็ไม่ได้แปลว่าความรักจะไม่เกิดขึ้นกับเรานิ บางทีมันอาจเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นไม่ภายในไม่กี่ชั่วโมงและไม่รู้ว่ามันจะอยู่ต่อไปอีกนานหรือไหม แต่สุดท้าย
ณ ตอนนั้นมันเกิดขึ้นแล้ว………..เราอาจแค่โคจรมาเฉียดกันเพื่อสร้างปรากฏการณ์บางสิ่งที่ดี
บันทึกของ ฟราน
จบ
สายลมเสรี
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in