มันเป็นความรู้สึกคึ้มกรึ่มในใจที่เกิดขึ้นตอนเวลาสองนาฬิกากับอีกหกนาที
มือของฉันกำลังจับดินสอกดสีเหลืองมัสตาร์ด ขยับปลายมู่ทู่ของมันถูไปตามหน้ากระดาษเอสี่ว่างเปล่า เขียนและทดลำดับความคิดที่อยู่ในรูปแบบของตัวเลขทว่าบางอย่างในใจของฉันกลับเรียกร้องและอยู่ไม่สุข เหมือนจิตใจของเด็กหญิงอายุสิบขวบที่กำลังจะได้ของขวัญชิ้นโปรดที่รอคอยมาเนิ่นนาน
ฉันหยุดเขียนตอนที่เพลง At the Beginning ท่อนหนึ่งสะท้อนก้องภายในหู
Love is the river
And I wanna keep flowing
“ฉันเป็นเด็กสาวที่แสนเพ้อฝัน”, “ฉันเป็นเด็กสาวที่มีอารมณ์ศิลปิน”, “ฉันเป็นเด็กสาวที่มีหัวล่องลอยอยู่ในเมฆ”, หรือแม้แต่ “ฉันเป็นเด็กสาวที่โรแมนติก” ต่างเป็นนิยามที่คนรู้จักฉันใช้อธิบายตัวฉันอยู่เสมอฉันได้ยินคำพวกนี้ซ้ำไปซ้ำมาราวกับเครื่องเล่นเทปพัง ๆ อันหนึ่ง ทว่า – ไม่ว่าจะถูกหรือไม่ – พวกเขาไม่เคยรู้ว่าฉันยังอ่อนประสบการณ์กับสิ่งที่เรียกความความรักของหนุ่มสาวนัก
ฉันไม่เคยรู้จักกับความรักเชิงหนุ่มสาว ไม่เคยมีประสบการณ์ไปมากกว่าอาการแอบชอบชั่วคราว ไม่เคยผูกพันกับเด็กหนุ่มคนไหนในระดับที่สามารถเรียกได้ว่าความรัก แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าฉันไม่เคยนึกสงสัยถึงความรู้สึกของมนุษย์ที่จะต้องพบกับความรู้สึกความรู้สึกนี้ ครั้งหนึ่งในชีวิต ฉันอยากจะเข้าใจสภาพของการเป็นหนึ่งในคู่นกเลิฟเบิร์ด อยากจะรับรู้ถึงความรู้สึกที่เรียกกันว่าราวกับมีผีเสื้อนับล้านบินอยู่ในท้อง – ความรู้สึกที่ว่ากันว่าหอมหวานและสวยงามยิ่งกว่าดอกไม้ใด ๆ
แม้ว่าจะสวยงามดั่งดอกไม้ฤดูร้อน แม้ว่าจะหอมหวานดั่งน้ำผึ้งเดือนห้า แต่ความรักคือสิ่งที่ฉันยำเกรงทว่าความอันตรายไม่ใช่หรือที่เร้าใจมนุษย์นัก มันไม่ต่างไปจากการรับนิโคตินเข้าปอดเพียงเพื่อความสุขเพียงช่วงขณะ หรือการปล่อยให้น้ำสุราแผดเผาลำคอเพื่อให้แอลกอฮอล์เข้าไปแทนที่ความเจ็บปวดภายในสมอง ฉันอยากสัมผัสความสุขที่แสนอันตรายเหล่านั้นสักครั้งหนึ่งในชีวิต อยากสัมผัสถึงพลังที่ทั้งบ่มเพาะและทำลายบุคคลมานับไม่ถ้วน ฉันโหยหาและต้องการที่จะรู้ถึงความสามารถและอิทธิพลของมันที่จะมีต่อเด็กสาวอายุสิบเจ็ดคนหนึ่ง: เด็กสาวที่เพ้อฝัน, เด็กสาวที่มีอารมณ์ศิลปิน, เด็กสาวที่มีหัวล่องลอยอยู่ในเมฆ,และเด็กสาวที่โรแมนติกเรียกแม่
และนั่นคือความคิดที่ร้อยเรียงอยู่ในหัวของฉัน ณ เวลาสองนาฬิกาหกนาที ภายใต้ท้องฟ้ายามราตรีที่เงียบสงบของกรุงเทพมหานคร.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in