เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
บทความNATITON CHINNABHAD
เพียงชายคนนี้ไม่ใช่แค่คนขายถั่ว
  • ลุงเบอร์นาร์ด
    Credit Photo by : Wongnai

    ถ้าหากกล่าวถึง อาชีพคนขายถั่วหรืออาบังขายถั่ว หลายคนอาจจะนึกถึงภาพที่ต้องเร่ขายไปตามสถานที่ต่าง ๆ พร้อมกับคำโฆษณาชวนซื้อที่ว่า “ถั่วไหม..ถั่วไหมจ๊ะ…ถั่วอร่อย ๆ อร่อย ๆ” หลาย ๆ คนอาจจะเคยเจอกับ เหตุการณ์แบบนี้เมื่อเจอกับอาบังที่เร่ขายถั่วไปตามสถานที่ต่าง ๆ แต่ไม่ใช่กับเขาคนนี้อย่างแน่นอน

    ตำนาน 'คนขายถั่ว' แห่งรั้วมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ ที่ถูกกล่าวขานมาหลายยุคหลายสมัย บุคคลนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจาก คุณลุงเบอร์นาร์ด หรือเบอร์นาร์ด ยูโด อาบังผู้มีความผูกพัน แน่นแฟ้นกับธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ยาวนานกว่า 50 ปี

    คุณลุงเบอร์นาร์ดเกิดที่รัฐอุตตรประเทศ (Uttar Pradesh) ประเทศอินเดีย ปู่ของลุงเบอร์นาร์ดพาสมาชิกครอบครัวเดินทางย้ายถิ่นฐานเข้ามาอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่ตอนลุงเบอร์นาร์ดอายุ 23 ปี ในปี พ.ศ. 2511 ความตั้งใจของปู่ในสมัยนั้น คืออยากเข้ามาเริ่มต้นชีวิตใหม่ในประเทศไทยด้วยการประกอบอาชีพเลี้ยงวัวแถวทุ่งร้างบริเวณเชิงสะพานพระปิ่นเกล้าเพื่อเอานมไปขาย จนต่อมาถูกทางการไล่ที่ ปู่และพ่อก็เลยต้องมองหาวิธีทำมาหากินในรูปแบบอื่นแทน

    พ่อของลุงเบอร์นาร์ดหันมาจับอาชีพขายถั่ว นั่งขายประจำอยู่ที่วิทยาลัยนาฏศิลป จนวันหนึ่งคุณลุงเบอร์นาร์ดก็เดินตามรอยพ่อ ลุกขึ้นมาขายถั่วบ้าง ในช่วงแรกของลุงเบอร์นาร์ดขายถั่วแถวสนามหลวง บางทีก็เดินไปแถวกระทรวงกลาโหม วันไหนมีเด็ก ๆ เรียนรักษาดินแดน (รด.) วันนั้นคุณลุงเบอร์นาร์ดจะขายดีเป็นพิเศษ จนกระทั่งวันหนึ่ง คุณลุงเบอร์นาร์ดเดินขายถั่วอยู่ตรงแถวถนนท่าพระจันทร์ แล้วเดินมาเจอกับเด็กคนหนึ่งและเด็กคนนั้นก็ถามกับคุณลุงเบอร์นาร์ดว่าทำไมไม่เข้าไปขายในมหาวิทยาลัย คุณลุงเบอร์นาร์ดเลยเล่าให้ หนุ่มน้อยคนนั้นฟังว่า ที่ถอยออกมาขายข้างนอกเพราะยามไม่ให้เข้า เด็กหนุ่มคนนั้นจึงพาคุณลุงเบอร์นาร์ดไปพบกับคณบดี ในที่สุดคุณลุงเบอร์นาร์ดได้รับอนุญาตให้ทำที่ตั้งโต๊ะขายถั่วที่ประตูทางเข้าด้านหน้าของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยเสียค่าที่เดือนละ 50 แล้วโชคชะตาของเขาผูกพันกับสถานที่แห่งนี้นับแต่นั้น เป็นต้นมา

    ย้อนกลับไปวันที่ 13 ตุลาคม 2516 ท่ามกลางคลื่นมหาชนล้นหลามบนสนามฟุตบอล ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ คุณลุงเบอร์นาร์ดขายถั่วอยู่ แต่กลับไม่รู้ตัวว่า ตนเองกำลังอยู่ในเหตุการณ์สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองไทย คุณลุงเบอร์นาร์ดเดินขายถั่วอย่างสบายใจท่ามกลางฝูงชนที่เข้ามารวมตัวต่อต้านเผด็จการ 'ถนอม-ประภาส'

     "โฮ้ย หมดแล้ว ๆ จะกลับไปเอาอีก" เขาบอกคนรู้จักหลังของขายหมดเกลี้ยง ไม่รวมกับที่บริจาคถั่วส่วนหนึ่งให้นักศึกษาบางคนซึ่งกินฟรีด้วยความคุ้นเคย

    เหตุการณ์ในครั้งนั้นจบลงด้วยชัยชนะของประชาชนในวันที่ 14 ตุลาคม 2516 และคุณลุงเบอร์นาร์ดก็พบว่าทำเลค้าขายของเขามีผู้คนผ่านไปมามากขึ้น ประกอบกับมีม็อบมาประท้วงบ่อย ๆ

    สามปีต่อมาในวันที่ 5 ตุลาคม 2519 คุณลุงเบอร์นาร์ดก็พบว่าเขายืนขายถั่วพร้อมกับแจกถั่วฟรีไปหลายกำ ในการชุมนุมประท้วงขับไล่เณรถนอมที่พยายามลักลอบเข้าประเทศ ณ สนามฟุตบอลแห่งเดิม วันนั้นคุณลุงเบอร์นาร์ดขายถั่วได้หมดเกลี้ยงและกลับบ้านได้เร็ว โดยไม่ทราบว่าย่ำรุ่งของอีกวัน ลูกค้าและคนคุ้นเคยหลายคนต้องจากไปด้วยคมกระสุนของกลุ่มกระทิงแดง วันรุ่งขึ้นคุณลุงเบอร์นาร์ดมาที่สนามหลวงเพื่อนำถั่วมาขายตามปกติและพบกับภาพบางอย่างที่ทำให้เขายังไม่สามารถลืมเหตุการณ์ในวันนั้นได้คือ เห็นคนสามคนกำลังโดนเผาโดยที่ยังไม่ตาย หลังจากนั้นคุณลุงเบอร์นาร์ดก็ต้องหยุดขายถั่วและไปทำงานเป็นยามอย่างเดียวไปหลายเดือนเพราะมหาวิทยาลัยถูกปิดซ่อมแซม   

  • ในการขายถั่วแต่ละวันของคุณลุงเบอร์นาร์ดหลังจากที่มหาวิทยาลัยกลับมาเปิดให้บริการได้ปกติ คุณลุงเบอร์นาร์ดจะเริ่มในช่วงสายเมื่อถั่วถูกจัดใส่กระบะและตั้งโต๊ะขายถั่วที่ประตูทางเข้าของฝั่งท่าพระจันทร์ โดยมีรูปแบบจู่โจมให้คนซื้อส่วนมากจำต้องจ่าย สายสัมพันธ์ระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขายแบบเพื่อนเก่าเช่นนี้ เทียบไม่ได้กับการเดินเข้าร้านสะดวกซื้อซึ่งพนักงานคอยพูดเหมือนกับหุ่นยนต์ว่า “สวัสดีครับ/ค่ะ” “รับ...เพิ่มไหมคะ” เพราะนั่นคือความสัมพันธ์ที่มีจุดประสงค์เดียวคือเอาเงินออกจากกระเป๋าของเรา แต่ระหว่างนักศึกษากับคุณลุงเบอร์นาร์ด มันมีอะไรบางอย่างมากกว่าที่คิด

    ปลายเดือนธันวาคม 2547 หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารชุดใหม่ของธรรมศาสตร์ มีข่าวคราวว่าจะมีการยกเลิกพื้นที่ขายของในมหาลัยเกิดขึ้น คุณลุงเบอร์นาร์ดก็เป็นหนึ่งในนั้นที่จะโดนยกเลิกพื้นที่ขายของ เมื่อเรื่องถึงหูนักศึกษา กลุ่มนักศึกษาก็รวมตัวเขียนจดหมายไปยื่นให้คณบดีเซ็นอนุมัติให้คุณลุงเบอร์นาร์ดสามารถใช้พื้นที่มหาวิทยาลัยเพื่อทำมาหากินได้ต่อ นั้นจึงเป็นจุดสำคัญเลยก็ว่าได้ที่ทำให้คุณลุงเบอร์นาร์ดได้ขายถั่ว ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์เป็นต้นมา

    ในช่วงแรกเริ่มธุรกิจ ถั่วที่คุณลุงเบอร์นาร์ดขายจะมีถั่วเคลือบน้ำตาล ถั่วทอง ถั่วลิสง ถั่วปากอ้า ถั่วลันเตาเคลือบ โดยขายใส่ถุงกระดาษเล็กๆ ในราคาถุงละ 50 สตางค์ ก่อนที่จะเพิ่มราคาขึ้นมาเรื่อย ๆ จนปัจจุบันขายในราคา 20 บาทต่อถุง ทุก ๆ วันของคุณลุงเบอร์นาร์ด จะนั่งขายถั่วที่ประตูทางเข้าของมหาวิทยาลัยตั้งแต่ 11 โมงเช้าไปจน 6 โมงเย็น จากนั้นพอ 6 โมงเย็นไปถึง 6 โมงเช้า คุณลุงเบอร์นาร์ดก็จะไปเฝ้ายามต่อที่ โรงพิมพ์สามเจริญพาณิชย์ตรงจรัญสนิทวงศ์ ใครหลายคนอาจจะสงสัยว่าเขาเอาเวลาที่ไหนไปพักผ่อน ซึ่งคุณลุงเบอร์นาร์ดจะใช้เวลาในขณะที่ขายถั่ว นั่งหลับเอาตอนนั้นล่ะ เดี๋ยวพอนักศึกษาจะซื้อถั่ว เขาก็จะเป็นคนปลุกลุงเอง

    สำหรับโต๊ะขายถั่วคู่กายของลุงเบอร์นาร์ดที่ใครเห็นนั้น คุณลุงเบอร์นาร์ดบอกว่า “สมัยก่อนเวลามาขาย จะเทินโต๊ะไม้ไว้บนหัว เดินเท้าจากบ้านแถวสะพานพระปิ่นเกล้ามาที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สมัยแรก ๆ ที่มาขาย จะทิ้งโต๊ะไม้ไว้ที่มหาวิทยาลัย ก็กลัวหาย เลยต้องใช้วิธีขนไปขนกลับ ต่อมาพออายุเยอะขึ้น นักศึกษาเห็นสภาพแกแล้วก็สงสาร เลยช่วยต่อโต๊ะไม้ขนาดใหญ่ขึ้นให้ลุงสำหรับเก็บไว้ที่มหาวิทยาลัย พร้อมติดล้อให้ด้วยเพื่อง่ายต่อการเคลื่อนย้าย แถมมีสติกเกอร์โลโก้หน้าลุงเบอร์นาร์ดติดไว้ที่ข้างโต๊ะ  สติกเกอร์นี่ นักศึกษาที่จบไปเป็นทนายเขาทำให้ ตอนทำเขาทำสติกเกอร์มาสองร้อยแผ่น แจกนักศึกษาไปหมดแล้ว"

    ความดังของคุณลุงเบอร์นาร์ดที่ใคร ๆ ก็รู้จัก ขนาดคุณลุงยามประจำตึกคณะศิลปศาสตร์ยังบอกว่า “ลุงแกเป็นคนดัง พวกนักศึกษาที่เรียนจบไปแล้ว เวลากลับเยี่ยมมหาลัยก็ต้องแวะมาถ่ายรูปกับแก ลุงเบอร์นาร์ดเนี่ยเป็นปูชนียบุคคลนะ”  คำกล่าวนี้เป็นจริงตามที่คุณลุงยามบอก เพราะหลายคนเรียนจบไปเป็นสิบปีแล้ว เมื่อกลับมาธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ก็ต้องแวะเวียนมาคุณลุงเบอร์นาร์ด แม้แต่นักการเมืองอย่างเฮียชูวิทย์ หรือชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ สมัยลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ในปี พ.ศ.2547 เมื่อมาเยือนถึงที่นี่ก็ยังปลีกตัวมา จับไม้จับมือระลึกความหลัง หรือแม้กระทั่งกลุ่มนักศึกษาที่กำลังจะจบการศึกษาในปีนั้น ๆ เวลากลุ่มนักศึกษา มาถ่ายรูปชุดครุยที่มหาวิทยาลัย ก็จะแวะมาทักทายและถ่ายรูปร่วมกับคุณลุงเบอร์นาร์ด

    ตลอดระยะเวลา 52 ปี ในรั้วมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ คุณลุงเบอร์นาร์ดได้กลายเป็นสมาชิกของครอบครัวธรรมศาสตร์ไปโดยปริยายและเป็นบุคคลคนเก่าแก่ที่คุ้นหน้าคุ้นตาที่ได้อยู่ร่วมเป็นประจักษ์พยานต่อหลายเหตุการณ์สำคัญอันเกี่ยวเนื่องกับฉากสถานศึกษาแห่งนี้ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน คล้ายกับว่า คุณลุงเบอร์นาร์ดนั้น ได้กลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่สำคัญของท่าพระจันทร์ก็ว่าได้ ปัจจุบัน ปี พ.ศ. 2563 คุณลุงเบอร์นาร์ดยังคงขายถั่วอยู่ที่มหาลัยธรรมศาสตร์อยู่ทุกวันด้วยใจรักในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นักศึกษา รวมถึงผู้คนที่พบผ่าน ณ ที่แห่งนี้ 

    Photo Courtesy of Wongnai
  • อ้างอิง
    Kaewta P. [2562]. “เจาะชีวิต ‘เบอร์นาร์ด’ ชายขายถั่ว 50 ปีในรั้วธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์.” 
              [ออนไลน์].เข้าถึงได้จาก: https://news.mthai.com/news-clips/702796.html สืบค้น 12 
              ตุลาคม 2563.
    MGR Online. [2548]. “ตำนาน "คนขายถั่ว" แห่งรั้วท่าพระจันทร์.” [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก:
              https://mgronline.com/live/detail/9480000035823 สืบค้น 12 ตุลาคม 2563.
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in