ในการขายถั่วแต่ละวันของคุณลุงเบอร์นาร์ดหลังจากที่มหาวิทยาลัยกลับมาเปิดให้บริการได้ปกติ คุณลุงเบอร์นาร์ดจะเริ่มในช่วงสายเมื่อถั่วถูกจัดใส่กระบะและตั้งโต๊ะขายถั่วที่ประตูทางเข้าของฝั่งท่าพระจันทร์ โดยมีรูปแบบจู่โจมให้คนซื้อส่วนมากจำต้องจ่าย สายสัมพันธ์ระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขายแบบเพื่อนเก่าเช่นนี้ เทียบไม่ได้กับการเดินเข้าร้านสะดวกซื้อซึ่งพนักงานคอยพูดเหมือนกับหุ่นยนต์ว่า “สวัสดีครับ/ค่ะ” “รับ...เพิ่มไหมคะ” เพราะนั่นคือความสัมพันธ์ที่มีจุดประสงค์เดียวคือเอาเงินออกจากกระเป๋าของเรา แต่ระหว่างนักศึกษากับคุณลุงเบอร์นาร์ด มันมีอะไรบางอย่างมากกว่าที่คิด
ปลายเดือนธันวาคม 2547 หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารชุดใหม่ของธรรมศาสตร์ มีข่าวคราวว่าจะมีการยกเลิกพื้นที่ขายของในมหาลัยเกิดขึ้น คุณลุงเบอร์นาร์ดก็เป็นหนึ่งในนั้นที่จะโดนยกเลิกพื้นที่ขายของ เมื่อเรื่องถึงหูนักศึกษา กลุ่มนักศึกษาก็รวมตัวเขียนจดหมายไปยื่นให้คณบดีเซ็นอนุมัติให้คุณลุงเบอร์นาร์ดสามารถใช้พื้นที่มหาวิทยาลัยเพื่อทำมาหากินได้ต่อ นั้นจึงเป็นจุดสำคัญเลยก็ว่าได้ที่ทำให้คุณลุงเบอร์นาร์ดได้ขายถั่ว ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์เป็นต้นมา
ในช่วงแรกเริ่มธุรกิจ ถั่วที่คุณลุงเบอร์นาร์ดขายจะมีถั่วเคลือบน้ำตาล ถั่วทอง ถั่วลิสง ถั่วปากอ้า ถั่วลันเตาเคลือบ โดยขายใส่ถุงกระดาษเล็กๆ ในราคาถุงละ 50 สตางค์ ก่อนที่จะเพิ่มราคาขึ้นมาเรื่อย ๆ จนปัจจุบันขายในราคา 20 บาทต่อถุง ทุก ๆ วันของคุณลุงเบอร์นาร์ด จะนั่งขายถั่วที่ประตูทางเข้าของมหาวิทยาลัยตั้งแต่ 11 โมงเช้าไปจน 6 โมงเย็น จากนั้นพอ 6 โมงเย็นไปถึง 6 โมงเช้า คุณลุงเบอร์นาร์ดก็จะไปเฝ้ายามต่อที่ โรงพิมพ์สามเจริญพาณิชย์ตรงจรัญสนิทวงศ์ ใครหลายคนอาจจะสงสัยว่าเขาเอาเวลาที่ไหนไปพักผ่อน ซึ่งคุณลุงเบอร์นาร์ดจะใช้เวลาในขณะที่ขายถั่ว นั่งหลับเอาตอนนั้นล่ะ เดี๋ยวพอนักศึกษาจะซื้อถั่ว เขาก็จะเป็นคนปลุกลุงเอง
สำหรับโต๊ะขายถั่วคู่กายของลุงเบอร์นาร์ดที่ใครเห็นนั้น คุณลุงเบอร์นาร์ดบอกว่า “สมัยก่อนเวลามาขาย จะเทินโต๊ะไม้ไว้บนหัว เดินเท้าจากบ้านแถวสะพานพระปิ่นเกล้ามาที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สมัยแรก ๆ ที่มาขาย จะทิ้งโต๊ะไม้ไว้ที่มหาวิทยาลัย ก็กลัวหาย เลยต้องใช้วิธีขนไปขนกลับ ต่อมาพออายุเยอะขึ้น นักศึกษาเห็นสภาพแกแล้วก็สงสาร เลยช่วยต่อโต๊ะไม้ขนาดใหญ่ขึ้นให้ลุงสำหรับเก็บไว้ที่มหาวิทยาลัย พร้อมติดล้อให้ด้วยเพื่อง่ายต่อการเคลื่อนย้าย แถมมีสติกเกอร์โลโก้หน้าลุงเบอร์นาร์ดติดไว้ที่ข้างโต๊ะ สติกเกอร์นี่ นักศึกษาที่จบไปเป็นทนายเขาทำให้ ตอนทำเขาทำสติกเกอร์มาสองร้อยแผ่น แจกนักศึกษาไปหมดแล้ว"
ความดังของคุณลุงเบอร์นาร์ดที่ใคร ๆ ก็รู้จัก ขนาดคุณลุงยามประจำตึกคณะศิลปศาสตร์ยังบอกว่า “ลุงแกเป็นคนดัง พวกนักศึกษาที่เรียนจบไปแล้ว เวลากลับเยี่ยมมหาลัยก็ต้องแวะมาถ่ายรูปกับแก ลุงเบอร์นาร์ดเนี่ยเป็นปูชนียบุคคลนะ” คำกล่าวนี้เป็นจริงตามที่คุณลุงยามบอก เพราะหลายคนเรียนจบไปเป็นสิบปีแล้ว เมื่อกลับมาธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ก็ต้องแวะเวียนมาคุณลุงเบอร์นาร์ด แม้แต่นักการเมืองอย่างเฮียชูวิทย์ หรือชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ สมัยลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ในปี พ.ศ.2547 เมื่อมาเยือนถึงที่นี่ก็ยังปลีกตัวมา จับไม้จับมือระลึกความหลัง หรือแม้กระทั่งกลุ่มนักศึกษาที่กำลังจะจบการศึกษาในปีนั้น ๆ เวลากลุ่มนักศึกษา มาถ่ายรูปชุดครุยที่มหาวิทยาลัย ก็จะแวะมาทักทายและถ่ายรูปร่วมกับคุณลุงเบอร์นาร์ด
ตลอดระยะเวลา 52 ปี ในรั้วมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ คุณลุงเบอร์นาร์ดได้กลายเป็นสมาชิกของครอบครัวธรรมศาสตร์ไปโดยปริยายและเป็นบุคคลคนเก่าแก่ที่คุ้นหน้าคุ้นตาที่ได้อยู่ร่วมเป็นประจักษ์พยานต่อหลายเหตุการณ์สำคัญอันเกี่ยวเนื่องกับฉากสถานศึกษาแห่งนี้ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน คล้ายกับว่า คุณลุงเบอร์นาร์ดนั้น ได้กลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่สำคัญของท่าพระจันทร์ก็ว่าได้ ปัจจุบัน ปี พ.ศ. 2563 คุณลุงเบอร์นาร์ดยังคงขายถั่วอยู่ที่มหาลัยธรรมศาสตร์อยู่ทุกวันด้วยใจรักในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นักศึกษา รวมถึงผู้คนที่พบผ่าน ณ ที่แห่งนี้
Photo Courtesy of Wongnai
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in