แต่ในความเป็นจริง สังคมไทยยอมรับกลุ่มคนเหล่านี้จริงหรือ กลุ่มคนหลากหลายทางเพศในไทยยังคงถูกจำกัดสิทธิและถูกเลือกปฏิบัติ ซึ่งเป็นอุปสรรคในการหางานและการทำงาน
จากงานวิจัยของโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ในปี 2562 พบว่า แม้ประเทศไทยได้รับการยอมรับจากนานาชาติเรื่องการยอมรับความแตกต่าง แต่ในความเป็นจริงแล้วยังถูกเลือกปฏิบัติในที่ทำงาน รวมถึงขั้นตอนการรับเข้าทำงาน ค่าตอบแทนที่ไม่เท่าเทียม การถูกไล่ออก ไปจนถึงการถูกปฏิเสธไม่ให้เลื่อนตำแหน่งด้วยวิถีทางเพศ อัตลักษณ์ หรือการแสดงออกทางเพศ และการถูกระรานและถูกปฏิบัติอย่าง ไม่เหมาะสมโดยหัวหน้าหรือเพื่อนร่วมงาน ยกตัวอย่างเช่น อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ไม่รับ คทาวุธ ครั้งพิบูลย์ หรือครูเคท เข้าเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย ในตำแหน่งอาจารย์คณะสังคมศาสตร์ เหตุโพสต์ภาพลิปสติกไม่เหมาะสม
จากเหตุการณ์ที่ดิฉันได้ยกตัวอย่างข้างต้น ดิฉันยังเชื่อว่า ยังมีกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ อีกหลายท่านที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมในการรับสมัครงาน การรับเงินเดือนที่ไม่เท่าเทียม หรือการเลือกปฏิบัติจากเพื่อนร่วมงาน
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กลุ่มคนหลากหลายทางเพศในประเทศไทยได้มีการเคลื่อนไหวผลักดันให้เกิด พ.ร.บ. คู่ชีวิตขึ้นซึ่งเป็น พ.ร.บ. ที่จะรับรองสิทธิให้กับคู่ที่จดทะเบียนภายใต้ พ.ร.บ.นี้ ในการแบ่งสมบัติเมื่อ หย่าร้าง รับรองสิทธิในการเยี่ยมคู่ชีวิตของตนเมื่อเกิดอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วย หรือเป็นผู้รับสมบัติของคู่ชีวิตที่เสียชีวิตไป เนื่องจากพบว่า คู่รักร่วมเพศหลายคู่ที่แม้ว่าจะใช้ชีวิตร่วมกันมานานนับสิบปี แต่กลับไม่ได้รับสมบัติที่ร่วมหามาด้วยกันเมื่อตอนที่คู่ครองมีชีวิตอยู่ โดยสมบัติเหล่านั้นต้องตกทอดไปให้ญาติของผู้เสียชีวิต เนื่องจากไม่มีกฎหมายรับรองสิทธิและสถานภาพของคู่ชีวิต บางคนไม่ได้รับอนุญาตให้เฝ้าไข้คู่ชีวิตของตนซึ่งพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เนื่องจากไม่ใช่สามี ภรรยา หรือญาติ จะเห็นได้ว่ากลุ่มคนที่มีความหลากหลาย ทางเพศยังถูกจำกัดสิทธิทางกฎหมายในหลายๆ มิติ
กิตตินันท์ ธรมธัช (2562) ตำแหน่งนายกสมาคมฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์กับไทยพีบีเอส ออนไลน์ว่า แม้สังคมจะเริ่มเข้าใจเกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศ แต่ก็ยังไม่สามารถเข้าถึงได้ ขณะนี้เครือข่ายต่าง ๆ รวมถึงสมาคมฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทย ได้ต่อสู้เพื่อให้เกิดความเข้าใจในความหลากหลายทางเพศ จนนำไปสู่การต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนที่เท่าเทียมกัน แต่ปัญหาที่ยังต้องเผชิญอยู่ในปัจจุบัน คือ กฎหมาย
กิตตินันท์ ธรมธัช ยืนยันว่า การต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมของคนหลากหลายทางเพศในประเทศไทย ก้าวมาได้ถึงร้อยละ 70 แล้ว แต่เรื่องกฎหมายต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องยาก อย่าง พ.ร.บ.ความเท่าเทียมกันระหว่างเพศ ได้เริ่มผลักดันตั้งแต่ปี 2550 และต้องใช้เวลาถึง 8 ปี กว่าจะออกมาได้อย่างเป็นรูปธรรม ขณะที่ยังขาด พ.ร.บ.คู่ชีวิต ที่ขณะนี้มีร่าง พ.ร.บ.คู่ชีวิตที่ผลักดันมาตั้งแต่ปี 2555 ออกมาจำนวน 5 ร่างแล้ว
ในช่วงต้นปี 2563 จากกระแสการเสนอกฎหมายโดยประชาชนที่ผ่านมา ประชาชนให้ความสนใจเข้าไปแสดงความเห็นต่อร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เพื่อเปิดทางสู่การสมรสของเพศเดียวกัน ประเด็นสำคัญของร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้คือ การเสนอขอแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งฯ เพื่อให้คนทั้งเพศเดียวกันและต่างเพศหมั้นและสมรสกันได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และให้มีสิทธิและหน้าที่ระหว่างคู่สมรสในเรื่องต่าง ๆ ตามกฎหมาย โดยให้แก้ไขถ้อยคำในหลายมาตราที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บัญญัติว่า สามีและภรรยาเป็นคู่สมรส การที่ประชาชนให้ความสนใจถึง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม แสดงให้เห็นว่าสังคมไทยตระหนักถึงเรื่องความหลากหลายทางเพศมากขึ้น
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in