คอนเทนต์นี้ไม่ใช่ไดอารี่แต่เป็นสิ่งที่อยู่ดีๆก็อยากเขียนจะบอกว่ากว่าจะได้คอนเทนต์นี้มาต้องพิมพ์สองรอบเลยนะรอบแรกพิมพ์เสร็จซะดิบดีดันไปกดโดนอะไรก็ไม่รู้มันเลยไม่บันทึกให้ WTF แต่ก็ชั่งมันคิดในทางที่ดีจะได้มีเรื่องให้เล่าไปอิ้กกก
แรงบันดาลใจได้มาจากหนัง Call me by your name แต่นี่ไม่ใช่การมาเขียนรีววหนังแต่อย่างใดมีเพื่อนๆเขียนไว้เยอะเลยเราชอบเข้าไปดูมันทำให้เราเข้าใจหนังเรื่องนี้มากขึ้นจากมุมมองที่แตกต่างกันของแต่ละคนเพราะชั้นดูเป็นเสียงอิ้งไงเทอซับอิ้งซับไทยก็ have no ก็เลยเข้าใจแค่บางส่วนแบบภาพรวมไรงี้อย่าให้ลงลึกลายละเอียดฮ่าๆ ก็บอกหน่อยว่าเป็นหนังเกี่ยวกับความรัก it`s just a love like human being เพียงแค่เป็นความรักของเพศดียวกันเท่านั้นเองเราแนะนำให้ไปดูกันเองเถอะ สำหรับเราหนังเรื่องนี้ได้ลบล้างหนังโรแมนติกที่ i have ever seen already ! หลังดูหนังเรื่องนี้จบเราได้รับรู้อะไรบางอย่างและมันขับเคลื่อนเราให้อยากเขียนเกี่ยวกับการรู้สึกยังไม่พอแค่นั้นมันไปลิ้งกับหนัวสือที่เราเคยอ่านด้วยเราเลยอยากเขียนมันออกมาดู
ก่อนจะดูหนังเรื่องนี้เราเคยอ่านหนังสือเล่มนึงก็นานสักพักละจำชื่อหนังสือไม่ได้(ไว้จะมาแปะทีหลังตอนนี้เราอยู่ญี่ปุ่นหนังสืออยู่ที่หอลาดกระบังนู้นอิอิ)แต่จำเนื้อหาในหนังสือได้บางส่วนมันเกี่ยวกับการรับรู้ของมนุษย์อะไรทำนองนี้มีแบบฝึกหัดให้ทำด้วยแต่เราไม่ได้ทำเพราะบางทีเราไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เค้าอธิบายทั้งหมด เอะหรือว่าเราไม่เข้าใจวะ แต่ส่วนที่เราเห็นด้วยและลองเอามาทดลองใช้ชีวิตดูคือเรื่องการรู้สึกเค้าเขียนประมาณว่า คนเรามักจะกลัวที่จะรู้สึกหรือบางทีก็รู้สึกแหละแต่ไม่อยู่กับมันเลือกที่จะโยนมันทิ้งไปไหนก็ไม่รู้และบางครั้งเราโยนมันไปให้คนอื่น ฟังดูงงมั้ยเราจะลองยกตัวอย่างให้ดูนะ สมมติว่าเราเกิดความอิจฉาเพื่อนขึ้นมาเพราะเค้าได้คะแนนเยอะกว่าเราก็ทำเป็นว่าเรายินดีด้วยหรือทำเป็นไม่รู้สึกอิจฉาทั้งๆที่เป็นแล้วพอเราไปเจอคนที่ขี้อิจฉาเราก็จะไม่ชอบเเค้านั่นก็เพราะเราไม่ยอมรับความรู้สึกของเราเองไงเรามองว่ามันเป็นสิ่งไม่ดีพอไปเห็นในตัวคนอื่นก็เลยไป judge ซึ่งนั่นมันเหมือนเป็นการว่าเขาอีเหนาทำเอง(สำนวนไทยดึกดำบรรพก็มาจ้ากรู)แทนที่เราโอบอุ้มมันอยู่กับสิ่งที่เราเป็น
ในหนังสือยังบอกอีกว่าเราเป็นมนุษย์เราควรที่จะได้รับรู้ทุกความรู้สึก เราชอบประโยคนี้มากมันเปิดประตูเราเลยเพราะเราลองนำมาปรับใช้ เราเป็นคนที่ปกติก็เป็นคนปกติแหละแต่เรามักจะมีความรู้สึกอะไรมากมายเกิดขึ้นจนบางทีเราคิดว่าเราอาจจะไม่ค่อยปกติ จะเล่าให้ฟังเราเคยรู้สึกอิจฉาน้องตนเอง รู้สึกแบบตอแหลอ่ะคือเราไม่ชอบคนๆนี้แต่เราก็ไปพูดดีกับเค้าเห็นม่ะตอแหลจริงแม้กระทั่งเราเคยรู้สึกไม่ชอบแม่ตัวเองด้วยซ้ำ
อ้าวอาจจะสงสัยเห้ยแบบนี้จะแก้ยังไง จะกลายเป็นไม่ดีรึป่าวอันนี้เราก็ไม่รู้ เรารู้แต่ว่าหลังจากเราได้อ่านประโยคนั้นทำให้เราเข้าใจตัวเองมากขึ้นรับรู้ถึงสันดานและเราอยู่กับมันเวลาเราเกิดอารมณ์อะไรก็แล้วแต่เราแทบจะไม่ผลักไสมันทิ้ง อย่างเวลาเกิดความต้องการทางเพศเราก็รู้สึกว่ามันก็ตื่นเต้นดี เวลารู้สึกอิจฉาใครก็ปล่อยไปให้รู้สึกและเดี๋ยวมันก็จะจบลง เอ้อ มันขึ้นกับว่าคนที่เราอิจฉาดึงดูดเรามากแค่ไหนถ้าดึงดูดมากก็ใช้มันเป็นแรงผลักดันให้พัฒนาตัวเองมากขึ้นแต่ถ้าดึงดูดน้อยแปปเดียวมันก็จางไปแล้วเชื่อดิ แต่อย่างเรื่องไม่ชอบแม่ เราไม่ได้บอกว่าไม่ชอบทั้งหมดมันแค่บางเรื่องและเราว่าแม่ก็เป็นเช่นกันแต่เลือกที่จะไม่พูดมันเลยทำให้เรากับแม่ทะเลาะกันบ่อย เห็นมั้ยว่าการรู้สึกแล้วไม่แสดงออกไม่ยอมรับมันก็เป็นแบบนี้ ช่วงหลังๆเราเลยพูดถ้ามีอะไรที่เราไม่ชอบเราก็พูดเลยมันก็ทำให้ปัญหาลดน้อยลงนะ
จงรู้สึกเถอะ อย่าทำเป็นไม่รู้สึกอะไรเลยจนมันกลายเป็นว่าไม่รู้สึกจริงๆมันเสียเวลา(ประโยคนี้เอามาจากหนัง call me by your name รักมากกก ถ้าเแสดงความรู้สึกจริงๆออกมากับคนอื่นเค้าก็จะรับรู้ถึงความเป็นตัวเรา มันวิเศษนะที่ได้เป็นตัวของตัวเองน่ะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in