มาจะมา มาเที่ยวนารากันเต๊อะ นารามีอะไร? วันนี้เราจะมาพาเพื่อนๆไปเดินทอดน่องไปเที่ยวนารากับเราใน 1 วันกันค่ะ หลังจากที่เราได้ไปเดินเขาที่ศาลเจ้าจิ้งจอกเสร็จเรียบร้อยแล้วนะคะเราก็รีบเดินทางมาที่เมืองต่อไปนั่นก็คือ นาราาาาาาา นั่นเองค่ะ จะบอกว่านาราเป็นเมืองที่น่ารักมุ้งมิ้ง ปุ้กปิ้ก
กุ๊งกิ๊ง สำหรับเรามาก เพราะอะไรนะหรือ..... ก็เจ้าสิ่งนี่ไง!!!!
ไม่รู้ว่าเพราะเราชอบกวางอยู่แล้วหรือเพราะที่นี่มีกวางเกลื่อนกลาดเต็มไปหมดเราเลยรู้สึกว่า เห้ย ที่นี่น่ารักจัง มันเป็นUnseenสำหรับเราไปเลยคือไม่เคยเจอะไรแบบนี้เลยรู้สึกว่า ว้าว! อะเมซิ่งเงอะ!
เมื่อเราเสร็จจากการเดินเที่ยวที่ศาลเจ้าจิ้งจอก เกียวโต แล้วนั้นเราก็รีบทำการนั่งรถไฟมาที่เมืองนาราโดยเร็ว เราว่าการเดินทางด้วยรถไฟของญี่ปุ่นนี่ค่อนข้างสะดวกมากเลยเราชอบมาก ถึงแม้ว่าแผนที่รถไฟที่นู่นเขาจะดูงง สายรถไฟก็มีเยอะแยะจนลายตาไปหมด แต่มันทำให้การเดินทางไปเที่ยวของเรานั้นสะดวกมาก ไลค์ให้เลยจ้า
ตัดภาพมาที่เมืองนาราค่ะคุณกิตติ//ชึ้บๆ เมื่อมาถึงนาราแล้วสิ่งแรกที่เห็นเลยคือฝนตกจ้า เป็นการต้อนรับการเที่ยวของเราอย่างสวยงาม จำได้ว่าไปถึงที่นู่นก็ประมาณบ่ายกว่าๆแต่ด้วยความที่ฝนยังตกอยู่เราก็เลยไปเดินเล่นฆ่าเวลาที่แห่งหนึ่งฮะ จำได้ว่าออกมาจากสถานีรถไฟแล้วก็เดินออกทางด้านขวามือก็จะเจอที่นี่
V
V
V
ที่นี่เลยจ้า เราจำไม่ได้ว่าตรงนั้นเรียกว่าอะไรแต่ว่าดูเหมือนตรงนี้จะเป็นเหมือนแหล่งช้อปปิ้งนะคะ มีทั้งร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก ร้านขายของเล่น จิปาถะต่างๆเราก็เดินเล่นอยู่แถวนั้นเพื่อรอให้ฝนหยุดตกค่ะ
ฤกษ์งามยามดีก็มาถึง ฝนหยุดตกแล้ว ก็ออกเดินทางกันซิครับรออะไร จากสถานีรถไฟเราก็ต้องข้ามถนนไปอีกฝั่งหนึ่งเพื่อไปขึ้นรถเมล์ค่ะ ตอนแรกเราตัดสินใจว่าจะเดินไปแต่ด้วยความที่เห็นฟ้ามันครึ้มๆเลยตัดสินใจนั่งรถเมล์ดีกว่าเพื่อความชัวร์ก็รอรถเมล์แล้วก็ไปลงที่หน้าวัดกันเลยฮะ ระหว่างทางก็จะได้เจอกับน้องกวางหลายตัวเลยยยย มองไปมองมานึกว่าน้องหมาเหมือนกันนะเนี่ย
เมื่อยานพาหนะที่มีชื่อว่ารถเมล์ได้พาเรามาถึงที่หมายแล้วเราก็เดินลงมาด้วยใจที่เต้นตึ๊บๆ คือตอนนั้นตื่นเต้นอยากเจอกวาง แบบอยากเล่นอ่ะ วินาทีที่ลงไปก็คือกวางเลย เหมือนมีกวางมาต้อนรับเลย แต่จริงๆไม่ใช่มันก็เดินของมันดีนั่นแหละเรามโนเอง55555 เดินมาจากป้ายรถเมล์แค่ไม่กี่ก้าวก็ถึงวัดแล้วจ้า วัดแห่งนี้มีชื่อว่า Todaiji Temple หรือว่า วัดโทไดจิ นั่นเองค่ะ เมื่อเดินเข้ามาก็จะบรรยากาศแบบนี้ค่า
ด้านซ้ายมือก็เป็นร้านขายของที่ระลึกรวมถึงขนม"เซมเบ้" ที่เอาไว้ให้น้องกวางกินค่ะ เมื่อเดินไปเรื่อยๆก็จะเจอกับประตูทางเข้าวัดชั้นแรกก่อนค่ะเป็นประมาณนี้ (รูปอาจจะไม่สวยมากเท่าไหร่เพราะตรงนี้คนค่อนข้างเยอะมากทีเดียวค่ะ)
เมื่อเดินผ่านประตูชั้นแรกแล้ว ก็จะถึงประตูชั้นที่สองเป็นประตูสำหรับเข้าไปยังตัวอาคารหลักของวัดค่ะ ทางด้านซ้ายมือจะเป็นที่ขายตั๋วสำหรับเข้าไปข้างในค่ะ เราจำราคาไม่ได้แฮะ แต่ว่าราคาสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติกับนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นจะราคาเท่ากันค่ะ
เอาล่ะค่ะ จะบอกว่าเดินผ่านประตูมาแต่ล่ะชั้นนี่ก็ไกลพอสมควรเด้อ แต่ว่าเรารู้สึกไม่ค่อยเหนื่อยมากเพราะแวะถ่ายรูปแล้วก็ตื่นตาตื่นใจกับสิ่งรอบตัวเยอะจนหายเหนื่อยไปเลย5555 และเมื่อเดินผ่านเข้ามายังประตูชั้นที่สองแล้วก็จะได้เห็นกับ ทาดาาาา!!
ตื่นเต้นทำไม5555 และนี่ก็คือตัวอาคารหลักของวัดโทไดจิค่า สถานที่จริงคือตัวอาคารใหญ่มากเลยค่ะ อาคารทั้งหลังจะทำมาจากไม้ทั้งหมดและได้รับการยอมรับว่าเป็นอาคารไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยนะ วัดโทไดจิเป็นวัดที่มีชื่อเสียงอย่างมากในจังหวัดนาราและในประเทศญี่ปุ่น ภายในตัวอาคารก็ยังมีหลวงพ่อโตด้วยค่ะ องค์ใหญ่มากกกกกค่ะ นักท่องเที่ยวที่มาก็จะมาสักการะบูชากันอย่างล้นหลามเลยค่ะ
จุดไคล์แมกซ์ของที่นี่ก็คงจะเป็นเสาต้นใหญ่ๆ และจะมีช่องว่างช่องใหญ่ให้ผู้คนลอดผ่านช่องนี้ไปให้ได้ มีความเชื่อว่าถ้าหากใครสามารถลอดผ่านช่องนี้ไปได้ก็จะสามารถตรัสรู้ได้ในชาติหน้า โอ้โหหหห แต่ต้องขอบอกว่าเราไม่ได้ลอดนะจ๊ะเพราะกลัวว่าพุงน้อยๆของเราจะไปติดอยู่ในช่องแล้วจะออกมาไม่ได้ มีหวังอายตายไปเลย55555 ส่วนใหญ่ก็เป็นเด็กตัวเล็กๆหรือคุณสุภาพสตรีเอวบางร่างน้อยเข้าไปลอดกัน แต่สำหรับเราขอบายจ้า
หลังจากที่เราเดินชมภายในอาคารแบบสุดๆแล้ว ก็ถึงเวลาที่เราจะได้ออกไปเซย์ฮัลโหลกับน้องกวางที่อยู่ข้างหน้าวัดกันแล้วค่า พอเดินออกมาจากวัดทางด้านซ้ายมือก็จะมีสวนสาธารณะค่ะ ตรงนั้นแหละ กวางเต็มไปโหมดดด เราสามารถจับน้องกวางได้นะคะน้องไม่ดุ เป็นมิตรกับผู้คน แถมน่ารักมากด้วยและถ้ายิ่งมีขนมเซมเบ้มาให้นะ อื้อหื้อออ ยิ่งกว่าคำว่าเพื่อนแท้อีกจ้า มาๆวาร์ปไปดูความน่ารักของน้องกวางกันดีกว่าค่ะ
เขาสวยมากเลย
เอาหละๆ ได้ทำความรู้จักกับน้องกวางพอหอมปากหอมคอ ก็ถึงเวลาที่ต้องโบกมือลาบ๊ายบายน้องกวางกันแล้วค่ะ ฮืออออ ซาโยนาระนะน้องกวางทุกตัว ถ้ามีโอกาสจะแวะมาหาอีกเน้อ
ด้วยความที่ออกมาจากวัดเร็วเกินแล้วก็ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนต่อ ปฏิบัติการเดินมั่วของเรากับพี่ก็เกิดขึ้นอีกครั้งนึงจ้า เอ้า!ไป! เดินมั่วไปเลยฮะไปออกซอกซอยไหนเราก็ไม่แน่ใจ แจ่เดินไปเดินมาชักติดใจขึ้นมาซะงั้น ก็เพราะว่ามันเป็นหมู่บ้านที่เงียบสงบอีกแล้วค่ะ แถมมีร้านเล็กๆแบบน่ารักๆตั้งอยู่ด้วย อย่าเพิ่งคิดกันนะคะว่าเราไปบุกรุกพื้นที่ส่วนตัวของคนอื่น เราไปอย่างสันติค่ะ ไม่รบกวนใครใดๆทั้งสิ้นๆเด้อ
หลังจากที่ซอกแซกซอกซอยกันจนมืดค่ำทางเราก็เริ่มเมื่อยและเริ่มหิวก็ไปหาอะไรกินเพิ่มพลังกันอีกแล้ว และเราก็ต้องย้ายเมืองกันอีกแล้วจ้า ด้วยความที่พี่เราเห็นว่านารากับโอซาก้าอยู่ใกล้กันนางก็ไม่ได้จองที่พักที่นาราค่ะทำให้เราต้องออกเดินทางย้ายเมืองกันอีก เหตุการณ์คุ้นๆเหมือนตอนโตเกียวแล้วไปเกียวโตมั้ยคะ นั่นแหละค่ะ เหนื่อยเหมือนกันเลยฮะ เมืองต่อไปของเราคือโอซาก้าาาา ก้า ก้า ดีหน่อยว่าที่พักของเราที่โอซาก้านี้ได้รับการอุปการะคุณจากคุณตาและคุณยายคนญี่ปุ่นที่แม่เรารู้จักหลังจากนี้จะขอเรียกว่า โอจีซังและโอบาซังนะคะ แปลว่าคุณตาคุณยายในภาษาญี่ปุ่นค่ะ เพราะเรายังต้องฝากเนื้อฝากตัวอยู่กับท่ายอีกประมาณ 3-4 วันกันเลยทีเดียวค่ะ
นาราก็เป็นอีกเมืองหนึ่งที่เราประทับใจนะคะ เป็นเมืองที่น่ารักมากอาจจะเพราะความที่มีน้องกวางที่เดินว่อนเต็มไปหมดทั่วท้องถนนบวกกับบรรยากาศแถวนั้นด้วยมั้งคะมันเลยเพิ่มความน่ารักเข้าไปอีกเป็น 10 เท่าเลย ถ้าเพื่อนๆได้มีโอกาสไปนาราก็อย่าลืมไปเยี่ยมเยียนน้องกวางกันนะคะ ที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เราอยากแนะนำมากเลยค่ะทุกคนนนน ตอนหน้าเราจะพาเพื่อนๆไปขึ้นเขากันอีกแล้วค่ะ งงล่ะสิว่าไปโอซาก้าแล้วแล้วหล่อนจะไปขึ้นเขาที่ไหนอี้ก ต้องลองดูกันต่อไปค่า
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in