ได้ฤกษ์มาแล้วนะฮะ เราจะมาพาเพื่อนไปปั่นจักรยานรอบเมืองกันค่ะ โดยเมืองที่เราไปปั่นน้องจักก้าเล่นเนี่ยมีชื่อว่า เมืองArashiyama หรือ อาราชิยาม่า นั่นเองงงแต่ว่ายังอยู่ในเกียวโตนะ อยู่ทางทิศตะวันตกของเกียวโตค่ะ เริ่มแรกเลยนะคะตื่นเช้ามาล้างหน้า อาบน้ำ แปรงฟันและออกเดินทางกันค่ะ อันดับแรกเราก็ไปขึ้นรถไฟสาย JR Line แล้วก็ไปลงที่สถานี saga-Arashiyama กันค่ะ
หลังจากนั้นเราก็เดินๆๆๆไปยังร้านที่ให้เช่าจักรยานกันค่ะ เส้นทางการเดินเท้ามาร้านเช่าจักรยานง่ายมากถ้าเดินออกมาจากสถานีรถไฟแล้วก็จะเจอกับซอยเล็กๆซอยหนึ่งค่ะ ก็เดินตามซอยนั้นมาเรื่อยๆก็จะเจอ เดินมานิดเดียวเท่านั้นฮะ เราเช่าตั้งแต่ 10.00 น.กว่าคืนตอน 16.00 น. ก็เช่าได้เกือบทั้งวันเลยนะคะราคาก็ไม่แพงมากเท่าไหร่แต่เราจำไม่ได้ว่าเท่าไหร่แต่ไม่แพงนะ55555 ร้านอื่นก็มีนะคะถ้าเพื่อนๆเจอร้านที่โอเคกว่าก็ลุยไปเลยจ้า
หลังจากที่เราได้รับจักรยาน ยานพาหนะคู่ใจของเราตลอดทั้งวันแล้วนั้น ก็รออะไรล่ะครับ ปั่นแหลกไปเล้ย ปั่นให้โซ่หลุด แล้วหยุดที่จ่ายค่าซ่อม 55555 ไม่ใช่อย่างน้าน เราก็ปั่นน้องจักก้าไปยังสถานที่แรกที่เราจะไปเลยนั่นก็คือ สะพาน Togetsukyo หรือ สะพานโทเง็ตสึเคียว นั่นเองค่ะ สะพานนี้ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของอาราชิยาม่าเลยค่ะ ใครมาอาราชิยาม่าต้องห้ามพลาดสะพานนี้นะคะเพราะเราบอกได้เลยว่าสวยมาก เพราะสองฝั่งของสะพานจะเต็มไปด้วยภูเขาที่เขียวขจีและมีแม่น้ำที่ดูแล้วสะอาดสบายตามากเลยค่ะ
เพื่อเป็นการไม่เสียเวลา เมื่อเราถ่ายรูป เซลฟี่กับสะพานอย่างอิ่มอกอิ่มใจเราก็มาวอร์มหน้าแข้งกันอีกครั้งเพื่อปั่นจักรยานไปยังอีกสถานที่หนึ่งกันเลยค่ะ สถานที่ที่สองของเราในวันนี้คือวัดค่ะ ชื่อวัด Tenryuji หรือ วัดเท็นริวจิ ค่ะ ภายในวัดจัดได้สวยมาก อากาศดีสุด นักท่องเที่ยวก็เยอะสุดเช่นกัน55555
หลังจากนั้นเราก็เริ่มปั่นจักรยานกันอีกแล้วค่ะ55555 แต่ที่ที่เราจะไปครั้งนี้ถือว่าเป็นจุด Climax ของเรากับพี่ๆเลยค่ะ รับรองครั้งนี้ไม่มีนกให้เห็นชัวร์55555 ที่ต่อไปคือ Bamboo Arashiyama Forest หรือเรียกสั้นๆว่า ป่าไผ่ นั่นเองงงหลายๆคนอาจจะเคยได้ยินป่าไผ่มาบ้าง และก็เป็นครั้งแรกของเราที่ได้ไปที่นั่นเหมือนกันตื่นเต้นมากกก เพราะตอนที่เตรียมทริปจัดตารางอะไรต่างๆแล้วได้มาเห็นภาพของป่าไผ่แล้วคืออย่างไปมากกกก และแน่นอนเราไม่พลาดค่ะ ไม่รอช้ารีบปั่นจักรยานไปอย่างไวเลยฮะ
แต่เราจะบอกว่าใครที่คิดอยากจะไปปั่นจักรยานในป่าไผ่แบบชิลๆ เราขออนุญาตหยุดความคิดเอาไว้ตรงนี้เลยค่ะเพราะข้างในคนเดินเยอะมากจริงๆ ตอนที่ไปเช่าจักรยานจากร้านเช่าคุณลุงก็บอกว่าถ้าไปถึงป่าไผ่ให้ใช้วิธีเข็นจักรยานเอาไว้นะ เพราะคนเยอะมาก ตอนแรกเรากับพี่ก็ไม่เชื่อหรอกค่ะเพราะคิดว่าไปช่วงที่ไม่ใช่เทศกาลคนคงไม่เยอะเท่าไหร่หรอกแต่เริ่มปั่นเข้าไปในป่าเท่านั้นแหละ คำลุงขึ้นใจเลยฮะยอมเข็นจักรยานอย่างจำใจ55555 ขอโทษค่ะลุงที่แอบไม่เชื่อตอนแรก แง้ พอเราเริ่มเข็นจักรยานไปตามทางป่าไผ่เรากับพี่ก็ไปออกทางไหนแล้วก็ไม่รู้ค่ะ55555 คือมันก็ยังอยู่ในป่าไผ่นั่นแหละแต่ทางมันเริ่มเป็นบ้านคนสลับกับร้านอาหารด้วยและเป็นทางขึ้นเขามากขึ้นเรื่อยๆ เส้นทางก็เงียบเหงามากขึ้นเช่นกัน แต่ระหว่างทางมันสวยมากจริงๆ แต่ความพยายามของพวกเราสามคนก็ไม่ได้หมดเพียงเท่านี้ค่ะ ก็พยายามปั่นๆๆๆขึ้นไป แต่คือพวกเราลืมไปหรือเปล่าว่าจักรยานมันไม่มีเกียร์มันเป็นจักรยานแม่บ้านธรรมดาๆเวลาปั่นขึ้นเขาหรือเนินมันก็จะหนักๆหน่อยและก็เหนื่อยๆหน่อย แอบคิดว่าถ้าคุณลุงร้านเช่าจักรยานมาเห็นเราใช้จักรยานร้านแกแบบหนักหน่วงขนาดนี้แกต้องร้องไห้ออกมาแน่ๆเลย ขอโทษอีกรอบค่ะลุง55555 ก็เหนื่อยนะแต่ก็พยายามต่อไปส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยได้ปั่นล่ะใช้การเข็นแทน เพราะปั่นไม่ไหวจริงๆค่ะ55555
พอเริ่มเข็นจักรยานไปได้สักพักเรากับพี่ก็เริ่มรู้สึกว่า เห้ย ไม่ได้ล่ะ ขืนปั่นต่อต้องไปออกโลกหน้าแน่ๆ เพราะทางมันเริ่มเป็นป่าแบบป่าสุดๆไปแล้วอ่ะค่ะ ก็เลยตัดสินใจปั่นลงมากลับไปยังป่าไผ่ที่เดิมเลย โชคดีที่ขาลงมันสบายกว่าไม่ต้องใช้กำลังเท้าปั่น แค่นั่งบนอานจักรยาน สองมือจับแฮนด์ให้มั่นแล้วไหลลงมาตามทางเลยค่ะ ลมตีหน้า หมวกกระจุยกระจายไปหมด แต่สนุกดี55555 ใครมีโอกาสก็ไปลองดูได้น้า เพราะวันนี้ใช้กำลังไปค่อนข้างมากทำให้เรากับพี่หิวมาก ก็เลยแวะมากินข้าวก่อนเพื่อเติมพลังค่ะ
หลังจากที่เติมพลังกันเรียบร้อยแล้ว ด้วยความที่เวลาเหลือเรากับพี่ก็เลยลองไปปั่นจักรยานเล่นอีกสักรอบก็ปั่นกลับไปยังสะพานโทเง็ตสึเคียวเหมือนเดิมเลยแต่ปั่นเลยสะพานไปอีกนิดนึงนะคะมันก็จะมีทางปั่นจักรยานแบบขึ้นเขาอีกแล้ว55555 ความอยากรู้อยากเห็นของเราทั้งสามไม่สิ้นสุดจริงๆค่ะ จะรออะไรล่ะ ปั่นต่อซิครับ เราปั่นเรียบแม่น้ำไปเลยค่ะน่าจะชื่อว่าแม่น้ำ โฮสุ นะคะ พอปั่นขึ้นไปเรื่อยๆบรรยากาศมันก็จะเย็นสบายหน่อยๆจนลืมไปเลยว่านี่มันหน้าร้อนนะ55555 เอารูประหว่างทางขึ้นเขามาให้ดูกันดีกว่าเนอะ
เมื่อเราเริ่มปั่น เอ๊ะ ต้องใช้คำว่าเข็นซิถึงจะถูก55555 พอเราเข็นขึ้นเขาไปจนถึงข้างบนสุดก็พบกับอะไรสักอย่างมันน่าจะเป็นที่พักสำหรับการแคมป์ปิ้งอะไรแบบนั้นหรือเปล่าก็ไม่ทราบ แต่ที่รู้ๆคือเสียเงิน ในเมื่อสถานที่ที่เราไปเจอไม่ได้อยู่ในแผนการเที่ยวตั้งแต่แรกเรากับพี่เลยตัดสินนั่งจักรยานแล้วไหลลงเหมือนเดิมเพื่อจะได้นำจักรยานที่เช่ามาไปคืนให้กับทางร้านเพราะมันใกล้จะถึงเวลาคืนพอดีเลย อิอิ
และด้วยความที่หิวน้ำมาก ระหว่างทางปั่นจักรยานเราก็แวะจอดร้านมินิมาร์ทแห่งหนึ่งเพื่อซื้อน้ำแต่เราดันไปเจอของดีเสียนี่ นั่นก็คือ.....
ทาด้าาาาา จะตื่นเต้นทำไม55555 คือเราไม่เคยเห็นไง ประเทศไทยอากาศร้อนเกือบทุกฤดูแต่ยังไม่เคยเห็นที่ไหนมีขายก็เลยตื่นเต้นเป็นพิเศษ (แต่เราเห็นตอนนี้ 7-11 ประเทศไทยบางแห่งก็มีขายแล้วนะอาจจะไม่ใช่แบบในรูปนี้แต่เป็นที่กดเองใส่แก้วเลยอ่ะค่ะ 8 บาทก็คุ้มอยู่เด้อ) คือคนที่มันกระหายน้ำมากๆเวลาเจออะไรแบบนี้มันก็ยิ่งทวีคูณความตื่นเต้นขึ้นไปอีก55555 ก็จัดการซื้อมาเลยค่ะแล้วก็ดื่มอึกๆๆๆ อย่างต่อเนื่องชนิดไม่มีการสำลักใดๆออกมาเลย ดื่มจนจุกอ่ะพูดง่ายๆ55555 หลังจากนั้นก็ไปคืนจักรยานที่ร้านเช่าค่ะ เมื่อเริ่มเข้าสู่ช่วงเวลาเย็นมากแล้วเรากับพี่จึงเดินทางกลับที่พักโดยการนั่งรถไฟกลับไปยังที่พักเหมือนเดิมค่ะ
การเดินทางและการปั่นจักรยานในเมืองอาราชิยาม่าของเรากับพี่ในตอนนี้เราว่ามันคุ้มมากเลยนะ เรายังจำความรู้สึกของตอนนั้นได้อยู่เลยค่ะมันเป็นอะไรที่สนุกมากจริงๆเราชอบมากบรรยากาศของเมืองอาราชิยาม่าเป็นสิ่งท่ีี่น่าจดจำที่สุด ผู้คนน่ารัก เมืองเงียบสงบ ถึงมันจะเหนื่อยแต่เราได้รับประสบการณ์ใหม่ๆมาเยอะมากถึงจะแค่วันเดียวก็เถอะ ถ้าเพื่อนๆคนไหนได้มีโอกาสมาปั่นจักรยานในเมือง อาราชิยาม่าแบบเราก็อย่าลืมเก็บภาพความทรงจำของเมืองนี้กลับไปด้วยนะคะ เรารับประกันเลยว่าทุกคนคงต้องมีความสุขแบบเราแน่ๆเลยค่ะ
และครั้งหน้าจะเป็นวันสุดท้ายที่เรากับพี่จะได้เที่ยวในเกียวโตแล้วนะคะเป็นอีกที่หนึ่งในเกียวโตที่ไม่ควรพลาดเหมือนกันเด้อ หลังจากนั้นเราจะพาเพื่อนๆไปบุกเมืองกวางกันนน รับรองน้องกวางน่ารักจนเพื่อนๆต้องอยากไปเห็นกับตาแน่ๆเลยค่ะ อิอิ แล้วเจอกันค่า
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in