เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
내 책장annallis
รีวิวนิยายวายจีนเรื่องฮัสกี้หน้าโง่กับซือจุนแมวเหมียวสีขาวของเขา P.2
  •                                  

    กดที่ลิ้งด้านล่างเพื่ออ่านบทความในหน้าเว็บเวอร์ชั่นเก่า ซึ่งจะอ่านง่ายกว่า
    🔗 
    https://dash.minimore.com/b/G0PTC/2


               สวัสดีค่า ยินดีต้อนรับเข้าสู่บทความรีวิว 二哈和他的白猫师尊 #ฮัสกี้หน้าโง่กับอาจารย์เหมียวขาวของเขาพาร์ทที่สองค่า เย่!!! ยังมีใครรออ่านอยู่บ้างมั้ยน้า /ชะโงกมอง

               หลังจากที่ผ่านการคิดมาแล้วว่าควรจะเริ่มจากตรงไหนดี เราก็ตัดสินใจว่าในบทความนี้จะพูดถึงเหตุการณ์สำคัญในเรื่องเฉพาะที่เราอยากพูดถึงเท่านั้น หมายความว่าเหตุการณ์บางอย่างเราจะขอไม่พูดถึงและเก็บไว้ให้หลาย ๆ ท่านไปรออ่านเองในนิยายเองนะคะ ที่ทำแบบนี้ก็เพราะว่าบางเหตุการณ์มันควรเป็นเรื่องที่อยากให้ไปอ่านเจอเองจริง ๆ ค่ะ ฮี่ฮี่

               ก่อนจะเริ่มกันจริงๆ เราขอออกตัวก่อนว่าทุกอักษรต่อไปนี้ล้วนแต่เป็นความคิดและความชอบส่วนบุคคลของเราเอง ไม่สามารถนำไปใช้เป็นพื้นฐานในการตัดสินว่านิยายเรื่องนี้เป็นอย่างไรได้ จนกว่าทุกท่านจะได้ลองอ่านเองนะคะ

     

    มาค่ะ เริ่ม!

     

    ❅ part 2 ❅

    ภาพประกอบจาก Baidu

     

    Event: Ghost Wedding

     

               นี่เป็นอีเวนท์แรก ๆ ที่เราชอบมากกกกกก ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ประกอบไปด้วยความน่าทุบหลังให้ดังแอ้กของเจ้าโม่หราน 1.0 และเป็นช่วงที่คันมือยุบยิบทั้งหวั่นหนิงและคนอ่านอย่างเราค่ะ เพราะว่าไอหมาของเรานั้นกระดี๊กระด๊าอยู่ในใจว่าลงจากสื่อเซิงไปทำภารกิจในครั้งนี้จะได้วอแวกับซือเม่ยแน่ ๆ ซึ่งไอเราอ่านไปก็กำแบตเตอเลี่ยนไป ฮึ่ยยย อยากโกนขนหมา!!!! 555555555 แต่ว่าภายใต้ความน่าหงุดหงิดช่วงนี้นั้นมันก็ยังมีอะไรดี ๆ อยู่ค่ะ นั่นก็เพราะมันเป็นอีเวนท์ที่ทำให้หรานหวั่นของเรานั้นจับพลัดจับพลูไปแต่งงานกันนั่นเองค่าคุณผู้โช้มมมม!! /อุดปากกรี๊ด แม้จะเป็นการแต่งงานที่เจ้าโม่หราน 1.0 ไม่ได้เต็มใจก็ตามก็เถอะ555555555 แต่เพราะว่างานแต่งในครั้งนี้นี่แหละ ที่จะไปมีความเชื่อมโยงใน Underworld และช่วง 2.0 ที่เป็นจุดทำให้หรานหวั่นเขาสารภาพรักกันอีกด้วย

               โดยในระหว่างการต่อสู้เพื่อปกป้องโม่หรานและซือเม่ย **ย้ำ เพื่อปกป้องโม่หรานและซือเม่ย!** (ฮือออ ซือจุนเขารักศิษย์ตัวเองมาก ๆ เลยนะ) ทำให้หวั่นหนิงโดนเล็บของ Ghost Mistress Of Ceremony คว้านไหล่ลึกไปถึงกระดูก ( ; ω ; ) แถมตอนกลับมายังสื่อเซิงก็โดนลงโทษโบย 200 ทีและถูกสั่งให้คุกเข่า 3 วันพร้อมทั้งกักบริเวณ 3 เดือนเนื่องจากว่าทำผิดกฎของสื่อเซิงไปในเหตุการณ์นั้น ซึ่งพอเซวียเหมิงได้ยินว่าซือจุนจะโดนโบยน้องคือวิ่งหน้าตั้งมาเลย แม้น้องจะเป็นลูกชายประมุขแห่งสื่อเซิงแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เราสงสารน้องมากต้องมาทนดูซือจุนโดนโบย น้องก็รักของน้องอะ แงงงงง ㅠㅠ นอกจากนี้การที่หวั่นหนิงโดนโบยทำให้เจ้า 1.0 เริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่าทำไมซือจุนต้องคอยปกป้องตัวเองจนบาดเจ็บหนักขนาดนี้ด้วยนะ ซือจุนไม่ชอบเราไม่ใช่หรอ?????? ในหัวคือมีแต่ความไม่เข้าใจ บวกกับความเป็นห่วง คืนนั้นโม่หรานก็เลยแอบไปยืนเฝ้าซือจุนทั้งคืนเลย นี่จึงเป็นที่มาของประโยคในนิยายที่ว่า

     

                

    And so the white cat knelt all night, never turning around.

    And so the dumb dog stood all night, never once leaving.

                 


    [แฟนอาร์ตประกอบซีนนี้จากคุณ kxx: จิ้มเลย]

               ยัง ยังไม่หมดค่ะ!!! เพราะว่ายังมีโมเม้นต์น่ารัก ๆ อีกตรงที่พอโม่หรานรู้ว่าตอนที่โดนโบยนั้น ซือจุนบาดเจ็บที่ไหล่อยู่ด้วย น้องก็เลยตั้งใจมาดูแลซือจุนแหละถึงแม้น้องจะไม่ค่อยชอบขี้หน้าซือจุน แต่น้องก็เป็นเด็กดีนะคะ น้องรู้ตัวว่าที่ซือจุนต้องเจ็บตัวนั่นก็เป็นเพราะปกป้องตัวเอง น้องก็เลยเอายาไปให้แถมน้องยังจำได้อีกด้วยว่าซือจุนไม่ชอบกินอะไรขม ๆ ก็เลยเอาลูกอมหวาน ๆ ติดมาด้วยค่ะ ความใส่ใจอันแสนน่าร้ากกกกกก (っ˘▽˘) 


    note: จริง ๆ แล้วอีเวนท์นี้มีอะไรที่หวานกว่าลูกอมด้วยแหละแต่ว่าไม่สปอยล์หมดดีกว่า ให้ทุกคนไปรอลุ้นในเล่มเอง อิอิอิอิอิ เขิ๊นนน/เอามือปิดหน้า

     

    Event: Holy Weapon


    ภาพประกอบจาก HaoYiXing official Weibo


               เป็นอีเวนท์ที่หวั่นหนิงและเหล่าลูกศิษย์ทั้งสามต้องออกเดินทางไปที่ทะเลสาบ Jincheng เพื่อหาอาวุธประจำกายของแต่ละคนค่ะ ซึ่งโมเมนต์น่ารักๆ ที่เราชอบก่อนจะถึงทะเลสาบก็มีอยู่ว่า กว่าจะเดินทางไปถึงทะเลสาบก็นานหลายวันแล้วมันก็มีช่วงที่ทั้งสี่คนจะต้องไปพักที่โรงเตี๊ยม ไอหมาของเราก็แบบเย่! หาโอกาสให้ได้นอนห้องเดียวกับซือเม่ยดีกว่า /กำหมัด again แต่เอาเข้าจริงตอนเลือกว่าใครจะนอนกับใครพอหวั่นหนิงเลือกว่าจะนอนกับเหมิง ๆ มันมีคนงอนอะ! แบบไอ่หมามั่นใจมากว่าซือจุนจะต้องเลือกตัวเอง สรุปพอเขาเลือกเหมิง ๆ แล้วเป็นไง หมาเลยยยยยยย 5555555555555 ขำไม่ไหว อีกทั้งตอนที่โม่หรานอยู่ในห้องคนเดียว (ซือเม่ยแว้บไปเอาน้ำร้อนข้างล่างเพื่ออาบน้ำ) น้องได้ยินบทสนทนาจากห้องข้าง ๆ แบบ

     

               “ข้าทำท่านเจ็บหรอ งั้นข้าจะค่อย ๆ ทำนะ”

               “พูดมากน่า ทำ ๆไปเถอะ ต่อเลย ๆ”

               

               มีหมาหูผึ่งค่าทุกคนนนนนนนรีบเอาหูแนบผนังเลย แล้วก็คิดเป็นตุเป็นตะ หน้าดำทะมึนสงสัยว่าหวั่นหนิงกับเหมิง ๆ ทำอะไรกัน จากนั้นก็ปึ้งปั้ง ๆ เดินไปผลักประตูผลัวะ!! ทำอะไรกันน่ะ!!!?? ซึ่งสรุปก็คือเหมิง ๆ กำลังทำแผลที่ไหล่ให้ซือจุนเฉย ๆ ด้วยความที่ไม่ได้เปลี่ยนผ้าพันแผลนาน ผ้ามันเลยติดกับแผล ตอนดึงออกมันก็เลยเจ็บ ... โอ้ยยย ตอนเราอ่านถึงบรรทัดนี้คือแบบไม่ไหวแล้ววว มีหมาหึงค่าทุกคนนนนน!! 55555555555555555

               แล้วก็อีกโมเม้นที่เราชอบก็คือด้วยความที่ทะเลสาบ Jincheng เป็นทะเลสาบน้ำแข็ง ฉะนั้นช่วงที่ไปแวะพักหวั่นหนิงก็เลยซื้อถุงมือให้เหล่าลูกศิษย์ทั้งสามคน จากนั้นพอออกเดินทางมาเรื่อย ๆ ก็เป็นโม่หรานที่ตะโกนออกมาดังลั่นเลยว่า ซือจุน!!!!!!!!!!!!!!!!!!! เหมิง ๆ ก็หันไปถามว่าเห้ยย จะตะโกนแหกปากทำไมเนี่ยยย ซึ่งเหตุผลที่น้องตะโกนลั่นเพราะน้องเพิ่งจะสังเกตได้ว่าหวั่นหนิงไม่ได้ซื้อถุงมือให้ตัวเอง นั่นก็เพราะหวั่นหนิงทนหนาวเพื่อใช้พลังจากฝ่ามือตัวเองสร้างบาเรียไห่ถังป้องกันพวก Demon ให้กับศิษย์ทั้งสามคนตลอดทางที่เดินมา

     

    (me: ....)

               

               พออ่านจบบรรทัดนี้เราแบบ แงงงง ยัยอวี้เหิงคนดี ทำไมแสนดีที่หนึ่งขนาดนี้ เนี่ยเราถึงบอกว่าเขามักจะทำอะไรเพื่อคนอื่นลับหลังอยู่เสมอนี่ถ้าโม่หรานไม่ตะโกนขึ้นมา ก็ไม่มีใครสังเกตอะ (ಥ﹏ಥ)

               ต่อมาอีกเรื่องนึงที่เป็นไฮไลท์ที่ไม่พูดไม่ได้เลยก็คืออาวุธที่โม่หรานได้มาค่ะ ซึ่งอาวุธของน้องมีชื่อว่าเจี้ยนกุ่ย (แส้เถาวัลย์สีแดง) ที่มาจากคำว่า what the hell ที่น้องหลุดอุทานออกมาค่ะ... (ที่มาของชื่อนั้นอาจจะไม่ค่อยมงคลเท่าไหร่ แต่ว่าโอกาสตั้งชื่อมีเพียงครั้งเดียว และน้องก็ทำอะไรไม่ได้แล้วด้วย บ้าเอ้ย 55555555555) โดยเจี้ยนกุ่ยเป็นแส้วิเศษเหมือนกับของหวั่นหนิง (แส้เถาวัลย์สีทองชื่อว่าเทียนเวิ่น) ซึ่งไอเงื่อนไขที่จะได้มาของเจี้ยนกุ่ยนั้นคือต้องเปิดกล่องค่ะ เพียงแต่ว่าโอกาสมีเพียงครั้งเดียวและคนที่จะเปิดกล่องได้นั้นต้องเป็น คนที่โม่หรานรัก และคน ๆ นั้นก็ต้องรักโม่หรานกลับเช่นกัน นี่จึงเป็นที่มาอันแสนกิ๊บกิ๊ววววของอาวุธคู่หรานหวั่นนั่นเองค่ะ 

    อิ_______________อิ

     

    Event: Heavenly Rift, 3799

     

               อ่า.. ถ้าพูดถึงด้อมเอ้อร์ฮาแล้วแค่เราพิมพ์คำว่า 3799 ก็เป็นอันรู้กันค่ะว่าหมายถึงอะไร ถ้าให้เล่าแบบคร่าวๆ ไม่ยืดเยื้อและกระชับที่สุดให้เข้าใจง่าย ๆ เลยก็คือมันจะมีเหตุการณ์ที่ประตูสู่ The Ghost Realm เปิดออก ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำกับไทม์ไลน์ 0.5 และถ้าใครอ่านรีวิวพาร์ทแรกของเรา ตรงเนื้อหาคร่าว ๆ ของนิยายที่เราเขียนไว้ว่า

     

                และเพราะว่าได้รับโอกาสกลับมาเกิดใหม่นั้นโม่หรานก็เลยตัดสินใจจะใช้ชีวิตใหม่นี้แก้ไขเรื่องราวไม่ให้ “เหตุการณ์ร้าย ๆบางเหตุการณ์ในอดีตเกิดขึ้นซ้ำรอยเดิมอีก”

     

               เราหมายถึงอันนี้แหละค่ะ ซึ่งในไทม์ไลน์ 0.5 คนที่ตายในเหตุการณ์นี้ก็คือ “ซือเม่ย” แล้วพอโม่หรานไปขอร้องให้หวั่นหนิงช่วยชีวิตซือเม่ยที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้ หวั่นหนิงก็พูดว่า (อาการของซือเม่ย) มันสายเกินจะรักษาแล้ว จากนั้นก็หันหลังเดินกลับไป นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้โม่หรานเกลียดหวั่นหนิงในไทม์ไลน์ 0.5 เพราะโม่หรานคิดว่าถ้าวันนั้นซือจุนยอมช่วย ซือเม่ยที่เขารักก็คงไม่ตาย

               พอโม่หรานมาเกิดใหม่ในไทม์ไลน์ 1.0 ในตอนที่สู้กันอยู่นั้นตามเดิมแล้วจะต้องเป็นซือเม่ยที่วิ่งไปช่วยเป็นกำลังเสริมให้หวั่นหนิงแล้วบาดเจ็บจนตาย ฉะนั้นโม่หรานก็เลยขอเป็นฝ่ายไปแทนซือเม่ยเอง ต่อให้ตัวเขาต้องตายแต่ก็ถือว่าชดใช้ให้กับไทม์ไลน์ 0.5 ไปแล้วกัน

               ทว่าทุกอย่างมันกลับตาลปัตรและไม่ได้จบลงแบบเดิม เพราะในเหตุการณ์ครั้งนั้นที่ต่อสู้อยู่ โม่หราน 1.0 นั้นยังไม่ได้แข็งแกร่งขนาดจะต่อสู้กับพวกภูตผีปีศาจได้ไหว ซึ่งก่อนที่น้องจะหมดสติไปนั้นน้องก็ทำเพียงแค่เอ่ยปากเรียกขอร้องให้ซือจุนหันกลับมามองตนสักครั้ง แต่แล้วหวั่นหนิงก็ไม่แม้แต่จะหันกลับมามองค่ะ จากนั้นโม่หรานก็หมดสติไปพร้อมกับความเศร้า เสียใจ ผิดหวัง ที่ไม่ว่าจะชาตินี้หรือชาติที่แล้วหวั่นหนิงก็ไม่สนใจตนจนถึงที่สุด

               แต่แล้วพอโม่หรานตื่นขึ้นมาก็พบว่าอ้าวววว ตูรอดตายว่ะ งั้นก็แปลว่าซือเม่ยไม่ตายแถมเราก็ไม่ตายอีก เย่!!  จากนั้นโม่หรานก็ถามกับเหมิง ๆ ว่าใครพาข้ากลับมา เหมิง ๆ ก็แบบ จะเป็นใครซะอีกล่ะ... แน่นอนว่าต้องเป็นซือจุน จากนั้นโม่หรานก็ทะเลาะกับเหมิง ๆ ยกใหญ่ว่าจะเป็นไปได้ยังไง ซือจุนเกลียดข้า ไม่สนใจข้า ทะเลาะกันไปซักพักเหมิง ๆ ก็พูดออกมาว่าเจ้ากล้าพูดได้ยังไงว่าเขาไม่ช่วยเจ้า ซือจุนจะต้องเสียใจมากแน่ ๆ ถ้าเขาได้ยินเจ้าพูดแบบนี้จากข้างบนนั่น..


    Moran be like: 

     

               ทีนี้เหมิงๆ สาธยายต่อว่าหวั่นหนิงปกป้องโม่หรานจนถึงที่สุด พอทุกอย่างจบลงหวั่นหนิงที่บาดเจ็บสาหัสขนาดนั้นแบกโม่หรานขึ้นบันไดแห่งเขาสื่อเซิงมาทั้งหมด 3799 ขั้น เพื่อส่งโม่หรานกลับบ้านอย่างปลอดภัย ... ย้ำอีกที 3 7 9 9 ขั้น ทั้งที่ตัวเองนั้นสูญเสียพลังวิญญาณไปทั้งหมดแล้ว นี่จึงเป็นที่มาของประโยคในตำนานที่ว่า

     



                 "The stairs are still stained with a trail of blood; that's the road he took to bring you home."

     

    and

     

    “Ge, we don’t have a Shizun anymore.”


      

    [โดยแฟนอาร์ตประกอบซีนนี้สามารถเสิร์ชในแท็กนิยายด้วยคีย์เวิร์ด 3799 และเชิญเลือกมีดเล่มที่คุณต้องการได้เลยค่า]


               ก็คือนี่เป็นครั้งแรกที่เซวียเหมิงเรียกโม่หรานว่าเกอ แต่เป็นประโยคที่บอกว่าเราไม่มีซือจุนอีกต่อไปแล้วนะ................ /ซับน้ำตา 

               แต่ว่านี่แหละค่ะ!!!!! Turning Point ของโม่หราน 1.0 ที่จะกลายเป็น 2.0 ในภายภาคหน้า!!!!!!! จากนี้แหละค่ะทุกคนน!!!!! จากนี้ไปจะเป็นจุดเริ่มต้นความเจ็บปวดย้อนหลังของโม่หรานที่เรียกได้ว่าหมา หมาที่แท้ 555555555 (ทำเป็นหัวเราะกลบเกลื่อนนะ ตอนอ่านจริงๆ คือร้องไห้ยันตีสอง 휴ㅡ휴) เอาล่ะอีเวนท์นี้พูดถึงแค่นี้พอ คนเขียนไม่ไหวแล้ว ขอตัวไปซับน้ำตาแปปนะคะ


    [แถมมีดอีกหนึ่งเล่มค่ะ อันนี้เป็นอนิเมชั่น 2D ที่แฟนนิยายทำขึ้นมาประกอบช่วงที่โม่หรานทะเลาะกับเหมิง ๆ ตอนตื่นขึ้นมาหลังจาก 3799 >>จิ้มเลย<<]

     

    note: เราจะขอข้ามอีเวนท์ตระกูลหนานกงกับอีเวนท์หอเทียนอินไปเลยนะคะ เนื่องจากช่วงนี้เนื้อหาเยอะมากกกกกกกกกกกกกกกก คือมันก็มีอะไรดี ๆ รอเราอยู่แหละ เช่นพวกโมเมนต์กุ๊กกิ๊กของหรานหวั่นเอาว่าแอบหย่อนไว้เล็ก ๆ ว่าแถวนี้จะมี Confession Scene กับ Kiss Scene มาปลอบประโลมให้เราชื่นใจ (รวมถึง Goodnight Moran อิ_____อิ) ก่อนจะไปหนักหน่วงกันต่อที่อีเวนท์ต่อจากนี้และยาวไปจนจบเรื่องค่ะ 55555555555555 

     

     

    :::::::::: คำเตือน ::::::::::

     

               เนื้อหาต่อไปนี้ จะเป็นการสปอยล์เนื้อหาจุดที่ใหญ่ที่สุดของเรื่อง รวมทั้งเฉลยปมเกี่ยวกับท่าเซียนจวิน รวมถึงแผนการสองภพสองชาติของ The Last Boss ในเรื่องนี้แบบหมดเปลือก

     

     

    Event: Hua Binan’s bridge

     

               อย่างที่เรากล่าวไปในพาร์ทแรกว่าเราจะขอยกท่าเซียนจวินและซือเม่ยมาพูดในพาร์ทสองแทนเพราะเขาคือตัวละครที่มีความสำคัญต่อเนื้อเรื่องมาก ๆ นั่นก็เพราะ The Last Boss ของเรื่องนี้คือ......


    “ซือเม่ย” ส่วนท่าเซียนจวินนั้นเป็นเพียง “เหยื่อคนหนึ่งของแผนการทั้งหมด” .. 

    (บอกแล้วว่าน้องเป็นคนดีแงงงงงง)

     

               เรื่องราวมันเริ่มมาจากการที่เผ่ากระดูกผีเสื้อของซือเม่ยถูกขับไล่ออกมาจาก Demon Realm ซือเม่ยก็เลยวางแผนจะพาเผ่ากระดูกผีเสื้อทั้งหมดที่กระจัดกระจายกลับถิ่นฐานเดิมของตนเอง เนื่องจากเผ่ากระดูกผีเสื้อพอถูกขับลงลงมายัง Human World แล้วก็ถูกกดขี่ ถูกรังแก ถูกขายราวกับเป็นสิ่งของ และใกล้จะสูญพันธุ์นั่นเองค่ะ

               โดยแผนของซือเม่ยคือการสร้างสะพานจาก Human World กลับขึ้นไปยัง Demon Realm เพื่อพาเผ่าตัวเองกลับบ้านนั่นเองค่ะ และสิ่งที่ซือเม่ยต้องทำนั้นคือหา “ดาบที่แข็งแกร่งหนึ่งเล่ม”  ให้กับตัวเอง เพื่อที่ตัวเองจะได้ไม่ต้องมือเปื้อนเลือดและคอยชักใยอยู่เบื้องหลังแทน ซึ่งแผนที่ว่านั้นก็คือ “การปลูกดอกปาขู่” (ดอกไม้แห่งความเกลียดชัง) ลงไปในตัวของ “ฉู่หวั่นหนิง” เพื่อให้หวั่นหนิงกลายเป็นดาบที่แข็งแกร่ง กลายเป็นหุ่นเชิดให้ตัวเอง หากแต่ว่าทุกอย่างมันผิดแผนเพราะในระหว่างที่ซือเม่ยกำลังจะปลูกดอกปาขู่ลงไปในหัวใจของฉู่หวั่นหนิงนั้น เป็นโม่หรานที่เข้ามาเห็นพอดี ... โม่หรานก็เลยบอกว่าถ้าจะต้องทำแบบนั้นก็มาปลูกดอกปาขู่ที่ข้าแทนเถอะ!!! โม่หรานคือยอมให้คนแบบหวั่นหนิงต้องกลายเป็นคนโหดร้ายไม่ได้ แงงง น้องก็รักซือจุนของน้องอะ ตอนนั้นน้องยังไม่เก่งพอที่จะต่อสู้กับซือเม่ยด้วย และนั่นคือวิธีเดียวที่เด็กวัยสิบห้ากว่า ๆ จะนึกออกแล้วล่ะ

               ซึ่งพอปลูกดอกปาขู่ลงไปแล้วมันก็เกิดเป็นเอฟเฟคกับตัวน้องค่ะ ความทรงจำดี ๆ ตลอดชีวิตนี้คือค่อย ๆ หายไปจนหมด หลงเหลือไว้แต่ความทรงจำอันเลวร้าย เกิดเป็นความเกลียดชังต่อทุกสิ่ง  เพราะแบบนี้โม่หรานถึงได้เกลียดหวั่นหนิงนั่นเองค่ะ เพราะความทรงจำดี ๆ ระหว่างน้องกับซือจุนคือถูกดอกปาขู่กลืนกินหายไปหมด.... (T_T) อีกทั้งซือเม่ยได้ผสมจิตวิญญาณของตัวเองลงไปด้วย มันเลยทำให้ผู้ที่ถูกปลูกนั้น “จะค่อย ๆ หลงรักคนที่เป็นคนปลูกดอกปาขู่” นี่จึงเป็นเหตุผลของการที่โม่หรานหลงรักซือเม่ยแบบหัวปักหัวปำทั้งๆ ที่แท้จริงแล้วน้องชอบหวั่นหนิง ผนวกกับซือเม่ยนั้นวางแผนให้ตัวเองแกล้งตายในเหตุการณ์ Heavenly Rift เพื่อเพิ่มความเกลียดชังต่อโลกใบนี้ให้โม่หรานลงไปอีก ฟีลแบบว่าแม้แต่คนรักก็รักษาไว้ไม่ได้ เข้าทางซือเม่ยไปหมดทุกอย่าง จนในที่สุดโม่หรานก็อีโวกลายเป็น “ท่าเซียนจวิน” โดยที่มีซือเม่ยชักใยอยู่เบื้องหลังทั้งหมด

     

               แต่แล้วทุกอย่างก็มาผิดแผนอีกรอบ เพราะหลังจากโม่หรานกลายเป็นท่าเซียนจวินไล่ฆ่าคนเอาศพมาต่อ ๆ กันจนเป็นสะพานตามแผนของซือเม่ยแล้ว หวั่นหนิงที่ถูกจับมาแต่งงานเป็นฉู่เฟย (เพื่อลดเกียรติและศักดิ์ศรี) กลับตายลงในเหตุการณ์ต่อสู้กันครั้งสุดท้ายกับท่าเซียนจวิน(ในโลก0.5 ) ซึ่งพอฉู่เฟยตาย โม่หรานก็เลยหมดไฟในการใช้ชีวิตต่อ ฟีลแบบคนรักก็ตาย ครอบครัวก็ไม่เหลือ แม้แต่คนที่ตัวเองเกลียดก็ยังตาย แล้วจะใช้ชีวิตอยู่ไปอีกทำไม น้องก็เลยกินยาพิษฆ่าตัวตายตามหวั่นหนิงไป ส่วนตัวซือเม่ยจากโลกนั้นก็วาร์ปมาอยู่ที่โลกไทม์ไลน์ 1.0 นี้ ปลอมตัวเป็นคนใหม่และใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ชื่อ “หัวปี้หนาน” คอยบงการเหตุการณ์ต่าง ๆ ในโลกนี้อีกเช่นเคยเพื่อทำตามแผนของตนเองให้สำเร็จ ในโลกนี้มีซือเม่ย 2 คน หนึ่งคือซือเม่ยที่อยู่สื่อเซิงในไทม์ไลน์ใหม่นี้ และสอง หัวปี้หนานที่วาร์ปมาจากไทม์ไลน์ 0.5


    note: เรื่องรีบอร์นของโม่หรานนั้นค่อนข้างซับซ้อน ด้วยความที่เราไม่แน่ใจเพราะอ่านจาก mtl และส่วนที่เข้าใจเราก็ไม่แน่ใจอีกว่าจะถูกต้อง 100% มั้ย เราจึงไม่กล้าที่จะอธิบายลงไปในนี้ เอาเป็นว่าหากใครสนใจอยากดิสคัสเรื่องนี้ สามารถทักเดมในทวิตเตอร์มาพูดคุยกันได้ค่ะ ♥

     

                จริง ๆ แล้วมันมีอีกหลายเหตุการณ์ที่เราไม่ยกมาพูดเช่นเรื่อง

     

    • การแบ่งวิญญาณของหวั่นหนิงเพื่อถอนและทำลายดอกปาขู่ที่ถูกปลูกลงไปแล้ว
    • ความเชื่อมโยงของหัวปี้หนาน กับ Gouchen; God of Weapon จาก Jincheng Lake ที่โม่หรานไปเอาอาวุธ
    • เหตุการณ์ตระกูลหนานกงกับหัวปี้หนาน
    • จุดจบของเรื่องสะพานศพ
    • เหตุการณ์โม่จงซือ 2.0 VS ท่าเซียนตี้จวิน 0.5 และความเชื่อมโยงของสองคนนี้ในตอนจบ

     

                คือถ้าจะให้พูดหมดก็คือยาวค่ะ5555555555555555 แต่ถ้าใครสนใจ สามารถเดมในทวิตมาถามส่วนตัวได้นะคะ ฮี่______ฮี่

               

     

    ต่อไปเราจะมาพูดคุยถึงตัวละครกันบ้างดีกว่า ~


     

    ความรู้สึกของเราที่มีต่อตัวละครหลังอ่านจบ

     

    ♥ โม่หราน ♥

     

               สุดท้ายแล้วเรากล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าน้องไม่เคยทำอะไรผิดเลย ตั้งแต่เล็กจนโตชีวิตก็พบเจอแต่กับความบัดซ* มาโดยตลอด มันแย่ขนาดที่ว่าตอนเราอ่านถึงพาร์ทโม่หรานตอนเด็กแล้วเราต้องหยุดอ่านเพราะสิ่งที่น้องเจอมันแย่มาก ๆ กับเด็กคนหนึ่ง พาร์ทโม่หรานตอนเด็กนี่มันทั้งเจ็บปวด รันทด โกรธแค้น บ้าคลั่ง และรู้สึกผิด คือมันเป็นสิ่งที่นี่ได้แต่ถามตัวเองว่า เด็กคนนึงผ่านเรื่องราวแย่ ๆ พวกนี้มาได้ยังไงกัน .... เอาว่าถ้าเราเป็นโม่หรานเราคงตายไปนานแล้วอะ55555555555 คงไม่ใจสู้และกัดฟันมาจนโตขนาดนี้แน่นอน ซึ่งพอน้องถูกรับเลี้ยงมาอยู่ที่สื่อเซิงน้องก็ต้องมาเสียสละตัวเองรับการปลูกดอกปาขู่แทนหวั่นหนิง จากนั้นก็กลายเป็นท่าเซียนจวินผู้โหดร้าย เรียกได้ว่าความสุขตลอดอายุขัยสามสิบสองปีในโลกแรกของน้องนั้นหากนับด้วยสิบนิ้วก็คงเหลือๆ


               นอกจากนี้การที่ท่าเซียนจวินคนที่โหดร้าย คนที่จงเกลียดจงชังฉู่หวั่นหนิง แต่ยังจับเขามาแต่งงานพร้อมทั้งกักขังไว้ในพระราชวังไม่ให้ออกไปไหน มันมีความย้อนแย้งอยู่ใช่มั้ยละคะ ว่าทำไมเกลียดเขาแต่กลับเกิดอารมณ์ตอนเห็นเขา ทำไมถึงจับเขามา papapa ด้วย ในจุดนี้เรามองว่าที่โม่หรานจำไม่ได้ว่าความรู้สึกที่ตนมีให้หวั่นหนิงนั้นเป็นความรู้สึกแบบไหน ทั้ง ๆ ที่เหมือนกับว่าเรามีความรู้สึกบางอย่างมากมายต่อเขา ความรู้สึกที่มันเอ่อล้นจนเต็มไปหมด แต่ด้วยเอฟเฟคของดอกปาขู่ ทำให้โม่หรานรับรู้ได้แค่เพียงว่านั่นคือความเกลียดชัง ซึ่งจริง ๆ แล้วความรู้สึกทั้งหมดนั่นเป็นความรัก... ตอนฉู่เฟยตายน้องก็เอาศพมาใช้พลังเก็บรักษาไว้ที่หงเหลียนสุ่ยเซี่ยถึงสองปี จนสุดท้ายน้องก็ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว มันโหยหาอะ ชีวิตนี้พอไม่มีเขาแล้วมันเหมือนจะขาดใจ สุดท้ายก็เลยจบชีวิตตัวเองในโลกแรกไปเพราะแบบนี้ (ตรงนี้ไม่ใช่การบรรยายโดยตรง แต่เป็นเพียงการคิดวิเคราะห์จากความคิดของเราเอง ผิดถูกขออภัยด้วยนะคะ) 


               พออ่านทั้งหมดจนจบแล้วเราจะเสียใจมาก ๆ ถ้าในตอนจบของเรื่องนี้นั้นมีแค่เจ้า 2.0 ที่มีความสุข เพราะเจ้า 0.5 ก็ไม่ได้ทำอะไรผิด น้องเป็นเหยื่อคนหนึ่งเท่านั้นอะ แงงงง ; ^ ; ยังไงก็ตามเรารู้สึกขอบคุณที่โร่วเปาหาทางลงในตอนจบได้ดีมาก ๆ เพราะว่าโร่วเป่านั้นเขียนให้ โม่หรานได้ลงเอยกับหวั่นหนิง ย้ำอีกรอบ โม่หรานได้ลงเอยกับหวั่นหนิง (つ≧▽≦)つ 

               ถึงแม้ว่าภาพจำ 0.5 นั้นจะแย่ แต่ทุกคนอย่าลืมนะคะไม่ว่าจะเป็น 1.0 2.0 หรือ 0.5 ทุกคนล้วนแต่เป็น “โม่หราน” ทั้งหมด เขาคือคนเดียวกัน หากแต่คนละความทรงจำ คนละช่วงอายุ คนละความคิด แต่ตัวตนของเขาคือโม่หราน โม่เวยอวี่พระเอกของเรื่องค่ะ ส่วนตัวเราแล้วนั้นเราไม่เคยแบ่งแยกเขาออกจากกันเป็นคนละคนไปเลย ว่าคนนี้คือโม่จงซือ คนนี้คือท่าเซียนจวิน เพราะในมุมมองเราทั้งหมดนั่นคือโม่หรานค่ะ ยิ่งพอได้รับรู้ว่าน้องพบเจอกับเรื่องราวร้าย ๆ มามากขนาดไหน เราก็ยิ่งอยากให้เขาได้มีความสุขกับหวั่นหนิงจริง ๆ เสียที ไม่ว่าจะ 2.0 หรือ 0.5 แงงง /คลานเข่าไปถวายพานดอกไม้ให้โร่วเปาที่ประทานตอนจบดี ๆ มาให้หรานหวั่น 

     

    ♥ ฉู่หวั่นหนิง ♥

     

               ฉู่หวั่นหนิงคนดีของหนู ~ คนนี้เราไม่รู้จะพูดอะไรอะ5555555 เขาคือคนที่รักโม่หรานในทุก ๆ ตัวตน เขารักโม่หรานในฐานะศิษย์คนหนึ่ง เขารักโม่หรานในฐานะคนที่ตัวเองแอบชอบ เขารักโม่หรานในฐานะคนรัก รักแบบหมดหัวใจ ความรักที่เขามีต่อโม่หรานมันคือความรักที่ยิ่งใหญ่มากกว่าแค่พูดคำว่ารักออกไป มันคือความรักแห่งการเสียสละที่แท้จริง และถ้าถามว่ารักแค่ไหน ก็จะตอบว่าตัวเองตายได้แต่จะไม่ยอมให้โม่หรานตายอย่างเด็ดขาด ต่อให้ต้องหันหลังให้คนทั้งโลกแต่ก็จะไม่ยอมทิ้งโม่หรานไว้คนเดียว และถ้าโม่หรานจะตายเขาก็จะยอมตายไปพร้อมกับโม่หราน เขาจะปกป้องทุกวิถีทางเพื่อให้โม่หรานปลอดภัย เขาคือคนที่จะไม่ยอมเห็นโม่หรานต้องเจ็บปวดไม่ว่าจะกับเรื่องใด ๆ เฮ้อ.. และในโลก 0.5 นั้นหวั่นหนิงไม่เคยเกลียดโม่หรานเลย ไม่เคยเลย.. ยิ่งพอได้รู้ว่าน้องถูกปลูกดอกปาขู่ยิ่งแล้วใหญ่ หวั่นหนิงเขาพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้โม่หรานคนเดิมกลับมา เขาก็รักของเขาขนาดนี้อะ ㅠㅠ 

               ในสายตาเราหวั่นหนิงคือคนที่แข็งแกร่งมาก ๆ หัวใจของเขาไม่เคยยอมแพ้ต่ออุปสรรคใด ๆ และยืนหยัดเพื่อคนที่ตัวเองรักจนถึงที่สุด ต่อให้การที่เขายืนหยัดเคียงข้างโม่หรานนั้นจะทำให้คนทั่วหล้าประณาม ซุบซิบนินทา เกิดข้อครหาต่าง ๆ เกี่ยวกับตัวเองอย่างไร เขาไม่เคยสนใจ เพราะสิ่งที่เขาสนใจมีเพียงแค่โม่หราน แค่โม่เวยอวี่คนเดียวเท่านั้น 

               อย่างที่เราเคยกล่าวไปว่าหวั่นหนิงน่ะต้องการความรัก ต้องการความเอาใจใส่มาก ๆ เลย และเราก็ดีใจมากที่ต่อจากนี้หวั่นหนิงจะได้มีชีวิตที่ดี ได้รับความรักจากคนที่ตัวเองรัก ได้ใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่ที่เขาหนานผิงอย่างสงบสุขจริง ๆ เสียที


               ฮือออ หวั่นเยว่อวี้เหิงแสนดีที่หนึ่ง ฮืออออยากมีหวั่นหนิงเป็นของตัวเองบ้างอะ /หอมหัว

    โม่หราน: เจ้าเป็นใครมาหอมหัวซือจุนของข้า
    me: เอ่อ ข ข้า คือว่า .. แฮะ ๆ /เผ่นㅡ

     

    ✿ ซือเม่ย 


               อยู่ ๆ ก็อยากพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา 555555555555 อะแฮ่ม ๆ ขอนิดแล้วกันนะคะ คือซือเม่ยที่มาอยู่สื่อเซิงใหม่ๆ นั้นมีโอกาสได้เจอกับหวั่นหนิงโดยบังเอิญ แล้วหวั่นหนิงก็ดันใจดีกับตนเองทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้รู้จักกันมาก่อน มันก็เลยเกิดเป็นความรู้สึกดี ๆ ขึ้นมาในใจ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมซือเม่ยจึงเลือกกราบไหว้หวั่นหนิงเป็นซือจุนค่ะ (ที่สื่อเซิงศิษย์จะเป็นคนเลือกอาจารย์) แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ซือเม่ยก็คือคนที่มีแผนการอันยิ่งใหญ่ค้ำคอไว้ เพราะต่อให้เขาจะชอบหวั่นหนิงมากแค่ไหน มันก็ไม่ได้สำคัญมากไปกว่าแผนการของเขา นี่จึงเป็นอีกเหตุผลที่ซือเม่ยเลือกที่จะปลูกดอกปาขู่กับหวั่นหนิงเพราะนอกจากตนจะได้ดาบที่แข็งแกร่งมาไว้ใช้งานแล้ว เขายังจะได้ตัวหวั่นหนิงมาครอบครองจากเอฟเฟคของดอกปาขู่อีกด้วยค่ะ กะจะยิงนัดเดียวได้นกสองตัว (._.  ) แต่สุดท้ายก็ผิดแผน หวยไปออกที่โม่หรานแทน (เราล่ะอยากให้ทุกคนอ่านไปถึงแชปที่สองร้อยกว่าจริง ๆ ยิ่งช่วงที่ซือเม่ยเผยธาตุแท้ออกมา ถ้าให้เปรียบเทียบให้เห็นภาพก็คือ โม่หรานคือช็อคจนตกเก้าอี้ไปแล้วอะ55555555555555555) เพราะว่าซือเม่ยน่ะ.......


    (อิ_________________________อิ)


               แต่ก็อย่างว่า คือซือเม่ยไม่ใช่คนโหดร้าย แต่ด้วยสถานการณ์มันบีบบังคับให้เขาเป็นแบบนั้น เขาเองก็เป็นผู้ถูกกระทำมาเหมือนกัน เขาเองก็ใช้ความกล้าหาญ และความบ้าบิ่นพอตัวที่คิดแผนนี้ขึ้นมาเพื่อเผ่าพันธุ์ของตัวเอง เพียงแต่วิธีการมันไม่ถูกต้องตั้งแต่ยืมมือคนอื่นมาเป็นดาบให้ตัวเองแล้ว ซึ่งตรงนี้ต้องยอมรับเลยค่ะว่าต่อให้ทุกคนมีเหตุผลแค่ไหน ก็ไม่สมควรจะต้องมีใครมาตายเพื่อเสียสละให้กับอะไรแบบนี้อะ (ยิ่งเรื่องสะพานศพคือแบบ มันเป็นสะพานกว้าง 5 ฟุตซึ่งสร้างจากศพ คือศพมันต้องเยอะแค่ไหนถึงจะขึ้นไปถึง Demon Realm...) ซึ่งพอเรามานึกถึงสิ่งที่ซือเม่ยทำไว้ เรารู้สึกชอบจุดจบของหัวปี้หนานกับซือเม่ยมาก มันให้ฟีลแบบ นี่แหละจุดจบที่เหมาะสมที่สุดกับพวกเขาแล้ว


    note: ถ้าอ่านในนิยายจะมีพาร์ทที่เล่าอดีตของซือเม่ยอยู่ด้วย ซึ่งเราขอติดป้าย TW ไว้ตัวโต ๆ ตัวโตเท่าบ้านว่า พาร์ทอดีตของซือเม่ยไม่ควรอ่านตอนทานข้าวค่ะ เตือนแล้วน้า555555555555

     

    ✦ เซวียเหมิง 

     

               ตั้งแต่ต้นจนจบเรารู้สึกว่าโร่วเปาใจร้ายกับตัวละครนี้มากๆ เลย เขียนคาร์มาให้เราหลงรักในความน่ารักสดใสของน้อง แต่ตอนจบนั้นน้องเละเทะไม่เป็นชิ้นดี สูญเสียแทบทุกอย่าง เขาคือเหยื่อที่โดนหางเลขไปด้วยโดยที่น้องไม่ได้ทำอะไรผิดเลย อยู่ ๆ ก็มาเจอกับความจริงที่ถูกปกปิดไว้ อยู่ ๆ ก็มาสูญเสียสิ่งนั้น สิ่งนี้ สิ่งโน้น สูญเสียไปแทบทั้งหมด แม้ในตอนจบน้องจะสามารถลุกขึ้นมาได้อีกครั้งก็ตาม แต่เราก็ยังรู้สึกว่าเออทำไมโลกใบนี้โหดร้ายกับเด็กตัวเล็ก ๆ คนนึงได้ขนาดนี้กันนะ... 

               ซึ่งที่โหดร้ายกว่าไทม์ไลน์ปัจจุบัน คือเซวียเหมิงจากไทม์ไลน์ 0.5 ถ้าไทม์ไลน์ปัจจุบันว่าเละเทะแล้ว ในส่วนของเซวียเหมิงจากไทม์ไลน์ 0.5 คือสูญเสีย โกรธแค้น เจ็บปวด บอบช้ำ แตกสลาย และไม่มีโอกาสแม้แต่จะลุกขึ้นมาอีกครั้งด้วยซ้ำ .............. (โร่วเปายูㅡ ) ตอนเราอ่านพาร์ทที่หวั่นหนิงจากไทม์ไลน์ปัจจุบันได้มีโอกาสเจอหน้าเซวียเหมิงจากไทม์ไลน์ 0.5 อีกครั้งคือเราร้องไห้น้ำตาไหลเป็นก๊อกแตกเลย แบบแม่งเง้ย น้องก็รักซือจุนของน้อง ทำไมโลกถึงใจร้ายกับน้องขนาดนี้ แถมตอนจบของเซวียเหมิง 0.5 ไม่ได้จบสวยเหมือนไทม์ไลน์นี้ด้วยอะ แงงงงงงงงงงงงงงงงง 


               แต่ภายใต้ความโหดร้ายทั้งหมดทั้งมวลนั่นโร่วเปาก็ยังใจดีที่มอบ “ซวงเหมย” มาให้น้อง ถ้าน้องไม่มีเหมยหานเสวี่ยเราว่าชีวิตน้องจะแย่กว่านี้ เพราะในตอนที่ทุกอย่างเละเทะ ก็มีซวงเหมยนี่แหละที่คอยประคับประคองน้องไว้ คอยดูแล คอยปลอบใจ คอยปกป้องอยู่ข้างกายไม่เคยทิ้งน้องไว้เลย สมแล้วที่เป็นเรือพระราชทานจากศาสดา 0.5 เพราะท่าเซียนจวินเคยกล่าวไว้ประมาณว่าไม่ว่าจะภพชาติไหนเจ้าก็คอยตามปกป้องเซวียเหมิงอยู่เสมอเลยนะ (0.5 ขี้ชิปนะเรา555555555)

     

    ส่งท้ายซักเล็กน้อย ~

     

               จริง ๆมีอีกหลายเรื่องมากกกกกกกกกกกกก ที่อยากยกมาพูดแต่ถ้าพูดมากกว่าก็จะไม่ใช่รีวิวแล้ว (ซึ่งตอนนี้ก็ไม่ใช่แล้วมั้ยอะ ? 5555555555 จะมีใครอ่านจบปะเนี่ย ยาวเป็นกิโลขนาดนี้ ._.) คือนิยายเรื่องนี้เป็นอะไรที่ทุกคนต้องลองอ่านเองจริงๆ ค่ะ มันเป็นนิยายที่เปิดโอกาสให้คนอ่านได้ตัดสินใจเกี่ยวกับตัวละครในมุมของตัวเอง เพราะโร่วเปาไม่บอกว่าคนนั้นผิด คนนี้ผิด เขาเล่าเรื่องราวให้เราฟังเฉย ๆ ส่วนจะตัดสินยังไงนั้น ขึ้นอยู่กับคนอ่านจะมองเลยค่ะ เป็นนิยายน้ำดีที่ถ้าคุณมั่นใจว่าทนรับต่อ TW ทั้งหมดได้ก็อยากให้เปิดใจลองอ่านดูค่ะ มันดีมากจริง ๆ

               ในความคิดส่วนตัวของเรานั้นเรารู้สึกว่า Theme หลักของเรื่องคือ “เหตุผล กับ ความถูกต้อง” รวมไปถึงการสำนึกผิดและชดใช้บาปของตัวละคร(?) มันเป็นอะไรที่ดีนะ คือโร่วเปาไม่ได้พยายามเขียนออกมาให้บางสิ่งบางอย่างในเรื่องมันกลายเป็นความถูกต้องอะ เขาพยายามทำให้เห็นว่าถ้าเราทำแบบนั้น เราก็หนีไม่พ้นจุดจบที่จะวกกลับมาหาตัวเราเองในท้ายที่สุด ตัวละครในเรื่องค่อนข้างสมเหตุสมผล เพราะหลังจากที่คนเหล่านั้นกระทำสิ่งใดออกไปแล้ว มันมีผลลัพธ์ตามมาเสมอไม่ว่าจะกับตัวละครหลัก ตัวละครรองต่าง ๆ โร่วเปาคือเก็บครบทุกเม็ดไม่มีปล่อยผ่านเลย งานละเอียดมากจริง ๆ ค่ะ

               ในส่วนของการบรรยายนั้นโร่วเปาค่อนข้างเก่งในเรื่องขยี้ ถามว่าเบอร์ไหนก็คงตอบได้ว่ามีช่วงนึงที่เราร้องไห้ติดกันเป็นสิบๆ ตอนเลยค่ะ โร่วเปาคือค่อย ๆ บิ๊วด์เลเวลมาเรื่อย ๆ จากที่น้ำตาซึม เป็นน้ำตาค่อย ๆ ไหล จากนั้นก็ไหลพรากออกมา จากนั้นก็เป็นร้องไห้แบบออกเสียง และไปจบที่เราร้องไห้จนตัวโยนสะอื้นออกมาดังมาก ขนาดอ่านจบจนวางไอแพดไปแล้วแต่ยังหยุดร้องไห้ไม่ได้ไปอีกเป็นชั่วโมง ปวดหัว ปวดตา ตาบวม หูอื้อเลยค่ะ ไม่เคยคิดเลยว่าครั้งนึงในชีวิตจะต้องมาเสียน้ำตาให้กับนิยายขนาดนี้55555555555555555555 ใครบอกว่าเอ้อร์ฮาเป็นนิยายขายความดุดันของ papapa scene ก็ขอยกมือเถียงไว้ตรงนี้ค่ะ ว่าเอ้อร์ฮานั่นสุดยอดแห่งความดราม่าตับพังแล้ววววว ถ้าให้เปรียบเทียบความเจ็บปวดกับวลีที่ว่าหมื่นศรทะลวงร่าง ก็คงไม่เกินจริงเท่าไหร่ค่ะ

               

    Note: สำหรับซีรีส์เฮ่าอีสิงที่จะมาในปีหน้านั้นแน่นอนว่าย่อมต้องมีการปรับบทกันอีกมากมายแน่นอน ถ้าพูดในฐานะแฟนนิยายแล้วเรารู้สึกว่าแค่ปรับซือเม่ยเป็นผู้หญิงก็เลี่ยงกบว.ไปได้เยอะแล้วล่ะค่ะ ฉะนั้นถ้าซีรีส์ออนแอร์แล้ว เราก็แอบหวังว่าจะไม่มีกรณีด่าทอใส่นักแสดงหญิงที่มารับบทซือเม่ยนี้ ; ^ ; (เฉินเหยาน่ารักมาก ๆ เลย ฝากเอ็นดูเหยาเจี่ยกันด้วยนะคะ มุแง ㅠㅠ) เพราะไม่ว่ายังไงก็ตาม โม่หรานก็ไม่มีทางลงเอยกับซือเม่ยได้อยู่แล้ว มันคือพระเอกกับตัวร้ายอะ บ้าไปแล้วววววว บ่าได้เรยยย บ่าได้จริง ๆ 555555555555555555555

     

    สำหรับผู้ที่สนใจอ่านนิยาย Eng Ver. ระหว่างรอเล่มไทยเราจะแปะลิ้งค์อ่านไว้ให้กันตรงนี้เลยนะคะ  

    Fan-trans by: คุณ Rynnamonrolls และรับช่วงต่อการแปลโดยคุณ Suika

    แปลตั้งแต่ตอนแรกและยังอัพเดทอยู่เรื่อย ๆ ตามความว่างของคุณเขาค่ะ >>จิ้มตรงนี้<< 

    Machine Translation:

    ตอนที่ 130-311(จบ) + ตอนพิเศษ >>จิ้มตรงนี้<<


               พูดกันมาซะเยอะเลย (เยอะมาก ๆ เลยแหละ ยาวกว่าแต่งฟิคอี๊กกกกก) สุดท้ายก็ขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจกับนิยายเรื่องนี้นะคะ หวังว่าบทความนี้จะช่วยไขข้อสงสัย ไขความกระจ่างในบางเรื่อง(?) ให้กับทุกท่านที่เข้ามาอ่านกันได้ ยังไงก็ฝากมอบความรักความเอ็นดูให้กับนิยายเรื่องนี้เยอะ ๆ ด้วยนะคะ

    /อ้าแขนรอ

     

    จบแล้ว จบซักที เย่!! /นอนแผ่
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
a.l.lee (@a.l.lee)
เรื่องที่ซือเม่ยชอบหว่านหนิง เราเอ๊ะ ๆ นิดนึงค่ะ พอเฉลยเราก็ตบเข่าฉาด !!! ฉันว่าแล้ว
จริง ๆ เราก็ไม่ได้เกลียดซือเม่ยนะ เขาก็ทำเพื่อพวกพ้องของตัวเอง ที่โดนโลกเซียนย่ำยีมานานขนาดนั้นอ่ะ แต่จุดจบของเขาเป็นแบบนั้นก็คือ โอเค ลงตัวดีแล้วค่ะ

แต่ไม่รู้ทำไม เราว่าเรื่องนี้มันเศร้าหลายช่วงก็จริง แต่ไม่ได้ตับพัง...จะว่าไงดี เราเคยเจอเรื่องที่ตับพังหนักกว่านี้มาเยอะแล้วอ่ะค่ะ 555 เรื่องนี้ยังไงมันก็เต็มไปด้วยความหวังนะ จบก็จบด้วยความหวัง แต่เรื่องที่ตับพังจริง ๆ อ่านจบดูจบ ยังหดหู่ไปเป็นอาทิตย์เลยค่ะ ดังนั้น เอ้อร์ฮาถือว่าชิว ๆ สำหรับเรา
Nabu Ed (@fb1443201762748)
โหย รีวิวดีมากๆๆๆๆ เลยค่ะตรงใจสุด เราเห็นด้วยทุกประการเลยค่ะ
Phanida Lipha (@fb4137913322926)
ตอนที่อ่านถึง 200 กว่าา ไม่ใช่แค่โม่หรอกค่ะ เราก็อื้งจนตกเก้าอี้เหมือนกัน 55555 ซ็อกกกมากกก แต่เราก็ดีใจนะที่มีคนรักซือจุนเพิ่มขึ้น ไม่ใช่นังโม่เสน่แรงให้ซือจุนหึงอยู่คนเดียวว หึ มีคนจะมาแย่งซือจุนไปจากแกแล้วนะนังโม่
ct50947371 (@ct50947371)
ขอบคุณนะคะที่มารีวิว น่าอ่านจริงๆค่ะ
Sunanta Gajesanand (@fb4302449316435)
ขอบคุณมากสำหรับ review และ link ต่างๆที่ทำให้ติดตามเนื้อหาของนิยายได้นะคะ ส่วนตัวแล้วชอบนิยายเรื่องนี้มากนับถือคนแต่งจริงๆ แล้วก็นับถือคนรีวิวด้วยค่ะ ด้วยความขอบคุณค่ะ
gone4295 (@gone4295)
เป็นรีวิวที่ยาววววววววสะใจดีมากๆค่ะ อ่านแล้วได้ย้อนคิดไปถึงเรื่องที่เคยอ่านผ่านมา และแน่นอนค่ะ พบว่าตัวเองตกหล่นไปในหลายๆเรื่อง คงต้องกลับ​ไป​อ่านใหม่อีกที
ในส่วนที่ยินดีจะยกมือเห็น​ด้วยอย่างแรงคือประเด็น​เรื่อง​ความรัก​ของ​หรานหวั่น​ค่ะ ㅠㅠ จริงๆ มันคือความรักที่มากกว่ารัก คือความเสียสละ​ คือชีวิต คือทุกอย่าง คือกันและกันอะค่ะ ใครจะรักหวั่นหนิงได้เท่ากับโม่หราน และใครจะรักโม่หรานได้เท่า​กับหวั่น​หนิง... คือชีวิต​และชีวิต​จริงๆค่ะ ชีวิตโม่หรานมีเสี้ยววิญญาณ​ของ​หวั่นหนิง และชีวิต​หวั่นหนิงก็มีเสี้ยวตัวตนของโม่หรานอยู่ในนั้น ดังนั้นเรื่องฉาก ppp นี่เป็น​เพียงเครื่องประกอบ ร้อยรัดปมพล็อตให้มันยุ่งเหยิงมากขึ้น​ ลึกซื้ง​มากขึ้น​เท่านั้นเองค่ะ ไม่ใช่พ้อยท์​หลักของเรื่องเลย
ดีใจที่มีคนมาพูดแทนท่าเซียน​จ​วิน​บ้างค่ะ ให้หลายๆคนได้กระจ่างมากขึ้น​ว่าแท้ที่จริง​แล้วท่าเซียน​จ​วิน​คนนี้ไม่ได้เป็น​จุด​เริ่มต้นของการฆาตกรรมทั้งหลาย เป็น​เพียงเหยื่อ และแน่นอนว่าไม่ได้​แยกขาดออกจากโม่หราน2.0ที่โซหลัวคนนั้นแต่อย่างใดเลยค่ะ
และแน่นอนว่าเราจะร่วมติดตามทั้ง LC นิยายฉบัยไทย และซีรี่ย์​เฮ่าอีสิงไปพร้อมๆกันค่ะ ขอบคุณ​อีก​ครั้ง​สำหรับ​รีวิวดีๆที่เนื้อหาอัดแน่นนี้นะคะ ❤️