บทความรีวิวเราจะขอแบ่งออกเป็น 2 พาร์ทนะคะ ในพาร์ทแรกนี้เราจะพูดถึง เรื่องย่อคร่าว ๆ ของนิยายและตัวละครหลักทั้งสี่คนแห่งสื่อเซิง รวมถึงบอกเล่าความรู้สึกของเราที่มีต่อนิยายเรื่องนี้หลังอ่านจบค่ะ **ไม่สปอยล์เนื้อหา** ส่วนพาร์ท 2 นั้นเราจะพูดถึงอีเวนท์ใหญ่ที่สำคัญในนิยายรวมถึงพูดคุยเกี่ยวกับตัวละครต่าง ๆ ตามความรู้สึกของเราเอง **สปอยล์เนื้อหา**
นิยายเรื่อง
เอ้อร์ฮานั้นจะเป็นเรื่องราวของพระเอก โม่หราน ที่หลังจากผ่านเหตุการณ์ต่าง ๆ มากมาย เขาก็ได้สถาปนาตัวเองขึ้นเป็น “จักรพรรดิท่าเซียนจวิน” ผู้โหดร้ายที่ทุก ๆ คนต้องยอมสยบแทบ
โม่หราน (โม่เวยอวี่)
ท่าเซียนจวิน / โม่จงซือ (ปรมาจารย์โม่)
note: คุณโร่วเปาได้แบ่งไทม์ไลน์ของพระเอกในนิยายออกเป็นทั้งหมด 3 ช่วงนั่นก็คือ
มาพูดถึงตัวละครโม่หรานกันเลยค่ะ สำหรับเรานั้นโม่หรานค่อนข้างเป็นคนที่ไม่ค่อยซับซ้อน และซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเองมาก ๆ เลยค่ะ ใครดีด้วยก็ดีกลับ ชอบก็แสดงออกว่าชอบ ไม่ชอบก็แสดงออกมาตรง ๆ เลย ฉะนั้นเชื่อว่าหลายคนคงเคยเห็นผ่านตามาบ้างแล้วว่าโม่หราน 1.0 ค่อนข้างน่าทุบค่ะ 555555555 ซึ่งเราเองก็ยอมรับว่าตอนอ่านช่วง 1.0 เรากำหมัดแน่นทุกตอนเลยยย แถมโม่หรานช่วง 1.0 ยังกินไป 100 กว่าตอนจากทั้งหมด 311 ฮือ /เข่าทรุด
และถ้าถามว่าทำไมถึงน่าทุบ นั่นก็เพราะโม่หราน 1.0 มีความทรงจำ 0.5 ติดมาด้วย ซึ่งภาพจำของฉู่หวั่นหนิงสำหรับ 0.5 นั้น คืออาจารย์ที่ใจร้าย ไม่ชอบตนเอง ฉะนั้นโม่หราน 1.0 นั้นจะดำเนินชีวิตไปด้วยการเหม็นขี้หน้าฉู่หวั่นหนิงไปในใจค่ะ 55555555 ถามว่าทำไมต้องเหม็นในใจ นั่นก็เพราะตอนนี้น้องอยู่ในร่างที่อายุเพียงแค่ 16 ปีเองค่ะ น้องไม่สามารถด่าหรือโกรธเกลียดซือจุนที่อายุมากกว่าตัวเองได้แบบโต้ง ๆ นั่นเอง และด้วยความที่เหม็นขี้หน้าเขานี่แหละไอ่ยูกหมาของเราก็เลยเผลอทำร้ายจิตใจฉู่หวั่นหนิงไปโดยที่ไม่รู้ตัวอีกด้วยค่ะ ㅠㅠ
ถึงแม้ว่าจะรีบอร์นใหม่แล้วก็ตาม แต่หลาย ๆ เหตุการณ์จะดำเนินไปซ้ำรอยเดิม แต่องค์ประกอบบางอย่างจะไม่เหมือนเดิมค่ะ ยิ่งวันเวลาผ่านไปโม่หรานก็ได้เห็นฉู่หวั่นหนิงในแบบที่ตัวเองไม่เคยเห็นมาก่อน ฉู่หวั่นหนิงในแบบที่ขัดแย้งกันกับความทรงจำเดิมของชาติที่แล้ว พอมาถึงจุดนี้น้องก็จะเริ่มไม่ค่อยเกลียดซือจุนเท่าเมื่อก่อนแล้ว เพราะตั้งแต่รีบอร์นมานี้ น้องจะเห็นแต่มุมใหม่ ๆ ของซือจุนอยู่บ่อย ๆ อารมณ์แบบ เอ... เขาไม่เห็นใจร้ายเหมือนเมื่อก่อนเลยเลยแฮะ?
ซึ่งตรงนี้แหละค่ะทุกคน
อะแฮ่ม ๆ กลับมา ๆㅡ แน่นอนว่ายังไงซะน้องเป็นฮัสกี้ 1.0 ไปไม่ได้ตลอดค่ะ พอมาถึงจุดนึง เรียกได้ว่าเป็น Turning Point ของโม่หรานเลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะเป็นจุดที่ทำให้น้องอีโวจาก 1.0 เป็น 2.0 โม่จงซือ (ปรมาจารย์โม่) ที่โด่งดังและมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่วเลย
ช่วงนี้นี่แหละค่ะทุกคน
แต่นอกเหนือจากความรักที่น้องตั้งใจจะมอบให้ซือจุนแล้ว มันยังพ่วงมาด้วยความรู้สึกผิดต่อตนเองและซือจุนอีกด้วยค่ะ นั่นก็เพราะน้องได้รับรู้แล้วว่าที่ผ่านมานั้น ตนเข้าใจซือจุนผิดไป และรู้สึกเสียใจที่ตัวเองในอดีตทำร้ายจิตใจซือจุนไปตั้งมากมายขนาดนั้นได้อย่างไร ฉะนั้นแล้วโม่หราน 2.0 ในช่วงแรกจะไม่ใช่โม่หรานที่หวังจะเคลมซือจุน แต่เป็นโม่หรานที่หวังเพียงอยากจะทำดีกับซือจุนเพื่อชดเชยสำหรับเรื่องที่ผ่านมา ความรักของโม่หรานที่มีต่อหวั่นหนิงในช่วงนี้จะเป็นความรักแบบเทิดทูนไว้เหนือหัวเลยค่ะ หวั่นหนิงช่างสูงส่ง ขาวสะอาดบริสุทธิ์และดีกับข้าถึงเพียงนี้ ข้าจะต้องไม่ทำให้เขาเสียใจอีก
note: ในส่วนของเจ้าโม่หราน 0.5 หรือท่าเซียนจวินนั้น เราจะขอยกไปพูดทีเดียวในพาร์ทสองเลยนะคะ แต่ว่าเราจะขอหยิบประโยคสั้น ๆ จากท่านหนึ่งในทวิตมานิยามเจ้า 0.5 คร่าว ๆ ว่า "ทุกความร้ายต้องมีที่มา ลูกฉันเป็นคนดี" ค่ะ ㅠㅠㅠㅠㅠㅠㅠ
พูดถึงพระเอกกันมาเยอะละ เรามาพูดถึงนายเอกของเรื่องกันบ้างดีกว่าค่ะ!
︾
ฉู่หวั่นหนิง
ผู้อาวุโสอวี้เหิงแห่งยอดเขาสื่อเซิง / ฉู่จงซือ (ปรมาจารย์ฉู่) / หวั่นเยี่ยอวี้เหิง / เป๋ยโต่วเซียนจุน
สำหรับเรานั้นฉู่หวั่นหนิงเป็นตัวละครที่เดาใจและรับมือยากมากกกกกกกกกกกกก เขาไม่พูด ไม่แสดงออก เขาเก็บทุกอย่างไว้คนเดียวในใจ เนื่องมาจากผู้คนล้วนมองว่าเขาเป็นผู้อาวุโสแห่งยอดเขาสื่อเซิง เป็นเซียนจวินที่สูงส่งและฝีมือเก่งกาจเป็นอันดับต้น ๆ ในโลกเซียน หลายคนจึงไม่กล้าเข้าใกล้ คบหาหรือสุงสิงด้วย แม้แต่เวลาที่เหล่าลูกศิษย์เดินสวนกับหวั่นหนิง พวกนั้นก็จะทำความเคารพแล้วก็รอให้เดินผ่านไปโดยไม่มีการทักทาย ถามไถ่อะไรที่นอกเหนือไปมากกว่านี้ และเพราะแบบนี้หวั่นหนิงจึงเริ่มปิดกั้นตัวเองเพราะเขารู้สึกว่า ในเมื่อไม่มีใครแคร์เขา เขาก็ไม่จำเป็นต้องแคร์ใคร ซึ่งพอยิ่งไม่ค่อยได้สุงสิงกับผู้คนหวั่นหนิงก็ต้องกินข้าวคนเดียว พูดน้อยลง จึงทำให้ทักษะการพูด ทักษะการเข้าสังคมรวมถึง self esteem
จนกระทั่งมีโม่หรานเข้ามาค่ะ โดยแรก ๆ นั้นหวั่นหนิงค่อนข้างไม่คุ้นชินกับการถูกตามวอแว ถูกตามดูแล และรู้สึกทำตัวไม่ค่อยถูก เลยแสดงออกมาในรูปแบบการพูดขึ้นเสียงบ้าง วีนใส่น้องบ้าง เดินหนีบ้างอะไรบ้าง จนกระทั่งมันเดินทางมาถึงจุดหนึ่งที่มันเริ่มมีความรู้สึกเอ๊ะ ๆ อยู่ในใจ แต่อย่างว่าค่ะ ตอนนั้นโม่หรานเป็นแค่เด็กอายุ 15-16 เท่านั้น บวกกับวันหนึ่งเจ้าเด็กที่มันเคยตามวอแวเรานั้นเริ่มหันเหไปหาคนอื่น(?) หวั่นหนิงจึงกลบฝังดินความรู้สึกพวกนั้นไว้และพยายามจะไม่นึกถึงมันค่ะ
นอกจากนี้แล้วเรายังรู้สึกอีกว่าฉู่หวั่นหนิงมีอีกหนึ่งนิสัยที่จะทำให้ตัวเองต้องเจ็บปวดนั่นก็คือ เวลาที่เขาทำอะไรเพื่อใคร เขาไม่ป่าวประกาศให้ใครรับรู้ แต่ระหว่างที่เราอ่านไปนั้น เรากลับรู้สึกว่าหวั่นหนิงเขาแอบเก็บมาน้อยใจอยู่นะ
แต่เมื่อเรื่องราวดำเนินมาจนถึงช่วงที่โม่หรานกลายเป็น 2.0 ฮัสกี้โตเต็มวัยนั่นแหละค่ะ จะเป็นช่วงที่เรียกว่าหวั่นหนิงสติแตก555555555 ก็ไอเด็กมันโตขึ้น สูงขึ้น หล่อขึ้นแถมยังคอยมาเอาอกเอาใจเทคแคร์จนหัวใจของหวั่นหนิงมันยุบยิบ ๆ ไปหมดเลยฮึ่ย! ยิ่งพอโม่หรานรู้ใจตัวเองก็เดินหน้าพูดคุยเรื่องนี้กับหวั่นหนิงตรง ๆ จนในที่สุดสองคนนี้ก็ได้ทำอะไร ๆ ตรงกับความต้องการของหัวใจตัวเองซักทีค่ะ.. อ๊ะ ๆ อย่าเพิ่งด่วนดีใจค่ะ ทางนี้บอกได้เลยว่าเส้นทางขวากหนาม เลือดโชก และความเจ็บปวดทั้งหลายแหล่ รวมถึงน้ำตาหลายถังที่หมดไปก่อนหน้านี้คือแค่น้ำจิ้มถ้วยเล็ก ๆ ค่ะ
เพราะนรกที่แท้จริงคือช่วงเวลาต่อจากนี้ และแน่นอนว่านรกยาวไปแบบ
สรุปง่าย ๆ ก็คือหวั่นหนิงเป็นคนขี้หงุดหงิดโมโหง่าย พูดจาเพราะ ๆ ไม่ค่อยเป็น ไม่ชอบยุ่งวุ่นวายกับใคร แต่แท้จริงแล้วเป็นคนดีมาก ๆ คนหนึ่งเลย พื้นฐานก็เป็นคนใจดี (เขาใจดีกับลูกศิษย์ที่ไม่ใช่ลูกศิษย์ตัวเองด้วยซ้ำ) แถมยังรักลูกศิษย์ทั้งสามของตัวเองแบบมากกกก ชนิดที่ว่าพูดห้วน ๆ ไปงั้นแหละ เดี๋ยวไม่คูล!555555 อีกทั้งยังเป็นคนที่เมื่อได้รักใครแล้ว ต่อให้ต้องต่อสู้กับคนทั้งโลกเพื่อปกป้องคนที่รักไว้ให้ได้ หวั่นหนิงก็ยินดีทำแบบไม่มีเงื่อนไขใด ๆ เลยล่ะ
ถ้าเปรียบเทียบให้เห็นภาพก็ตามชื่อเรื่องเลยค่ะ ฉู่หวั่นหนิงเป็นแมวตัวขาว ๆ หน้าตาดุ ๆ ประเภทที่ใครเข้าใกล้ก็จะโดนข่วนได้แผลกลับมา ทว่าจริง ๆ ก็เป็นแค่แมวตัวน้อย ๆ ตัวหนึ่งที่เปราะบางและบอบช้ำง่ายหากสัมผัสแรงเกินไป เป็นบุคคลที่ต้องการความรักและการเอาใจใส่เหมือนกัน เพียงแต่ด้วยนิสัยของตัวเองจึงไม่เคยเอ่ยปากขอร้องให้ใครมาดูแล และแสดงออกมาในเชิงกลับกันด้วยการบอกว่า ไม่เป็นไร แต่ในใจคืองอนตุ๊บป่องเดินกลับ red lotus pavilion ไปนั่งจมปุ๊กอยู่คนเดียวอีกตามเคย
ต่อไปมาพูดถึงอีกหนึ่งตัวละครที่ไม่พูดไม่ได้เลยค่ะ นั่นก็คือ “ซือเม่ย” ของเรา ~
︾
ซือเม่ย (ซือหมิงจิ้ง)
คนนี้เป็นหนึ่งในคาแรคเตอร์หลักที่ขาดไม่ได้อีกคนเลย ซือเม่ยในนิยายนั้นเป็น “ศิษย์พี่ผู้ชาย” ที่โม่หรานช่วง 0.5 และ 1.0 ชอบค่ะ (เพราะแบบนี้ในซีรีส์เฮ่าอีสิงจึงต้องเปลี่ยนเป็นผู้หญิง เพราะไม่งั้นมันจะเกย์มากกกกก และออกอากาศในจีนไม่ได้) โดยซือเม่ยนั้นเป็นผู้ชายรูปงาม กริยาอ่อนโยน ใจดี และเป็นห่วงผู้อื่นอยู่เสมอค่ะ อาจพูดได้ว่าเพราะซือเม่ยเข้ามาเทคแคร์โมหรานได้ถูกจังหวะมากกกกกกกนี่แหละ โม่หรานก็เลยเริ่มชอบซือเม่ยตั้งแต่ช่วงนั้นค่ะ 55555555 /กำหมัด
ซึ่งบทซือเม่ยในช่วงต้น ๆ นั้นจะค่อนข้างจางจ๊างงงจาง อ้าว.. งงใช่มั้ยคะ เมื่อตอนต้นบอกเป็นคาร์หลัก แต่ทำไมบทจาง โอเคค่ะ ฉะนั้นเราจะหยุดพูดถึงซือเม่ยแต่เพียงเท่านี้และจะขอยกไปพูดอีกทีใน Part 2 แทนนะคะ
เอาล่ะ พูดไปตั้งสามคนแล้ว ต่อไปมาพูดถึงคาร์แรคเตอร์หลักคนสุดท้ายค่ะ นั่นก็คือแทมทาดาแดม แทมแถ่ม แถ่มแทมแท้มมมมม *รัวกลอง*
︾
เซวียเหมิง (เซวียจื่อหมิง)
“เซวียเหมิง” พ่อคุณชายนกยูง คุณชายน้อยแห่งยอดเขาสื่อเซิง หรือที่เหล่าแม่ ๆ และแฟนนิยายติดเรียกกันว่า เหมิง ๆ นั่นเองค่า น้องเหมิง ๆ เป็นศิษย์คนแรกของฉู่หวั่นหนิงควบคู่มาด้วยตำแหน่งลูกชายของ “เซวียเจิ้งยง” ประมุขแห่งยอดเขาสื่อเซิงอีกด้วย คนนี้นี่เรียกได้ว่าเป็นลูกรักของด้อมเลยก็ว่าได้ค่ะ55555555 เป็นตัวละครที่ทุกคนจะคอยโอ๋ คอยเอ็นดูมากเป็นพิเศษเพราะความน่ารักนุ้บนิ้บม้อบแม้บของน้องค่ะ /ม๊วฟฟฟ (ノ´ з `)ノ
note: สำหรับเซวียเหมิงแล้ว น้องจะต้องเรียกโม่หรานว่าพี่ชายค่ะ เพราะโม่หรานถูกเซวียเจิ้งยงรับมาเลี้ยงในฐานะหลานของประมุขแห่งยอดเขาสื่อเซิง หลังจากที่ญาติคนหนึ่งทางฝั่งของเซวียเจิ้งยงเสียและไม่มีคนเลี้ยงดูโม่หรานต่อ (ขอไม่อธิบายความสัมพันธ์ตรงนี้ไปมากกว่านี้นะคะ เราไม่อยากสปอยล์) แต่น้องก็ไม่ค่อยอยากเรียกโม่หรานว่าเกอหรอก เพราะส่วนใหญ่จะเรียกแต่ โม่หราน!
◄ ❚❚ ►
พักหายใจกันแปปนึงงง ลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย ลุกไปจิบน้ำ แต่ถ้าพร้อมแล้ว.. ก็มาต่อกันเลยยย!
◄ ❚❚ ►
ต้องขอบอกก่อนว่า TW ทั้งหมดนั่นอยู่ในนิยายที่มีความยาว 1M+ กว่าตัวอักษร จำนวน 311 ตอน คิดเป็น 10 เล่มจบ และทั้งหมดนั่นไม่ได้มาจากแค่คู่หลัก แต่มาจากตัวละครอื่น ๆ ที่เรียกได้ว่าเป็นเรื่องราวสำคัญภายในเรื่อง ที่ตัวละครหลักได้จับพลัดจับผลูเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์นั้น ๆ ด้วยนั่นเองค่ะ
เห็น
หากใครอ่านมาถึงตรงนี้แล้วรู้สึกว่าตัวเองไม่โอเค น่าจะรับไม่ไหวสามารถกดปิดไปได้เลยนะคะไม่ฝืนตัวเองเนอะ เตือนแล้วน้า ㅠㅠ
(ปุ่มแดง ขวาบน จิ้มเลยค่า ._.)
5
4
3
1
ความรู้สึกแรกของเราหลังอ่านจบคือแบบ เห้ย ทรมานมาทั้งเรื่องขนาดนี้ ตอนจบทำไมมันไม่ค่อยสุขจนล้นหัวใจเลย ถึงแม้นิยายเรื่องนี้จะจบแบบ happy ending แต่เรากลับรู้สึกว่าไม่ได้สวยงามขนาดนั้น มันเป็นตอนจบที่ไม่ได้มีพลุไฟสวย ๆ มีดอกไม้โปรยปรายลงมา เต็มไปด้วยรอยยิ้ม หรือมีความสุขกันแบบพร้อมหน้าพร้อมตาอะไรขนาดนั้น
โดยในตอนจบของนิยายเรื่องนี้นั้นบางคนต้องใช้ชีวิตที่เหลือจมไปกับความรู้สึกผิด บางคนต้องใช้ชีวิตไปอย่างหลบซ่อน บางคนแม้จะมีอิสระในโลกกว้างแค่ไหน แต่ข้างกายกลับว่างเปล่าและโดดเดี่ยว หรือแม้แต่กระทั่งบางคนที่ไม่ได้ทำอะไรผิด และเป็นเพียงแค่เหยื่อคนหนึ่งจากเรื่องราวร้ายๆ ทั้งหมดนี้แท้ ๆ แต่กลับต้องสูญสิ้นแทบจะทุกสิ่งไปอย่างไม่ยุติธรรม พอเรามานั่งคิดดูอีกทีเราก็พบว่าในจุดนี้โร่วเปาค่อนข้างเขียนออกมาได้เรียลมากค่ะ เพราะว่าในชีวิตจริงนั้นไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับความยุติธรรม ได้รับความรัก หรือได้รับโอกาสให้มีความสุขค่ะ /ปาดน้ำตา
นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่อง “เหตุผล กับ ความถูกต้อง” อีกเรื่องที่เราชอบมาก ๆ เพราะแม้จะมีไม้บรรทัดแบ่งว่าอะไรขาวอะไรดำ แต่หลังที่จากที่เราได้อ่านเรื่องราวทั้งหมดทุกอย่างแล้ว เรารู้สึกว่าสุดท้ายแล้วพวกเขาก็แค่ทำไปตามเหตุผลของตัวเองก็เท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าเหตุผลในมุมของตัวเราเองนั้นมักจะฟังขึ้นเสมอ พอเป็นแบบนี้มันก็เลยกลายเป็นเรื่องที่ค่อนข้างพูดยาก และในจุดนี้ก็คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนอ่านแล้วล่ะ ที่จะตัดสินว่าอะไรขาว อะไรดำ หรือบางทีอาจจะเป็นเพียงแค่สีเทา
สำหรับเราแล้วนั้น เอ้อร์ฮาเป็นนิยายที่ค่อนข้างอ่านยาก และท้าทายระบบศีลธรรมในใจของคนอ่านมากค่ะ บางเรื่องนี่ถ้าหยิบมาถกเถียงกันเป็นวันก็ไม่จบ อีกทั้งยังมีดีเทลเยอะแยะมากมาย บางช่วงนี่ถ้าคนอ่านสติหลุดนิดเดียวคือต้องย้อนกลับไปอ่านใหม่เลย รวมไปถึงพวกอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดลึก ๆ ของตัวละครที่แล้วแต่คนจะตีความออกมาอีก เพราะในบางครั้งตัวละครเหล่านั้นก็ไม่ได้พูดออกมาตรง ๆ แต่บางประโยค บางภาษากาย กลับซ่อนความหมายโดยนัยไว้อีก ซึ่งต้องใช้สมาธิอ่านจริง ๆ ค่ะ
เอาละค่ะ เราก็ขอจบบทความพาร์ทแรกสำหรับรีวิว 二哈和他的白猫师尊 ฮัสกี้หน้าโง่กับอาจารย์เหมียวขาวของเขาไว้เท่านี้ โดยเราให้คะแนนเรื่องนี้ที่ 9/10 (หัก 1 คะแนนเพราะหลอกกันด้วยชื่อนิยายน่ารัก ๆ ヽ( `д´*)ノ ) และขอยกให้เป็นนิยายขึ้นหิ้งอีกเรื่องของเราไปเล้ยยย เพราะว่าคุณโร่วเปาดำเนินเรื่องสนุกมากกกกกกกกก สนุกจนลืมไปเลยว่านี่เรากำลังอ่านนิยายที่เนื้อหาหนักหน่วง TW เยอะขนาดนี้ 5555555555555 การวางโครงเรื่องและสตอรี่ก็น่าสนใจชวนให้ติดตาม เรียกได้ว่าตั้งใจจะมาอ่านเพลิน ๆ แต่ไป ๆ มา ๆ กลับหยุดอ่านไม่ได้ รู้ตัวอีกทีก็อ่านยันตีสองตีสามตลอดเลย 5555555 แถมเคมีของพระนายก็ดีมากกกกกกกกก ยิ่งตอนเขาหวานใส่กันนี่โอ้ย /กัดผ้า และในส่วนของคู่รอง(?) ก็ดีนะคะ!!! ดีดีดี ดีไปหมด ถ้าคิดว่าทนรับต่อ TW/CW ที่ยาวเป็นหางว่าวได้ก็อยากให้ลองมาอ่านกันค่ะะะะ /กวักมือ
note: สำหรับเรา เราไม่ได้รู้สึกอึดอัดใจกับ TW/CW มากขนาดจนรู้สึกว่าอ่านไม่ไหว เพราะคุณโร่วเปาเขาบรรยายด้วยภาษาภาพและเน้นอารมณ์ของตัวละครเพื่อให้เราเข้าใจว่าเหตุการณ์นั้น ๆ มันกำลังเกิดขึ้นหรือเคยเกิดขึ้นมากกว่าจะมาอธิบายตรง ๆ จนทำให้ในบางครั้งตัวเราก็อ่านผ่านมาโดยที่ไม่รู้ตัว บางอันก็มาแค่ประโยคเดียวสั้น ๆ ด้วยซ้ำแต่เราเข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้น คุณโร่วเปาเก่งจริง ๆ (._. )
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจกับนิยายเรื่องนี้ และมาช่วยกันอุดหนุนฉบับแปลไทยแบบถูกลิขสิทธิ์กันด้วยนะคะ! ♥
แต่ไม่มีภาษาไทยหรอคะ แงงง
ในฐานะที่เป็นอีก1แฟนนิยายที่ด้นเรื่องนี้มาจนจบ ขอแสดงความเห็นด้วยกับรีวิวนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่อง TW และฉากรักทั้งหลายค่ะ ถ้าใครจะคิดว่านิยายเรื่องนี้ชูโรงด้วยฉากวาบหวิว ก็ขอเป็นอีกเสียงบอกกล่าวให้มาลองอ่านเลยค่ะ แล้วก็จะรู้ว่าความจริงนี่คือจุดกระตุ้นต่อมน้ำตาชั้นดีต่างหากค่ะ แงงงงง
ในแง่ของการแนะนำตัวละคร เป็นรีวิวที่ครบเครื่องครบครันมากๆค่ะ แถมสอดแทรกไว้ด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่อ่านแล้วอินมากๆค่ะ
แต่อยากช่วยออกความเห็นเสริมใน ตลค ฉู่หวั่นหนิงด้วยอีกนิดนึงค่ะ ความรู้สึกห่างเหินจากผู้คนแวดล้อมที่เป็นออร่าแผ่ออกมาจากร่างของหวั่นหนิงคนนี้ ถ้าแอบอ้างอิงจากทัศนะของคุณโร่วเปาที่เขียนไว้ตอนครบรอบ2ปีที่เราเห็นด้วยมากๆเลยก็คือ เป็นเพราะ "ความศักดิ์สิทธิ์" ที่คนเอาไปแปะไว้บนตัวหวั่นหนิงด้วยค่ะ การถูกคาดหวังจากคนรอบข้างด้วยอารมณ์ที่เทิดทูนปนหวาดกลัวมากๆเข้า นานๆเข้าจึงไม่พ้นกลายเป็นเส้นแบ่งกั้นการดำรงอยู่ของทั้ง2ฝ่ายไปโดยปริยายค่ะ แต่โดยรวมแล้วหวั่นหนิงก็ยังคงเป็นแมวเหมียวตัวเร้กๆที่หันหน้าเข้ามุมตอนเสียใจ เลียแผลใจอยู่ลำพังตามรูปอยู่ดีค่ะ งืออออ
รออ่านพาร์ท2นะคะ เป็น กลจ ให้และขอบคุณอีกครั้งสำหรับรีวิวดีๆแบบนี้ค่ะ ❤️