'BLUE' อัลบั้ม EP ชุดที่ 2 ของวงแบนด์ LUCY อัลบั้มในชื่อเดียวกับสีอันเป็นสัญลักษณ์ของวง และเพื่อสื่อความหมายถึงรูปแบบความรู้สึกทางดนตรีของสมาชิกแต่ละคนผ่านเฉดของสีน้ำเงินที่แตกต่างกันออกไป หากแต่ในขณะเดียวกันนั้น สีน้ำเงินแต่ละเฉดนั้นก็ผสมผสานกันกลายเป็นสีน้ำเงินที่ไม่เหมือนใคร
บทความนี้เป็นการแปลบทสัมภาษณ์ส่วน commentary จากอัลบั้ม ซึ่งพูดถึงขั้นตอนการแต่งเพลง แรงบันดาลใจ สิ่งที่คาดหวังให้ผู้ที่ฟังเพลงได้ยินจากเพลง องค์ประกอบและเทคนิคต่าง ๆ ที่ใช้ในเพลง และเบื้องหลังต่าง ๆ ที่เล่าว่ากว่าจะมาเป็นสีน้ำเงินหนึ่งเดียวที่ไม่เหมือนใครบนจานสี สีน้ำเงินแต่ละสีผ่านขั้นตอนการผสมสีแบบไหนมาบ้าง จากคำตอบโดยสมาชิกทุกคนเกี่ยวกับทั้ง 6 เพลงในอัลบั้ม
1. จุดสำคัญของเนื้อเพลง Rolling Rolling คืออะไร
เยชาน: ท่อน 'ผมอยากเดินทางท่องเที่ยว อยากมีความฝัน อยากมองขึ้นไปบนท้องฟ้า' คิดว่าเป็นท่อนที่พูดถึงความฝันที่แท้จริงของตนเองซึ่งใช้ชีวิตประจำวันไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีแม้แต่เวลาได้ทบทวนตนเองครับ
ซังยอบ: ท่อน 'รู้สึกเหมือนได้นอนกลิ้งอยู่บนปุยเมฆ' ชอบเพราะเป็นท่อนที่ทำให้รู้สึกนุ่ม ๆ สบาย ๆ ขึ้นมาจริง ๆ ครับ!
วอนซัง: 'กับห้องแสนชวนปวดหัวที่ไม่มีแม้เรี่ยวแรงจะเก็บกวาด ผมทิ้งตัวลงบนเตียงนอน พร้อมคิดว่าจะข่มตาหลับได้สักแค่ไหน' เป็นหนึ่งในกิจวัตรประจำวันของผมที่อยากให้มันหายไปจากชีวิตประจำวันมากที่สุด เลยเขียนท่อนนี้ไว้เพื่อเป็นเหมือนเป้าหมายของตัวเองครับ
กวังอิล: 'ทุกคนทำเพียงแค่กลิ้ง ๆ ใช้ชีวิตจำเจวนไป' ชอบเพราะการใช้คำว่า กลิ้ง ๆ วนไป มาสื่อความหมายของการใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบและจำเจทำให้รู้สึกถึงทั้งความน่ารักและจริงจังได้ในทีเดียวครับ
2. จุดสำคัญที่ควรฟังในเพลง Rolling Rolling คืืออะไร
เยชาน: อยากให้ลองสนุกกับดนตรีท่อนฮูคที่พุ่งขึ้นมาพร้อมกับท่อนสุดท้ายของคอรัสที่ร้องว่า 'ให้ผมย้อนกลับไปตอนนั้น' ดูกันครับ!
ซังยอบ: High note เท่ ๆ ของผมในท่อนบริดจ์ครับ
วอนซัง: เทคนิค Modulation* ในเพลงครับ! ผมใส่ modulation เข้าไปในทุกท่อนคอรัส ซึ่งมันเป็นเหมือนเอฟเฟคพิเศษที่ทำให้อารมณ์ของเพลงเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ด้วยครับ
กวังอิล: เนื้อเพลงในท่อนแรกที่ร้องว่า 'ตอนนี้ในหัวผมสับสน' เป็นท่อนที่โน้ตสูงมาก เวลาร้องผมเลยรู้สึกปวดหัวเหมือนในเนื้อเพลงจริง ๆ ครับ เลยหวังว่าทุกคนจะลองฟังท่อนนี้กันเยอะ ๆ ครับ
T/N: Modulation คือ การเปลี่ยนคีย์เพลงอย่างแนบเนียน เพื่อทำให้ดนตรีไม่น่าเบื่ออยู่ที่คีย์เดียวและมีความหลากหลายมากขึ้น ยกตัวอย่างการมอดูเลต เช่น การย้ายคีย์จาก C major ไปที่ Bb
3. อยากให้เพลงไตเติ้ลอย่าง Rolling Rolling เป็นเพลงแบบไหนในความทรงจำของคนที่ได้ฟังเพลงนี้
เยชาน: อยากให้เป็นเพลงที่ช่วยให้หลาย ๆ คนซึ่งใช้ชีวิตวนไปเรื่อย ๆ เหมือนในเนื้อเพลง ค้นพบความจริงของชีวิตที่ตนเองใฝ่ฝันไว้ได้จนเจอครับ
ซังยอบ: เป็นทางออกฉุกเฉินเล็ก ๆ ของชีวิตที่เป็นแบบเดิมซ้ำไปเรื่อย ๆ ในทุกวันครับ อยากให้มันเป็นเหมือนการได้หยุดพักหายใจจากชีวิตประจำวันอันยุ่งเหยิงครับ
วอนซัง: เพลงที่ให้ความรู้สึกว่า 'วันนี้ก็สู้ ๆ อีกนิดกันนะ! อาจจะเป็นวันที่ดีกว่าที่เราคิดไว้ก็ได้' ครับ
กวังอิล: สำหรับคนที่อยากพาตัวเองออกจากวังวนชีวิตเดิม ๆ หวังว่าแค่ได้ฟังเพลงและเนื้อเพลงเพลงนี้ ก็จะช่วยให้รู้สึกหายเหนื่อยมากขึ้นครับ
4. LUCY ที่กลิ้งไปมาอย่างเต็มที่สุด ๆ! ปลายทางของการกลิ้งนั้นคือที่ไหนกันนะ
เยชาน: เกาะเชจู! ผมอยากไปเกาะเชจูครับ!!
ซังยอบ: อ้อมกอดของทุก ๆ คนที่รักในเสียงดนตรีของพวกเราครับ
วอนซัง: ไม่มีจุดสิ้นสุดครับ มีแค่การหยุดพักเหนื่อยสักพักเท่านั้น พวกผมอยากไปเดินทางไปที่นั่นที่นี่ตลอดเวลาเลยครับ
กวังอิล: ตอนนี้กำลังกลิ้งอยู่นี่ครับ ยังเห็นโลกได้ไม่ชัดทั้งหมดหรอกครับ
5. คำพูดที่ฉันผู้กำลังกลิ้ง ๆ ใช้ชีวิตอยู่อย่างเต็มที่ในตอนนี้อยากได้ยินที่สุดคือ
เยชาน: ไปเที่ยวกันเถอะ!
ซังยอบ: ต้องเป็นคำว่า 'ทำงานหนักมากเลยนะ' อยู่แล้วใช่ไหมล่ะครับ? ไม่ใช่แค่คำพูดที่พูดเป็นพิธี แต่เป็นคำประเภทที่ (ผู้พูด)รับรู้ถึงความลำบากและความเหนื่อยล้าของผม เข้าใจความรู้สึกนั้นอย่างถ่องแท้ และเป็นคำที่ช่วยปลอบโยนผมได้น่ะครับ
วอนซัง: 'เจ๋งสุด ๆ ไปเลย! นายสุดยอดที่สุด! สมกับเป็นวอนซังเลย!'
กวังอิล: ต้องเปลี่ยนอะไหล่ล้อแล้วนะครับ
6. คำพูดที่อยากมอบให้ผู้คนที่วันนี้ก็กำลังกลิ้ง ๆ ใช้ชีวิตอยู่อย่างเต็มที่คือ
เยชาน: หลังจากกลิ้งไปมาและเผชิญหน้ากับชีวิตอย่างเต็มที่แล้ว ลองหยุดพักสักครู่กันดูนะครับ! แม้จะพักแค่ช่วงสั้น ๆ แต่มันช่วยได้มากจริง ๆ ครับ!
ซังยอบ: แต่ถึงอย่างนั้น การที่ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ได้ผ่านไปด้วยดีก็เป็นเรื่องที่เก่งมากแล้วนะครับ! เพราะคนที่บิดเบี้ยว กลิ้งอย่างราบรื่นไม่ได้ยังไงล่ะครับ วันนี้ และจนถึงตอนนี้ ก็ทำงานหนักมาก ๆ เลยนะครับ
วอนซัง: ผมเขียนเนื้อเพลงนี้ขึ้นมาจากความคิดที่ว่า การกลิ้งไปมาเรื่อย ๆ อาจจะหมายถึง 'รู้สึกเหนื่อย' หรือ '(ยุ่งจน)ไม่ทันได้ตั้งสติ' แต่ในอีกแง่หนึ่ง แค่เรารู้สึกสนุกไปกับมันก็พอ น่ะครับ เลยอยากให้รู้สึกว่า จริง ๆ แล้ว ชีวิตที่ยุ่งวุ่นวายของเราก็เป็นชีวิตที่สนุกสนานในอีกมุมมองหนึ่งเหมือนกัน ถึงจะคิดแบบนั้นแล้วก็ไม่ได้ช่วยให้รู้สึกหายเหนื่อย แต่ก็อยากให้เรามาลองมาสนุกกับการกลิ้งไปมาและใช้ชีวิตไปด้วยกันดูครับ!
กวังอิล: ล้ออะไหล่รถน่ะ มันวิ่งจนล้อเสื่อมไม่ได้ การได้ไปตรวจเช็คสภาพเพื่อซ่อมแซมส่วนที่สึกกร่อนของล้อบ้างในบางครั้งก็ดีเหมือนกันนะครับ
7. ถ้าชีวิตเริ่มลงตัวและมีเวลาว่างเหลือแล้ว สิ่งที่อยากทำมากที่สุดคือ
เยชาน: อยากไปเกาะเชจูและพักผ่อนให้เต็มที่เลย!!
ซังยอบ: เล่นฟุตบอล
วอนซัง: ไปเที่ยว ไปเที่ยว ไปเที่ยว ไปเที่ยว ไปเที่ยว ไปเที่ยว x 99999999999
กวังอิล: ไปเที่ยวแล้วอยู่เฉย ๆ ครับ เป็นเหตุผลที่ทำให้ผมชอบการตกปลาด้วย โดยเฉพาะการตกปลาน้ำจืดซึ่งเป็นการตกปลาที่แค่อยู่เฉย ๆ ก็สามารถตกปลาได้ เลยชอบ(การตกปลา) มากครับ
8. มีวิธีรับมือกับวันที่อะไร ๆ ก็ไม่ได้ดั่งใจสักอย่างในแบบฉบับของตัวเองกันไหม
เยชาน: คิดบวกครับ!! รอยยิ้ม!! อาจจะยาก แต่ถ้าเป็นคนที่สามารถยิ้มได้เสมอไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบไหน ต่อให้ไม่มีอะไรได้ดั่งใจสักอย่าง ก็น่าจะสามารถมีความสุขได้นะครับ ผมเองก็กำลังพยายามเป็นคนแบบนั้นให้ได้อยู่เหมือนกันครับ!
ซังยอบ: นอนพักและออกกำลังกายครับ
วอนซัง: ผมต้องใช้เวลาอยู่คนเดียวครับ เพราะการแสดงออกใด ๆ ด้วยอารมณ์ที่ยังไม่มั่นคง แม้แต่เพียงนิดเดียว ก็สามารถสร้างแผลใจให้คนพิเศษรอบตัวโดยที่เราไม่รู้ตัวได้นี่ครับ
กวังอิล: เวลาทำข้อสอบ ถ้ามีข้อที่ไม่รู้ก็ให้ข้ามไปทำข้อต่อไปก่อน เช่นเดียวกันครับ แก้ปัญหาในเรื่องที่สามารถแก้ไขได้ก่อน แล้วมาคิดทบทวนข้อที่เหลืออย่างรอบคอบทีหลัง
9. มีเรื่องประเภท 'เคยฝันไว้เมื่อวาน ยังไงวันนี้ก็ต้องทำให้ได้!' อยู่ไหม
เยชาน: ก่อนนอนเมื่อวาน อยู่ ๆ ก็คิดเนื้อเพลงที่สุดยอดมากขึ้นมาได้ แล้วก็คิดว่า 'พรุ่งนี้ต้องเขียนไว้แล้วสิ~' แล้วก็หลับไป สุดท้ายก็ลืมจนได้ครับ
ซังยอบ: ฟิตเนส, นอนดึก
วอนซัง: นอนให้เต็มอิ่ม (ทำไม่ได้แล้ว)
กวังอิล: กำลังใช้ชีวิตโดยไม่คิดถึงสิ่งที่ตั้งใจทำก่อนจะถึงวันรุ่งขึ้น และปล่อยให้ตัวผมในวันพรุ่งนี้รับมือกับมัน พร้อม ๆ กับทำให้ความฝันเป็นจริงไปเรื่อย ๆ ในแต่ละช่วงเวลาอยู่ครับ
10. มีสีของท้องฟ้าที่ชอบไหม
เยชาน: ตอนกำลังเปลี่ยนจากรุ่งสางเป็นเช้าตรู่ครับ ผมชอบสีท้องฟ้าที่สดใสแบบนั้น!
ซังยอบ: มากกว่าจะบอกว่าเป็นสีอะไร ผมชอบท้องฟ้าที่สว่างสดใสและไม่มีฝุ่นครับ
วอนซัง: ท้องฟ้าสีฟ้าที่มีก้อนเมฆในวันที่ตื่นมาตอนกี่โมงก็ได้แล้วอากาศอบอุ่นและสดชื่นในระดับพอดี
กวังอิล: ท้องฟ้าที่ผมชอบที่สุดคือท้องตอนโพล้เพล้ครับ มันไม่มืดและไม่สว่างมากจนเกินไป และเป็นท้องฟ้าในช่วงเวลาที่ไม่ว่าจะไปไหนก็สามารถไปถึงได้ในเวลาอันรวดเร็วด้วยครับ
11. ถ้าให้อธิบายเพลงไตเติ้ลอย่าง Rolling Rolling ด้วยสีน้ำเงิน เพลงนี้จะเป็นสีน้ำเงินที่ให้ความรู้สึกแบบไหน
เยชาน: น่าจะเป็นสีน้ำเงินที่มีหลายเฉดเลยครับ! เป็นสีน้ำเงินของท้องฟ้าที่เห็นได้ตลอดทั้งวันของการกลิ้งใช้ชีวิตไปเรื่อย ๆ แบบนั้น?
ซังยอบ: เคยได้ยินมาว่าสีเขียวซึ่งเป็นสีที่ใกล้เคียงกับธรรมชาติและทำให้คนเห็นรู้สึกสบายใจด้วยครับ เหมือนอย่างที่ไฟจราจรยังถูกเรียกว่าไฟสีน้ำเงิน ทั้ง ๆ ที่เป็นไฟสีเขียว เลยคิดว่าเพลงนี้จะเป็นสีน้ำเงินที่เฉดสีใกล้กับสีเขียวมากที่สุด และเปิดโอกาสให้คนได้พักชั่วขณะหนึ่งแบบนั้นครับ
วอนซัง: Deep Sky Blue
กวังอิล: ถึงจะเป็นสีน้ำเงินที่มอมแมมและสร้างรอยแผลเป็นสำหรับใครสักคนอยู่บ้าง แต่ก็เป็นสีน้ำเงินที่ชัดเจนและแน่นอนแบบนั้นครับ
1. ส่วนที่ใส่ใจเป็นพิเศษในด้านซาวด์ดนตรีของเพลง 맞네 (You’re right) คืออะไร
วอนซัง: ผมต้องการใส่ซาวด์ที่ฟังดูดิบและกระแทกกระทั้นเข้าไปตั้งแต่เริ่มแต่งเพลงแล้วครับ แต่ก็อาจจะเป็นเพราะผมมอง(เพลงนี้) ในแบบที่ค่อนข้างไร้เดียงสาเอง เลยพยายามให้ซาวด์ออกมาฟังดูดิบ แต่ก็ให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวาไปในตัวครับ
2. ส่วนที่ง่ายและยากที่สุดในขั้นตอนการแต่งเพลง 맞네 (You’re right) คืออะไร
วอนซัง: เพลง 맞네(You're right) เป็นเพลงที่แต่งออกมาได้ง่ายและเร็วที่สุดในอัลบั้มนี้ครับ ก็เลยไม่ได้มีส่วนที่ยากมากนัก แต่เป็นเนื้อเพลงที่มีเอกลักษณ์ครับ อย่างเช่นคำว่า ‘คำสอนของพ่อแม่’ หรือ ‘อาหารมื้อดึก’ ที่ทำให้ลังเลว่าจะเขียนมันออกมาเป็นเนื้อเพลงได้จริงหรือเปล่า
3. มีส่วนที่โฟกัสเป็นพิเศษในการเขียนเนื้อเพลง เพลง 맞네 (You’re right) ไหม
วอนซัง: ตั้งใจแต่งเนื้อเพลงให้คนที่ได้อ่านสามารถมีอารมณ์ร่วมกับเพลงในขณะที่ฟังได้ เช่นเดียวกับที่ผมทำมาตลอดครับ
4. เนื้อเพลงที่เป็นจุดสำคัญของเพลง 맞네 (You’re right) ในความคิดของวอนซังคือ
วอนซัง: ‘ลองคิดดูสิ อาหารมื้อดึกมันไม่ดีต่อสุขภาพนี่ ก็ต้องกังวลน่ะสิ แต่เอาจริง ๆ ผมอะ ชอบตอนนั้นที่ได้ทานมันกับคุณมากเลยแหละ’ จะสื่อว่า คนเราก็ผิดใจกันด้วยเหตุผลจากเรื่องเล็กน้อยที่ทั้งจุกจิกและน่ารักในทีแบบนี้แหละ นั่นเองครับ แล้วก็ ‘ดะ-ดะ-เดี๋ยวนะ’ กับ ‘ยะ-ยะ-หยุดก่อน’ เนื้อเพลงท่อนที่เต็มไปด้วยความกังวลและประหม่าหลังจากหลุดพูดความในใจออกไปแบบไม่ทันคิดครับ
5. มีสิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจในการแต่งเพลง 맞네 (You’re right) หรือเปล่า
วอนซัง: น่าจะเป็นคีย์เวิร์ดคำว่า ‘You’re right’ นี่ล่ะครับ! ผมเองก็เป็นคนที่ค่อนข้างหัวรั้น เวลาทะเลาะกับใครสักคนเพราะความเห็นไม่ตรงกัน ก็จะเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่น่ะครับ แต่สุดท้ายพอเหตุการณ์นั้นผ่านไปแล้ว และกลับมาคิดถึงมุมมองและความรู้สึกเบื้องลึกในใจของอีกฝ่ายได้ทีหลัง ก็จะรู้สึกเสียดายครับ เลยคิดว่า เรื่องทะเลาะกันก็ส่วนทะเลาะ แต่การโต้แย้งกันโดยนึกถึงมุมมองและความรู้สึกของอีกฝ่ายไปด้วย โดยเฉพาะเมื่ออีกฝ่ายเป็นผู้คนที่เรารัก ครอบครัว หรือเพื่อน ๆ เป็นเรื่องที่สำคัญครับ
6. เรื่องที่ยังไงวอนซังก็ไม่มีทางยอมอ่อนข้อให้เด็ดขาด
วอนซัง: การบอกว่า ทำไม่ได้ โดยอ้างเหตุผลว่า ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว ในสิ่งที่ถ้าจะทำ ก็สามารถทำออกมาได้ดีพอ
7. ถ้าให้พูดสิ่งที่แสดงความเป็นห่วงกับตัวเองได้ วอนซังจะบอกกับตัวเองว่าอะไร
วอนซัง: ช่วยทำงานไปพร้อม ๆ กับรักษาสุขภาพตัวเองหน่อยเถอะ อย่าเรียกร้องความรักจากคนอื่นแต่มาเติมเต็มส่วนนั้นด้วยการรักตัวเองกัน
8. ถ้าให้อธิบายเพลง 맞네 (You’re right) ด้วยสีน้ำเงิน เพลงนี้จะเป็นสีน้ำเงินที่ให้ความรู้สึกแบบไหน
วอนซัง: สี cobalt blue ซึ่งเป็นสีน้ำเงินเข้มของแม่สีนี้ครับ
แปลไทยโดย seesaw (@thybillow) ไม่อนุญาตให้นำแปลไปทำซ้ำ ดัดแปลง แก้ไข โดยเด็ดขาด
1. เพลง 해가뜨는밤(Eclipse) เป็นเพลงที่มีเนื้อหาแบบไหน
ซังยอบ: พยายามอธิบายความรู้สึกของพระจันทร์ที่แม้จะอยากอยู่ใกล้พระอาทิตย์แค่ไหน ก็มีแต่จะห่างกันไกลอยู่ร่ำไปครับ ส่วนสุดท้ายของเพลงเป็นท่อนที่สื่อถึงปรากฎการณ์จันทรุปราคา โดยในที่สุด เงาของพระจันทร์ก็มีโอกาสได้เวียนมาบรรจบกับพระอาทิตย์ครับ
2. ส่วนที่ใส่ใจเป็นพิเศษในด้านซาวด์ดนตรีของเพลง 해가뜨는밤(Eclipse) คืออะไร
ซังยอบ: ผมใช้ซาวด์แบบ stereo ในท่อน ‘แสงจันทร์พาดผ่านมาถึงตรงนี้(달빛이 여기 펼쳐지고)’ และทำให้ซาวด์ดังออกมาจากทั้ง 2 ข้างพร้อมกัน ซึ่งจะช่วยให้ความรู้สึกเหมือนเวลาที่แสงจันทร์ส่องสว่างลงมาจริง ๆ ครับ
3. มีสิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจในการแต่งเพลง 해가뜨는밤(Eclipse) หรือเปล่า
ซังยอบ: สมาชิกในวงครับ ผมให้ความสำคัญกับซาวด์เพลงที่สมาชิกในวงจะสามารถเล่นได้อย่างสนุกเป็นอันดับแรกระหว่างการแต่งเพลงนี้ครับ
4. ส่วนที่ง่ายและยากที่สุดในขั้นตอนการแต่งเพลง 해가뜨는밤(Eclipse) คืออะไร
ซังยอบ: ส่วนที่ง่ายคือเพราะเพลงนี้เป็นเพลงที่มีพื้นมาจากแนว acoustic ซึ่งปกติก็เป็นแนวเพลงที่ผมสนุกกับการฟังและแต่งเพลงแนวนี้มาอยู่แล้ว การแต่งเพลงนี้จึงไม่ใช่เรื่องที่เหนื่อยมากครับ ส่วนที่ยากที่สุดคือผมทำงานหนักมากในการหาเมโลดี้ที่เข้ากับคอร์ดของเพลงนี้ครับ สุดท้ายก็ได้บันไดทางเดินของบริษัทตอนหลังเที่ยงคืนเป็นสถานที่ที่เติมเมโลดี้เพลงจนเสร็จสมบูรณ์ได้ครับ
5. มาตรฐานความสมบูรณ์แบบของการแต่งเพลงนี้คืออะไร
ซังยอบ: ผมคิดถึงแฟนคลับทุกคนที่ชื่นชอบเสียงร้องของผมเป็นอันดับแรกครับ คิดว่าพวกเขาจะชอบเมโลดี้แบบไหน ผมลังเลอยู่นาน ซึ่งความพอใจของผมที่มีต่อเพลงนี้จะเพิ่มมากขึ้นเมื่อผมคิดว่า ‘มันออกมาในสไตล์ที่เป็นชเวซังยอบ’ ที่สุดแล้วครับ
6. มีส่วนที่โฟกัสเป็นพิเศษในการเขียนเนื้อเพลง เพลง 해가뜨는밤(Eclipse) ไหน
ซังยอบ: ผมเป็นคนที่จะระวังไม่ให้ตัวเองใช้คำที่เข้าใจยากหรือสวยหรูจนเกินไปในเนื้อเพลงครับ พยายามค้นคว้าคำที่กินใจหลังจากทำความเข้าใจความหมาย มากกว่าคำที่ฟังดูสวยหรูแค่ภายนอกครับ แน่นอนว่าต้องเข้ากับเมโลดี้ของเพลงด้วยครับ
7. มีความคิด/สถานที่ที่รู้สึกว่า ‘แม้ตอนนี้จะยังยาก แต่ก็อยากเข้าใกล้สิ่งนั้นที่สุด’ ไหน
ซังยอบ: อยากใกล้ชิดกับแฟน ๆ มากกว่านี้ครับ ตอนอยู่บนเวทีก็เช่นกันครับ ตอนนี้น่าจะถึงเวลาที่เราได้ใกล้ชิดกันมากกว่าแค่เสียงเพลงทาง digital แล้วล่ะครับ
8. ถ้าให้อธิบายเพลง 해가뜨는밤(Eclipse) ด้วยสีน้ำเงิน เพลงนี้จะเป็นสีน้ำเงินที่ให้ความรู้สึกแบบไหน
ซังยอบ: สีน้ำเงินจาง ๆ ของท้องฟ้าช่วงเวลาเช้าตรู่ที่มาเยือนหลังกลางคืนอันยาวนาน หรือท้องฟ้าเวลาหัวค่ำที่กำลังจะมาถึงหลังจากช่วงกลางวันจบลง เป็นสีที่ดูจะเข้ากับเพลงนี้ที่สุดครับ
9. เรื่องราวที่อยากถ่ายทอดต่อไปในอนาคต ในฐานะชเวซังยอบ วง LUCY
ซังยอบ: หวังว่าเสียงเพลงของพวกเราจะเข้าไปอยู่ในพื้นที่ของช่วงเวลาใดช่วงเวลาหนึ่งจากความทรงจำของใครหลาย ๆ คนครับ
แปลไทยโดย seesaw (@thybillow) ไม่อนุญาตให้นำแปลไปทำซ้ำ ดัดแปลง แก้ไข โดยเด็ดขาด
1. มีสิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจในการแต่งเพลง 꿈(Dream) หรือเปล่า
เยชาน: มีหลายอย่างเลยครับ แต่น่าจะเป็นภาพของตัวผมเองที่กำลังไลฟ์แล้วมองท้องฟ้าตอนรุ่งสางไปด้วยครับ!
2. จุดสำคัญที่ควรฟังในเพลง 꿈(Dream) สำหรับเยชานคืออะไร
เยชาน: ในช่วง Intro และ outro ของเพลงที่ใส่เสียงบรรยากาศรอบ ๆ ซึ่งมีเสียงลมหายใจอยู่ด้วยลงไป เสียงของเครื่องดนตรีในเพลงเองก็ถูกจัดวางให้ฟังแล้วรู้สึกเหมือนกำลังเข้าสู่ห้วงความฝันโดยสื่อถึงเส้นกั้นระหว่างโลกความจริงกับดินแดนแห่งความฝันครับ อยากให้เพลงแสดงออกถึงความอาวรณ์และความเสียดายในอดีตของตนเอง สิ่งที่ผู้พูดในเพลงไม่สามารถพบเจอได้ในปัจจุบันครับ
3.ส่วนที่ง่ายและยากที่สุดในขั้นตอนการแต่งเพลง 꿈(Dream) คืออะไร
เยชาน: คิดว่าเพลงเงียบ ๆ ที่ทำให้รู้สุกสบายใจตอนฟังแบบที่ผมชอบ เป็นแนวเพลงที่ทำยากกว่าที่ผมคิดเอาไว้เสียอีกครับ คิดว่าการแต่งเพลงที่ฟังแล้วรู้สึกสงบ ไม่ใส่อะไรลงไปเยอะ แต่ออกมาเป็นเพลงที่ดี เป็นเรื่องที่ทำได้ยากที่สุดครับ ส่วนสิ่งที่ง่ายที่สุดคือเนื้อเพลงที่เขียนออกมาครับ เพราะผมเป็นคนที่คิดเนื้อเพลงออกเป็นอย่างแรกตอนแต่งเพลงยังไงล่ะครับ!
4. มีส่วนที่โฟกัสเป็นพิเศษในการเขียนเนื้อเพลง เพลง 꿈(Dream) ไหม
เยชาน: เวลาเขียนเนื้อเพลง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร ผมจะจับโฟกัสไปที่สิ่งใดสิ่งหนึ่งครับ ในเพลง 꿈(Dream) นี้ผมก็วางจุดโฟกัสไว้ที่ท้องฟ้า และเป็นเนื้อเพลงที่แต่งออกมาจากการปล่อยให้ความคิดไหลไปในขณะที่มองท้องฟ้าครับ
5. ดูเหมือนจะใช้เทคนิคพิเศษของไวโอลินในเพลง 꿈(Dream) ด้วย เป็นเทคนิคการเล่นแบบไหน
เยชาน: ในภาษาดนตรีคลาสิกเรียกเทคนิคนี้ว่า Shifting เป็นการย้ายตำแหน่งของนิ้วมือขึ้นหรือลงไปยังโน้ตอีกตัวหนึ่งโดยที่เสียงระหว่างตัวโน้ตยังคงต่อเนื่องอยู่นั่นเองครับ! ผมคิดว่ามันเป็นเทคนิคที่ดึงรายละเอียดจากความรู้สึกเหมือนฝันเมื่ออยู่ในห้วงความฝันออกมาได้ดีที่สุด ไวโอลินในท่อนสุดท้ายซึ่งเป็นการฮัมเพลงเองก็เป็นเทคนิคที่เล่นเพื่อสื่อถึงภาพดาวหางที่กำลังตกจากฟ้าครับ
6. 3 สิ่งที่อยากให้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงราวกับฝันไปสำหรับเยชานคือ
เยชาน: การได้ไปเล่นดนตรีเปิดหมวกกับสมาชิกในวงตอนไหนก็ได้ที่อยากไป / การได้ไปเที่ยวและเล่นดนตรีเปิดหมวกโดยไม่มีเงินติดตัว / การได้ไปสนามเล่นสกี
7. วิธีจัดการกับความทรงจำที่อยู่ ๆ ก็ผุดขึ้นมากวนใจในแบบฉบับของเยชานคือ
เยชาน: น่าจะอยู่เฉย ๆ แล้วไตร่ตรองมันดูครับ พอนั่งอยู่เฉย ๆ แล้วลองปะติดปะต่อเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนั้นเหมือนจิ๊กซอว์ ก็จะได้รู้ว่ามันมีทั้งตอนที่เรารู้สึกเศร้าและตอนที่เราหัวเราะกับมันได้ไงครับ! เมื่อลองคิดว่า แม้แต่ในตอนนี้เองก็จะกลายเป็นความทรงจำหนึ่งต่อไปเหมือนกัน เราก็จะเป็นคนที่ทะนุถนอมทุก ๆ ช่วงเวลามากขึ้น ช่วยให้เราคิดถึงคุณค่าของทุกช่วงเวลามากขึ้นครับ
8. ถ้าให้อธิบายเพลง 꿈(Dream) ด้วยสีน้ำเงิน เพลงนี้จะเป็นสีน้ำเงินที่ให้ความรู้สึกแบบไหน
เยชาน: สีน้ำเงินที่สดใสและชัดเจนของท้องฟ้าตอนเปลี่ยนจากรุ่งสางเป็นเช้าตรู่ครับ!
9. เรื่องราวที่อยากถ่ายทอดต่อไปในอนาคต ในฐานะชินเยชาน วง LUCY
เยชาน: อยากสร้างความตื้นตันใจให้กับผู้คนครับ อยากให้ผู้คนรู้สึกตื้นตันใจเวลาเข้าถึงหรือรู้สึกถึงบางอย่างที่ออกมาจากใจจริง เมื่อเรารู้สึกตื้นตันใจ น้ำตาแห่งความสุขก็มักจะหลั่งออกมาครับ ในอนาคตก็อยากถ่ายทอดเรื่องราวน่าตื้นตันใจที่ออกมาจากก้นบึ้งหัวใจของผมให้ทุกคนได้ฟังครับ
1. ส่วนที่ง่ายและยากที่สุดในขั้นตอนการแต่งเพลง 놓지 않을게(Hug) คืออะไร
กวังอิล: เพราะเวลา(ในการแต่งเพลง) ไม่พอ และผมแทบจะไม่ได้นอน 2 คืนเต็ม ๆ เพื่อทำเพลงนี้ เลยทำให้ผมสับสนอยู่หลายครั้งว่าผมใส่ซาวด์อะไรลงไปในท่อนไหนบ้างครับ ส่วนที่ง่ายที่สุดคือการเรียบเรียงเมโลดี้เพลงครับ เพลงนี้เมโลดี้ดูจะไหลออกมาเรื่อย ๆ แบบสมูธมากเลยครับ
2. มีสิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจในการเริ่มแต่งเพลง 놓지 않을게(Hug) หรือเปล่า
กวังอิล: ตอนที่ร้องท่อนคอรัสของเพลงนี้อยู่ ผมก็คิดว่า สักวันจะใช้เมโลดี้ท่อนนี้เพื่อทำให้ทุกคนได้เห็นคนที่ชื่อ ‘ชินกวังอิล’ ให้ได้ แล้วมันก็เริ่มมาจากตรงนั้นครับ
3. สิ่งที่อยากให้ตั้งใจฟังด้านซาวด์ในเพลง 놓지 않을게(Hug) ที่สุด
กวังอิล: ถึงซาวด์ของกีตาร์ไฟฟ้าจะออกมาหนักและชัด แต่ทุกส่วนในเพลงก็เกิดมาจากหยาดเหงื่อทุกเม็ดตอนตั้งใจอัดเหมือนกัน อยากให้ตั้งใจฟังทุกส่วนในเพลงเลยครับ
4. ท่อนที่เป็นจุดเด่นในเพลง 놓지 않을게(Hug) คือเนื้อเพลงท่อนไหน
กวังอิล: มีท่อนคอรัสที่ร้องว่า ‘ช่วยอยู่ข้างผมจนกว่าบาดแผลแสนเจ็บปวดนี้จะหายไปเถอะนะ’ อยู่ครับ ซึ่งท่อนสุดท้ายของเพลง เนื้อเพลงจะเปลี่ยนเป็น ‘จนกว่าผมจะกลับไปหาคุณได้อีกครั้ง’ เป็นท่อนที่ใส่สิ่งที่ผมอยากสื่อถึง คือสิ่งที่จากไปและสิ่งที่ยังเหลืออยู่ ไว้ทั้งหมดเลยครับ
5. มีส่วนที่โฟกัสเป็นพิเศษในการเขียนเนื้อเพลง เพลง 놓지 않을게(Hug) ไหม
กวังอิล: ผมตั้งใจเขียนเนื้อเพลงเพื่อเป็นกำลังใจให้ใครสักคนได้มาเสมอ ในเพลงนี้เองก็พยายามเขียนให้มีความหมายปลอบโยนใจครับ
6. เพลงนี้เป็นผลงานในอัลบั้มที่กวังอิลแต่งเองเพลงที่ 3 แล้ว ต่อจาก 충분히(Enough) และ 봄인지 여름인지(Wonder) อะไรคือเหตุผลที่ทำให้อารมณ์ในแต่ละเพลงต่างกันออกไปทุกครั้งแบบนี้
กวังอิล: ปกติผมชอบและอยากลองทำเพลงในหลาย ๆ แนวมาตลอดครับ เพราะได้รับโอกาสจากแฟน ๆ ทุกคนที่ทำให้ผมได้ลองทำอะไรใหม่ ๆ อีกครั้ง อยากขอขอบคุณแฟน ๆ ที่ให้โอกาสนี้กับผมครับ
7. ถ้าให้อธิบายเพลง 놓지 않을게(Hug) ด้วยสีน้ำเงิน เพลงนี้จะเป็นสีน้ำเงินที่ให้ความรู้สึกแบบไหน
กวังอิล: สีน้ำเงินที่เป็นจุดสว่างเล็ก ๆ ท่ามกลางพื้นหลังสีดำล้วน
8. สิ่งที่กวังอิลคิดว่าปล่อยให้หลุดมือไปไม่ได้เด็ดขาดในชีวิตคืออะไร
กวังอิล: ลำดับแรก ครอบครัวครับ เป็นทั้งส่วนที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตของผมและเป็นกลุ่มคนที่สร้างชีวิตของผมขึ้นมา เป็นคนสำคัญของผมไปตลอดชีวิตครับ ลำดับที่ 2 ความรักครับ ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับครอบครัว เพื่อน ๆ และแฟนคลับ ถ้าระหว่างพวกเราไม่มีความรักอยู่ ผมคงไม่สามารถไขว่คว้าทุกอย่างที่ผมมีอยู่ในตอนนี้และจะไม่ปล่อยมือไปจากมันเอาไว้ได้ตั้งแต่แรกแล้วครับ ลำดับที่ 3 LUCY ครับ ถ้าไม่มีพี่ ๆ ทุกคน คงจะไม่มี LUCY และชินกวังอิลในวันนี้ และผมก็คงจะไม่ได้เล่นดนตรีหรือกำลังตั้งใจทำอะไรสักอย่างเหมือนที่ทำอยู่ในตอนนี้ครับ ลำดับที่ 4 ดนตรีครับ ผมคิดว่าแรงสนับสนุนและความรักที่ได้รับมาทั้งหมดในตอนนี้ เป็นสิ่งที่ผมได้รับมากขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่เริ่มเล่นดนตรีครับ และเพราะดนตรีคือสิ่งที่สามารถถ่ายทอดความคิดของผมที่มีต่อทุกคนได้ดีที่สุด ดนตรีจึงเป็นสิ่งที่ขาดไปไม่ได้ครับ ลำดับที่ 5 ความรู้สึกเสียดายครับ ไม่ใช่การบอกว่าผมต้องรู้สึกเสียดายทุกครั้งที่ทำอะไรบางอย่างไม่สำเร็จ แต่เพราะความเสียดายทำให้ผมสามารถพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นได้ ผมจึงขาดสิ่งนี้ไปไม่ได้ครับ ลำดับสุดท้าย แฟนคลับทุกคนครับ พวกเขาคือแรงขับเคลื่อนที่ทำให้ผมเขียนเพลงหรือข้อความออกมาได้ เป็นกลุ่มคนที่ไม่สามารถเอาไปเทียบกับใครได้ และไม่ใช่คนที่ผม ‘ไม่สามารถปล่อยให้หลุดมือไปได้’ แต่เป็นกลุ่มคนที่ผมอยากขอร้องว่า ‘ช่วยจับมือผมเอาไว้เถอะนะ’ ครับ รู้สึกขอบคุณอยู่เสมอครับ
9. เรื่องราวที่อยากถ่ายทอดต่อไปในอนาคต ในฐานะชินกวังอิล วง LUCY
กวังอิล: อาจจะเป็นสิ่งที่รับรู้ได้จากการฟังเพลงที่ผมแต่งเองทั้งหมด แต่เพราะผมเองก็กำลังทำดนตรีออกมาหลากหลายแนว ผมจึงอยากทำให้โสตประสาทและความคิดของทุกคนดีและสวยงามครับ จะทำให้ทุกคนกลายเป็นคนที่สวยงามและเป็นตัวของตัวเองในแบบที่ทุกคนคิดไว้ครับ
1. มีสิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจในการเริ่มแต่งเพลง 결국 아무것도 알 수 없었지만(Sequel) หรือเปล่า
วอนซัง: การให้คำปรึกษากับคนรู้จักครับ หลังจากได้ฟังเรื่องที่คนรู้จักเล่าก็รู้สึกมีอารมณ์ร่วมไปด้วย จนกลายมาเป็นเพลงที่แต่งออกมาแบบนี้ล่ะครับ
2. ส่วนที่ง่ายและยากที่สุดในขั้นตอนการแต่งเพลง 결국 아무것도 알 수 없었지만(Sequel) คืออะไร
วอนซัง: เนื้อเพลงครับ จำได้ว่าผมรู้สึกกลัวก่อนที่จะเริ่มแต่งเพลงนี้ขึ้นมาจริง ๆ ซะอีกครับ คงเป็นเพราะผมต้องการให้เพลงสื่อถึงความรู้สึกตื้นตันและเศร้าใจไปพร้อมกัน ก็เลยคิดว่าจะทำยังไงถึงจะสามารถถ่ายทอดความหมายและอารมณ์แบบนั้นผ่านความจำกัดของตัวอักษรได้
3. มีส่วนที่โฟกัสเป็นพิเศษในการเขียนเนื้อเพลง เพลง 결국 아무것도 알 수 없었지만(Sequel) ไหม
วอนซัง: แน่นอนว่าเป็นการมีอารมณ์ร่วมครับ อยากให้คนที่ฟังเพลงของผม รู้สึกมีอารมณ์ร่วมและคิดว่า ‘เหมือนเรื่องของฉันเองเลย’ หรือได้รับการปลอบประโลมจากเพลงของผมครับ
4. สิ่งที่อยากให้ตั้งใจฟังด้านซาวด์ในเพลง 결국 알 수 없었지만(Sequel) ที่สุด
วอนซัง: ผมพยายามถ่ายทอดความรู้สึกของเพลงโดยการใช้ไวโอลินเพียงแค่ตัวเดียวแทนวงออเคสตร้าเครื่องสายที่ใช้เล่นดนตรีบัลลาดส่งผ่านห้วงความเศร้านั้นลงไปในเพลงครับ
5. ถ้าวอนซังเป็นตัวละครหลักในหนังสักเรื่องได้ วอนซังจะเลือกเป็นตัวละครที่มีลักษณะแบบไหน
วอนซัง: Sherlock จากวรรณกรรมเรื่อง Sherlock Holmes ละมั้งครับ
6. ถ้าวอนซังมีโอกาสได้เขียนหนังสือ ข้อความแรกและข้อความสุดท้ายของหนังสือเล่มนั้นคืออะไร
วอนซัง: ข้อความแรก - บนถนนที่การจราจรติดขัด การหยุดรอหน้าสัญญาณไฟสีแดงฉาน และอะไหล่แต่งรถยนต์รูปร่างคล้ายแขนของรถคันหน้าที่กลายเป็นจุดตกของสายตาอันเหม่อลอย
ข้อความสุดท้าย - อย่างไรเสีย ก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร แค่ลงมือทำอย่างที่ใจของฉันอยากให้มันเป็นไปก็เท่านั้น
7. ถ้าให้สปอยล์เรื่องราวของตัวเองในอนาคตให้ตัวเองในตอนนี้ฟัง จะพูดว่าอะไร
วอนซัง: ดอกทานตะวันที่ไหวตามแรงลมในบางหน แต่ยังคงยืนหยัดรออยู่ที่เดิม จนกระทั่งมีนักจัดดอกไม้ใจดีเจอเจ้าดอกทานตะวันเข้าและเก็บกลับไปฉันใด ผมเชื่อว่าวันที่ทุกคนจะค้นพบและมอบความรักให้กับเพลงของผมและเพลงของ LUCY เอง ก็จะมาถึงอย่างแน่นอนฉันนั้นเช่นกันครับ
8. ถ้าให้อธิบายเพลง 결국 아무것도 알 수 없었지만(Sequel) ด้วยสีน้ำเงิน เพลงนี้จะเป็นสีน้ำเงินที่ให้ความรู้สึกแบบไหน
วอนซัง: Powder blue
9. เรื่องราวที่อยากถ่ายทอดต่อไปในอนาคต ในฐานะโชวอนซัง วง LUCY
วอนซัง: อยากเข้าไปสะกิดช่วงเวลาชีวิตของใครหลาย ๆ คนก่อนจะปลุกสัญชาตญาณการรับรู้และความรู้สึกของพวกเขาให้กลับมามีชีวิตอีกครั้งครับ ไม่ว่าจะเป็นสัญชาตญาณความเป็นเด็ก อารมณ์รัก หรืออารมณ์เศร้าเสียใจ ผมก็จะเขียนเนื้อเพลงของผมอย่างซื่อตรงตามความรู้สึก และอยากทำให้ที่ ๆ มีเสียงเพลงของผมดังออกมา เป็นที่ ๆ ทุกคนสามารถสร้างความทรงจำดี ๆ ของตัวเองได้ครับ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in