เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Cat Rain Cigarette and Youblueciiel
a call
  •  


    1

    หลังจากกลายเป็นผีก็ได้เรียนรู้สิ่งหนึ่ง
    นั่นคือความจริงที่ว่าความทรมานจากการค่อยๆ เสียเลือดจนตายนั้นเทียบไม่ได้เลยกับการตายไปจากชีวิตของคนอื่น แม้จะตัดสินใจทุกอย่างเองก็ยังรู้สึกจนได้

    ไร้การสนทนา ไร้การสานต่อความสัมพันธ์ไม่ว่าจะในทางดีหรือแย่ แม้แต่แมกกาซีนน่ารำคาญที่เคยหลวมตัวไปกรอกที่อยู่เอาไว้ก็หยุดจ่าหน้าถึงเราทันทีที่ได้รับข้อมูล พวกเขาเลิกส่งมันทันทีที่ผมไม่ต้องใช้กระดาษพวกนั้นมาห่อถ้วยชามหรือพับรองขาโต๊ะอีกต่อไป

    ตอนนั้นต่างหากที่ใกล้เคียงกับคำว่า'ตาย'จริงๆ


    เหมือนกับภาษาละติน
    พยายามคิดแบบนั้น เว้นแต่ว่าชีวิตของผมไม่ได้มีผู้สนใจอยากศึกษามากขนาดนั้น แถมการรู้ประวัติของผมยังไม่ได้ทำให้ได้คะแนนเพิ่มเหมือนการร้องเพลงประจำโรงเรียนเป็นภาษาละตินได้อีกต่างหาก

    ผมแทบจะตายอย่างสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว
    เว้นแต่เรื่องเดียวเท่านั้นที่ทำให้เกิดเสียงคล้ายชีพจรภายใต้ความเงียบงันของโลกหลังความตายนี้
    มันเกิดขึ้นในวันที่เขาคนนั้นเปิดประตูออกมา
    เขาในชุดคลุมอาบน้ำมองเห็นผมเป็นอย่างแรก แทนที่จะเป็นคู่เดทที่รอเขาอยู่ในห้องนอน



    ได้ยังไงวะ
    นั่นเป็นความคิดในหัวตอนที่กำลังแหย่นีน่าเหมือนวันก่อนๆ

    ...วันนั้นกลายเป็นวันที่เสียงดังที่สุดในรอบสองปี
    และความตายอย่างสมบูรณ์แบบของผมก็จบลง ณ วินาทีนั้น

    2

    "โทรศัพท์"
    ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าจังหวะซ้ำๆ ปั่นประสาทของโทรศัพท์บ้านนี่ไม่ทำให้คนเราตื่นมาหยุดมันได้ยังไง
    เขานอนอยู่บนนั้นจนถึงบ่าย แล้วก็ไม่มีท่าทีว่าจะลุกขึ้นมาด้วยเสียงเรียกของผมหรือโทรศัพท์แต่อย่างใด เพราะงั้นผมเลยต้องใช้วิธีที่ตัวเองก็ไม่ชอบเหมือนกัน
    มันได้ผล เขาสะดุ้งเฮือก ก่อนความหงุดหงิดจะแล่นปราดเข้ามา
    "บอกแล้วไงว่าอย่าทำแบบนั้น"
    "นายก็เดินทะลุฉันเมื่อวันก่อนเหมือนกันนั่นแหละ"
    "งั้นหายกัน"
    ผมพยักหน้า เขาเตะผ้าห่มออกแล้วลุกไปรับสาย เหมือนเขาตั้งใจให้มันผ่านตัวผมไปอีกแล้ว ไอ้บ้านี่
    "สวัสดีครับ"
    เมื่อเห็นเขาย่นคิ้วอย่างฉงน ผมจึงบอกให้เขาเปิดสปีกเกอร์โฟน
    "เอ่อ ผมถามว่า คุณคือแมกซ์กับทริสเทนหรือเปล่า"
    เราหันมามองหน้ากัน ลางสังหรณ์ด้านลบแล่นเข้ามา "นั่นใคร นายรู้จักเหรอ" ผมถาม แทบจะเป็นกระซิบ เขาส่ายหน้า ตอบกลับคนปลายสายด้วยเสียงตึงเครียดแม้จะพยายามดึงเสียงให้ปกติ "นั่นใคร"
    "ฟังผมอธิบายก่อน อ่า ผมรู้ว่าพวกคุณจะตกใจ ทีแรกผมก็ตกใจตอนลินดาโทรมา เอ่อ จะว่ายังไงดีนะ .." หลังจากมีตัวละครเพิ่มเข้ามาอีกเราก็ได้ยินเหมือนคนคนนั้นกำลังคุยกับใครอีกคน 'ให้ตายสิ ...ก็มันวนมาที่คิวฉันแล้วนี่..'
    "ขอโทษนะ เมื่อกี้เราคุยกันถึงไหนแล้ว"
    รูมเมทของผมสูดหายใจ แล้วตอบกลับไป
    "เริ่มจากว่า คุณเป็นใครก่อนดีไหม" นั่นฟังดูมีความอดทนกว่าผมมาก ถ้าทำได้เหมือนในหนัง ผมคงจะเข้าไปสิงในโทรศัพท์แล้วไปโผล่ที่ปลายสายเป็นแน่
    "โอเค.." หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง ปลายสายก็บอกชื่อตัวเอง "โทมัส ผมชื่อโทมัส"
    เขาหันมาหาผมอีกเป็นเชิงถามว่า'นายรู้จักไอคนที่ดูเหมือนจะสติไม่ดีแต่ก็น่าสงสัยอย่างประหลาดเกินกว่าจะเป็นการโทรแกล้งนี่ไหม' ผมส่ายหน้า
    "โทมัส" ขณะที่พูดชื่อนั้นด้วยเสียงทุ้มต่ำ ผมเห็นมือของเขาเริ่มอยู่ไม่สุขบนโต๊ะวางโทรศัพท์ เขาทำแบบนั้นเวลาที่เขาเป็นกังวล

    "คุณรู้ชื่อเราได้ยังไง"

    ในที่สุดโทมัสก็รู้ว่าจะเริ่มต้นเล่าเรื่องทั้งหมดยังไงซะที

    3

    เรื่องที่เขาเล่า ที่จริงมันไม่นานนักหรอก
    แม้จะหมดครึ่งแรกไปกับการอธิบายว่าเขาได้เบอร์นี้มาจากป้าห้องตรงข้าม จากนั้นก็ขยายความต่อว่าพวกเขารู้จักกันมาก่อน มาธิลด้าเคยเป็นแม่บ้านที่ออฟฟิศเก่าของโธมัส พวกเขาคุยกันบ่อยในช่วงพัก จนเรียกได้ว่าสนิทกัน และยังติดต่อกันอยู่บ่อยๆ ที่สำคัญเธอรู้ความลับของโธมัส รู้เรื่อง'กลุ่ม'ที่เขาเข้าร่วม เมื่อสังเกตุเห็นพฤติกรรมแปลกๆ ของห้องตรงข้ามจึงโทรไปหาเขา
    "สรุปก็คือ นอกจากพวกเราแล้ว ก็ยังมีพวกคุณอีกหลายคนเหรอ"
    "อือ"
    "แล้วพวกคุณทำอะไรกันในกลุ่มที่ว่า"
    "ก็ปรึกษากันทั่วไปน่ะ"
    "เป็นคำอธิบายที่กว้างจังเลยนะ คุณคงไม่ได้โทรมาเพื่อชวนผมไปเข้าร่วมใช่ไหม"
    "...ก็ทำนองนั่น"
    ผมทำมือเป็นเครื่องหมายกากบาท เขาพยักหน้าเห็นด้วย
    "ขอโทษนะ เราไม่สนใจ"
    "ฉันรู้ว่าเธอต้องพูดแบบนี้" โทมัสพูดเสียงราบเรียบ และเราอาจจะรู้สึกต่อต้านจากนั้นก็ทำเป็นเมินเฉยอะไรก็ตามที่เขาพูดต่อมา แต่ประโยคนั้นกลับวนอยู่ในหัวตลอดทั้งสัปดาห์แม้แต่ตอนดูซีรี่ส์ซิทคอมที่ทำให้สมองด้านชามากแล้ว

    'วันหนึ่ง เธอจะเจอกับสถานการณ์ที่ต้องการคนที่เหมือนกันเป็นที่ปรึกษา เชื่อฉันสิ'





Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in