เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
31 days, 31 kissesCyanxweek
Day 14 - Valentine
  •    14 กุมภาพันธ์ วันแห่งความรัก วันแห่งงานอีเว้นท์ทั่วบ้านทั่วเมือง แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เหล่านักร้องนักดนตรีและเอนเตอร์เทนเนอร์ทั้งหลายจะได้นอนตีพุงอยู่บ้านอย่างสบายอารมณ์ในวันนี้ บางคนต้องวิ่งถึงสองสามงาน

       นั่นหมายความว่า 'พวกเขา' ก็จะเป็นคนที่จะไม่มีโอกาสได้อยู่กับคนที่ตัวเองรักในวันแห่งความรักเช่นกัน.. มันเป็นเรื่องตลกอีกเรื่องหนึ่งของโลกใบนี้

       ไม่มีช่อดอกไม้ ไม่มีเค้ก ไม่มีแหวนในกล่องกำมะหยี่ หรือดินเนอร์ใต้แสงเทียน พวกเขาไม่สามารถกระเตงสิ่งเหล่านั้นไปในรถที่ร้อนระอุเพื่อเก็บไว้มอบให้กับคนรักเมื่อได้พบกัน ซึ่งก็อาจจะเป็นเที่ยงคืนกว่าของวันถัดไป - มันผ่านวาเลนไทน์มาแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย

       และอีกเพียงแค่สองนาที นาฬิกาก็จะตีบอกเวลาเที่ยงคืน

       จิรากรกลับถึงบ้านก่อน เขาจะไม่นั่งรออยู่บนโซฟาตัวยาว เพื่อพูดว่า 'แฮปปี้วาเลนไทน์นะ!' กับคนที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามา เพราะเขารู้ว่าอย่างไรก็ไม่ทัน ป่านนี้เจ้าตัวอาจจะยังไม่เลิกงานเลยด้วยซ้ำ

       ชายหนุ่มตัดสินใจเดินไปอาบน้ำ ปล่อยให้สายน้ำไหลผ่านร่างชำระล้างคราบเหงื่อไคลที่สั่งสมมาทั้งวัน เสียงน้ำไหลคล้ายจะเป็นเสียงเดียวที่ทำให้บ้านหลังกะทัดรัดนี้ไม่เงียบ น่าเสียดายที่เสียงเดียวนั้น ไม่อาจกระซิบข้างหูเขาว่า 'มีความสุขมาก ๆ นะ' เพราะมันดูคล้ายเสียงฝนซึ่งเปรียบดั่งเสียงร้องไห้จากสรวงสวรรค์มากกว่า

       เจ้าของร่างสันทัดเอื้อมมือไปปิดน้ำเมื่อเขารู้สึกว่าร่างกายของตัวเองสะอาดดีแล้ว และพอกันทีกับเสียงซ่าไม่รื่นหู ชายหนุ่มจัดแจงใส่เสื้อผ้าจนเรียบร้อย นั่นก็เกือบเที่ยงคืนครึ่ง

       เลยวาเลนไทน์มาแล้วโดยที่ไม่มีโอกาสได้พูดอะไรเลยจริง ๆ.. 

       มีแต่เพียงข้อความที่แสนจืดชืด แม้เขาจะร้องเพลงรัก แต่การเรียบเรียงคำสวย ๆ ที่ซึ้งกินใจคนอ่านโดยเฉพาะกับคนที่เขารักแล้ว ดูจะไม่ใช่เรื่องถนัดของจิรากร

       แน่ล่ะ นักร้องเพลงรักอย่างเขา คำพูดพวกนั้นจะซึ้งกินได้ก็เพียงเมื่อมันหลุดออกมาจากปาก 

       นักร้องหนุ่มถอนหายใจเฮือกก่อนจะสาวเท้าไปนั่งบนโซฟา มือคว้ารีโมทแล้วกดเปลี่ยนช่องไปเรื่อย ๆ โปรแกรมรอบดึกไม่มีอะไรที่น่าสนใจ แต่อย่างน้อยมันก็ฆ่าเวลาได้

       ตีหนึ่งกว่า เสียงเครื่องยนต์ของรถเก๋งแว่วมาจากระยะไม่ไกล ทำเอาชายหนุ่มที่กำลังเคลิ้มหลับสะดุ้งเฮือกและลุกไปเปิดประตูให้ ทันทีที่ประตูเปิดออก คนรุ่นน้องก็พุ่งพรวดเข้ามากอดรวบตัวของเขาเอาไว้จนจิรากรต้องใช้เท้ายันประตูปิด

       "คิดถึงพี่ิเอ๊ะจังเลย" เสียงใสเอ่ยว่า เจ้าของเสียงนั้นฝังใบหน้าซุกกับเขาอย่างกับลูกแมวน้อยจอมซน จนพอใจแล้ว อิศราก็ผละร่างกายออก

       "กินอะไรมาหรือยัง?"

       "กินแล้ว.. แต่ทอมว่าทอมหิวอีกแล้วง่ะ" หนุ่มหน้าหวานว่าพลางทำปากยื่น

       "พี่ไม่ได้ซื้ออะไรเข้ามาด้วยสิ.. มาม่าไหม? เดี๋ยวพี่ทำให้ ไปอาบน้ำอาบท่าก่อนไป จะได้หายเหนื่อย"

       "ไม่เอาอ่ะ ทอมจะไปกับพี่เอ๊ะด้วย" คนอายุน้อยกว่ารวบเอวอีกฝ่ายเสียแน่นจนจิรากรต้องยอมจำนนและถอนหายใจออกมา พวกเขาเดินกอดเอวกันเข้าไปในครัวอย่างกับเด็กอนุบาลเล่นรถไฟ



       ก้อนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อดังถูกหย่อนลงไปในหม้อขนาดเล็กที่มีน้ำเดือดปุด ก่อนที่ชายหนุ่มร่างสันทัดจะเดินเลี่ยงออกมาและหย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ของโต๊ะอาหาร ใกล้กันกับอีกฝ่ายที่นั่งเท้าคางทำตาปรือเหมือนพร้อมจะหลับได้ทุกเมื่อ

       มือหนาเอื้อมไปลูบเรือนผมสีเข้มของหนุ่มรุ่นน้องเบา ๆ



       วาเลนไทน์ของเรามันก็มีแค่นี้..



       อิศราปรือตาขึ้นและเบือนหน้ามาสบตากับอีกฝ่าย พวกเขายิ้มให้กันบาง ๆ ก่อนเรียวนิ้วบนมือหนาจะเลื่อนมาไล้ที่ข้างแก้มเนียนเปล่งของคนสะลึมสะลือ

       จิรากรโน้มตัวเข้าไปหา ดวงตาทั้งสองคู่ปรือปิดลง ขณะที่ใบหน้าของทั้งสองคนเคลื่อนเข้าใกล้และกดน้ำหนักลงบนริมฝีปากของกันและกันอย่างแม่นยำ

       คนอายุน้อยกว่าครางต่ำ ๆ ในลำคอ

       กลีบกุหลาบสีหวานถูกกดน้ำหนักลงย้ำ ๆ จนมันเผยอขึ้นราวกับดอกไม้ผลิบาน ลิ้นสากซุกไซ้เข้าไปในโพรงบุกำมะหยี่ซึ่งอ่อนนุ่มชวนสัมผัส  ก่อนจะกวาดปลายลิ้นตวัดต้อนไปรอบ ๆ  กลืนกินรสชาตินุ่มละมุน ติดหวานอ่อน ๆ แต่ไม่เลี่ยนมากราวกับเค้กวานิลลาจากร้านเบเกอรี่ชื่อดัง

       วาเลนไทน์ของเรามันก็มีแค่นี้..

       มีกุหลาบตูมหนึ่งดอก มีกล่องกำมะหยี่เก่า ๆ ที่ผ่านสัมผัสมาหลายต่อหลายครั้ง มีรสชาติละมุนลิ้นราวกับก้อนเค้กที่ลิ้มลองกี่ทีก็ไม่รู้เบื่อ..

       จูบอันแสนหวานดำเนินไปอย่างเนิ่นนานพร้อมกับเสียงครางเบา ๆ ชวนให้จินตนาการไปถึงเสียงดนตรีสดในร้านอาหารสุดหรูบนดาดฟ้าของโรงแรม

       ไม่มีบอกได้ว่าจูบนั้นดำเนินไปนานเท่าไหร่ แต่อย่างมากก็คงไม่ถึงสามนาทีก่อนที่ทั้งสองคนจะสะดุ้งเฮือกและผละออกจากกันเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าพวกเรากำลังรออะไรอยู่

       จิรากรลุกพรวดขึ้นจากโต๊ะ เดินไปปิดเตาแก๊สและเทอาหารมื้อดึกส่งกลิ่นหอมฉุยแตะจมูกใส่ชาม ยกมันมาเสิร์ฟราวกับดินเนอร์ใต้แสงนีออน

       "โหย.. หอมจัง" อิศราหลับตาพริ้มและครางเสียงหวาน สูดเอากลิ่นผงชูรสกรุ่น ๆ ของบะหมี่สำเร็จรูปราคาถูกเข้าไปเสียเต็มปอด



       เขาโกหก..

       ไม่มีช่อดอกไม้ ไม่มีเค้ก ไม่มีแหวนในกล่องกำมะหยี่ หรือดินเนอร์ใต้แสงเทียน

       ไม่ต้องมีคำบอกรักเพราะเราทั้งคู่ต่างรู้ดี

       สิ่งเดียวที่เขามี และเป็นสิ่งล้ำค่าเกินประมาณเสียยิ่งกว่าของมีค่าทุกชิ้นที่คนทั้งโลกมอบให้กัน 

       สิ่งแสนโรแมนติดที่หากมีเพียงแค่นี้ก็อาบย้อมวาเลนไทน์จืดชืดให้อบอุ่นและอบอวลไปด้วยความรักขึ้นมา



       แค่มีเรา..

       มีกันและกัน



       สามนาทีอาจจะไม่เพียงพอสำหรับการจูบหนึ่งครั้ง แต่จะเป็นไรไป..

       ยังมีเวลาอีกทั้งคืน
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in