เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
What you've got after film endsDectillJan
What you've got after film ends

  • บางครั้งเราก็ชอบเสพย์อะไรที่มันจะสร้างแรงบันดาลใจให้กับเรา
    ที่มันจะทำให้เรามองเห็นอะไรที่สวยงามไม่ว่าจะจากด้านความฝัน หรือว่าความจริงไปจนถึงสิ่งที่เรียกว่าจินตนาการ 

    และไม่ว่าเมื่อไหร่ที่หนังดี ๆ จบลง soundtrack และ end credit  ขึ้น มันก็จะทิ้งความสวยของหนัง ความประทับใจ และความรู้สึกมากมายที่ได้จากมันให้ค้าง กังวานอยู่ในใจ กับอีกสิ่งนึงที่มันทิ้งไว้ให้แทบทุกครั้งเลย ก็คือ ความเหงา.


    ความเหงา ของหนังที่จบลงอย่างสวยงาม ราวกับความฝัน
    และความจริงในใจที่เรารู้ คือมันไม่ใช่ความจริง 


    เราเพิ่งดูหนังอนิเมชั่นเรื่อง Up (ปู่ซ่าบ้าพลัง) จบ หลังจากที่เคยดูมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน 
    อย่างที่รู้กันว่ามันเป็นหนึ่งในหนังอนิเมชั่นที่ดีมากเรื่องนึงของ Pixar แล้วมันก็เป็นเรื่องที่สอนอะไรหลาย ๆ อย่าง ตามสไตล์ดิสนี่ย์ ให้แรงบันดาลใจ จินตนาการ เล่าความ sensitive ของความรู้สึกคนเรา ความเหงา ความทรงจำ อดีต ปัจจุบัน ไปจนถึงเรื่องของสิ่งที่เราควรจะให้เป็นความสำคัญ และสิ่งที่เรารักที่จะให้ความสำคัญ... ซึ่งเอาจริง ๆ มันก็ไม่มีถูก ไม่มีผิดหรอก เพราะว่ามันก็เป็นเรื่องของความรู้สึก ความรู้สึกของนาย เป็นความหมายที่นายเป็นคนให้มันเอง...


    ครั้งล่าสุดนี้ที่เราดูจบ end credit ขึ้นอยู่ในจอโทรทัศน์ พร้อมกับความรู้สึกดี ๆ เหมือนที่เคยดูครั้งแรก
    ว่ามันเป็นอนิเมชั่นที่ดีมาก ๆ ดูกี่รอบก็ยังรู้สึกอิ่ม ด้วยทุกองค์ประกอบดี ๆ ของมัน  แต่ว่า... คือมันก็ไม่ใช่เรื่องจริง หรือแม้กระทั่งมีโอกาสที่จะเป็นจริง..

    บ้านไม่มีทางลอยได้ด้วยลูกโป่ง หมาไม่มีทางพูดได้ และในการผจญภัยของนายมันก็อาจไม่ได้โชคดีแบบนั้นเสมอไป หรือถ้านายจะโชคดี ก็คงไม่ใช่พวกนายทุกคน เพราะหลังจากที่เจอพายุหนัก โอกาสที่นายจะฟลุคไป landing ตรงจุดหมายปลายทางในฝันที่ตั้งใจเอาไว้แต่แรกมันก็แทบเป็นไปไม่ได้
    (หรือเรามองโลกในแง่ร้ายเกินไปอันนี้ก็ไม่รู้)


    และกับอีกประเด็นในเรื่อง ที่มันเกี่ยวกับความตลอดไป ที่คนเรามอบให้กับความสัมพันธ์ ความรัก ผู้คนในชีวิต และสิ่งของ ก็ดันมาสะกิดความ sensitive ของเราอีกว่า ตอนเด็ก ๆ ที่เคยรู้จักคำว่าตลอดไป ตอนนั้นคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ฟังดูสวยและขลังดี แต่พอโตขึ้นจริง ๆ  กลับพบว่าคำนั้นมันไม่มีจริงว่ะ..

    ไม่ว่าสิ่งนั้นมันจะเป็นอะไรก็ตาม ตั้งแต่ของชิ้นโปรดที่นายรัก คนที่นายรัก สัตว์เลี้ยงในตอนเด็ก ๆ หรือแม้แต่มิตรภาพตอนนั้น.... เทปวิดีโอของการ์ตูนที่นายชอบ วันนึงมันก็จะเล่นไม่ได้หรือต่อให้ยังเล่นได้ เครื่องที่ใช้สำหรับเล่นมันก็พัง หมดอายุไปตามกาลเวลา และจะไม่ผลิตขึ้นซ้ำอีก นิทานหรือสมุดวาดรูประบายสีเล่มโปรดของนายที่มันบันทึกสิ่งต่าง ๆ ของตัวนายเอาไว้ตั้งแต่เด็ก อาจจะกระจัดกระจายหายไปกับรถรับซื้อของเก่า หรือว่ารถเก็บขยะของกทม และวันนึงที่นายโตขึ้นและคิดถึงมัน ก็ไม่มีทางไปค้นเจอจากกล่องเก็บของได้อีก... เพราะว่าตอนที่นายตัดสินใจทิ้งมันไป นายคิดแล้วว่าของชิ้นอื่น ๆ น่าจะมีค่า และจำเป็นที่จะต้องเก็บมากกว่า... 

    เราไม่ชอบความน่าใจหายที่ซักวันนึง ชีวิตจะต้องเจอการเปลี่ยนผ่าน ทั้งผ่านมาและจากไปของสิ่งที่ชอบ และผู้คนในชีวิต ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่ามันจะทิ้งอะไรที่มีความหมายจริง ๆ ไว้ให้บ้างรึเปล่า หรือว่ามันอาจจะแค่นั้น...

    และตอนจบของหนังสวย ๆ ฝัน ๆ จะทำให้รู้ว่า ในความเป็นจริง บ้านของนายไม่มีทางที่จะลอยหนีไปในที่ ๆ นายอยากจะไปได้  ในตอนที่นายไม่อยากจะอยู่ที่เดิมอีกแล้ว ตอนที่สิ่งแวดล้อมรอบข้างมันเปลี่ยนแปลงไปจนเกือบหมด และถ้านายเกิดย้ายไปอยู่คอนโด นายก็อาจจะตายระหว่างที่หาลูกโป่งมากมายมาทำให้คอนโดทั้งหลังมันลอยขึ้นไป และคนอื่นในคอนโดที่ไม่ได้อยากลอยไปกับนายด้วยก็คงจะด่านาย 

    และถึงมันจะลอยได้ ก็คงจะไม่มีทางลอยไปตกที่น้ำตกสรวงสวรรค์ ปราสาทฮอกวอร์ต ป่าร้อยเอเคอร์ สนามเอมิเรตสเตเดี้ยม , แอนฟิลด์ หรือว่าโอลแทรฟฟอร์ด , ฮอลคอนเสิร์ตของวงที่นายชอบ และ
    นายจะรู้ว่าหนูไม่มีทางทำอาหารได้แบบใน Ratatouille และไม่ใช่ทุกคนที่จะมีชีวิตเจ๋ง ๆ โคตรคุ้มแบบ Walter Mitty 

    และมันก็ไม่ได้มีโรงเรียนฮอกวอตส์แบบในแฮร์รี่พอตเตอร์อยู่ในประเทศของนาย 
    ไม่มีหมวกคัดสรรให้นายลองว่านายเหมาะกับอะไรตั้งแต่เด็ก เพื่อที่นายจะได้ไม่ต้องเสียเวลามากมายค้นหาตัวเองบ้าบอ หรือฝึกฝนความสามารถบางอย่างที่นายรักอยากจะให้มันมี แต่ความจริงมันไม่มีแม้กระทั่งเศษเสี้ยวของพรสวรรค์ในสิ่ง ๆ นั้น


    ความจริงของจินตนาการ มันอาจจะมีชีวิตที่เจ๋ง ๆ อยู่จริงบนโลกใบนี้ก็ได้ แต่อีกความจริงก็คือมันไม่ได้มีมากพอสำหรับทุกคน ไม่งั้นมันคงไม่สามารถเอามาทำเป็นหนังที่จะสร้างแรงบันดาลใจได้หรอก และถ้ามันมีชีวิตเจ๋ง ๆ มากมายแบบนั้นจริง ๆ ก็คงไม่ต้องมาทำเป็นหนังอีก...เพราะมันคงจะกลายเป็นแค่เรื่องที่โคตรธรรมดา...


    และถ้ามันมีอะไรแบบนั้นจริง ก็จะมีแต่คนที่โชคดี ไม่มีคนโชคร้าย 
    ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่ามันไม่ดี หรือไม่ควรจะมีตรงไหน 
    โลกที่มีแต่ความโชคดีน่ะ.







Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in