Title: ไปรษณีย์ความรู้สึก
Genre: Romance x Fantasy
Couple: Hyungwon x Kihyun
Author: Mmoods_girl
เพลงประกอบเรื่องนี้คือ How Deep Is Your Love - Bee Gees
Link: https://www.youtube.com/watch?v=XpqqjU7u5Yc
“ พรุ่งนี้ก็วันเสาร์แล้วจะได้พักสักที “
ผมทิ้งร่างอันแสนอ่อนล้าลงบนเตียงนุ่มๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มาเปิดเพลย์ลิสต์โปรด และปล่อยเวลาให้ผ่านไปอย่างช้าๆ ด้วยการนอนมองเพดานอยู่อย่างนั้น การโตเป็นผู้ใหญ่ นี่มันยากเหมือนกันนะ ขนาดได้ทำงานในสิ่งที่ชอบ แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้เลยว่ากว่าจะผ่านแต่ละวันได้นี่มันเหนื่อยจริงๆ
ไม่นานนักผมเริ่มเห็นภาพทับซ้อนกันของเพดานห้อง
ก่อนมุมมองจะค่อยๆ แคบลงจนมืดไปในที่สุด
-
And the moment that you wander far from me
I wanna feel you in my arms again
-
เพลงสากลยุคเก่าทำนองสบายๆ หลายสิบเพลงถูกเปิดเล่นไปตามลำดับ รู้ตัวอีกทีผมก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาตอนที่เพลย์ลิสต์เล่นวนกลับมายัง “ how deep is your love ” ซึ่งเป็นเพลงแรกในเพลย์ลิสต์พอดี ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะดูเวลา และในตอนนั้นเองที่มีแจ้งเตือนหนึ่งปรากฎขึ้น...
ON THIS DAY
2 years ago
ฟังเราบ่นไปนานๆ ละ :) - at 514 Bar&Restaurant
ความทรงจำวันนี้ในอดีต บางทีพอย้อนดูสิ่งที่ผ่านมาแล้วก็นึกตลกตัวเอง ปนไปกับความรู้สึกเศร้าๆ สองปีก่อนที่วาดฝันไว้ ผมคิดว่าพวกเราน่าจะไปกันได้ดี แต่สุดท้ายแล้วก็พังไม่เป็นท่าในเวลาไม่ถึงปีซะด้วยซ้ำ
" เลิกกันเหอะ "
...ดีแล้วแหละที่วันนั้นพูดออกไป ถ้าจะถามหาคนผิดซักคน คนนั้นคงเป็นผมเอง ใครมันจะอยากอยู่กับคนจู้จี้แถมยังเอาแต่ใจล่ะจริงไหม? น่ารำคาญแย่เลย บางทีผมอาจเหมาะกับการอยู่คนเดียว หรือไม่ผมอาจไม่คู่ควรกับความรักเลยก็ได้ ผมมักคิดแบบนั้นอยู่บ่อยๆ
มันเป็นความคิดที่ไม่ดีนัก แต่ก็อดคิดไม่ได้จริงๆ
“ ถ้าเป็นไปได้...ก็อยากสลัดความรู้สึกแย่ๆ นี่ออกไปให้ได้เหมือนกัน “
และในตอนนั้นเองที่มีข้อความจากเบอร์ปริศนาส่งมายังโทรศัพท์ของผม
“ ไม่มีใครที่ไม่สมควรได้รับความรักหรอกนะครับ :)
สวัสดีครับ คุณคือผู้โชคดีประจำวันเสาร์ที่ได้รับสิทธิใช้บริการไปรษณีย์ความรู้สึก
หากคุณมีความรู้สึกใดที่ต้องการจัดส่ง - ฝากทิ้ง กรุณามายังร้านน้ำชา
ที่ชั้นล่างของอาคารเดียวกันกับ 514 Bar&Restaurant บนถนนปาเซียโน่
เวลาบ่ายสองโมงตรง สุดท้ายนี้....ผมรู้ว่าคุณจะมาครับ คุณกีฮยอน ”
● ● ● ● ● ● ●
เวลาเกือบบ่ายสองของวันเสาร์ ผมกำลังยืนอยู่บนถนนสายหนึ่งที่ได้ชื่อว่าเป็น ‘เส้นทางสายศิลป์’ เพราะนอกจากจะเป็นที่ตั้งของอาร์ตแกลเลอรีขนาดใหญ่ที่มีชื่อเหมือนกันกับถนนแล้ว สองข้างทางยังเต็มไปด้วยภาพศิลปะกราฟิตี้ที่ถูกวาดบนกำแพงอย่างสวยงามอยู่เป็นระยะ ทั้งร้านค้าและตึกรามบ้านช่องในละแวกนี้ก็ล้วนแต่ถูกออกแบบมาอย่างดีในสไตล์ยุโรป
บรรยากาศสบายๆ ที่เงียบสงบแต่ไม่เงียบเหงา แม้จะตั้งอยู่ในย่านกลางเมือง แต่บนถนนสายนี้กลับเป็นเหมือนโลกใบเล็กๆ ที่มีไว้เพื่อให้ผู้คนได้มาพักผ่อนจิตใจ และหลบหนีจากความวุ่นวายในชีวิตประจำวัน
ไม่แปลกเลย หากถนนปาเซียโน่จะเป็นสถานที่เที่ยวในดวงใจของใครหลายคน ตัวผมเองก็แวะมาร้านอาหารแถวนี้กับกลุ่มเพื่อนอยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะ 514 Bar&Restaurant ซึ่งเป็นร้านอาหารที่ตั้งอยู่บนชั้น 3 ของอาคารนี้ แต่แปลกที่ไม่คุ้นเลยว่าที่ชั้นล่างสุด มีร้านคาเฟ่ ' แห่งนี้ ' อยู่ด้วย
ห้องตึกแถวชั้นล่างสุด ถึงแม้พื้นที่จะค่อนข้างเล็ก แต่ในตอนนี้ที่มีผมเพียงคนเดียวก็ดูจะพอเหมาะที่ทำให้ไม่รู้สึกอ้างว้างจนเกินไป บรรยากาศในร้านเกิดจากการผสมผสานระหว่างความเป็นมินิมอล เข้ากับงานศิลปะที่ถูกจัดแสดงคล้ายนิทรรศการขนาดย่อมอยู่ทั่วบริเวณร้าน พร้อมด้วยกลิ่นหอมสบายชวนให้ผ่อนคลายจากการชงชา ยิ่งทำให้ผมอดนึกสงสัยไม่ได้ว่าเหตุใดร้านที่ว่านี้กลับเล็ดลอดสายตาของผม รวมถึงเพื่อนๆ ชาว cafe hopper ไปได้
“ หากคุณมีความรู้สึกใดที่ต้องการจัดส่งหรือฝากทิ้ง ‘ ไปรษณีย์ความรู้สึก ’ ยินดีให้บริการ ตรงเวลาสมกับเป็นคุณกีฮยอนเลยนะครับ ” ผมหันไปหาต้นเสียงซึ่งมาจากทางเคาน์เตอร์ เขาเป็นชายหนุ่มที่ดูอายุไร่เรี่ยกัน มีเรือนผมสีน้ำตาลประกายทอง สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวและผ้ากันเปื้อนยาวสีน้ำตาล
“ เมื่อคืนผมได้รับข้อความนึงที่บอกให้มาที่นี่ คุณ เอ่อ...เป็นคนส่งมาเหรอครับ? ล-แล้วคุณรู้จักผมได้ยังไง? ” คงเพราะท่าทางที่ดูไม่ไว้ใจของผม จึงทำให้เขาหัวเราะเล็กๆ ออกมา
“ ผมบอกได้แค่ว่ามันเป็นงานของผมน่ะครับที่ต้องรู้จักลูกค้าทุกคน แต่คุณไม่ต้องห่วงนะครับ ข้อมูลที่ผมรู้และเรื่องราวที่เกิดขึ้นในร้านนี้จะเป็นความลับ...แค่พวกเราอย่างแน่นอน :) ”
กระดาษถนอมสายตาพร้อมซองสำหรับจดหมาย 2 ฉบับถูกยื่นมาให้ผมโดยชายหนุ่มเจ้าของร้าน
“ การที่คุณตัดสินใจมาที่นี่หลังได้รับข้อความ ผมแน่ใจว่าคุณคงสนใจบริการของผม ที่นี่เป็นร้านน้ำชาที่มีหน้าที่หลักในการบริการไปรษณีย์ให้กับผู้คน ขั้นตอนต่อไปนี้ผมอยากให้คุณตั้งใจฟังนะครับ
จดหมายฉบับแรก ผมอยากให้คุณนึกถึงความรู้สึกที่ไม่ต้องการ เขียนมันลงไปทันทีในขณะที่คุณรู้สึก พับใส่ซองให้เรียบร้อย ไม่ต้องติดแสตมป์ ไม่ต้องเขียนจ่าหน้าซองไม่ว่าจะเขียนถึงใครก็ตาม และนำไปหย่อนลงในตู้ช่องฝั่งซ้่าย ”
เขาอธิบายพรางชี้ไปยังตู้ไปรษณีย์สีแดงขนาดใหญ่ซึ่งตั้งอยู่มุมด้านในสุดของร้าน
" เอ่อคือ ตั้งแต่ตอนเข้าร้านมาแล้ว คุณพูดว่ารับฝากทิ้งความรู้สึก...คุณทิ้งมันให้ผมได้จริงๆ เหรอครับ? "
" อืม ผมเองก็ไม่อยากรับปาก แต่ที่ผ่านมาก็ยังไม่เคยทิ้งให้ใครไม่ได้นะครับ "
ผมเองยังคงสับสนและสงสัยในหลายๆ อย่างของร้านแห่งนี้ แต่ในเมื่อมาแล้วก็อยากจะลองตามน้ำไปดู เผื่อว่าไปรษณีย์ความรู้สึกอะไรนี่จะรับความรู้สึกแย่ๆ ของผมไปได้จริงๆ
" งั้นก็โอเคครับ ลองดูก็ได้ "
“ ครับคุณกีฮยอน ยังไงก็เขียนได้เต็มที่เลยนะครับจะไม่มีใครได้อ่านมันนอกจากคุณแน่นอน ” เจ้าของร้านที่ดูลึกลับคนนั้นโค้งคำนับให้ผมก่อนจะเดินไปประจำที่เคาน์เตอร์ดังเดิม
เวลาผ่านไปประมาณสิบนาทีเห็นจะได้ กระดาษสีเหลืองหม่นๆ ถูกพับลงในซองจดหมายที่ไม่จ่าหน้าซอง ก่อนจะหล่นลงไปในตู้ไปรษณีย์สีแดง ผมเดินกลับมาที่โต๊ะด้วยความรู้สึกหน่วงๆ ภาพในอดีตฉายขึ้นวนไปมาในหัว ผมได้แต่นั่งตาลอยมองตรงไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมายอยู่อย่างนั้น
-
And you come to me on a summer breeze
Keep me warm in your love, then you softly leave
And it's me you need to show
How deep is your love?
-
จนตอนนั้นเองที่เสียงเพลงดังขึ้น พร้อมกับเจ้าของร้านคนเดิมที่กำลังนำบางอย่างมาเสิร์ฟที่โต๊ะ
“ เอ่อ แต่ผมยังไม่ได้สั่งเลยนะครับ ”
“ ถึงแม้บริการหลักของเราจะเป็นไปรษณีย์ แต่ในขณะเดียวกันเราก็เป็นร้านน้ำชาด้วย มันคงเป็นไปไม่ได้ที่มาแล้วคุณจะไม่ได้จิบชาชั้นเยี่ยมซักแก้ว จริงไหมครับ? ”
“ ก็จริงครับ ว่าแต่ชาแก้วนี้... ”
“ ชาคาโมมายล์ครับ จริงๆ แล้วชาตัวนี้มีสรรพคุณมากมาย แต่ที่ผมเลือกมาให้คุณกีฮยอน นั่นก็เพราะสรรพคุณที่ช่วยบรรเทาอาการเครียด และเหมาะกับคนที่วิตกกังวลง่าย... ” เขายิ้ม
“ ผมเริ่มกลัวคุณจริงๆ แล้วนะครับ ดูเหมือนคุณจะรู้จักผมดีจริงๆ ด้วย ” ผมว่าพรางเอื้อมมือไปจะยกแก้วชา แต่แล้วก็พบว่ามันยังร้อนเกินไปที่จะดื่มตอนนี้
“ ยังร้อนอยู่เลยครับคุณกีฮยอน รออีกราว 2-3 นาทีน่าจะอุ่นๆ กำลังพอดี ส่วนเรื่องนั้นอย่ากลัวผมเลยครับ หากคุณรู้สึกไม่ดีขณะที่นั่งอยู่ที่ร้านแห่งนี้ ผมเองคงเป็นเจ้าของร้านที่แย่มาก หวังว่าคุณจะผ่อนคลายตลอดการใช้เวลาอยู่ในร้านนี้นะครับ งั้นก่อนที่ผมจะปล่อยให้คุณได้มีเวลาส่วนตัว ผมขออธิบายถึงขั้นตอนต่อไปเลยแล้วกันครับ ”
ผมพยักหน้าตอบรับ แล้วเขาจึงเริ่มอธิบายต่อ
“ ต่อจากนี้ผมอยากให้คุณนั่งพักดื่มชาและซึบซับบรรยากาศภายในร้านแบบไม่ต้องเร่งรีบ พักผ่อนได้นานเท่าที่คุณต้องการเลย จนเมื่อใดที่คุณรู้สึกสบายใจขึ้น เมื่อนั้นคุณจึงจะเริ่มเขียน จดหมายฉบับที่ 2 ได้ สำหรับฉบับนี้ ผมอยากให้คุณลองถามเสียงเล็กๆ ในใจคุณดูครับ ว่าเขามีอะไรที่อยากบอกกับใครไหม เมื่อเขียนเรียบร้อยก็พับใส่ซองเช่นเคย ”
“ คุณจะเอามันไปส่งให้คนนั้นด้วยรึเปล่า ”
“ ขึ้นอยู่กับคุณกีฮยอนครับ ถ้าต้องการให้ผมนำไปส่งก็อย่าลืมเขียนจ่าหน้าซองเฉพาะชื่อ ถึงคนที่คุณอยากจะบอกสิ่งนี้ด้วยนะครับ แล้วก็เอามาวางที่เคาน์เตอร์ แต่ถ้าไม่ก็เอาไปหย่อนลงตู้ไปรษณีย์ฝั่งขวาได้เลยครับ ”
“ วันนี้ต้องขอบคุณคุณฮยองซูมากนะครับ ที่สนใจร่วมงานกับบริษัทเรา แถมยังใจดีพาผมมาเลี้ยงมื้อกลางวันด้วย อิ่มมากเลยครับ ฮ่าๆ ส่วนเรื่องเอกสารเดี๋ยวผมจะรีบจัดการให้และส่งให้อย่างเร็วที่สุดเลยครับ ยังไงวันนี้ผมต้องขอตัวก่อนนะครับ สวัสดีครับ ”
หลังจากกล่าวคำอำลาและแยกกับหนุ่มใหญ่ผู้เป็นลูกค้ารายใหม่ของบริษัทเรียบร้อย ไม่นานจากนั้นก็มีสายที่กำลังรอคอยติดต่อมายังโทรศัพท์ของผม
“ สวัสดีครับคุณมินอา ครับ ผม ฮยองวอน เอง สรุปว่าที่เราคุยกันไว้เรื่องสัญญาพาร์ทเนอร์เป็นอันตกลงนะครับ ขอบคุณมากเลยครับคุณมินอา รับรองว่างานโฆษณาตัวนี้ออกมาดีแน่นอน ครับ สวัสดีครับ ”
ผมยกยิ้มอย่างพอใจกับผลงานที่ทำได้ในวันนี้ ลูกค้ารายใหญ่สองเจ้าตอบตกลงร่วมงานกับบริษัทที่ผมทำงานอยู่ในตำแหน่งฝ่ายขาย ทั้งยังไม่รวมลูกค้าอีกหลายรายที่ปิดยอดไปได้ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าปีนี้คงไม่ต้องกังวลเรื่องการประเมินขึ้นเงินเดือนแล้วละนะ
ในตอนนั้นเอง เป็นอีกครั้งที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
แต่คราวนี้ไม่ใช่สายจากลูกค้า ทว่าเป็นสายจากคนที่คุ้นเคยกันดีของผมเอง
“ พี่อยู่ไหนวะ ผมกลับมาคอนโดแล้วไม่เจอใครเลยเนี่ย ”
“ คุยงานลูกค้าข้างนอก ”
“ คุยงานวันเสาร์? ปฎิเสธคนบ้างไม่เป็นไง้? โคตรจะ work ไร้ balance ”
“ เออ เอาน่า ”
“ แม่ง ทำงานอย่างกับเป็นหนี้ พูดจริงๆ เลยนะ พักบ้างเถอะพี่ ”
“ กูก็ได้พักน่าจูฮอนวันอาทิตย์ไง ”
“ ให้พูดอีกทีพี่ วันอาทิตย์ที่ตื่นขึ้นมาก็นั่งทำเอกสารจนถึงเย็นอะนะ ”
“ อยู่ห้องเฉยๆ มันก็เบื่อไง กูแค่หาอะไรทำ ”
“ เบื่อหรือไม่อยากฟุ้งซ่าน? เอาดีๆ ที่พี่ยิ่งทำงานหนักเป็นบ้าเป็นหลังทุกวันนี้เพราะ เขา ใช่ป้ะ ”
" ... "
คนปลายสายรับรู้คำตอบได้ทันทีจากความเงียบของผม ก่อนเขาจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วขอให้ผมหาเวลาให้ตัวเองได้พักผ่อนร่างกายและจิตใจบ้าง เขาบอกผมว่า อย่างน้อยก็ขอให้ผมไปหาร้านกาแฟบรรยากาศดีๆ ซักร้านนั่งเล่นก่อนกลับห้อง
จะว่าไปก็เป็นความคิดที่ดีเหมือนกัน เครื่องดื่มรสชาติดีๆ ซักแก้วท่ามกลางกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ของร้านกาแฟน่าจะเหมาะกับการเป็นรางวัลสำหรับผลงานในวันนี้ แถมละแวกใกล้ๆ นี้มีถนนสายหนึ่งที่ขึ้นชื่อว่าเหมาะกับการพักผ่อนอีกด้วย ไม่นานนักผมก็เดินมาจนถึงถนน ‘ Paciano ’
ผมเดินเข้ามาเรื่อยๆ กำลังมองหาร้านกาแฟที่ถูกใจ และในตอนนั้นเองที่ตาไปสะดุดเข้ากับร้านคาเฟ่สีขาว ณ อาคารมุมถนน ผมเองเคยมาร้านอาหารละแวกนี้กับลูกค้า และเคยขึ้นไปทานอาหารข้างบนชั้น 3 มาก่อน แต่กลับไม่คุ้นเลยว่ามีคาเฟ่แห่งนี้อยู่ด้วย
ทว่ารู้ตัวอีกทีผมก็เดินมาอยู่ที่หน้าประตูร้าน พร้อมกับหมุนลูกบิดเปิดประตูไปเสียแล้ว ใจหนึ่งผมคิดว่าบรรยากาศภายในร้านดูจะเงียบสงบไปสักหน่อยสำหรับวันหยุดอย่างนี้ แต่อีกใจก็คิดว่าดีเหมือนกันที่ไม่ต้องแย่งชิงโต๊ะนั่งกับใคร
“ หากคุณมีความรู้สึกใดที่ต้องการจัดส่งหรือฝากทิ้ง ‘ ไปรษณีย์ความรู้สึก ’ ยินดีให้บริการ คุณคงเป็นคุณฮยองวอนสินะครับ กำลังรอคุณอยู่เลย เชิญนั่งก่อนครับ ” ชายหนุ่มสวมผ้ากันเปื้อนสีน้ำตาลเอ่ยทักทายด้วยคำพูดที่ผมไม่เข้าใจพร้อมด้วยรอยยิ้ม
ผมไม่ยักจำได้ว่าผมเคยรู้จักผู้ชายคนนี้
อืม หรือผมเคยมาร้านนี้กับลูกค้าคนไหนรึเปล่านะ?
“ เห็นเป็นคาเฟ่อย่างนี้ แต่จริงๆ ร้านของเรามีบริการหลักเป็นไปรษณีย์นะครับ ในแต่ละวันจะมีผู้คนแวะเวียนกันเข้ามาใช้บริการ ทั้งฝากส่งความรู้สึกไปถึงคนที่เรามีบางอย่างอยากจะบอกแต่ไม่กล้าบอก หรือไม่มีโอกาสที่จะได้บอก ส่วนบริการฝากทิ้งก็คือ ความรู้สึกที่ผู้คนไม่ต้องการ ผมจะช่วยจัดการรับไปทิ้งให้เอง ว่าแต่คุณฮยองวอนล่ะครับ มีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่า… ? ”
“ เอ่อ ผมไม่มีหรอกครับ ฮ่าๆ ขอบคุณนะครับ ยังไงตอนนี้ผมขอเมนูได้ไหมครับ?
พอดีเพิ่งเลิกงานมาแล้วเครียดๆ เลยอยากได้กาแฟซักแก้วน่ะครับ ”
ผมเองก็พอจะรู้อยู่บ้างว่าเดี๋ยวนี้ตามร้านคาเฟ่หลายๆ ที่เขาก็มักจะมีธีมประจำร้านกัน เพื่อให้มีเอกลักษณ์น่าจดจำ แต่ก็ไม่คิดว่าที่นี่จะเป็นร้านคาเฟ่สไตล์นั้นกับเขาด้วย อย่างไรซะตอนนี้ก็มานั่งอยู่ในร้านแล้ว ผมก็คงทำได้แค่เลี่ยงๆ ไปก็แล้วกัน
“ ต้องขอโทษด้วยนะครับ ที่นี่เป็นร้านน้ำชาไม่ใช่ร้านกาแฟ อีกอย่างตอนนี้ก็ยังไม่ถึงเวลาด้วยครับ ” คนตรงหน้ายกยิ้มมุมปาก ก่อนเขาจะนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามของผม
" เอ่อ ขอโทษครับที่พูดอะไรเสียมารยาท ผมไม่ทันสังเกต มาแถวนี้หลายครั้งแต่ก็ไม่เคยเห็นร้านน้ำชาเลยน่ะครับ "
" ฮ่าๆ ไม่เป็นไรเลยครับ ผมไม่ได้คิดอะไรมาก ว่าแต่คุณฮยองวอนไม่มีจริงๆ เหรอครับ ความรู้สึกที่อยากฝากส่งหรือฝากทิ้ง ”
“ ก็...ไม่มีนะครับ ”
" สมกับเป็นคุณฮยองวอน ไม่ว่ายังไงก็เลือกที่จะเก็บความรู้สึกไว้กับตัวเองสินะครับ "
" ผมว่าจู่ๆ จะมาพูดตัดสินกันแบบนี้ก็ไม่ถูกนะครับ คุณไม่รู้อะไรเลยด้วยซ้ำ "
" ก็จริงอยู่ที่ผมไม่ควรตัดสินคุณ แต่ที่ว่าผมไม่รู้อะไรเลย อันนี้คงผิดแล้วละครับ เพราะถ้าให้ผมแนะนำ...ผมมีทางออกที่ทำให้อะไรๆ ดีขึ้นได้ โดยไม่ต้องพยายามทำตัวเองให้ยุ่ง เพื่อจะไม่ต้องคิดถึงเรื่องบางเรื่อง หรือคนบางคน ”
" น-นี่คุณเป็นใครกันแน่? "
" ก็แค่เจ้าของร้านครับ สรุปว่าคุณฮยองวอนมีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่า ? "
" ... "
" แต่ถ้าคุณแน่ใจแล้วว่าไม่ต้องการ ก็ไม่เป็นไรครับ ตัดสินใจยังไงก็เดินไปบอกผมที่เคาน์เตอร์ได้เลย และเดี๋ยวผมจะนำชาลาเวนเดอร์หอมๆ มาเสิร์ฟ...
ตัดสินใจดีๆ นะครับ โอกาสแบบนี้อาจไม่ย้อนกลับมาหาคุณอีกแล้ว "
ชายเจ้าของร้านปริศนายิ้มพร้อมกับโค้งให้ผมแล้วจึงเดินกลับไปยังเคาน์เตอร์ ผมนั่งทบทวนตัวเองอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะเดินไปบอกคำตอบที่ตนตัดสินใจเป็นอย่างดี
" แล้วบริการไปรษณีย์ที่ว่ามันต้องทำยังไง? คุณจะทำให้ผมคุยกับเขาอีกครั้งได้จริงๆ เหรอ ? "
เรื่องความสัมพันธ์ ไม่เคยเป็นเรื่องง่ายๆ มันยากเสมอสำหรับเราทุกคน และหลายๆ คนก็ทำให้มันยิ่งยากขึ้นด้วยการ เลือกที่จะไม่พูดคุยกัน ปล่อยให้ปัญหาก้อนเล็กขมวดกันจนกลายเป็นปัญหาก้อนโต สุดท้ายเลยต้องจบลงที่การแยกย้าย โดยที่ต่างคนต่างก็มีปมในใจที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขติดตัวไปอย่างไม่รู้ตัว
เพราะอย่างนั้น บริการไปรษณีย์ความรู้สึก จึงเกิดขึ้น โดยมีผม ' มินฮยอก ' รับหน้าที่เป็นเจ้าของสาขา และบุรุษไปรษณีย์ชำนาญการพิเศษ ณ ร้านแห่งนี้ ถึงแม้จะเพิ่งรับช่วงต่อมาได้ไม่นานนัก แต่ผมก็เห็นเรื่องราวความสัมพันธ์มามาก ความคาดหวัง ความไม่เชื่อใจ ความไม่ซื่อสัตย์ เหล่านี้คือตัวอย่างบางส่วนของต้นเหตุที่เป็นชนวนระเบิดความสัมพันธ์ และอย่างกรณีนี้ก็คือ ' ความไม่เข้าใจ '
คนหนึ่งพยายามทำงานอย่างหนัก เพื่อหวังเป็นความมั่นคงในชีวิต และเป็นที่พึ่งพิงให้อีกฝ่ายได้ไม่ว่าปัจจุบันหรืออนาคต โดยที่ไม่รู้เลยว่าตัวเองได้เผลอละเลยและลดความสำคัญของคนที่เขารักมากๆ ไปเสียแล้ว
ส่วนทางด้านอีกคนก็พยายามอย่างหนักเช่นกัน เพื่อหวังจะเป็นคนรักที่ดีที่สุด คอยดูแลและเอาใจใส่ให้ดีที่สุด จนบางครั้งคำว่า ที่สุด มันก็มากเกินไป จากที่หวังจะเป็นความสบายใจให้อีกฝ่าย กลับกลายเป็นความอึดอัดอย่างไม่ตั้งใจแทน
" ดูเหมือนจะใกล้ถึงเวลาส่งจดหมายแล้วละนะ " ผมมองไปที่จดหมายสองฉบับบนเคาน์เตอร์ และหยิบปากกาหมึกสีน้ำเงินขึ้นมาเขียนที่อยู่บนหน้าซองให้ครบถ้วน
จดหมายฉบับแรก:
Chae Hyungwon
Table No. 2 at La Flor Afternoon Tea
จดหมายฉบับที่สอง:
Yoo Kihyun
Table No. 7 at La Flor Afternoon Tea
ผมเดินไปยังตู้จดหมาย และหย่อนจดหมายทั้งสองฉบับลงในช่องฝั่งขวา
ก่อนจะเริ่มพึมพำนับเวลาถอยหลัง...
ทันทีที่ครบ 7 วินาที จดหมายฉบับแรกก็ปรากฎขึ้นบนโต๊ะหมายเลข 2 ที่ชายหนุ่มร่างสูงกำลังนั่งมองภาพวาดสีน้ำที่จัดแสดงอยู่บนผนังร้านอยู่พอดี จึงทำให้เขาไม่ทันได้สังเกต
และจดหมายฉบับที่สองก็ปรากฎขึ้นบนโต๊ะหมายเลข 7 โต๊ะสุดท้ายตั้งอยู่มุมด้านในสุดของร้าน ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่ชายหนุ่มร่างเล็กที่นั่งอยู่ก่อนหน้านี้กำลังไปเข้าห้องน้ำพอดี
แต่แล้วไม่นานหลังจากนั้น
" ขอโทษนะครับ จดหมายนี้เป็นของจริงเหรอ ? "
" น-นี่คุณไม่ได้หลอกผมใช่ไหม ? "
ชายหนุ่มสองคนผู้ซึ่งเป็นลูกค้าของผมวันนี้กรูกันมาที่เคาน์เตอร์ในเวลาเดียวกัน พร้อมกับในมือที่มีจดหมายคนละฉบับ เป็นจดหมายที่มีใจความคล้ายๆ กัน โดยผู้เขียนตั้งใจจะสื่อว่า เขาอยากขอโทษ ตอนนั้นเองที่เขาทั้งสองหันมองตามเสียงของอีกคน
และพบว่าอีกฝ่ายคือคนที่ตนตั้งใจจะส่งจดหมายไปให้นั่นเอง
" ดูเหมือนว่าผมคงไม่ต้องตอบคำถามอะไรแล้วนะครับ
เพราะคนที่พวกคุณอยากถามจริงๆ มาอยู่ตรงหน้าแล้วนี่นา "
● ● ● ● ● ● ●
หลังจากการพบกันอย่างไม่คาดคิด ความเงียบก็เข้าปกคลุมร้านน้ำชาปริศนาโดยทันที ไม่มีทั้งเสียงพูดคุย หรือแม้กระทั่งเสียงกระแอมใดๆ จากชายหนุ่มสองคนที่เปลี่ยนมานั่งอยู่ที่โต๊ะตัวเดียวกัน จดหมายสองฉบับที่ทั้งคู่ได้รับมาถูกวางนิ่งไว้บนโต๊ะดังกล่าว เขาทั้งสองลอบมองกันบ้างเป็นครั้งคราว แต่พอรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะมองกลับมา เจ้าตัวก็รีบหลบสายตาไปวางไว้ไม่ภาพวาดบนผนังซักรูปก็ข้อมือตัวเองแทน
เป็นเวลาเกือบ 10 นาที กว่าที่ความเงียบจะหายไปและถูกแทนที่ด้วยเพลงโปรดของใครบางคน บรรยากาศภายในร้านดูจะดีขึ้นจากเดิมได้บ้าง
" How deep is your love?
I really mean to learn "
กีฮยอนเผลอขยับปากร้องพึมพำตามเพลง
" Cause we're living in a world of fools
Breaking us down when they all should let us be "
และเช่นเดียวกันกับฮยองวอน
" We belong to you and me "
ทั้งสองหันมาสบตาในท่อนเดียวกันพอดี
" อื้ม ยังจำเนื้อร้องได้ด้วย " กีฮยอนเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน
" แน่แหละ ก็เธอเคยเปิดทุกวัน แถมวันละหลายรอบอีก ยังกะเด็กฝึกท่อง ABC" คนที่นั่งตรงข้ามตอบพรางยกยิ้ม
" กวน... " ถึงจะเว้นคำหลังไปแต่ไม่ได้ลดทอนความหมายลงเลย
ฮยองวอนรู้ดีว่ากีฮยอนอยากจะพูดอะไร ก่อนที่ทั้งสองจะหัวเราะออกมาพร้อมกัน
" ล้อเล่น ลืมได้ไง มันเป็นเพลงโปรดเธอ " ฮยองวอนเงยหน้ามองคนตัวเล็กตรงหน้า
" เธอเป็นไงบ้าง / แล้วเป็นไงบ้าง "
" ฮยองวอนก่อนเลย "
" เธอเป็นไงบ้างอะ สบายดีไหม ยังปวดหลังมากอยู่รึเปล่า ? "
" ถามเยอะว่ะ ก็สบายดี เรื่อยๆ แหละ...งานยังทำที่เดิม นั่งตรวจงานปวดหลังเหมือนเดิม แต่ก็ดีขึ้นเพราะได้ไปหาหมอมาแล้ว "
" ดีแล้ว กว่าจะยอมไปหาได้ ดื้อชะมัด "
" เออน่า แล้ว...นี่เป็นไงบ้าง ได้พักบ้างรึเปล่า วันนี้วันหยุดยังทำงานอยู่อีกรึไง ? "
ฮยองวอนเลิกคิ้วเหมือนจะถามว่า อีกฝ่ายรู้ได้ยังไง
" นี่เสื้อตัวโปรดเธอ ใส่เฉพาะวันมีนัดคุยงานสำคัญ " กีฮยอนชี้ไปที่เสื้อเชิ้ตลายทางที่คนตัวสูงใส่อยู่
" ง้อวววว รว้ายกาจ " ฮยองวอนพูดแซวด้วยน้ำเสียงทะเล้น ก่อนจะเอี้ยวตัวหลบฝ่ามือจากคนตรงข้าม แล้วจึงพูดต่อ " ก็วันนี้มีนัดคุยงานกับลูกค้า ส่วนเรื่องพักก็ได้พักบ้าง วันอาทิตย์งี้ "
" ทำงานหนักเหมือนเดิม "
" ป่าว...มากกว่าเดิม "
กีฮยอนถอนหายใจเฮือกใหญ่
" ถอนหายใจดังขนาดนี้ เธอด่ามาเลยดีกว่า "
" ฮยองวอน เราถามจริงๆ เลยนะ ทำไมต้องหนักขนาดนี้ คือ...เราไม่เข้าใจ "
คนถูกถามเงียบไปจนอีกฝ่ายเริ่มกังวลและนึกขึ้นได้ว่าตนเองอาจแสดงท่าทีที่ล้ำเส้นเกินไปแล้ว สำหรับคนที่เพิ่งเจอกันในรอบ 2 ปี
" เอ่อขอโทษนะ คือเราคงชินอะ ไอ้นิสัยจู้จี้ขี้บ่นนี่แก้ไม่หายเลย ยังไงเธอไม่ต้องตอบก็ได้ๆ ไม่เป็นไร "
ฮยองวอนสูดหายใจเข้าลึกๆ
" ก็เพื่อเธอ...เพื่อเราสองคน เราแค่อยากเป็นคนที่เธอจะพึ่งได้เสมอ
อยากให้เธอมั่นใจว่าเราจะดูแลเธอได้ดี ไม่อยากทำให้เธอผิดหวัง " เขาเม้มปากแน่นหลังพูดจบ
" งั้นแล้วตอนนี้อะ ยังทำงานหนักเพื่ออะไร "
" อืม ก็เหมือนที่ใครบางคนบอก เราคงแค่พยายามทำตัวให้ยุ่งมากๆ
เผื่อว่าจะช่วยลดความคิดถึงเธอลงได้บ้างมั้ง... "
คราวนี้กีฮยอนเป็นฝ่ายที่นิ่งเงียบไปบ้าง เขาใช้เวลาคิดอยู่สักพักก่อนจะตอบกลับไป
" จริงๆ...ที่ผ่านมาเราก็เชื่่อแบบนั้นมาตลอดนะ เวลาที่อยู่กับเธอ มันเหมือนเราอยู่บ้านแล้ว
ไม่มีอะไรต้องกลัวอีกแล้ว แต่...แต่พอไม่มีเธออะไรๆ ก็ดูยากและแย่ไปหมด "
" กีฮยอน... "
" ถ้าจะมีใครให้น่าผิดหวัง น่าจะเป็นเรามากกว่ามั้ง...คนที่บ่นเธอตั้งแต่ก้าวเท้าเข้าประตูห้อง เฮ้อ เราน่าจะทำตัวเป็นเซฟโซนให้เธอได้ดีกว่านี้ ข-ขอโทษนะที่เคยเป็นแฟนที่ไม่ได้เรื่อง "
กีฮยอนพูดพร้อมกับพยายามที่จะยิ้ม
เขาฝืนยิ้ม เพียงเพราะต้องการกลั้นน้ำตา
ซึ่งฮยองวอนรู้ดี
เขาเอื้อมมือไปกุมไว้ที่มือของคนตัวเล็กตรงหน้า
" ไม่ได้เรื่องอะไร เธอไม่รู้หรอกว่าเราโคตรรู้สึกโชคดีเลยที่ได้เป็นแฟนเธอ และที่สำคัญเราเองก็ผิด เราละเลยความรู้สึกเธอหลายครั้ง เราเลือกงานแทนที่จะเลือกเธอ
...พวกเราก็ผิดทั้งคู่แหละกีฮยอน "
ต่างคนต่างมองกันด้วยรอยยิ้มบางๆ พร้อมความรู้สึกที่เหมือนได้ปลดล็อกบางสิ่งบางอย่างที่เก็บซ่อนไว้ในใจมาตลอดระยะเวลา 2 ปี
ดูเหมือนจดหมายฉบับที่สองจะส่งถึงใจของผู้รับอย่างแท้จริงแล้วละนะ :)
" เออเธอ เย็นนี้ว่างรึเปล่า แบบว่า...อยากไปกินข้าวด้วยกันไหม ร้านเดิมที่เธอชอบก็ได้ "
" อืม...ถ้าเธอเลี้ยงก็ไป ถ้าไม่เลี้ยงไม่ไป " คนตัวเล็กยักคิ้ว
" ระดับนี้แล้ว ให้ป๋าเลี้ยงหนูทุกวันยังได้เลยค้าบบบ " คนตัวสูงยักคิ้วตอบบ้าง
" กวนชะมัด " ไม่ใช่ครั้งที่สองที่ฮยองวอนจะหลบมือไวของกีฮยอนได้ทัน คราวนี้ฝ่ามือเล็กๆ แต่น้ำหนักไม่เบาเลย ฟาดลงที่หลังของฮยองวอนอย่างแรงจนเขาต้องร้องออกมา
แต่อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าบรรยากาศภายในร้านจะสดใสขึ้นอย่างน่าประหลาด ดอกไม้ในร้านดูมีชีวิตชีวาขึ้นจากเมื่อเช้า จากความเงียบสู่คำขอโทษและจบลงที่เสียงหัวเราะ
เป็นอีกครั้งที่ผลงานเป็นที่พอใจจนทำให้ชายหนุ่มเจ้าของร้านที่ประจำอยู่เคาน์เตอร์ยิ้มกว้างออกมา
ในเวลาเกือบ 5 โมงเย็น เสียงกระดิ่งประตูดังขึ้น พร้อมกับชายหนุ่มสองคนที่แม้มีส่วนสูงต่างกัน แต่พอเดินอยู่ข้างกันแล้ว กลับดูเหมาะสมกันเป็นอย่างดี
" จะไม่ให้เราจ่ายเงินจริงๆ เหรอครับ " กีฮยอนหันมาถามชายเจ้าของร้านที่มายืนส่งที่ประตู
" ไม่ต้องหรอกครับ ก็วันนี้คุณกีฮยอนกับคุณฮยองวอนเป็นผู้โชคดีของร้านผมนี่นา "
" ยังไงต้องขอบคุณมากเลยนะครับ ผมคิดถูกจริงๆ ที่มาตามนัด ตอนนั่งในร้านรู้สึกอย่างกับว่าที่นี่มีเวทย์มนต์เลย " คนตัวเล็กโค้งขอบคุณผู้เป็นเจ้าของร้าน พร้อมด้วยรอยยิ้มตาหยีของเขา
" ผมเองก็ขอบคุณคุณเจ้าของมากนะครับ แล้วก็ต้องขอโทษจริงๆ ครับที่คิดว่าที่นี่เป็นร้านกาแฟไปซะได้ " ฮยองวอนโค้งคำนับค้างไว้อยู่ชั่วครู่
" โอ้! ไม่เป็นไรจริงๆ ครับ อย่างที่บอกผมไม่ได้คิดมาก คุณฮยองวอนเองก็อย่าคิดมากเลยครับ ยังไงเย็นนี้ขอให้ทานมื้อค่ำกันให้อร่อยนะครับ " ชายหนุ่มในชุดผ้ากันเปื้อนสีน้ำตาลยิ้มตอบด้วยความจริงใจ ก่อนจะโค้งคำนับเพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้าของเขา
" คุณเจ้าของเองก็หาของอร่อยๆ ทานด้วยนะครับ แถวนี้มีร้านน่าทานเยอะเลย " กีฮยอนยิ้มพรางชูนิ้วโป้งประกอบ
" แล้วพวกเราจะกลับมาอุดหนุนอีกแน่นอนครับ ไว้เจอกันใหม่นะครับ " หลังจากที่ฮยองวอนพูดจบ ชายหนุ่มทั้งสองก็โบกมือให้กับผู้เป็นเจ้าของร้านเล็กน้อย แล้วจึงเดินขึ้นบันไดที่ข้างอาคารไปยังชั้นสาม เพื่อไปยัง 514 Bar&Restaurant ร้านอาหารโปรดของพวกเขา
" ยินดีบริการครับ หมายถึง...ถ้าครั้งถัดไปหาผมเจอน่ะนะ "
มินฮยอกยิ้มมุมปาก ก่อนจะพลิกป้ายไม้กลมๆ สีขาวหน้าประตูร้าน
จากเดิมที่เขียนว่า Open เป็นหน้าที่มีข้อความว่า Close แทน
;)
● ● ● ● ● ● ●
ฮึ้ย มันมีปริศนานะคะคุณตำหนวด!
ปล. คิดว่าจบแล้วอะซี่ ยังหรอกนา มีแถมอีกนิ้ดนึง อย่าเพิ่งออกกันนะฮะ~
ท๊าดา! หลังไม่ได้แต่งฟิคมาเกือบปี และแล้วไอ่ล้านมู้ดก็คัมแบ็กมาด้วยฟิคแฟนตาซีเช่นเคย
แต่รอบนี้มาพร้อมคู่ฮยองกีในเดือนของฮยองกีค่าา อ้าอ้าอ้าาา ( เอคโค่ๆ )
ก็หวังว่าชาวเรือจะชอบกันนะค้าบ อ่านจบก็แวะมาคุยกันดั้ยที่คอมเมนต์หรือแท็กได้เล้ย ❤
แล้วเจอกันใหม่ครั้งหน้า เมื่อประตูวันเดอร์แลนด์เปิด
#คลังฟิคผู้หญิงล้านมูด
การทานอาหารมื้อค่ำด้วยกันครั้งแรกในรอบ 2 ปีของกีฮยอนและฮยองวอนเป็นไปอย่างเรียบง่าย พวกเขาใช้เวลาส่วนมากไปกับการพูดคุยและไถ่ถามถึงเรื่องราวของอีกฝ่าย
เมื่อช่วงเวลานั้นสิ้นสุดลง กีฮยอนและฮยองวอนจึงเดินลงมาจากชั้น 3 ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านอาหาร
" แล้วนี่เธอจะกลับไง " คนตัวสูงเป็นฝ่ายถาม
" อืม คงรถไฟฟ้าใต้ดินแหละ "
" มืดแล่ว ไม่กลัวไง "
" เพิ่งจะทุ่มกลัวอะไรล่ะ แถมวันหยุดอีกต่างหากคนเยอะแยะ " คนตัวเล็กยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู
" นั่นแหละ...มันก็อันตรายอยู่ดีน่า " คนตัวสูงคนเดิมที่เป็นฝ่ายบ่นอุบอิบ
" ฮยองวอน… "
" เออออออ ก็แค่อยากไปส่ง ขอไปส่งได้ไหม "
กีฮยอนหัวเราะ เขารู้อยู่แล้วว่าจริงๆ ตั้งแต่แรกคนตรงหน้าอยากจะพูดอะไร
" อื้อก็ได้ มีคนขับรถสบายดี "
" ครับคุณผู้ชาย ผมเป็นโชเฟอร์ให้คุณทุกวันยังได้เลยอะ "
" พูดไปเรื่อย "
" เอ้าพูดจริง เออเธอ แต่ต้องเดินไปอีกถนนนึงนะจอดรถไว้ที่นั่นอะแถวร้านที่คุยกับลูกค้า "
" อ่าฮะ ว่าแล้ว ตอนแรกนึกว่าขับมาจอดแถวนี้ หน้าร้านน้ำชาแต่ไม่เห็นมี "
กีฮยอนมองพรางชี้ไปรอบๆ พื้นที่ที่เขาพูดถึง
และในตอนนั้นเองที่สายตาของกีฮยอนเหลือบไปเห็นบางอย่างที่น่าตกใจ จนเขาทำได้แค่ยืนอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้น มันเหมือนกับว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าทำให้หัวของเขาประมวลผลสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ทัน
" กีฮยอน เธอเป็นอะไรรึเปล่า...เธอ " ฮยองวอนเห็นดังนั้นจึงพยายามเขย่าตัวอีกฝ่ายเบาๆ
" ธ-เธอ ล-ลองหันไปดูดิ " กีฮยอนชี้ไปยังบางอย่างที่อยู่ด้านหลังของคนตัวสูง
" หื้ม?
ว็อทเดอะ... น-นี่มันอะไรวะเนี่ย! "
ภาพที่ปรากฎอยู่ตรงหน้าของพวก คือ ห้องของร้านน้ำชาร้านเดิมที่พวกเขาเข้าไปใช้บริการและเป็นสถานที่พบกันเมื่อช่วงกลางวัน แต่ต่างจากเดิมตรงที่...
บัดนี้กลายเป็นเพียงห้องสี่เหลี่ยมผนังปูนเปลือยโล่งๆ พร้อมด้วยบานกระจกที่คาดว่าคงหลงเหลือจากเจ้าของคนเก่า มากไปกว่านั้นยังเต็มไปด้วยฝุ่นและหยากไย่อยู่ทั่วพื้นที่ เรียกได้ว่าห้องแห่งนี้ไม่เหลือแม้แต่เค้าโครงของร้านน้ำชาที่พวกเขาเคยเห็นอยู่เลย...
มันเป็นไปได้ยังไงกันนะ
ภายเวลาไม่ถึง 3 ชั่วโมง หากจะบอกว่าเจ้าของร้านเคลียร์ของทุกอย่างในร้านของเขาออกไปที่อื่นจนหมด ไม่ว่าจะอุปกรณ์ทำชา ภาพวาดที่แขวนบนผนัง ตู้ไปรษณีย์ใหญ่สีแดงตู้นั้น หรือแม้กระทั่งสีร้านที่ทาบนกำแพง?
หรือจริงๆ แล้วเมื่อกลางวันพวกเขาทั้งคู่คิดกันไปเอง?
แล้วคุณผู้อ่านล่ะคะ คิดว่ายังไง?
ตกลงแล้ว...ร้านน้ำชายามบ่ายมีอยู่จริงรึเปล่านะ?
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in