ASHFALL - Sanook Review 2020

ตั้งแต่ได้ข่าวโปรเจ็คนี้ก็ตั้งหน้าตั้งตารอคอยเลย ยิ่งเห็นว่ารายชื่อนักแสดงเป็นใครบ้างแล้ว ยิ่งคาดหวังเกิน 1000 % ว่าต้องออกมาดีงามแน่นอน แต่ ...
.
เอาที่เรื่องย่อก่อน Ashfall เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับภัยธรรมชาติที่เกิดจาก “ภูเขาไฟเพ็กทู” ที่ปะทุขึ้นมา ทำให้เกาหลีใต้ และประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็นประเทศเกาหลีเหนือ หรือ จีน ต่างได้รับผลกระทบตาม ๆ กัน แต่ก็ตามพล็อทเรื่อง แน่นอนว่าเมืองที่ต้องโดนเต็ม ๆ ก็ต้องเป็นเมืองโซล เมืองหลวงของเกาหลีใต้แน่นอน
.
หนังดำเนินเรื่องได้รวดเร็ว แบบเปิดเรื่องมาก็ ระเบิดตูม ๆ อย่างไม่ยั้ง แต่กลับกลายเป็นว่าต้องมาผิดหวังกับ CG ของฉากต่าง ๆ อย่างพวกรถวิ่ง หรือตึกถล่ม ฯลฯ ที่ดูแล้วมันลอย ๆ หลอกตามาก เหมือนดูเกมส์เครื่องเพลย์ 2 มากกว่าดูหนัง
.
ส่วนการดำเนินเนื้อเรื่องนั้น หนังให้นักแสดง (ฮา จองอูง) รับบทเป็นพระเอกเป็นตัวดำเนินเรื่อง ที่มีอาชีพเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านระเบิด และมีภรรยาสุดสวย (ที่มาดูเพราะคนนี้แหล่ะ) ซึ่งก็คือ เบ ซูจี (นางเอกจาก Vagabond ใน Netflix) หนังดำเนินเรื่องเร็วไม่น่าเบื่อ มีฉากระเบิดภูเขาไฟที่ทำได้สมจริง อันนี้ขอชมเลย
.
ตัวพระเอกได้รับหน้าที่ก่อนจะเลิกลุยภาคสนามเพื่อไปเป็นพ่อบ้านที่แสนดี เพราะกำลังจะมีลูกกับภรรยา แต่เหตุการณ์ภูเขาไฟทำให้เขาได้รับหน้าที่ไป เกาหลีเหนือเพื่อเอาตัวนักโทษ อี บยองฮอน (GI-Joe) เพื่อไปช่วยเอาหัวรบนิวเคลียรไปยับยั้งการปะทุของภูเขาไฟตอนระยะสุดท้าย ซึ่งถ้าหากทำไม่สำเร็จ กรุงโซลกฌจะหายไปจากแผนที่โล รวมไปถึงประเทศอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้เคียงก็จะพลอยหายตามไปด้วย พล็อทของเรื่องก็จะประมาณนี้
.
จุดที่ทำให้ผิดหวังมากสำหรับการรอคอยก็คือ หนังเล่นมุกตลกเยอะไปหน่อย ทำให้ตัวพระเอกกลายเป็นแนวต๊อง ๆ ฮา ๆ อย่างเช่น ฉากเครียด ๆ ที่กำลังจะเตรียมตัวลุย ก็กลับทำให้พวกทีมพระเอกกลายเป็นจับปืนไม่เป็น ลืมปลด lock ปืน หรืออย่างช่วงกำลังดราม่า ก็มาทำท่าทางกลัวนักโทษเกาหลีเหนือบ้าง หรืออย่างฉากลุ้นระเบิด ก็มีเล่นมุกนิดหน่อยอีก แต่เอาจริง ๆ คือ เกือบทั้งเรื่องเลยที่มีฉากพระเอกกับนักโทษเกาหลีเหนือ ก็จะมีมุกตลกสอดแทรกตลอดอยู่ตลอดเวลา
ซึ่งในจุดนี้ทำให้รู้สึกไม่โอเคเลย เพราะว่าตั้งใจมาดูหนังเรื่องนี้โดยคิดว่า จะเป็นหนังแนวเอาชีวิตรอด (survival) หรือลุ้นระทึกอย่างจริงจัง แต่กลับกลายเป็นได้ดูหนังเล่นมุกกันระหว่างตัวเอกทั้งสองตัว
.
ส่วนน้องเบซูจี (ของผม) ก็มีบทบาทไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ ยิ่งในส่วนของเนื้อเรื่องแล้ว ยิ่งแย่มาก ๆ มีแต่มุกเดิม ๆ สไตล์หนังภัยพิบัติ คือ หาทางหยุดภัยธรรมชาติด้วยพล็อตเดิม ๆ ที่เคยดูจนเบื่อ
.
ที่สำคัญสิ่งที่หนังเกาหลีมักยัดเหยียดให้เราตลอดคือ ฉากดราม่าเรียกน้ำตา ซึ่งหนังเรื่องนี้ถือว่าน่าผิดหวัง เพราะถ้าหนังทำให้ตัวละครทั้งสองตัว ดูเรียลกว่านี้ เมื่อมาถึงฉากเรียกน้ำตา ก็น่าจะเข้าถึงอารมณ์ของคนดูมากขึ้น และประสบผลสำเร็จ ซึ่งพอถึงเวลานั้นจริง ๆ ทุกอย่างมันเลยดูผิดจังหวะไปหมด
.
โดยรวมแล้ว หนังก็ไม่ได้แย่ไปทั้งหมดหรอก ถ้ามาดูแบบไม่เอาอะไรมาก มาเพื่อสนุกกับฉากระเบิด ฉากยิงต่อสู้กัน ฉากหนีตายลุ้นระทึกต่าง ๆ ที่มีให้ดูตลอด 2 ชั่วโมง ที่รับรองได้ว่าไม่มีเบื่อแน่นอน
แต่ถ้าใครชอบดูหนังที่มีเนื้อเรื่องหรือการเล่าเรื่องที่ดี อาจจะไม่ชอบเลยก็ได้ เพราะเนื้อเรื่องถือว่าวางมาง่ายมาก ๆ ไม่มีอะไรใหม่ในหนังเลย มีเพียงแค่ตัวนักแสดงที่เล่นดีตามมาตรฐานเพียงแค่นั้น
.
.
.
.
.
Ad : Edward

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น