ทีมจัดบูธวันแรกมีพี่ทราย พี่โบว์(เพื่อนของพี่ทราย) แฟรี่ และจอนนี่ !! ของทุกอย่างจะค่อย ๆ ทยอยมา พี่ ๆ คนส่งของจะเตรียมขนอุปกรณ์มาไว้ให้ เราจึงแค่จัดตกแต่งบูธ ตอนแรกต้องขึงผ้าก่อน เป็น Prop ด้านหลัง ซึ่งไม่มีบันไดต้องต่อเก้าอี้ขึ้นไป(แฟรี่เป็นคนขึงผ้า) ขึงผ้าเสร็จก็ต้องรีดผ้าใช้เตารีดไอน้ำของ Xiaomi (ค่อนข้างว้าวกับนวัตกรรมเตารีดพกพา) จากนั้นจัดตู้จัดชั้นและวางโต๊ะก็ได้พี่ ๆ คนส่งของช่วยยกให้(แต่ตอนวันเก็บบูธยกเองกับออมก็รู้สึกไม่หนักนะ สามารถยกเก็บกันเองได้) จัดวางเรียบร้อยแล้วพวกเราก็แกะห่อหนังสือใส่ชั้นจัดตามหมวดหมู่ (แต่วันถัดมาเพื่อนก็จัดใหม่เรียงตามสี) ระหว่างจัดชั้นหนังสือพี่ทรายก็สอนการใช้งานเครื่องคิดเงิน ซึ่งระบบดูงานกว่าแคชเชียร์ตามร้านต่าง ๆ แค่เลือกรายการสินค้าใส่ส่วนลดเปอร์เซ็นต์ตามโปรโมชั่น สร้าง QR code ให้ลูกค้าสแกนจ่าย
หลังจากจัดเสร็จ(รูปจากพี่โบว์)
หลังจากจัดบูธเสร็จเราก็ลองถ่ายมุมหนังสือต่าง ๆ เผื่อพี่ทรายอยากใช้โปรโมท ซึ่งรูปที่เราถ่ายได้เอาลงโปรโมทในเพจจริง(ตอนนั้นเราถ่ายแนวนอนจะได้มุมกว้าง แต่พอเอาลงเพจดันโดน crop ให้เป็นรูปจัตุรัส ( ;´Д`) พอถ่ายรูปครั้งต่อไปจึงถ่ายเป็นขนาดจัตุรัสไปเลย) นอกจากรูปของเราก็มีวิดีโอที่เปตองตัดคลิปโปรโมทด้วย
ดูที่นี่
พี่ทรายฝากให้ถ่ายบูธลงโปรโมทวันสุดท้ายของงาน ดูเพิ่มเติม
พอจัดบูธถ่ายรูปเช็คความเรียบร้อยถึงประมาณ 17:00 น. ก็ขึงผ้าปิดบูธไว้จากนั้นพวกเราก็แยกย้ายกันกลับบ้าน (วันแรกแค่จัดบูธดูเหมือนน้อยแต่ถึงหอก็นั่งทาเคาน์เตอร์เพน ยกหนังสือทั้งวัน ปวดหลังปวดไหล่กันไป รู้สึกดีที่เลือกวันแรกกับวันสุดท้าย วันที่ว่างก็ได้พักร่างกายไปด้วย)
ต่อมาเป็นวันสุดท้ายของงานอมรินทร์ ได้เป็นลองคนขายหนังสือหนึ่งวัน วันนี้คนค่อนข้างเยอะเพราะเป็นวันอาทิตย์ ได้ลองกดเครื่องคิดเงินแค่ครั้งสองครั้ง ซึ่งไม่ค่อยถนัด(แต่สนุก)เลยให้ออมเป็นแคชเชียร์และเราทำหน้าที่หยิบหนังสือใส่ถุงแทน ระหว่างช่วงขายหนังสือก็มีคุณพ่อคุณแม่แวะเวียนยืนอ่านหนังสือ บางคนก็เลือกหนังสือให้ลูกเอง บางคนก็ให้ลูกเป็นคนเลือกหนังสือ เวลาเห็นเด็กพาไปพามาก็โบกมือทักทายเสมอมีแต่เด็กเล็ก ๆ ทั้งนั้น (น่ารักมาก)
อีกทั้งมีคุณแม่ที่ขายเบาะสำหรับเด็กอยู่บูธใกล้ ๆ แวะมาซื้อหนังสือนิทานให้ลูกชาย และได้พูดคุยกันเล็กน้อยเกี่ยวกับสำนักพิมพ์ SandClock (เพราะว่าเป็นสำนักพิมพ์เล็ก ๆ ก่อตั้งด้วยตัวเองและค่อนข้างมีเอกลักษณ์) แถมยังชมพวกเราด้วยว่าเป็นคนน่ารัก มีความตั้งใจในการขาย ให้ข้อมูลและแนะนำหนังสือได้ มีความเข้าใจ (ดูชำนาญอะไรประมาณนั้น) เราก็ได้บอกไปว่าอยู่ในช่วงฝึกงาน หนังสือของสำนักพิมพ์(ที่พี่ทรายส่งมา)ก็อ่านกันมาและบางเล่มเราก็ลองอ่านตัวอย่างกับเรื่องย่อเพื่อจะสามารถแนะนำ-ตอบคำถามลูกค้าได้ ส่วนนิทานพวกเราก็ค่อนข้างคลุกคลีกับหนังสือนิทานเพราะเรียนวรรณกรรมสำหรับเด็ก จึงค่อนข้างเฉพาะทาง(หรือสายตรงเลยก็ว่าได้)
ช่วงที่ยังไม่มีลูกค้าเข้าบูธ เราก็ได้แวะไปดูบูธอื่น ๆ (ซึ่งพี่ทรายอนุญาตให้แวบไปช้อปปิ้ง เดินเล่นดูบูธอื่นได้♡) พอได้ลองเดินดูบูธซึ่งมีทั้งที่นอนเด็ก เสื้อผ้า อาหารสำหรับเด็ก บูธกิจกรรม เราก็แวะไปโซนอาหารก็ได้ซื้อขนมกลับมา(ของกินในงานค่อนข้างแพงแต่ก็พอเข้าใจได้) เมื่อช่วงเย็น ๆ คนเริ่มน้อยพวกเราก็เริ่มเก็บหนังสือและนับจำนวนหนังสือ พี่โบว์ทำหน้าที่จดสต๊อกสินค้าลงในฟอร์มบันทึกรายการสินค้า พวกเราทำหน้าที่เก็บหนังสือแพ็คใส่กล่อง พองานปิด (20:00 น.) ก็เก็บชั้นยกตู้ เก็บของทุกอย่างให้เรียบร้อยแล้วพี่ ๆ คนขนของก็มายกขนกลับ เมื่อเก็บทุกอย่างเสร็จประมาณ 21:45 น. พวกเราก็แยกย้ายเดินทางกลับบ้าน
ป.ล.นอกจากงานอมรินทร์ ตอนเดินทางมารถไฟฟ้าเราเห็น Cosplayer ลงสถานีเดียวกันทำให้ได้รู้ว่ามีงานประกวด Cosplay ที่สหกรุ๊ปแฟร์อยู่ใกล้ ๆ กัน (´°̥̥̥̥̥̥̥̥ω°̥̥̥̥̥̥̥̥`) เราไม่ได้ไปดูเลยเพราะอยู่บูธทั้งวัน
ไฮไลต์ประจำวัน
วันอังคาร (28 มิ.ย.) พี่เปย์นัดคุยมีทเพื่อสอนพวกเราเรื่องการ Edit (ที่เคยบอกในสัปดาห์แรกๆ) ซึ่งได้ตัวอย่างจากงานแปลเขียนแนะนำนักเขียนญี่ปุ่นของเพื่อนที่ส่งให้พี่เปย์ช่วยตรวจ ใช้ประกอบการอธิบายและให้พวกเราได้ดูด้วยกัน ก็ได้ข้อแนะนำเรื่องการแปลและตรวจคำ ข้อสังเกต: เวลาแปลจะต้องมีการปรับรูปประโยคให้ตรงกับหลักภาษา บางครั้งนักแปลจะแปลตามรูปประโยคภาษาเดิม เช่น ภาษาญี่ปุ่นจะมีรูปประโยคไม่เหมือนกับภาษาไทย เมื่อแปลรอบแรกทำให้ยังเป็นรูปประโยคภาษาญี่ปุ่น จึงต้องมีการเกลาภาษาให้เป็นรูปประโยคภาษาไทยหรือคำตามบริบทภาษา ซึ่งบก.อาจจะช่วยตรวจและเกลาภาษาในส่วนนี้
วันพุธ (29 มิ.ย.) วันแรกของการจัดบูธงาน Amarin Baby&Kids Fair
วันพฤหัสบดี (30 มิ.ย.) มีนัดประชุมรายละเอียดงานกิจกรรมที่คิโน (เปตองและออมไม่ได้เข้าประชุมเพราะอยู่บูธ) และพี่นิดนกฝากงานให้พวกเราออกแบบกิจกรรมตามธีมโรงแรมในป่าใหญ่กับร้านกระเป๋าในป่าใหญ่ของฮาริฮาริ
วันอาทิตย์ (3 ก.ค.) วันสุดท้ายของงาน Amarin Baby&Kids Fair ได้ช่วยขายหนังสือนิดหน่อยและจบงานก็เก็บบูธ พี่ทรายยังฝากให้เขียน feedback ติ-ชม สิ่งไหนที่ควรปรับปรุงหลังจากจัดงานขาย ส่งในแชทส่วนตัว ส่วนตัวเรามาแค่วันแรกกับวันสุดท้ายก็จะเป็นมุมมองของคนจัดบูธ ปัญหาคร่าว ๆ ก็จะเป็น (1) การจัดหนังสือถ้าจัดเป็นหมวดและมีป้ายกำกับก็จะหาหนังสือได้ง่าย สะดวกในการเช็คหนังสือ (2) ตอนเช็คสต๊อกต้องนั่งนับนั่งจดเองทำให้มีปัญหาเรื่องจำนวนสินค้าคาดเคลื่อน จึงต้องเช็ครายการขายย้อนหลัง (3) โซนบูธเราค่อนข้างเล็กและเงียบเหงา ใจก็อยากให้มีที่เดินวนเลือกดูหนังสือได้ การมีคนยืนอ่านหนังสือก็สามารถดึงดูดลูกค้าคนอื่น ๆ ให้สนใจได้ (เป็นหลักการที่เราลองทดสอบอยู่บูธใช้จริงได้ 50%)
**สปอย** ธีมกิจกรรมที่คิโนะคุนิยะ
ไว้จะมาอธิบายต่อในอาทิตย์ถัดไป
ขอบคุณค่ะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in