เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ใครว่าเกาหลีมีแค่โซลonenineninefive
ใครว่าเกาหลีมีแค่โซล - Episode 2&3
  • หลังจากห่างหายไปนานมากกๆๆ เรากลับมาเขียนภาคต่อแล้ว เนื่องจากหายไปนานข้อมูลอาจจะไม่แน่นไม่เป๊ะเท่าไหร่ 

    ที่กลับมาเขียนเพราะทุกวันนี้ตื่นขึี้นมาก็เสพข่าวแย่ๆๆ ทำงานอยู่บ้านแล้วก็นอน วนลูปอย่างงี้ไปเรื่อยๆ จะออกไปไหนก็ไม่ได้เลยได้แต่ต้องย้อนกลับไปดูรูปเก่าๆแทน

    ใน episode 2 และ 3 นี้ จะเล่าถึงสัปดาห์ที่สองของการเรียนช่วงซัมเมอร์ที่เกาหลี ย้อนกลับไปเมื่อกรกฎาคม 2018 เริ่มต้นสัปดาห์ด้วยคลาสภาษาเกาหลีในช่วงเช้าเหมือนเดิม ส่วนช่วงบ่ายกิจกรรมจะเปลี่ยนไปทุกวัน เช่น วันนี้เราจะได้ ตีกลองของเกาหลีกัน! ในคลาสจะมีกลองอยู่ 3 แบบขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ ซอนแซงนิมให้เราเลือกกลองที่จะตี ด้วยความที่คิดเอาเองว่ากลองใหญ่สุดน่าจะตีง่ายกว่า เราเลยเลือกอันใหญ่ที่สุด แต่กลายเป็นว่าอันใหญ่นั่นแหละตียากที่สุด! เพราะนอกจากมือที่จะต้องตีแล้วยังต้องขยับซ้ายทีขวาทีประกอบจังหวะตีกลองไปด้วย เหมือนเป็นการระบำกลองไปด้วยในตัว เรียกได้ว่าเป็นการฝึกสมองไม่ให้งงซ้าย-ขวา  

    คลาสเรียนกลอง

    นอกจากนี้ภายในมหาวิทยาลัยยังมี บ้านฮันอก (Hanok) บ้านเกาหลีโบราณอีกด้วยซึ่งพวกเราก็ได้ไปสำรวจกันมาเรียบร้อย

    ทางไปบ้านฮันอก

    และกิจกรรมที่เรารอคอยที่สุดในสัปดาห์นี้คือ เทศกาลชีแม็ก (치맥) หรือเทศกาลกินไก่ทอดกับเบียร์นั่นเอง แดกูเป็นเมืองขึ้นชื่อในเรื่องนี้ ก่อนจะได้มางานนี้ภาพในหัวเราคือนั่งปิกนิกในสวนแล้วกินไก่กับเบียร์ แต่พอมาสถานที่จริงปรากฎว่ามีโต๊ะให้นั่งกิน มีซุ้มดีเจเล่นเพลง และยังมีคอนเสิร์ตอีกด้วย จริงๆแล้วก็เป็นงานที่จัดในสวนสาธารณะแหละ เป็นงานที่ใหญ่และกว้างมากๆมีหลายโซนให้นั่งกิน


    ไก่ทอด

    ทริปนี้ไม่ได้อยู่ที่แดกูอย่างเดียว แต่ได้ไปทัศนศึกษาที่ปูซานด้วย

    ชายหาดแฮอุนแด
    คิดว่าตอนนี้ตึกข้างหลังนั่นน่าจะสร้างเสร็จแล้ว

    สิ่งที่ประทับใจในทริปนี้บอกเลยว่าคือมื้อเช้าของที่นี่ จัดเต็มสุดๆ อย่างเช่น ไก่ตุ๋นโสม เอาไปเลยจ้าคนละน่อง 
    เมื่อเข้าฤดูร้อนจะนิยมกินไก่ตุ๋นโสมกันเพราะสมุนไพรต่างๆจะช่วยปรับอุณหภูมิร่างกาย 

    และสิ่งที่ทำให้เรางงตาแตกว่ามีแบบนี้ด้วยคือ SMS แจ้งเตือน เนื่องจากหน้าร้อนบางที่ร้อนกันมากๆเขาก็มีการส่ง SMS มาบอกว่าให้ระวังช่วงเวลานี้นะ อากาศร้อนควรอยู่ในที่ร่มอะไรแบบนี้ แล้วเสียงแจ้งเตือนเป็นเสียงหวอแบบดังมากๆ ตอนนั้นอยู่ดีๆก็ดังขึ้นมาในคลาสพร้อมกันหลายๆเครื่อง เราชาวไทยตกใจจ้าเกิดอะไรขึ้น ต้องให้ซอนแซงนิมแปลให้ อีกอย่างคือห้างสรรพสินค้าที่นี่ประมาณ 2 ทุ่มก็ทยอยปิดกันแล้ว และถ้าเรายังไม่เดินออกก็จะมาไล่เราแบบสุภาพว่าให้กลับได้แล้วนะ ที่เป็นแบบนี้เพราะให้พนักงานได้มีเวลาพักผ่อนและยังให้เราไปอุดหนุนร้านค้าขนาดเล็กต่างๆอีกด้วย 

    จบแล้วสำหรับทริปแดกู หวังจะช่วยคลายความคิดถึงลงได้บ้างไม่มากก็น้อย :) 

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in