เพราะการไม่คาดหวังคือสิ่งที่ดีที่สุด? สิ่งที่หวังอาจไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิด
เป็นเวลาเกือบเดือนแล้วหลังจากกลับมาจากเกาหลี บอกตรงๆว่าคิดถึงที่นั่นมาก ทั้งอาหาร บ้านเมือง เพื่อนๆ และอีกหลายๆอย่าง เมืองที่เราไปไม่ใช่เมืองหลวงอย่างโซล แต่เป็น แดกู เมืองที่พอได้ยินชื่อครั้งแรกก็แบบเมืองอะไรนะ? ไม่เคยได้ยินมาก่อน
ย้อนกลับไปตอนที่ยังเรียนปี 4 เทอม 1 นับว่าเป็นปีสุดท้ายของชีวิตการเป็นนักศึกษา และเป็นเทอมที่เราตื่นเต้นกับการเปิดเทอมมากพอๆกับการเข้าปีหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะเทอมนี้เราได้ลงวิชาที่เราอยากเรียนจริงๆ อยากเรียนอะไรก็ลง ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องลงวิชาบังคับกี่ตัว และเป็นช่วงที่เพิ่งจบจากการฝึกงานทำให้เรารู้สึกอยากเจอเพื่อนๆมาก อยากกลับไปใช้ชีวิตนักศึกษาที่พยายามหนีความเป็นจริงว่าอีกไม่กี่เดือนต้องเข้าสู่ชีวิตการทำงานแล้ว วันหนึ่งในคลาสเรียนเกาหลี อาจารย์บอกว่าช่วงปิดเทอมจะมีค่ายฤดูร้อนที่ประเทศเกาหลี ซึ่งมหาวิทยาลัยที่จะไปอยู่ที่เมืองแดกูเป็นมหาวิทยาลัยที่อาจารย์จบมา หลังจากนั้นอาจารย์ก็เปิดวิดิโอเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยให้ดู และเราเพิ่งรู้ว่ามหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็นมหาวิทยาลัยที่ใช้ถ่ายทำซีรีส์มาแล้วหลายเรื่อง หนึ่งในนั้นก็คือ Boy over flowers นั่นเอง และสิ่งนี้เองก็เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางในครั้งนี้
Boys Over Flowers หรือชื่อภาษาไทย รักฉบับใหม่หัวใจ 4 ดวง
เราเริ่มต้นการเดินทางกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ เดินทางด้วยสายการบิน Korean air ไปลงที่สนามบินนานาชาติกิมแฮ (Gimhae Internation Airport) ที่ปูซาน หลังจากนั้นเราก็เดินทางด้วยรถบัสของมหาวิทยาลัยใช้เวลากว่าสองชั่วโมงก็เดินทางมาถึงเมือง แดกู (Daegu) แดกูหรือแทกูเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศเกาหลีใต้ รองจากโซลและปูซาน ภูมิประเทศของเมืองรอบล้อมไปด้วยภูเขาทำให้อากาศไม่ค่อยถ่ายเทนัก แถมยังไม่มีพื้นที่ที่ติดทะเลอีกด้วย ทำให้ฤดูร้อนที่นี่จึงร้อนมากเป็นพิเศษ จนได้รับสมญานามว่า "แดพิรึกา" (대프리카) ที่มาจากคำว่า "แดกู" รวมกับ "แอฟริกา" นั่นเอง แดกูเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยธรรมชาติและความโรแมนติก มีมุมน่ารักๆให้ถ่ายรูปอยู่เสมอ หากพูดถึงผู้คนท่ี่นี่อาจดูเสียงดังไปบ้างและชอบมองเราด้วยสายตาแปลกๆ แต่แน่นอนว่าคนเราก็มีทั้งดีและไม่ดี คนที่ดีก็น่ารักมากๆ ช่วยสอนเราพูดภาษาเกาหลีด้วย เช่น ถ้าจะเอาอันนี้นะต้องพูดว่าแบบนี้นะ และจากที่สังเกตเราคิดว่าคนเกาหลีจะชอบชมคนอื่นไม่ก็อะไรก็ตามที่น่ารักเขาจะไม่ลังเลเลยที่จะเอ่ยปากชมออกมา นอกจากนี้ปฏิกิริยาเวลาโต้ตอบกันเรียกว่า เล่นใหญ่ไม่ก็รีแอคชั่นแรงก็ว่าได้ เช่น เจอตุ้มหูน่ารักๆ เสื้อผ้าสวยๆ จะร้องออกมาเลยว่า "โอ้! น่ารักจังงงง" ส่วนตัวเราคิดว่าถ้าเราพูดภาษาเกาหลีได้เก่งกว่านี้เราอาจจะพูดคุยกับคนที่นั่นได้อย่างสนุกสนานมากกว่านี้
สนามบินนานาชาติกิมแฮ (Gimhae Internation Airport)
พอเข้าสู่เมืองแดกูสิ่งที่คณะเดินทางของเราทำเป็นอย่างแรกเลย คือการรับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน แน่นอนว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้อง รถบัสของเราพามาถึงร้านอาหารเกาหลีแห่งหนึ่ง และสิ่งที่เราไม่คาดคิดว่าจะเจอคืออากาศของวันนี้ อุณหภูมิอยู่ที่ 20 องศา ! ไหนใครว่าที่นี่ร้อนไง บรรยากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝน มีลมเย็นสบายพัดเบาๆ ระหว่างเราเดินจากที่จอดรถไปร้านอาหารก็ได้เห็นคนเกาหลีต่างพาลูกเด็กเล็กแดงออกมาทำกิจกรรมกันข้างนอก ไม่ว่าจะเป็นการปั่นจักรยาน ขี่สกู๊ตเตอร์ เดินเล่นกันอย่างสนุกสนาน
สำหรับอาหารมื้อแรกในแดกูเป็นร้านอาหารเกาหลีพื้นบ้านชื่อร้านว่า มันพาชิกชอก (만파식적) ที่เน้นอาหารเพื่อสุขภาพอย่างแท้จริง แต่ละจานเต็มไปด้วยผักและธัญพืชนานาชนิดวางเรียงรายเต็มโต๊ะไปหมด อาหารที่เข้าข่ายเนื้อสัตว์ประเภทโปรตีนมีอยู่เพียงจานเดียวเท่านั้น! คือถ้าคุณไม่ได้กินคลีนเขาก็จะบังคับให้คุณกินคลีนนั่นเอง เท่านั้นยังไม่พออาหารที่วางอยู่เต็มโต๊ะยังไม่ใช่จานหลัก แต่เป็นเพียงเครื่องเคียงและออร์เดิร์ฟเท่านั้น ส่วนเมนูเด็ดของที่ีนี่คือโสมจิ้มกับน้ำผึ้ง เกิดมาก็เพิ่งจะเคยได้ลองกินเป็นครั้งแรก เป็นเมนูเพื่อสุขภาพอย่างแท้จริง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมในร้านถึงมีแต่ครอบครัวพาผู้สูงอายุมารับประทานอาหารกัน ส่วนจานหลักของเราเป็นข้าวต้มร้อนๆที่ประกอบไปด้วยธัญพืชต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแป๊ะก๊วย รากบัว และเผือก เป็นต้น เสิร์ฟมาในชามหิน วิธีการประทานคือเราจะต้องตักข้าวในชามออกมาครึ่งหนึ่ง ส่วนที่เหลืออยู่ในชามก็เทน้ำซุปลงไปจากนั้นเอาฝาปิดไว้ครึ่งหนึ่งโดยไม่ต้องปิดสนิท รสชาติของข้าวที่มีความเหนียวกว่าข้าวไทย ข้าวเม็ดกลมๆที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆของชามหินคล้ายกลิ่นข้าวคั่ว เมื่อรับประทานกับน้ำซุปร้อนๆทำให้อุ่นท้องได้อย่างน่าประหลาดใจ
อาหารเรียกน้ำย่อย
ข้าวต้มร้อนๆ
หลังจากรับประทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลาเดินทางเข้าหอพัก จากร้านอาหารกับมหาวิทยาลัยไม่ไกลกันมากใช้เวลาไม่นานก็เดินทางมาถึง เมื่อรถบัสค่อยเคลื่อนผ่านประตูมหาวิทยาลัยเคมยอง (Keimyung University) เราถึงกับต้องร้องเพลงเพลงหนึ่งขึ้นมา Almost Paradise อา ชิม โบ ดา ทอ นุน บู ชิน ซึ่งเพลงนี้เป็นเพลงประกอบซีรีส์เรื่อง Boy over flowers นั่นเอง
เพลง Paradise ศิลปิน T-Max
#บันทึกการเดินทาง #แดกู #travel #daegu #korea
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in