เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
AllRise89allrisemookie
Joker #mookiewatching
  • ก่อนจะเข้าไปในโรง แอบหวั่นใจว่าหนังเรื่องนี้จะมาเบียดอันดับ 1 ที่ดูไปเมื่อต้นปีมั้ย (bohemian rhapsody) เพราะด้วยกระแสต่างๆ ทั้งความยิ่งใหญ่ของเรื่องราว คุณภาพในเชิงภาพยนตร์ ได้ยินมาเยอะมากๆ เรียกได้ว่าอาจจะเป็นหนังชิงออสการ์ของปีนี้ 

    แต่ว่า พอดูจนจบ

    มันไม่ขนาดนั้นจริงๆ ว่ะทุกคน





    ในรอบปีนี้นี่เป็นหนังที่เราตั้งใจดูมากที่สุดๆๆ เรื่องนึงเลย พยายามดู element ทุกอย่างตั้งแต่การลำดับภาพ มู้ดโทน เสียง การตัดต่อที่เราเองไม่ได้เก่ง นี่ไม่รวมถึงต้องตามให้ทันไดอะล็อคที่เขียนมาเนียนกริ้บเหมือนจับวาง ทำให้ตอนดูจบเราเหนื่อยและมีหลายอย่างในหัวมากเกินกว่าจะเขียนทั้งหมดออกมาในระยะเวลาไม่กี่วัน


    ก่อนอื่นเลยสิ่งเดียวที่ชอบที่สุดในส่วนประกอบที่พูดมาคือ สี อยาก standing ovation ให้อาร์ตไดมากๆ เราโคตรชอบมู้ดโทนและองค์ในฉากซับเวย์ ฉากที่ฆ่าเพื่อนในห้อง และฉากในห้องส่งตอนท้าย อันนี้พูดแค่เรื่องมู้ดโทนล้วนๆ ไม่เอาหลักเหตุผลหรือไดอะล็อคอะไรมาเกี่ยวนะ เอาแค่ที่สองตาเห็นและรู้สึก


    ตลกร้ายพอมาคิดถึงตรงนี้ ไอความที่ตั้งใจเหลือเกินนี่แหละที่ทำให้หนังขาดความเรียลเอามากๆ ออกตัวก่อนว่าไม่เคยดูโจคเกอร์ในจักรวาลไหนนอกจากแบตแมนภาคตอนที่เป็นเด็กมากๆๆ จำความไม่ได้ พูดกันในแง่หนังนี่เราว่าเขาเหมือนอยากให้ผู้กำกับคนนี้ทำ อะ ก็ทำให้หน่อย หรืออยากให้นักแสดงเก่งๆ คนนี้เล่น อะ เล่นให้หน่อย ทั้งที่องค์ประกอบมันเป็นแบบนี้นะ แต่เราขาดความเชื่อในตัวโจคเกอร์เวอร์ชั่นนี้ไปหมดเลย 


    อีกอย่างที่ชัดมากและควรค่าแก่การพูดถึงคือ ตลอดทั้งเรื่องหลังจากฉากที่ตัวเอกเริ่มฆ่าคนในซับเวย์ เราว่าคนดูน่าจะมีเสียงในหัวที่กระตุ้นให้ทำอะไรสักอย่าง คนที่กำลังคิดจะทำอะไร คนที่ใจแม่งไม่ไหวและกำลังเจอกับชีวิตบัดซบ เหมือนหนังแม่งบอกให้เราไปทำเลย ทำสิ ทำเดี๋ยวนี้แหละ มึงทำได้เว่ย


    เพราะหนังมันไม่มีเส้นเลยอะ ตัวเอกจะทำอะไรก็ได้แล้ว ซีนทุกซีนที่ตำรวจมาสอบสวนก็ไม่ได้ใกล้เคียงกับคำว่าจะโดนจับได้ รวมถึงซีนใหญ่ตอนท้ายที่ทั้งเมืองกำลังลุกเป็นไฟ ตรงนั้นโคตรสำคัญเลยนะ สมาธิเราตอนนั้นบอกให้ในหัวแม่งคิดทันทีเลยว่า อ่อ ตั้งใจให้เป็นแบบนี้เลยนะ ทุกอย่างมันเข้าข้างและเล่าเรื่องไปทางฝั่งโจคเกอร์อย่างสมบูรณ์ 


    ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญที่เราตัดสินเลยว่าเราแทบไม่มีความสงสารตัวละคร ไม่ใช่ว่าไม่พยายามทำความเข้าใจว่าเขามีอาการป่วย หรือต้นทุนชีวิตเขาน้อย แต่เราว่ามันยังมีทางเลือกอื่นๆ ความยับยั้งชั่งใจในแบบที่มนุษย์ 'จริงๆ' น่าจะมีมากกว่านี้ ถ้าหลักใหญ่ใจความของการกระทำมันคือการเรียกร้องความสนใจ เขาก็ทำได้แล้วแหละ แค่ทำมันได้ไม่ดีเลยในสายตาของเรา


    มาถึงตรงนี้เราเองเลยอยากจะบอกว่าเราไม่ใกล้เคียงกับคำว่าหดหู่หรือแม้แต่คำว่าอินอะไรเลย มันมีแต่คำว่า อ่อ เป็นแบบนี้สินะ เคๆ ซึ่งมันก็มีเหตุผลที่บางเสียงของคนดูบอกว่าดูแล้วเศร้า สงสาร บางเสียงบอกว่าดูแล้วอยากช่วยเยียวยาจิตใจเพื่อนมนุษย์ที่มีปัญหา หรือบางเสียงที่เหมือนกับเราคือดูแล้วเฉยๆ กับมัน เราว่าจุดนี้แหละที่หนังกำลังทดสอบความแข็งแกร่ง ว่าจิตเราแม่งไปถึงตรงไหนแล้ว 


    ดังนั้นเราเลยจะขอพูดประโยคที่พูดบ่อยเหลือเกินว่า 

    คือหนังมันก็ดีแหละนะ แต่มันแค่ไม่ได้สร้างมาเพื่อเราก็เท่านั้นเอง
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in