เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
DEFENDER คืนล้างโลกSamanthachiew
CALEB & THE GIRL.


  • ร่างสูงกำลังยืนพิงลำต้นของต้นไม้ใหญ่ ร่างทั้งร่างนิ่งสนิทไม่ไหวติง ในขณะที่เงี่ยหูฟังเสียงกรีดร้อง และเสียงคำรามที่แผดดังลั่นไปทั่วบริเวณ

    เขาได้ยินเสียงหัวใจตนเองเต้นได้อย่างชัดเจน มันเต้นถี่รัวเร็ว และรุนแรง ราวกับว่ากำลังจะทะลุออกมาจากอกก็ไม่ปาน -- แวบนั้นเขาหลับตาลง พยายามปรับลมหายใจของตนเองอย่างช้าๆ ฉุดรั้งสติตนเองไม่ให้แตกกระเจิงไปกับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวในขณะนี้

    ร่างสูงลืมตาขึ้น แนบตัวเข้ากับต้นไม้ พยายามซ่อนตัวอยู่ในความมืดมากขึ้น

    ดวงตาอันคมกริบกวาดมองไปรอบตัวอย่างระมัดระวัง พยายามไม่ส่งเสียงอะไรออกมา เมื่อเห็นบ้านหลายหลังถูกเผาไหม้เป็นเพลิงยักษ์ ส่องสว่างลุกโชนขึ้นท่ามกลางความมืด

    เผาพวกมัน! เสียงผู้คนตะโกนลั่นเผาพวกมันทั้งเป็นเสีย!

    เสียงกรีดร้องราวสัตว์ป่าคำราม ประสานเข้ากับเสียงกรีดร้องอย่างตื่นกลัวของผู้คน

    “กอบกู้หมู่บ้านของพวกเรากลับมาให้ได้!!!”

    เพลิงไฟตรงหน้าใหญ่โตมากขึ้น และลามไปทั่วทุกหลังคาบ้านอย่างรวดเร็ว จนมันกลายเป็นเพลิงยักษ์ที่ส่องสว่างไปทั่วบริเวณ เผยให้เห็นพื้นกรวดหินที่เต็มไปด้วยซากศพ และกองเลือด

    บรรดาผู้คนวิ่งหนีไปมาอย่างแตกตื่น และโกลาหล  พวกเขาต่างพากันโอบอุ้มลูกหลาน และครอบครัวตนเองหลบหนีไปตามทางเดินอันมืดสลัวอย่างขวัญผวา  ชายฉกรรจ์หลายคนโบกคบไฟไปมาเพื่อป้องกันตนเองจากร่างที่พุ่งเข้ามาทำร้าย ร่างหลายร่างปะทะกันอย่างรุนแรง แล้วล้มกระแทกลงกับพื้นหิน พวกเขาต่อสู้กับร่างลึกลับเหล่านั้นสุดชีวิต และต่างถูกกัดทำร้ายราวกับถูกสัตว์ป่าเดรัจฉานไล่ล่า ทั้งๆที่อีกฝ่ายนั้นเป็นนุษย์ ไม่ใช่สัตว์ป่า!

    พวกมันไม่ใช่คนอีกแล้ว!!! ชายฉกรรจ์หลายคนร้องเตือนพรรคพวคตนเอง ฆ่าพวกมันเสีย!!!

    หากแต่คำสั่งนั้นไม่ได้ง่ายดายอย่างที่คิด หลายคนรั้งอาวุธในมือของตนเองในวินาทีสุดท้ายของการต่อสู้ ต่างไม่กล้าพอที่จะฆ่าอีกฝ่าย ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นมนุษย์มาก่อน

    พวกเขายืนร้องไห้ และคร่ำครวญ เมื่อมองเห็นใบหน้าของคนรักกลายเป็นปิศาจร้าย -- ใจที่แตกสลาย ทำให้พวกเขายอมแพ้กับการต่อสู้ ยินยอมตกเป็นเหยื่อ ให้ตนเองถูกกัดกินทั้งเป็น! 

    หากแต่เหตุการณ์สยองขวัญที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้อีกหลายคนยังคงยืนหยัดต่อสู้เอาชีวิตรอด พวกเขายิงปืนออกไปหลายนัด จนเสียงกระสุนดังสะท้อนก้องกังวานไปทั่วทั้งความมืด

    ปัง! ปัง! ปัง!

    เสียงนั้นก้องกังวานไปจนถึงป่าลึก

    ชายที่ยืนหลบอยู่ในเงามืดเผลอกลั้นลมหายใจ -- นั่นไม่ดีเลย -- เขานึก ก่อนที่จะได้ยินเสียงร้องของสัตว์ป่าคำรามกลับมาจากความมืดของป่าลึกแทบจะในทันที

    หากแต่เสียงปืนยังคงดังต่อไปอีกหลายนัดจากตัวหมู่บ้าน ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือ เสียงร้องไห้ราวคนเสียสติ ไปจนถึงเสียงตะโกนตามคนรักที่ผลัดหายไปในความโกลาหล

    ภาพตรงหน้า ทำให้หมู่บ้านแห่งนี้ดูราวกับพิธีบูชายัญบางอย่าง ที่กำลังเซ่นสังเวยเนื้อมนุษย์ให้กับปิศาจร้าย พื้นหินเต็มไปด้วยเลือดที่สาดกระเซ็น และเศษชิ้นเนื้อที่ถูกรุมทึ้งออกเป็นชิ้นๆอย่างน่ากลัว

    และบรรดามนุษย์ที่พยายามต่อสู้ กำลังพ่ายแพ้ให้แก่เหล่าปิศาจ

    ที่แห่งนี้ไม่ใช่หมู่บ้านเดิมที่เขารู้จักอีกต่อไปแล้ว

    ใจเย็นๆ -- เคเลบบอกตนเอง -- ยังคงยืนนิ่งแม้ว่ารอบตัวจะตกอยู่ในกองไฟ และนรกทั้งเป็น -- เขายังออกไปในตอนนี้ไม่ได้

    เขาต้องรอดูก่อน ว่าพวกมันมีจำนวนมากเพียงใด

    เคเลบรอจนกระทั่งเวลาผ่านไปไม่กี่วินาที จนกระทั่งได้เห็นในสิ่งที่คาดคิดเอาไว้ก่อนหน้า --

    ร่างของผู้คนที่ล้มตายจากพิษบาดแผล เริ่มชักกระตุกบนพื้นดิน แล้วลุกกลับขึ้นมาใหม่ในสภาพราวกับซากศพเดินได้ ทั่วทั้งร่างเหม็นเน่า และผิวลอกถลอกราวกับถูกถลกออกด้วยมือที่มองไม่เห็น ใบหน้าของพวกเขาที่ฟื้นคืนชีพกลับมานั้น บัดนี้ปราศจากซึ่งความหวาดกลัว ความเจ็บปวด หรือสติสัมปชัญญะใดๆเช่นก่อนหน้า หากแต่เหลือไว้เพียงความดุร้าย และความบ้าคลั่งเท่านั้น!

    พวกเขาลุกขึ้นมาจากพื้น ร่างทั้งร่างกระตุกอย่างรุนแรง ริมฝีปากอ้ากว้าง แผดเสียงร้องออกมาราวกับเสียงสัตว์ป่าคำราม ดวงตาสีขาวโพลนเบิกกว้าง ใบหน้าหันไปตามเสียงฝีเท้าของผู้คนที่กำลังวิ่งหนี และสูดดมกลิ่นกลางอากาศอย่างรวดเร็ว

    แล้วพวกมันก็เริ่มต้นไล่ล่ามนุษย์คนอื่นต่อไป ราวกับเป็นวงจรแห่งห้วงนรกที่ไม่มีวันจบสิ้น!

    หมู่บ้านแห่งนี้อันตราย -- เคเลบนึก ขณะไล่สายตาไปตามบ้านแต่ละหลังที่ถูกบุกรุก และเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้อง

    เคเลบยังคงควบคุมอารมณ์ของตนเองไว้มั่น เหนี่ยวรั้งสติตนเองไว้ไม่ให้แตกกระเจิงไปตามภาพสยองขวัญรอบตัว ในขณะที่ชำเลืองมองไปยังบ้านหลังใหญ่ที่อยู่ใจกลางหมู่บ้าน

    มันคือบ้านที่ใหญ่ที่สุด และเก่าแก่ที่สุดในหมู่บ้าน

    มันคือบ้านประจำตระกูลของหัวหน้าหมู่บ้าน ที่เต็มไปด้วยเครื่องยา อาวุธ และกำลังพลมาโดยตลอด

    เขาต้องเข้าไปในบ้านหลังนั้นให้ได้

    เคเลบเฝ้ามองบรรดาผู้คนที่ล่าถอยกลับเข้าไปในบ้านหลังนั้น

    พวกเขาหายเข้าไปทีละคน -- ทีละคน -- ก่อนที่จะตามมาเสียงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นออกมาจากความมืดในตัวบ้าน จนกระทั่งเงียบลงไปในที่สุด

    เขาต้องรีบไปจากที่นี่ -- เคเลบบอกตนเอง เมื่อยังคงไม่เห็นใครออกมาจากบ้านหลังนั้น -- จำนวนของพวกมันมีมากกว่าที่เขาคาดคิดเอาไว้

    ในตอนนั้นเองที่เขาคว้าถุงบางอย่างออกมาจากใต้เสื้อคลุม รีบเปิดมันออก แล้วเทของเหลวในนั้นไปตามท่อนแขน และแผงอกตนเอง จากนั้นจึงยกสองมือชโลมของเหลวสีแดงเข้มนั่นไปทั่วทั้งลำคอ และใบหน้าอย่างรวดเร็ว

    เคเลบกลั้นใจทนกลิ่นคาวเลือดอันเหม็นเน่าที่อาบไปทั่วร่างตนเอง -- เขาพร้อมแล้ว -- เขาบอกตนเอง จากนั้นจึงตัดสินใจเดินออกมาจากเงามืดของต้นไม้ใหญ่ รีบตรงไปยังบ้านที่อยู่ตรงหน้า

    ฉับพลันนั้นร่างของหญิงคนหนึ่งก็พุ่งออกมาจากประตู แล้วทรุดล้มลงกับพื้นกรวด ใบหน้าอันขาวซีดเงยหน้าขึ้น กรีดร้องขอความช่วยเหลือ น้ำเสียงและสีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัวสุดขีด!

    แทบจะในทันทีที่ร่างของเธอถูกลากกลับเข้าไปในตัวบ้านอันมืดมิด เธอคว้าขอบประตูไว้แน่น ยุดยื้อต้านแรงกระชากนั่นสุดชีวิต ช่วยด้วย เธอกรีดร้อง ช่วยด้วย!!

    เคเลบพุ่งตัวเข้าไปคว้ามือเธอไว้แน่น ออกแรงฉุดรั้งร่างเธอจนสุดแรง หากแต่เรี่ยวแรงจากอีกทางด้านหนึ่งที่กำลังฉุดกระชากปลายเท้าเธอไปนั้นกลับทรงพลังมากกว่าที่เขาคาด จนร่างของหญิงสาวกลายเป็นสีแดงจัด ราวกับกำลังจะขาดออกเป็นสองท่อน

    ทว่าเธอยังคงไม่ยอมปล่อยมือจากเคเลบ และขอบประตู ช่วยฉันด้วย! เธอร้องลั่นทั้งน้ำตา 

    พลันเสียงคำรามราวสัตว์ป่าก็ดังมาจากความมืดตรงหน้า และโดยไม่ทันตั้งตัว ร่างลึกลับนั่นก็ลากหญิงสาวกลับเข้าไปในตัวบ้านอย่างรวดเร็วและรุนแรง หญิงสาวแผดเสียงร้อง น้ำตาไหลนองหน้า หวาดกลัวจนแทบสิ้นสติเมื่อรับรู้ได้ถึงชะตากรรมของตนเอง! 

    เสียงฉีกกระชาก และเสียงกระแทกอันรุนแรงดังขึ้น ของเหลวสีแดงฉานสาดกระเซ็นเปื้อนไปทั่วทั้งขอบประตู และใบหน้าของเคเลบ!

    ฉับพลันนั้นเสียงของหญิงสาวก็เงียบหายไป

    เคเลบกลั้นหายใจ จ้องมองเข้าไปในความมืด -- สองหูไม่ได้ยินเสียงอะไรอื่นอีก นอกจากเสียงลมหายใจดังครืดคราดที่ค่อยๆดังมากขึ้นเรื่อยๆ -- และเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ --

    เคเลบผงะถอยออกจากขอบประตู ในจังหวะเดียวกันกับที่ใบหน้าของชายคนหนึ่งโฉบพุ่งเข้ามาใกล้เขา!

    เขาจ้องมองเข้าไปในดวงตาตรงหน้า -- มองดูปิศาจในร่างมนุษย์ที่เปื้อนเลือดสีแดงฉานไปทั่วทั้งตัว และคมเขี้ยวอันแหลมคมที่ยังคงมีเศษชิ้นเนื้อติดอยู่ไปทั่ว

    แวบหนึ่งชายปิศาจตนนี้คล้ายจะโฉบกัดเคเลบ -- หากแต่เมื่อปลายจมูกนั้นสูดดมกลิ่นตรงหน้า ชายปิศาจกลับหยุดชะงักลง

    เคเลบเพ่งมองท่าทีอีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง --

    ร่างนั้นดูสับสน และไม่แน่ใจ -- สัมผัสบางอย่างกำลังร้องบอกอยู่แน่นอน ว่าเขาคือเหยื่อ เขาคือมนุษย์ที่มีทั้งเลือดเนื้ออันเป็นอาหารอันโอชะ หากแต่กลิ่นจากเลือดที่อาบไปทั่วทั้งร่างเขานั้นกลับตรงกันข้ามกับสัมผัสนั้นโดยสิ้นเชิง

    มันคือกลิ่นเลือดเน่า -- กลิ่นของซากศพที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมา --

    และนั่นทำให้ชายปิศาจสับสนต่อประสาทสัมผัสของตนเอง

    เคเลบไม่ปล่อยให้ช่วงเวลาสั้นๆที่เกิดขึ้นนั้นเสียเปล่า เขารีบแทรกตัวผ่านประตูเข้ามา แล้วมองหาสิ่งที่ตนเองต้องการในทันที

    ภายในโถงบ้านแห่งนี้เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด และเหม็นเน่าจนแสบจมูก บนพื้นไม้เต็มไปด้วยร่างของผู้คนที่นอนตายจมกองเลือด เหนือร่างซากศพไปแล้วนั้น บรรดาปิศาจในคราบมนุษย์กำลังกัดทึ้ง และฉีกกระชากเนื้อหนังของพวกเขา พวกมันต่างกัดกินอย่างหิวกระหาย พร้อมกับเปล่งเสียงคำรามออกมาอย่างน่ากลัว

    พวกมนุษย์ได้พ่ายแพ้อย่างราบคาบ --

    เคเลบกลั้นใจกับภาพสยดสยองตรงหน้า พยายามก้าวเดินต่อไปอย่างเงียบเชียบ  ไล่สายตาไปตามข้าวของที่กระจัดกระจายไปทั่วทั้งพื้น -- เขาเพ่งมองสิ่งของเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว --

    ยาสมุนไพร

    ผ้าพันแผล

    ท่อนไม้ --

    เคเลบคว้าท่อนไม้ขึ้นมาจากพื้น กำมันไว้แน่น แล้วปราดเข้าไปที่ตู้ไม้ตรงมุมห้อง พยายามทำเวลาสุดชีวิต เมื่อสังเกตเห็นบรรดาปิศาจร้ายเริ่มขยับหันมาทางเขามากขึ้นกว่าเดิม

    เขาไม่รู้ว่ากลิ่นเลือดที่ชโลมไปทั่วทั้งร่างเขานั้น จะมากพอที่จะปกปิดกลิ่นเนื้อมนุษย์ของเขาไว้ได้นานพอหรือไม่

    เคเลบตั้งสติ รวบรวมสมาธิทั้งหมดจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ตามหา

    ชั้นวางตรงหน้าไม่มีสิ่งที่เขาต้องการ -- เขาปัดสมุนไพรออกไปให้พ้นทาง หากแต่มันก็ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น

    มือหนาเริ่มเปิดไล่ไปตามลิ้นชัก ควานหา และสอดส่อง -- ยิ่งเขาเพ่งมองผ่านความมืดสลัวมากเท่าไหร่ เสียงลากฝีเท้าของบรรดาปิศาจร้ายก็ยิ่งดังใกล้เข้ามามากขึ้นเท่านั้น

    เคเลบมองไปยังเหล่าปิศาจร้ายที่เริ่มสูดดมกลิ่นกลางอากาศ ร่างของบรรดาซากศพที่นอนอยู่บนพื้นเริ่มชักกระตุกรุนแรง และขยับลุกขึ้นมาจากพื้นในสภาพบิดเบี้ยวอย่างน่าขนลุก จากนั้นจึงหันมาทางเคเลบอย่างช้าๆ

    พวกซากศพกำลังฟื้น เหล่าปิศาจกำลังเพิ่มจำนวนมากขึ้น -- และเขากำลังตกอยู่กลางวงล้อมของพวกมัน!

    เหงื่อเริ่มอาบไปทั่วทั้งใบหน้า และลำคอของเคเลบ   เขาเริ่มร้อนรนมากขึ้น และรีบเร่งมากขึ้น

    หากแต่ลิ้นชักตรงหน้าก็ไม่มีอะไรนอกจากกองสำลี และผ้าพันแผล -- บ้านของหมอหมู่บ้านคนนี้เต็มไปด้วยข้าวของที่เขาไม่ต้องการได้อย่างไร!

    มันเป็นไปได้อย่างไรกัน!

    ความคิดนั้นทำให้เคเลบรู้สึกเย็นสันหลังวาบขึ้นมา -- เขากำลังเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่โดยสูญเปล่า!

    แต่แล้วในวินาทีที่เขาเกือบจะสูญเสียการควบคุมตนเองนั้น เคเลบก็พบสิ่งที่ตนต้องการ

    ในที่สุดลิ้นชักที่เขาเปิดสำรวจ ก็มีมีดผ่าตัดที่เขากำลังมองหา!

    เขารีบหยิบมันมาเก็บไว้ในเสื้อคลุม แล้วเอี้ยวตัวหลบร่างของปิศาจร้ายที่พุ่งมาจากทางด้านหลังได้ทันอย่างเฉียดฉิว!

    เคเลบถอยกลับไปยังกลางห้อง หลีกเลี่ยงไม่ให้ตนเองอยู่ในบริเวณมุมห้องที่ไร้ซึ่งทางออก -- บรรดาใบหน้าอันขาวซีดที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดสีดำนั้นหันมาทางเขา ริมฝีปากกว้างที่เต็มไปด้วยคมเขี้ยวแผดเสียงร้องคำรามออกมา

    หากแต่กลิ่นเลือดเน่าที่เขาชโลมไปทั่วทั้งร่างนั้นยังคงทำให้ประสาทสัมผัสของเหล่าปิศาจชะงักไปเล็กน้อย

    เคเลบไม่เสี่ยงอยู่ที่นี่อีกต่อไป

    เขารีบออกวิ่ง ก้าวข้ามบรรดาซากศพทั้งหลายที่นอนครวญคราง ชักกระตุกอยู่บนพื้น และเริ่มฟื้นคืนชีพกลับขึ้นมาอย่างน่าสยดสยอง

    แต่แล้วในตอนที่เขาพุ่งตัวผ่านขอบประตูไปนั้นเอง มือบางข้างหนึ่งก็ได้คว้าข้อเท้าของเขาเอาไว้แน่น

    เคเลบเกือบจะออกแรงสะบัดหนีอยู่แล้ว หากแต่ใบหน้าที่เขามองเห็นนั้น ได้ทำให้เขาหยุดชะงักไป

    มันคือฝ่ามือของเด็กหญิงคนหนึ่ง ที่กำลังห่อตัวด้วยเสื้อคลุมที่อาบท่วมไปด้วยเลือดอันเหม็นเน่า -- ใบหน้าอันขาวซีดที่โผล่พ้นมาจากใต้เสื้อคลุมนั้นสั่นระริก ริมฝีปากบางขยับโดยไม่เปล่งเสียงออกมาว่า “ช่วยด้วย”

    เธอยังไม่ถูกกัด

    เคเลบไม่รู้ว่าเธอซ่อนตัวอยู่มานานแค่ไหน หากแต่ร่างอันแข็งทื่อของเธอนั้น ไม่อาจขยับหนีได้มากไปกว่านี้อีกแล้ว

    เคเลบรีบดึงร่างของเด็กหญิงมาโอบอุ้มไว้ แล้วรุดเดินออกจากตัวบ้านอย่างรวดเร็ว

    หากแต่เขาถูกรั้งไว้อีกครั้งด้วยฝ่ามืออันทรงพลัง คราวนี้รุนแรงจนเขาถูกกระชากกลับเข้าไปในตัวบ้าน มือหนาเผลอทำร่างเด็กหญิงร่วงกระแทกลงกับขอบประตูดังโครม!

    เสียงนั้นทำให้บรรดาปิศาจร้ายร้องคำรามออกมา และหันมาทางเข้าพร้อมกันทันที!

    เคเลบมองฝ่ามือที่ฉุดรั้งท่อนขาของเขาเอาไว้

    มันคือเด็กชายคนหนึ่งที่กำลังมองเขาด้วยดวงตาสีขาวโพลน ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบเลือด และเส้นเลือดสีดำที่ปูดขึ้นตามขมับอย่างน่ากลัว

    เคเลบไม่รู้ว่าตนเผลอจ้องมองเด็กชายคนนั้นอยู่นานเท่าไหร่ หรือปล่อยให้เวลาผ่านพ้นไปมากเพียงใด หากแต่เสียงร้องของบรรดาปิศาจร้าย และความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นก็ได้เรียกสติเขาให้กลับคืนมา เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เด็กหญิงร้องตะโกนว่า ไม่นะ!!!

    เคเลบสะบัดข้อเท้าของตนให้เป็นอิสระจากฝ่ามือนั้น แล้วพุ่งตัวออกมาจากตัวบ้าน ฉุดกระชากร่างของเด็กหญิงให้ลุกตามมา

    “เขาคือน้องชายของหนู” เธอตะโกน จ้องมองเด็กชายปิศาจทั้งน้ำตา “อย่าทิ้งเขากับพวกมัน! ได้โปรด! ได้โปรด!

    เคเลบไม่สนใจเสียงร้องวิงวอนนั้น เขากัดฟัน ต่อสู้กับความเจ็บปวดบริเวณท่อนขาของตนเอง ออกแรงอุ้มร่างเด็กหญิงพาดขึ้นบ่า แล้ววิ่งตัดเข้าไปในป่าลึก ไม่แม้แต่ชำเลืองมองบรรดาผู้คนที่ถูกรุมกัดกินอยู่ทั่วทั้งหมู่บ้าน หรือกองเพลิงที่พัดโหมกระหน่ำอยู่เบื้องหลัง

    เขาวางเด็กหญิงลงบนพื้นหญ้า แล้วกระซิบบอกเธออย่างรัวเร็วว่า “ฉันต้องไปอีกทาง” เขาหอบหายใจ ใบหน้าอาบไปด้วยเหงื่อกาฬ “ตั้งสติให้ดี ฟังฉัน! ฟังฉันให้ดี เธอต้องหนีไปอีกทาง ไปที่แม่น้ำ -- น้ำจะปกป้องเธอจากพวกมันได้”

    เด็กหญิงยังคงร้องไห้ และขวัญผวา “หนูจะไม่ทิ้งน้องไว้ --” เธอละล่ำละลั่กออกมา “ไม่ -- ไม่ทิ้งเขา --”

    “ฟังฉันให้ดี” เคเลบประคองใบหน้าเด็กหญิงไว้แน่น “นั่นไม่ใช่น้องชายเธออีกแล้ว เขาจากไปแล้ว -- หนีไปเสีย ไปเสียเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นเธอจะไม่มีชีวิตรอด!”

    โครม!

    เคเลบขยับตัว หวดท่อนไม้ใส่ปิศาจร้ายที่พุ่งโฉบเข้ามาทางเขากับเด็กหญิงจนสุดแรง

    พวกปิศาจร้ายในหมู่บ้านกำลังมุ่งหน้ามาที่ป่าแห่งนี้!

    พวกมันตามกลิ่น และเสียงของมนุษย์มา!

    “ไป!!!” เขาสั่งเด็กหญิงที่แทบจะล้มทั้งยืน “ไปเดี๋ยวนี้ และอย่าถอดเสื้อคลุมนั่น!! กลิ่นเลือดเน่านั้นจะช่วยซื้อเวลาให้เธอได้!!!”

    เขารอจนกระทั่งเห็นแผ่นหลังของเด็กหญิงวิ่งหายไปในความมืด เมื่อแน่ใจว่าไม่ได้ยินเสียงกรีดร้องของเธอดังตามมา เขาจึงหมุนตัวออกวิ่งไปอีกทาง

    แวบหนึ่งเคเลบรู้สึกเหมือนถูกใครสักคนลอบตามมา แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาหยุดฝีเท้าลง

    เคเลบกวาดตามองไปตามเงามืดจากป่าลึก ที่กำลังเคลื่อนตรงมาทางหมู่บ้าน -- เสียงร้องของสัตว์ป่าในป่าลึกแห่งนี้ดังก้องไปทั่วบริเวณ นกยักษ์ที่บินโฉบเหนือร่างเขาเริ่มปรากฏตัวเข้ามาใกล้เขามากขึ้น -- จนเขามองเห็นดวงตาอันแดงฉาน และจงอยปากที่เปื้อนเลือดของพวกมัน!

    วินาทีนั้น เคเลบก็รับรู้ได้ในทันทีว่าบรรดาสัตว์ในป่าลึกแห่งนี้ได้เผชิญชะตากรรมอันเลวร้ายไม่ต่างไปจากพวกมนุษย์

    พวกมันถึงได้ออกล่าสัตว์ และผู้คนในหมู่บ้านมาโดยตลอด!

    “วิ่ง!!” เสียงผู้คนที่หลบหนีอยู่ในป่าต่างร้องตะโกนลั่น “ระวังพวกสัตว์ในป่า!!!”

    “ถอย!!” 

    “พวกสัตว์ในป่ามันกลายร่างเป็นปิศาจเหมือนกัน!!”

    “ถอยกลับไปที่หมู่บ้าน!!”

    พลันฝูงสัตว์ป่าที่บ้าคลั่งก็วิ่งพุ่งตรงมาทางหมู่บ้าน บรรดาผู้คนที่หลบหนีต่างขวัญแตกกระเจิงไปกับภาพที่เห็น

    เคเลบเอี้ยวตัวหลบอุ้งมือสัตว์ร้ายได้ทันอย่างเฉียดฉิว ก่อนที่จะได้ยินคนด้านหลังเขากรีดร้อง แล้วตามมาด้วยเสียงเนื้อถูกฉีกกระชากอันดังลั่น

    เคเลบมองไปตามร่างของสัตว์ป่าที่เต็มไปด้วยแผลลึกฉกรรจ์ บางตัวถูกเฉือนเนื้อหายไปเกือบครึ่งตัว ในขณะที่บางตัวไส้ไหลทะลักออกมาเป็นทาง ดวงตาพวกมันเป็นสีขาวสะท้อนแสงได้ในความมืด และต่างบ้าคลั่ง กระหายเลือด และดุร้ายมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว

    พวกสัตว์ป่าต่างถูกทำร้าย ถูกกัดกิด และล้มตายไม่ต่างจากมนุษย์ -- แล้วในขณะนี้พวกมันก็กำลังฟื้นคืนชีพขึ้นมา!

    และจำนวนพวกมันก็มากกว่าเมื่อหกเดือนก่อน -- มากกว่าตอนที่หมาล่าเนื้อของเขาถูกทำร้าย!

    ที่แห่งนี้กำลังจะเป็นนรกยิ่งกว่าเดิม!

    ผู้คนต่างแตกตื่น บ้างวิ่งถอยกลับไปในหมู่บ้าน บ้างวิ่งหนีเข้าไปในความมืดของป่า ก่อนจะตามมาด้วยเสียงล้มกระแทก และเสียงถูกรุมกัดกินทั้งเป็น

    ไม่ว่าจะทางไหนก็เป็นนรกที่เต็มไปด้วยปิศาจร้ายทั้งนั้น!

    เคเลบออกวิ่งเข้าไปสู่กลางป่าลึก ตรงดิ่งไปในทางเดียวกันกับที่ตนเดินทางมา สองตาเหลือบมองบรรดาฝูงสัตว์ป่าที่กลายร่างเป็นปิศาจรอบตนเอง -- ไม่นานนักพวกมันก็เริ่มหันมาทางเขาอย่างช้าๆ

    พวกมันก็เริ่มรับรู้ได้ถึงกลิ่นเลือดเนื้อของเขาที่ถูกปกปิดไว้ภายใต้เลือดเน่าที่เขาชโลมไว้ทั่วทั้งร่าง

    เคเลบยังคงออกแรงวิ่งสุดฝีเท้า คราวนี้มุ่งหน้าเข้าสู่ความมืดยามค่ำคืนโดยไม่หันหลังกลับมาอีกเลย แม้ว่าเสียงกรีดร้องโหยหวนของบรรดาผู้คนจะดังมากแค่ไหนก็ตาม

    สำนึกทั้งหมดของเขาอยู่ที่แมรี่โกลด์ที่กำลังรอเขาอยู่ที่บ้านเท่านั้น


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in